The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 174 ปัญหาของเสี่ยวหลิง!
“ตุ้บ!”
เสี่ยวหลิงโยนกระเป๋าเป้ของเธอลงบนโต๊ะและทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
เซียวหยูซวนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นเมื่อเห็นท่าทางที่ดูหงุดหงิดของเพื่อนร่วมบ้านพักเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เสี่ยวหลิงเป็นอะไรหรือเปล่า ใครกล้าทำให้เสี่ยวหลิงของเราต้องอารมณ์เสีย”
“มีเรื่องให้หงุดหงิดใจนิดหน่อยน่ะ!”เสี่ยวหลิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก “เดือนหน้าฉันมีนัดแข่งสำคัญกับคู่แข่งรถของฉัน เมื่อเช้านี้ฉันกับเพื่อนๆก็เลยชวนกันไปซ้อมแข่งรถบนถนน แต่ดันเจอผู้ชายที่มีทักษะการขับรถที่ดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ พอถึงช่วงโค้งของถนนเขาไม่ลดความเร็วลงเลย ไม่ว่าโค้งจะเยอะแค่ไหน แต่เขากลับยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นด้วยซ้ำ เพื่อนในกลุ่มฉันหลายคนพยายามจะแซงเขา แต่ก็โดนเขาทิ้งอย่างไม่เห็นฝุ่น!”
“เป็นผู้หญิงแท้ๆทำไมจะต้องไปทำกิจกรรมที่มันดูเสี่ยงอันตรายอย่างการแข่งรถด้วย!” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย เพื่อนร่วมบ้านพักของเธอคนนี้มีความสามารถหลายอย่าง แต่นิสัยของเธอนั้นเหมือนเด็กเกินไปแถมยังชอบขับรถแข่งอีกต่างหาก
“เป็นผู้หญิงแล้วทำไมถึงแข่งรถไม่ได้”เสี่ยวหลิงส่ายหัวเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ “คู่ต่อสู้คราวนี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลย เรียกว่าเก่งมากเลยก็ว่าได้ แล้วถ้าฝั่งฉันพ่ายแพ้ ฉันต้องเดือดร้อนแน่ๆ เฮ้อ~! ถ้าหาตัวเจ้าของรถAudiคันนั้นเจอ แล้วชักชวนเขามาเข้าทีมได้ล่ะก็…”
กับเพื่อนของเธอคนนี้เซียวหยูซวนไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ เธอทำได้แค่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอเลยจริงๆ คุณผู้หญิงคะ ฉันไม่ว่าหรอกนะถ้าเธอจะขับรถแข่งที่มันเป็นการแข่งรถตามปกติ ไม่ใช่ไปแข่งรถใต้ดินแบบนี้ มันอันตรายมาก แล้วอีกอย่างถ้าเธอรู้ว่าแข่งไปก็ไม่ชนะ เธอก็แค่ยอมแพ้ไม่ต้องไปแข่ง ไม่ได้เหรอ”
“ซวนซวนแค่พูดน่ะมันง่าย!” เสี่ยวหลิงตะโกน “เธอต้องรู้ด้วยนะว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่แค่ยอมแพ้ก็จบ แต่มันยังหมายถึงฉันจะไม่สามารถใช้ถนนนั่นในการแข่งหรือซ้อมขับรถได้อีก และที่สำคัญฉันจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีให้กับซุนจื่อซวงเด็ดขาด!”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็นั่งภาวนาว่าขอให้หาตัวเจ้าของรถAudiคันนั้นเจอก็แล้วกัน!”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ “เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำหน้าตาเขาเป็นยังไงหรือว่าชื่ออะไร แล้วอะไรที่ทำให้เธอมั่นใจได้ว่าเธอจะตามหาเขาเจอ!”
“ฉันว่ามันต้องมีวิธีแหละหน่า!”
