The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 179 ตำหนิอย่างรุนแรง
“จี้เฟิงฉันขอเชิญคุณอย่างจริงจังฉันหวังว่าคุณจะตกลงช่วยพวกเราในการแข่งรถครั้งนี้ คุณสามารถบอกสิ่งที่คุณต้องการมาได้เลย ก็อย่างที่ฉันได้บอกเงื่อนไขกับคุณไปก่อนหน้านี้แล้ว ตราบใดที่เราสามารถทำได้ เราก็ยินดีทำตามเงื่อนไขของคุณอย่างแน่นอน”
หลังจากนั่งลงอีกครั้งหวู่หลิงเอ๋อก็ดูสงบลงมาก แม้ว่าคิ้วที่ขมวดอยู่เล็กน้อยยังแสดงให้เห็นว่าเธอพยายามเก็บกลั้นความโกรธเอาไว้อยู่ก็ตาม แต่อย่างน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่เธอได้เริ่มเจรจากับจี้เฟิงก็เรียกได้ว่าดีขึ้นมากแล้ว
จี้เฟิงมองไปที่เซียวหยูซวนแต่พบว่าตอนนี้ใบหน้าที่สวยงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและไม่กล้าแม้แต่จะหันมาสบตาเขาเลย
มุมปากของเซียวหยูซวนกระตุกเล็กน้อยจากท่าทีดังกล่าวของเธอจี้เฟิงก็พอจะเข้าใจได้ว่าเซียวหยูซวนไม่ต้องการให้คำพูดของเธอมีผลต่อการตัดสินใจของเขา
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งจี้เฟิงก็พยักหน้าเล็กน้อยและถามว่า “คุณหวู่หลิงเอ๋อ ผมอยากจะถามอะไรคุณซักหน่อย มันอาจจะทำให้คุณไม่พอใจ แต่หวังว่าคุณจะรับฟังและตอบผมตามตรง”
“ขอแค่บอกมาได้เลยคุณอยากถามอะไร” หวู่หลิงเอ๋อรู้สึกแปลกใจ เธอรับรู้ได้ว่าท่าทีของจี้เฟิงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ช่วงที่เธอขอตัวไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ เซียวหยูซวนได้พยายามพูดจาหว่านล้อมเขาอีกครั้งเพื่อช่วยสนับสนุนเธอ?
เธอคือเพื่อนสาวที่แสนดีจริงๆ แม้ปากจะบอกว่าไม่ช่วย แต่สุดท้ายก็แอบช่วยฉันสินะ!
แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังรู้สึกเป็นกังวลกับคำถามของจี้เฟิงเธอไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมช่วยเธอหรือไม่
“สิ่งที่ผมอยากจะถามคุณก็คือคุณแข่งกับใคร เหตุผลที่คุณต้องแข่งคืออะไร? แล้วทำไมถึงต้องเป็นผม?” จี้เฟิงถามเบาๆพลางจิบกาแฟ
หวู่หลิงเอ๋อถึงกับผงะไปเล็กน้อยเธอคิดไม่ถึงว่าจู่ๆจี้เฟิงจะถามคำถามพวกนี้ออกมา แต่เมื่อลองคิดในมุมของจี้เฟิงดูแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะสงสัยและอยากรู้เกี่ยวกับรายละเอียดเหล่านี้ เพราะถ้าเขาตกลงยอมช่วย เรื่องเหล่านี้มันก็เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
ดังนั้นหวู่หลิงเอ๋อจึงตอบไปตามความเป็นจริง“ถ้าไม่มีปัญหาอะไร แล้วคุณยอมตกลงแข่ง คุณจะได้แข่งกับซุนจื่อซวง มันเป็นการแข่งรถใต้ดินและเราจะแข่งกันที่ถนนของเจียงโจวแถบชานเมือง ซุนจื่อซวงคนนี้มีทักษะการขับรถที่ดีมาก มีเพียงไม่กี่คนในเจียงโจวที่เก่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นการแข่งขันครั้งนี้จึงต้องเป็นคุณเท่านั้น!”