เสี่ยวหลิงพูดขึ้นว่า“ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ฉันได้เห็นทักษะการขับรถของเขาด้วยตาของฉันเอง ด้วยฝีมือระดับนั้นฉันเกรงว่าในเจียงโจวคงหาคนที่เก่งกว่าเขาได้ยาก อย่าว่าแต่ในเจียงโจวเลย ฉันว่าภายในประเทศจีนก็คงมีคนที่เก่งกว่าเขาเพียงไม่กี่คน ซวนซวนเธอต้องเห็นด้วยตาตัวเอง ฝีมือการขับรถของเขามัน…”
เมื่อนึกถึงเทคนิคการขับรถของเจ้าของรถAudiคันนั้นดวงตาของเสี่ยวหลิงก็เป็นประกาย แต่ความคิดของเธอก็ถูกขัดจังหวะโดยเซียวหยูซวน “พอ! ไม่ว่าเธอจะอธิบายเรื่องการแข่งรถยังไง ฉันก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันรู้ว่าเจียงโจวนั้นกว้างใหญ่มากแค่ไหน มีผู้คนมากมายหลายสิบล้านคน และหากต้องการหาคนที่เธอเคยเห็นแค่ฝีมือการขับรถของเขา ต่อให้ฉันไม่ใช่คนที่รู้เรื่องรถ ฉันก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นไปได้ยากแค่ไหน!”
“ไม่ต้องห่วงฉันจะต้องตามหาเขาให้เจอให้ได้!”เสี่ยวหลิงกล่าวอย่างหนักแน่น
“มั่นใจขนาดนั้นเลย”ดูเหมือนว่าเซียวหยูซวนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวหลิง เธอคงจะไม่ได้ใช้อำนาจของครอบครัวเธอเพื่อจัดการเรื่องนี้หรอกใช่มั้ย ถึงแม้ครอบครัวของเธอจะมีอำนาจมาก แต่การพึ่งพาอำนาจครอบครัวเพื่อบังคับคนอื่นให้มาช่วยเธอแข่งรถ สุดท้ายมันต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน!”
“เธอก็พูดไม่คิดฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง!” เสี่ยวหลิงพูดทันทีว่า “เธอก็น่ารู้ว่าฉันจะไม่มีทางพึ่งพาครอบครัวฉันในเรื่องนี้อย่างแน่นอน แล้วที่สำคัญเลยนะถ้าเกิดครอบครัวของฉันรู้เข้าว่าฉันยังแข่งรถอยู่ ฉันต้องโดนยึดรถอีกแน่ๆ!”
“รู้แบบนั้นก็ดีแล้ว!”
เซียวหยูซวนยิ้มและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักเมื่อนึกถึงเรื่องที่เสี่ยวหลิงเคยทำสมัยก่อน“งั้นเธอก็ค่อยๆหาวิธีของเธอไปก็แล้วกัน ฉันต้องเตรียมบทเรียนวางแผนการสอน ไม่มีเวลามาคุยเล่นกับเธอแล้ว”
“เฮ้อ~!เจียงA9999 ถึงแม้จะจำเลขป้ายทะเบียนไว้ได้ แต่ต้องตามหาโดยไม่ใช้เส้นสายของที่บ้านนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ” เสี่ยวหลิงส่ายหัวและพึมพำกับตัวเอง “แต่ไม่ว่ายังไงฉันจะต้องหาตัวเจ้าของรถคันนี้ให้เจอให้ได้!”
ในขณะนั้นเองเซียวหยูซวนที่กำลังเตรียมบทเรียนเพื่อวางแผนการสอนก็ตัวแข็งทื่อขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเธอหันหลังกลับไปหาเสี่ยวหลิงทันที “เสี่ยวหลิง เลขทะเบียนที่เธอเพิ่งพูดเมื่อกี้คืออะไรนะ”
“เจียงA9999”เสี่ยวหลิงมองเซียวหยูซวนที่อยู่ดีๆก็ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจและถามว่า “ทำไมเหรอ เลขทะเบียนนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือว่าเธอรู้จัก?”
“รู้จักมั้ยงั้นเหรอ..”
เซียวหยูซวนขมวดคิ้วและพูดอย่างลังเล“อืม.. ฉันก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นะ เพียงแต่รู้สึกว่ามันคุ้นๆอย่างกับเคยเห็นเลขทะเบียนนี้จากที่ไหนมาก่อน ฉันว่าฉันต้องเคยเห็นมันแน่ๆ ไม่งั้นฉันคงไม่รู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้ เอ๊ะ! หรือว่า.. คงไม่ใช่เขาใช่มั้ย?”