“แล้วทำไมคุณถึงต้องแข่งกับเขา”จี้เฟิงถาม
“จี้เฟิงเนื่องจากทักษะการขับรถของคุณสุดยอดมาก ฉันเชื่อว่าคุณคงแสดงทักษะอันยอดเยี่ยมในการแข่งรถใต้ดินบ่อยๆ ในเจียงโจวมีสถานที่มากมายที่เหมาะสำหรับการแข่งรถ และแต่ละแห่งก็มีเจ้าถิ่นประจำอยู่แล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้ซุนจื่อซวงคนนี้พยายามแย่งถนนที่เป็นเขตการปกครองของเรา มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราจะไม่มีทางยอมมอบให้เขาไปง่ายๆ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงตกลงจัดการแข่งขันกันในเดือนหน้า และถ้าเราแพ้ เราจะต้องเสียเขตปกครองของเราไป แต่ถ้าพวกเราชนะ เราจะได้ถนนที่เป็นเขตปกครองของซุนจื่อซวงมา” หวู่หลิงเอ๋ออธิบายรวดเดียวจบ
“พวกลูกคนรวยที่ว่างจัด!”เมื่อได้ยินคำอธิบายทั้งหมดจี้เฟิงก็โพล่งออกมาด้วยกับริมฝีปากที่โค้งงอลง (เบะปากว่าซั่น) “เท่าที่ผมรู้ สนามแข่งรถที่ถูกกฎหมายในเจียงโจวมีเพียงแห่งเดียว และสิ่งที่คุณทำอยู่มันคือการแข่งขันใต้ดินและมันก็ผิดกฎหมาย”
คิ้วของหวู่หลิงเอ๋อขมวดแน่นด้วยความโกรธแต่เมื่อเห็นท่าทางรังเกียจเหยียดหยามของจี้เฟิง เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์อีกครั้งอย่างที่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน
“มันจะผิดกฎหมายหรือเปล่าฉันไม่รู้แต่ใครๆก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละและตราบใดที่มันไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่อะไรมากมาย ตำรวจเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก!” หวู่หลิงเอ๋อตอบเสียงเข้ม
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนใจแต่พวกเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่งมากกว่า!” จี้เฟิงโค้งริมฝีปากของเขาอย่างเหยียดหยาม “หวู่หลิงเอ๋อ ผมอยากถามว่าเดือนหนึ่งคุณได้เงินเดือนเท่าไหร่ ห้าพัน หรือเจ็ดพัน?”
“คุณจะถามไปทำไม!”หวู่หลิงเอ๋อถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เงินเดือนของคุณหนึ่งปีผมว่ามันยังไม่เพียงพอสำหรับเงินที่คุณใช้ในการแข่งขันเพียงครั้งเดียวเลยด้วยซ้ำ ผมพูดถูกหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะได้เงินมาจากไหนล่ะ?” จี้เฟิงหัวเราะเยาะ “อย่าบอกนะว่าได้มาจากความสามารถในการแข่งรถ?”
เมื่อเสียงเยาะเย้ยของจี้เฟิงยังคงดังขึ้นใบหน้าของหวู่หลิงเอ๋อก็น่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ จนเหมือนจะสามารถงับหัวของจี้เฟิงได้ตลอดเวลา
ปั้ก!
จี้เฟิงถูกเตะที่ขาไม่จำเป็นต้องบอกว่าการกระทำนี้เป็นฝีมือของใคร เป็นเซียวหยูซวนที่ไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
จี้เฟิงยังคงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขายังคงหัวเราะเยาะและถามว่า “คุณหวู่หลิงเอ๋อ ถ้าผมจำไม่ผิด สาเหตุที่คุณรู้ว่าทักษะการขับรถของผมนั้นดีก็เพราะว่าเราพบกันในเช้าของวันที่ 29 กันยายนบนทางหลวงปันซานไม่ใช่เหรอ”
“แล้วไง”หวู่หลิงเอ๋อถามอย่างไม่ใส่ใจ
จี้เฟิงหัวเราะเยาะ“นั่นไงล่ะ! ฮ่าฮ่า~! คุณนี่ช่างเป็นคนที่ไร้สามัญสำนึกจริงๆ งั้นเอาอย่างนี้ ถ้าผมบอกคุณว่า ในวันนั้นถ้าไม่ใช่ผมที่มีความสามารถในการขับรถธรรมดาๆด้วยความเร็วจนเอาชนะรถสปอร์ตหลายสิบคันได้ แล้วกลายเป็นคนทั่วไปที่ใช้รถใช้ถนนตามวิถีชีวิตปกติของเขา คุณคิดว่าจะเป็นยังไง คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าการกระทำของคุณหรือพวกของคุณจะทำให้เกิดอุบัติเหตุจนอาจเกิดการสูญเสีย ผมมั่นใจได้เลยว่าถ้าในวันนั้นไม่ใช่ผมแต่เป็นคนอื่น รถของพวกคุณจะต้องชนท้ายและเกิดเหตุการณ์ที่ต่อให้เป็นเด็กประถมที่พอจะมีสมองหน่อยก็คงพอจะคิดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้ามีคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาตายเพราะการกระทำที่ไร้จิตสำนึกอย่างพวกคุณใครจะเป็นคนรับผิดชอบล่ะ?”
ใบหน้าของหวู่หลิงเอ๋อเปลี่ยนไปทันทีเธอเม้มริมฝีปากแน่นและร่างกายที่บอบบางของเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
อย่างไรก็ตามหวู่หลิงเอ๋อไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดออกมานั้นถูกต้อง
คืนก่อนที่เธอจะได้พบกับจี้เฟิงบนทางหลวงปันซานเธอเพิ่งทำข้อตกลงกับซุนจื่อซวงเรื่องการแข่งขันเสร็จ และด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่นจากความโกรธ พอมีคนเสนอว่าให้ไปขับรถเล่นยันเช้าที่ถนนปันซานเธอจึงตอบตกลงโดยไม่ทันคิด Aileen-novel
หลังจากที่ขับกันไปได้ซักระยะพวกเธอจึงชวนกันฝึกขับรถแข่งอย่างจริงจังจนเวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนเช้ามืด จนกระทั่งพวกเธอได้พบกับจี้เฟิงทุกคนต่างตกใจกับทักษะการขับรถของเขามาก แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันแยกย้ายกันกลับบ้าน
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปยังสถานการณ์ในตอนนั้นมันก็เป็นเหมือนกับที่จี้เฟิงพูดจริงๆ ด้วยสภาพที่เหนื่อยล้าของเธอและพรรคพวกจากการซ้อมแข่งรถมาทั้งคืนแล้วถ้าคนที่ขับไม่ใช่จี้เฟิงแต่เป็นคนธรรมดาทั่วไป คงมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น
“แล้วคุณยังมีหน้ามาขอให้ผมช่วยแข่งขันรถกับคนที่มีพฤติกรรมอย่างพวกคุณอีกงั้นเหรอช่างเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี! คุณหวู่หลิงเอ๋อโปรดจำไว้ด้วยว่าผมไม่เคยแข่งรถใต้ดิน และผมจะไม่มีวันช่วยกลุ่มคนที่เห็นชีวิตของคนอื่นไร้ค่ากว่าการแข่งรถเพื่อความสนุกโดยเด็ดขาด!”
จี้เฟิงพูดอย่างแข็งกร้าว“และนอกจากนี้ผมต้องขอแจ้งให้คุณทราบไว้ด้วยว่า ถ้าคุณยังกล้าทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้งและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอยู่แบบนี้ แม้ว่าตำรวจจะไม่กล้ามายุ่มย่ามจับกุมคุณ แต่ผมนี่แหละที่จับคุณส่งให้ถึงมือตำรวจเอง และผมจะเป็นคนเสนอหลักฐานพร้อมเป็นพยานยืนยันหากมีการดำเนินการด้วยตัวของผมเอง!”