เสี่ยวหลิงสะดุ้งเล็กน้อยเธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีและถามอย่างรวดเร็ว“ซวนซวนเธอรู้จักเจ้าของรถรึเปล่า เธอรู้ใช่มั้ยว่าเขาเป็นใคร รีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลย”
เซียวหยูซวนยังคงมีท่าทีลังเลเธอตอบเสี่ยวหลิงช้าๆ “ฉันยังไม่แน่ใจ ฉันต้องลองโทรไปถามเขาก่อน ฉันถึงจะแน่ใจ”
ในใจของเซียวหยูซวนตอนนี้มีภาพรถAudi A6 ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ของจี้เฟิงปรากฏขึ้นอยู่ในหัว เซียวหยูซวนได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ถ้าตามที่เสี่ยวหลิงบอก รถที่เสี่ยวหลิงเจอก็เป็นรถAudiเช่นกัน ไหนจะป้ายทะเบียนที่รู้สึกคุ้นหูคุ้นตานั่นอีก
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนี้จี้เฟิงเคยมารับเธอด้วยรถAudiเมื่อตอนไปร่วมงานวันเกิดของหลี่เว่ยตง เธอจำได้ลางๆว่าป้ายทะเบียนรถของจี้เฟิงดูเหมือจะเป็นอะไร..99ซักอย่าง หรือว่าจะเป็นจี้เฟิงจริงๆ
“โทรไปถามเลยเร็วๆเข้า!” เสี่ยวหลิงตะโกนอย่างตื่นเต้น “ซวนซวนฉันรักเธอที่สุดในโลกเลย ถ้าเธอหาเจ้าของรถคันนี้ได้จริงๆ ฉันจะตอบแทนเธอยังไงดี เลี้ยงข้าวเธอตลอดทั้งเดือนเลยดีมั้ย?”
“ต้องรอให้ฉันหาเจ้าของรถคันนี้ให้ได้ก่อนหรือไงเธอถึงจะเลี้ยงข้าวฉันได้น่ะห๊ะ!” เซียวหยูซวนพูดดุๆแต่ก็มีรอยยิ้มอยู่ในน้ำเสียงของเธอ
“ถ้ารถคันนี้เป็นของจี้เฟิงจริงๆด้วยนิสัยของเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเสี่ยวหลิงในเรื่องนี้” เซียวหยูซวนคิดอยู่ในใจอย่างเป็นกังวล “และถึงแม้เขาจะเห็นด้วย แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขาเข้าไปยุ่งกับเรื่องอันตรายแบบนี้!”
อย่างไรก็ตามเมื่อเซียวหยูซวนมองไปที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเสี่ยวหลิงเซียวหยูซวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและพูดกับเสี่ยวหลิงก่อนที่จะกดโทรออก “เสี่ยวหลิง ฉันขอทำข้อตกลงกับเธอก่อนนะว่า ถ้าเจ้าของรถAudiที่ฉันรู้จักคนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เธอตามหาจริงๆ เธอต้องขอร้องเขาด้วยตัวเอง โดยห้ามเอาชื่อฉันไปอ้างหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด ตกลงมั้ย”
“ฉันสัญญา!”เสี่ยวหลิงตอบอย่างรวดเร็ว “ตราบใดที่เธอช่วยฉันหาเจ้าของรถให้ฉันได้ ฉันจะจัดการที่เหลือเอง!”
“ฉันเกรงว่าเธอคงคิดไม่ถึงหรอกว่าเขาเป็นใคร!”เซียวหยูซวนพูดอยู่ในใจ “เสี่ยวหลิงและจี้เฟิงเคยมีเรื่องเข้าใจผิดกันมาก่อน แล้วถ้าเธอเกิดรู้ว่าจี้เฟิงเป็นเจ้าของรถคันนี้จริงๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวหลิงจะมีปฏิกิริยายังไง”
เซียวหยูซวนกดหาหมายเลขที่โทรศัพท์และกดโทรออก
………
“จี้เฟิง…ให้ฉันลองขับมั่งได้เปล่า”
รถAudiสีดำกำลังวิ่งไปบนถนนที่คดเคี้ยวเป็นเส้นทางที่ออกจากค่ายทหารที่อยู่นอกเมือง ถนนในตอนนี้จึงมีรถเพียงไม่กี่คันและบรรยากาศก็เงียบมาก มีรถเพียงไม่กี่คันที่ต้องใช้ถนนเส้นนี้ เมื่อเห็นจี้เฟิงที่ขับเรื่อยๆด้วยถนนที่โล่ง จางเล่ยจึงอดไม่ได้ที่จะคันไม้คันมืออยากลองขับดูบ้าง
“พี่ขับรถเป็นเหรอ นั่งเฉยๆไปนั่นแหละอย่าสร้างปัญหา!” ถงเล่ยหันไปถลึงตาใส่จางเล่ย
“เล่ยซือถนนเส้นนี้เป็นภูเขาทั้งหมดทั้งขรุขระและอันตราย ทางโค้งก็เยอะมากด้วย ถ้านายยังขับไม่แข็งมันจะเกิดอุบัติเหตุได้” จี้เฟิงก็รู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน
“เจ้าพวกนี้นิ!”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งสองคนที่ไม่มีความเชื่อใจเขาแม้แต่น้อย จางเล่ยก็อดไม่ได้ที่จะบ่นอุบ “น้องพี่ เธอจำไม่ได้เหรอว่าฉันชอบขโมยรถของพ่อมาแอบขับเป็นประจำ แถมคนที่สอนฉันขับรถยังเป็นคนขับรถฝีมือดีของพ่ออีกด้วย เธอนึกดูดีๆสิ!”
“สรุปว่านายขับรถเป็นจริงๆเหรอ”จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะถงไค่เต๋อในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำหมางซือน่าจะมีรถประจำตำแหน่งอยู่แล้วโดยปกติ และถ้าจางเล่ยใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้มันก็เป็นไปได้สูง และยิ่งไปกว่านั้นการขับรถมันก็ไม่ได้ยากอะไร ตราบใดที่คุณไม่โง่เกินไปคุณก็สามารถที่จะเรียนรู้วิธีขับรถได้หลังจากได้ฝึกฝนเรียนรู้และลองขับไปซักสองสามครั้ง
อย่างไรก็ตามการขับรถได้กับการขับรถเป็นมันเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนเส้นนี้ที่เป็นภูเขา หากการขับรถของจางเล่ยนั้นยังไม่เก่งพอเกรงว่าชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนอาจตกอยู่ในอันตราย
“จี้เฟิงที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง เขาแอบขโมยรถของพ่อไปขับบ่อยๆและพ่อก็เคยสอนเขาขับรถอยู่สองสามครั้งเหมือนกัน” ถงเล่ยยังคงจำได้ เธอพยักหน้าและพูดว่า “แต่อย่างไรก็ตาม เขายังไม่มีใบขับขี่เพราะฉะนั้น… อย่ายอมให้เขาขับอย่างเด็ดขาด!”
“ใบขับขี่ถ้ามีเงินหรือมีเส้นสายหน่อยใครๆก็ซื้อได้ดังนั้นมันไม่จำเป็นหรอกว่าจะมีใบขับขี่หรือเปล่า!” จางเล่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เจ้าบ้า ฉันไม่เคยเห็นนายขับรถมาก่อน นายกล้าพูดหรือเปล่าล่ะว่านายได้ไปสอบใบขับขี่มาด้วยตัวเอง!”
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้รู้พื้นฐานของเขาและยังรู้ด้วยว่าเขาไม่มีเวลาไปสอบใบขับขี่อย่างแน่นอน มันจึงทำให้จางเล่ยมั่นใจมากว่าจี้เฟิงจะต้องซื้อใบขับขี่มา
“โอเคๆฉันให้นายขับก็ได้ แต่นายจะขับได้แค่ระยะสั้นๆเท่านั้นนะ ถ้าเราเข้าใกล้เขตเมืองเมื่อไหร่นายต้องเปลี่ยนมาให้ฉันขับ ไม่งั้นเกิดเจอด่านขึ้นมาจะเป็นปัญหาเอาได้” จี้เฟิงกล่าวและชะลอรถเพื่อเตรียมตัวจอดที่ข้างทาง ไอรีนโนเวล
เมื่อรถจอดสนิทจางเล่ยรีบเปิดประตูและวิ่งลงจากเบาะหลังเพื่อรอเปลี่ยนตำแหน่งกับจี้เฟิงอย่างรวดเร็ว
เขาสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งอย่างชำนาญ..