“ปัง!”จี้เฟิงตบโต๊ะอย่างดุเดือด “ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู!”
อึก!
หวู่หลิงเอ๋อตกใจจนสะดุ้งและหน้าซีดแม้ว่าบุคลิกของเธอจะดูเป็นคนที่เข้มแข็ง แต่ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอด้วยคำตำหนิที่รุนแรงเช่นนี้ มันทำให้หวู่หลิงเอ๋อถึงกับตัวสั่นและน้ำตาคลอ
“จี้เฟิงใจเย็นๆก่อน นายอย่าเพิ่งโกรธ” เซียวหยูซวนรีบร้องห้ามเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น คนอื่นๆอาจไม่รู้ แต่เซียวหยูซวนนั้นรู้ดีว่าฐานะที่แท้จริงของจี้เฟิงเป็นอย่างไร หากเขาต้องการจะจัดการกับหวู่หลิงเอ๋อจริงๆ อย่าพูดว่าครอบครัวของหวู่หลิงเอ๋อจะสามารถต่อกรได้หรือไม่ แต่เกรงว่าชื่อของตระกูลหวู่จะหายวับไปภายในไม่กี่นาที
เดิมทีเซียวหยูซวนอยากจะตำหนิจี้เฟิงว่าพูดแรงเกินไปแต่เมื่อเธอได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดจากพวกเขาแล้ว เซียวหยูซวนก็รู้ว่าการแข่งขันรถของเสี่ยวหลิงนั้นอันตรายมากจริงๆ ไม่เพียงแต่ตัวเสี่ยวหลิงเองจะเป็นอันตรายเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อคนอื่นด้วย จึงไม่น่าแปลกที่จี้เฟิงจะโกรธมากขนาดนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นเพื่อนที่เธอรักไม่ต่างจากน้องสาวถูกดุอย่างรุนแรงเธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร จึงหันไปกระซิบกับหวู่หลิงเอ๋อเบาๆว่า “เสี่ยวหลิง อันที่จริงจี้เฟิงก็พูดถูกนะ การแข่งรถใต้ดินแบบนี้มันอันตรายเกินไป ลืมมันไปไม่ได้เหรอ”
หวู่หลิงเอ๋อนั่งเงียบแต่มีหยดน้ำใสๆไหลออกจากดวงตาของเธอ
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเธอรู้นิสัยเพื่อนคนนี้ของเธอดี ในความจริงแล้วเสี่ยวหลิงไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แต่เป็นเพราะพ่อกับแม่ของเธอหย่าขาดจากกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีปัญหาในเรื่องของการเงินเลย แต่เธอก็ไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อและแม่อย่างที่เด็กคนหนึ่งควรจะได้รับ
และเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจจากพ่อและแม่ของเธอเธอจึงกลายเป็นคนดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็กด้วยเหตุนี้เธอจึงค่อยๆสร้างตัวตนที่ภายนอกดูแข็งกร้าวไม่ยอมคนขึ้นมา เพื่อปกปิดความอ่อนแอที่อยู่ภายในจิตใจของเธอ
และด้วยเหตุผลเหล่านี้เองถึงแม้เซียวหยูซวนจะสนิทกับเธอแต่เธอก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของหลี่เว่ยตงให้หวู่หลิงเอ๋อรับรู้ เพราะเซียวหยูซวนไม่ต้องการให้เสี่ยวหลิงต้องไปขอร้องพ่อแม่และเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเธอ
เซียวหยูซวนรู้ดีว่าเสี่ยวหลิงโกรธและเกลียดพ่อแม่ของตัวเองมากแค่ไหน
“คุณหวู่หลิงเอ๋อสิ่งที่ผมพูดไม่ได้หมายถึงแค่กับคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพรรคพวกของคุณและซุนจื่อซวงอะไรนั่นด้วย และฝากไปบอกพวกเขาด้วยว่า ถ้าพวกเขายังไม่เลิกสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ผมจะเป็นคนทำให้พวกเขาได้รู้สำนึกเองว่าความเสียใจคืออะไร!”