“อื้มทักษะของนายไม่เลวเลย!” จี้เฟิงพยักหน้า
“เห็นมั้ยล่ะ!”จางเล่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ
“Rrrrrr..~~”
ในขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้นเขามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์และอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มและกดรับ “อื้ม ว่าไง..”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิดหรือด้วยเหตุผลอื่นใดจี้เฟิงไม่ได้เอ่ยชื่อของเซียวหยูซวนออกมาและแอบเหลือบมองไปที่ถงเล่ยซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าข้างๆคนขับโดยไม่รู้ตัว
“จี้เฟิงเลขทะเบียนรถของนายคืออะไร” เซียวหยูซวนถามเข้าประเด็นทันที
จี้เฟิงชะงักเล็กน้อยและถามด้วยความสงสัย“ทำไมจู่ๆถึงถามเรื่องนี้”
“อ้อไม่มีอะไรหรอก อยากรู้เฉยๆ”
เอาเข้าจริงจี้เฟิงไม่เชื่อคำตอบของเธอแต่เนื่องจากคนที่ถามเป็นเซียวหยูซวนและอีกอย่างเรื่องนี้ถ้าบอกไปก็ไม่น่ามีจะปัญหาอะไร เขาจึงตอบไปว่า “มันคือ เจียงA99..”
ยังไม่ทันสิ้นสุดเสียงของจี้เฟิงเซียวหยูซวนก็พูดแทรกขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เป็นนายจริงๆเหรอเนี่ย!”
“ผมผมทำไม?” จี้เฟิงถามอย่างงงๆ
อีกฝากของปลายสายเซียวหยูซวนได้แต่ยิ้มแห้งๆจากนั้นเธอก็อธิบายเหตุผลของเรื่องนี้ว่า “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ พอดีว่าตอนนี้เสี่ยวหลิงแทบจะพลิกแผ่นดินหาคนคนหนึ่งอยู่ เธอต้องการให้คนคนนั้นช่วยเธอแข่งรถ แล้วบังเอิญว่าฉันได้ยินเธอพูดถึงทะเบียนรถ ฉันว่ามันคุ้นๆ เลยโทรมาถามนายเนี่ยแหละ”
“คุณต้องการให้ผมช่วยเธอหรือเปล่า”จี้เฟิงถาม
“ไม่แน่นอนเรื่องนี้มันแล้วแต่นายจะตัดสินใจเลยว่าอยากจะช่วยหรือเปล่าโดยไม่ต้องคำนึงถึงฉัน แต่เอาจริงๆฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องการแข่งรถ…” ก่อนที่คำพูดของเซียวหยูซวนจะจบลง จี้เฟิงก็ได้ยินเสียงบ่นของหญิงสาวอีกคนดังแทรกขึ้นมา เซียวหยูซวนพูดกับหญิงสาวคนนั้นสองสามคำจากนั้นก็หัวเราะคิกคัก และกลับมาพูดกับจี้เฟิงว่า “จี้เฟิง ฉันต้องวางสายก่อนไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ” เมื่อพูดจบเซียวหยูซวนก็วางสายไปทันที
“ไม่น่าเชื่อ..”เมื่อได้ยินเสียงที่วุ่นวายจากในโทรศัพท์ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มอย่างอ่อนใจ เขารู้สึกแปลกใจมากเพราะคิดไม่ถึงเลยว่ากลุ่มนักแข่งรถที่เขาพบเมื่อเช้าจะมีเสี่ยวหลิงที่เป็นเพื่อนร่วมบ้านพักของเซียวหยูซวนเป็นหนึ่งในนั้น และดูเหมือนว่าเสี่ยวหลิงจะเป็นหัวโจกซะด้วย
เมื่อจี้เฟิงนึกถึงบุคลิกที่ดูซนๆร้ายๆของเสี่ยวหลิงหากบอกว่าเธอนั้นชอบขับรถแข่งและเป็นหัวหน้ากลุ่มอีกด้วย มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นัก
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะต้องไปทำเรื่องแบบนั้นให้ฟรีๆแม้ว่าเขาจะมีความเชี่ยวชาญในการขับรถมากก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ตามแต่ใจเมื่อไหร่ก็ได้ และแน่นอนว่าเขาไม่อยากจะหาเหาใส่หัวเพิ่มความวุ่นวายให้กับตัวเอง
“หึหึ!เจ้าบ้าฉันได้ยินนะว่าเสียงในโทรศัพท์เมื่อกี้เป็นเสียงของผู้หญิง!” รอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางเล่ยจากนั้นเขาก็พูดเสียงเข้ม “จี้เฟิงฉันขอเตือนนายไว้เลยนะว่า นายห้ามทำอะไรให้เล่ยเล่ยของเราต้องเสียใจอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มีวันให้อภัยนายเลยตลอดชีวิต!”
“พี่พูดอะไรแบบนั้น!”ถงเล่ยจ้องมองไปที่ใบหน้าจางเล่ย “ฉันเชื่อในตัวของจี้เฟิง!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะเพราะฉันก็คงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ ยังไม่ทันไรก็ออกตัวปกป้องกันซะแล้ว!” จางเล่ยบ่นอุบอิบจากนั้นก็ตั้งสมาธิไปที่การขับรถอีกครั้ง
จี้เฟิงรู้สึกละอายใจอยู่ลึกๆเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยเกี่ยวกับความไว้วางใจของถงเล่ย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นว่า “เล่ยเล่ย คนที่เพิ่งโทรหาฉันเมื่อกี้คือเซียวหยูซวน”
“ใครนะ”
“อาจารย์เซียวเหรอ”
จางเล่ยและถงเล่ยถามออกมาพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้วอาจารย์เซียว…” จี้เฟิงเล่าถึงการพบกันอีกครั้งของเขาและเซียวหยูซวนที่ทางเข้าของสหพันธ์มหาวิทยาลัยและยังเล่าถึงเรื่องที่พวกเขาไปร่วมงานวันเกิดของหลี่เว่ยตงด้วย
หลังจากที่ทั้งสองได้ฟังเรื่องนี้พวกเขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว
“ไอ้เหอตงมันเลวจนถึงขนาดยกแฟนของตัวเองให้คนอื่นเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเนี่ยนะ” จางเล่ยโค้งริมฝีปากของเขาอย่างดูถูกเหยียดหยาม “เหมือนที่ฉันเคยบอกไว้มั้ยล่ะ ว่าตั้งแต่ที่ฉันเห็นมันครั้งแรกฉันก็รู้เลยว่าไอ้เหอตงมันไม่ได้จริงใจกับอาจารย์เซียวเลย ถึงฉันจะคิดไม่ถึงว่ามันจะเลวได้ขนาดนี้ก็เหอะนะ”
ถงเล่ยก็โกรธไม่ต่างกัน“คนชื่อหลี่เว่ยตงอะไรนั่นก็แย่ไม่ต่างกัน พวกเขาช่างเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจจริงๆ! แล้วแบบนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าทำเพื่อผู้หญิงที่ตัวเองรัก!”
จี้เฟิงได้แต่หัวเราะแห้งๆ“เรื่องมันจบไปแล้ว พวกเธอสองคนพี่น้องอย่าอารมณ์เสียกับเรื่องนี้เลย”
“จี้เฟิงฉันว่าเรานัดอาจารย์เซียวไปกินข้าวด้วยกันดีมั้ย” ถงเล่ยเสนอ “ตอนเรียนม.ปลาย อาจารย์เซียวเธอดีกับพวกเรามากเลยนี่นา ในเมื่อตอนนี้เรามาอยู่เจียงโจวเหมือนกัน เราก็ควรช่วยเหลือกันดีต่อกันไว้!”