จี้เฟิงหยิบธนบัตรสองใบออกมาวางบนโต๊ะและหันหน้าไปทางเซียวหยูซวน“หยูซวน วันนี้ผมกลับก่อนแล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อน!”หวู่หลิงเอ๋อตะโกนขึ้นมาทันที และเสียงของเธอก็ดึงดูดความสนใจของลูกค้าคนอื่นๆภายในร้าน พวกเขาต่างพากันมองไปที่จี้เฟิงและหวู่หลิงเอ๋อไปมา “จี้เฟิง คนอย่างคุณกล้ามาสอนฉันในเรื่องนี้ได้ยังไง ในเมื่อตัวคุณเองก็ขับรถแข่งเช่นกัน ด้วยทักษะการขับรถแบบนี้ คุณกล้าพูดงั้นหรือว่าคุณไม่เคยแข่งรถใต้ดินมาก่อน!”
สำหรับคนที่มีทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หวู่หลิงเอ๋อไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนถ้าเขาบอกว่าเขาไม่เคยเข้าร่วมการแข่งรถ ด้วยทักษะระดับนี้จะต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักและต้องเคยผ่านการแข่งขันที่ดุเดือดมาแล้วเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนปกติทั่วไปจะมีฝีมือและเทคนิคการขับรถที่ดีมากขนาดนี้
จี้เฟิงขมวดคิ้วสีหน้าของเขาแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน“นอกจากคุณจะไม่สำนึกผิดในการกระทำของคุณแล้ว แต่คุณยังมาตั้งกับถามและใส่ใจในเรื่องนี้มากกว่าอย่างนั้นเหรอ เหอะๆ ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่เคยเข้าร่วมการแข่งรถใต้ดินเลยแม้แต่ครั้งเดียว!”
“เป็นไปไม่ได้!”หวู่หลิงเอ๋อไม่เชื่อ
จี้เฟิงเหลือบมองเธอด้วยหางตาอย่างรังเกียจ“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ ผมขอแค่ให้คุณจำสิ่งที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้ให้ดีๆ ถ้าคุณไม่อยากมานั่งเสียใจทีหลัง!”
หลังจากพูดจบจี้เฟิงก็หันหลังเดินออกจากร้านกาแฟไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ไม่ว่าจะได้ยินหรือเห็นด้วยตาตัวเองสิ่งเหล่านี้มันก็เกิดขึ้นจริงและมีอยู่มากเกี่ยวกับการแข่งรถใต้ดินของพวกลูกคนรวย มันเหมือนเป็นงานอดิเรกยามว่างของพวกลูกคุณหนูที่วันๆไม่มีอะไรจะทำ เลยทำเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนหรือไม่ จี้เฟิงไม่เคยเห็นชอบกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ในอดีตเขายังคงเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ไม่สามารถออกมาพูดหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
แต่ตอนนี้นั้นต่างออกไปตัวตนและสถานะของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆรอบตัวได้ถ้าเขาต้องการ และเขาคงไม่อาจเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ได้อีกต่อไป
เขาไม่สนด้วยว่าหวู่หลิงเอ๋อนั้นเป็นเพื่อนกับเซียวหยูซวนหรือไม่เพราะต่อให้เป็นเซียวหยูซวนเองเขาก็กล้าที่จะตำหนิเธออย่างรุนแรงเช่นกันและตราบใดที่เธอยังกล้าทำสิ่งเหล่านี้เขาก็จะไม่มีความเมตตาใดๆ
คนไหนที่ไม่เคยเห็นค่าชีวิตของผู้อื่นอย่างจริงจังคนคนนั้นก็ไม่ควรได้รับความเคารพจากผู้อื่น!