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า“เอาสิ! ไม่มีปัญหา แต่ฉันคิดว่าพวกเธอคงจะมีโอกาสได้เจอกับอาจารย์เซียวบ่อยๆในอนาคตอยู่แล้วล่ะ เพราะว่าเซียวหยูซวนเธอเป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศอยู่ในแผนกพวกเธอด้วย”
“จริงเหรอ!”ถงเล่ยและจางเล่ยถามอย่างมีความสุขและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
“เล่ยซือทำไมนายถึงดูมีความสุขขนาดนั้น” จี้เฟิงถามด้วยความแปลกใจ
จางเล่ยหัวเราะและพูดว่า“นายคิดดู ในเมื่ออาจารย์เซียวสอนอยู่แผนกภาษาต่างประเทศของพวกเรา นั่นก็หมายความว่า อาจารย์เซียวก็ต้องรู้จักอาจารย์ผู้หญิงสาวๆสวยๆที่ยังโสดหลายคนอย่างแน่นอน ล้าถ้าเธอแนะนำให้ฉันได้รู้จักอาจารย์สาวๆเหล่านั้นล่ะก็… ฮิฮิ~”
เส้นเลือดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของจี้เฟิงทันทีความคิดของผู้ชายคนนี้นี่จริงๆเลย…
แต่ถงเล่ยจ้องมองจางเล่ยและพูดอย่างโกรธๆ“แล้วทำไมพี่ถึงไม่จีบอาจารย์เซียวไปเลยล่ะ!”
จางเล่ยส่ายหัวทันที“เด็กน้อย เธอไม่เข้าใจเหรอ ฉันจะไปจีบอาจารย์เซียวติดได้ยังไง”
“ทำไม”ถงเล่ยถามด้วยความสงสัย จี้เฟิงก็ตั้งใจฟังเช่นกัน
“ลองคิดดูสิว่าเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ในชีวิตแล้วมีผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือช่วยเหลือเธอในจังหวะเวลานั้นพอดีมันจะเป็นยังไง” จางเล่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึมราวกับกูรูด้านความรัก “เมื่อผู้หญิงอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด นั่นก็คือช่วงที่หัวใจของเธออ่อนแอมากที่สุดเช่นกัน และในเวลานี้หากมีความใจดีหรือความอ่อนโยนมาสัมผัสกับหัวใจของเธอแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม มันก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่พิเศษก่อตัวขึ้นในหัวใจและกลายเป็นความรักได้ และฉันก็มั่นใจมากกว่า 80% ว่าอาจารย์เซียวจะต้องชอบจี้เฟิง และมีชื่อจี้เฟิงอยู่ในหัวใจของเธออย่างแน่นอน”
จางเล่ยหันไปมองหน้าน้องสาวของเขาแล้วกล่าวว่า“ระวังตัวของเธอให้ดีเหอะ ระวังจะมีคู่แข่งด้านความรักเพิ่ม!”
“นายไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหนเนี่ย!”จี้เฟิงถามอย่างงงๆ แต่ก็แอบถอนหายใจอยู่ในใจ ความมั่นใจ 80% ของนายนี่มันแม่นจริงๆ..
“แน่นอนว่าฉันรู้มาจากในหนังสือ!”จางเล่ยเบะปากเล็กน้อย “เพื่อนยากในเมืองเล็กๆอย่างหมางซือ นายจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ก็แค่จากในหนังสือเท่านั้นแหละ ถึงแม้ว่าฉันอยากจะเรียนรู้มันด้วยตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสซักที!”
“เล่ยเล่ยอย่าไปฟังเขามาก ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเซียวหยู.. อาจารย์เซียว จริงๆแล้ว…” จี้เฟิงเหงื่อแตกพลั่กและรีบอธิบายให้ถงเล่ยฟัง
“นายไม่จำเป็นต้องอธิบาย”ถงเล่ยมองเขาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับมีรอยยิ้มหวานอยู่ในดวงตาของเธอ “ฉันรู้ว่านายจะไม่มีทางทำเรื่องไม่ดีลับหลังฉันอย่างแน่นอน และนอกจากนี้ถ้าไม่มีผู้หญิงคนอื่นมาชอบนายเลย แล้วมันจะไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีวิสัยทัศน์ในการมองผู้ชายงั้นเหรอ”
“หือ”
“ห๊า!”
จี้เฟิงและจางเล่ยถึงกับตกตะลึงและอ้าปากค้างในเวลาเดียวกัน“ตรรกะนี้มันอะไรกันเนี่ย”
“คิกๆ~”ถงเล่ยถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อมองไปที่หน้าตาอึ้งๆเอ๋อๆของผู้ชายทั้งสองคน ในขณะที่รถแล่นไปบนท้องถนนก็มีเสียงหัวเราะที่เหมือนกับเสียงของกระดิ่งสีเงินดังขึ้น…