The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 191 คนอย่างเธอมันไม่คู่ควร!
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 191 คนอย่างเธอมันไม่คู่ควร!
อันที่จริงอู๋ฉางฉุนไม่ได้ต้องการใช้เงินมากกว่าสองล้านเพื่อซื้อนาฬิกาคู่นี้เนื่องจากครั้งสุดท้ายเขาโดนจี้เฟิงหลอกล่อในงานแสดงสินค้าแร่หินหยกทำให้เขาต้องจ่ายเงินไปหลายล้าน อู๋ฉางฉุนจึงได้เรียนรู้เคล็ดลับนี้
ครั้งนี้เขาจึงต้องการใช้วิธีการเดียวกันนี้จัดการกับจี้เฟิงดังนั้นเขาจึงทำตามขั้นตอนที่เคยโดนมา แต่เขานั้นคิดไม่ถึงว่าจี้เฟิงที่อายุยังน้อยนั้นจะไม่มีความอ่อนไหวที่ถูกยั่วยุเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้หลงกล ในขณะที่ยังประมูลกัน จู่ๆก็ยอมแพ้ซะอย่างนั้น
ในตอนนี้อู๋ฉางฉุนรู้สึกเสียหน้ามาก
เงินสองล้านสองแสนแม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินที่เขาพอจะทนได้แต่การที่จะต้องเสียไปในลักษณะเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดและคับแค้นใจเป็นอย่างมาก
“อู๋ฉางฉุนในเมื่อคุณชนะแล้ว ก็ไปชำระเงินด้วยนะครับ เงินแค่นี้คงไม่มากเกินไปสำหรับคุณใช่มั้ย” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“เหอะ!แน่นอน ฉันจ่ายแน่ นายไม่จำเป็นต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินของฉัน!” อู๋ฉางฉุนตะคอกใส่จี้เฟิง แต่สายตาของเขายังคงเหลือบมองไปที่บัตรเดบิตบนเคาน์เตอร์ เขารู้ดีว่าในบัตรใบนั้นมีเงินไม่ถึงสองล้านอย่างแน่นอน!
จี้เฟิงหันไปมองผู้จัดการของร้านนาฬิกาและพูดด้วยรอยยิ้ม“คุณผู้จัดการ บอสอู๋คนนี้เขาเป็นคนที่ร่ำรวยมาก ผมประมูลราคาแข่งกับเขาแต่สุดท้ายเขาก็เอาชนะไปได้ ผมเชื่อว่าบอสอู๋คนนี้จะไม่ทำให้ใบหน้าอ้วนๆของเขาต้องอับอายโดยไม่ยอมจ่ายเงินอย่างแน่นอน!”
“อ้อมันเป็นเช่นนั้นเอง!” พนักงานพยักหน้าอย่างรีบร้อน
การเสนอราคาแข่งกันแบบนี้ระหว่างลูกค้าเป็นสิ่งที่ผู้จัดการชื่นชอบมากที่สุดเพราะโดยปกติแล้วการเสนอราคาประเภทนี้แตกต่างจากการเสนอราคาในการจัดประมูลที่ผู้จัดการจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นเงินพิเศษและส่วนแบ่งของค่าคอมมิชชั่นนั้นไม่มาก
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในหมู่ของคนร่ำรวยคือหน้าตาของพวกเขาการเสนอราคาประเภทนี้เคยเกิดขึ้นมาบ้างแล้วในอดีตและผู้จัดการคนนี้ก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้มาพอสมควรและแน่นอนว่าพวกเขารู้วิธีจัดการกับมัน
ดังนั้นผู้จัดการจึงรีบตรงไปที่อู๋ฉางฉุนทันทีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกล่าวว่า“นายท่านผมขอแสดงความยินดีที่นายท่านชนะการแข่งราคาและได้นาฬิกาคู่สองเรือนนี้ไป รบกวนนายท่านตามผมมาทางนี้เพื่อชำระค่าสินค้า!”
ใบหน้าของอู๋ฉางฉุนกลายเป็นสีแดงอีกครั้งแต่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถลงจากหลังเสือได้ เงินสดในตัวมีเพียงหลักหมื่น เข้าข่ายพฤติกรรมอึ่งอ่างพองลมจนตัวเองลำบากเองจริงๆ และในบัตรเดบิตใบนั้นที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ก็มีเงินในบัญชีเพียงไม่กี่แสนเท่านั้น และเงินส่วนอื่นเป็นเงินในส่วนของบริษัทที่ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างง่ายๆ
ดังนั้นในความเป็นจริงอู๋ฉางฉุนไม่สามารถจ่ายค่านาฬิกาที่มีราคามากกว่าสองล้านหยวนได้เลยในเวลานี้และในตอนที่มีงานแสดงสินค้าแร่หินหยกครั้งล่าสุดก็เป็นเพราะเขาระดมทุนจากบัญชีของบริษัทเป็นกรณีพิเศษ
เดิมทีเขาตั้งใจแค่จะพาฮูซู่ฉินมาเดินเที่ยวช้อปปิ้งเล็กๆน้อยๆเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะมาประมูลสินค้าอะไรแบบนี้ แล้วเขาจะไปหาเงินที่ไหนมาได้ทัน
“ไอ้จี้เฟิง!ไอ้เด็กเวร ทำไมฉันถึงได้โดนแกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้!” อู๋ฉางฉุนได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาคงต้องโทษตัวเองที่พลาดถูกจี้เฟิงหลอกล่อให้อยากเอาชนะ และครั้งนี้เป็นเขาเองที่เสนอราคาแข่งกับจี้เฟิงก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการเงินของเขาออกไปได้ในตอนนี้ เมื่อขึ้นไปขี่หลังเสือแล้วไม่ใช่ว่าจะลงมาได้ง่ายๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอู๋ฉางฉุนไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่านาฬิกาที่สูงมากกว่าสองล้านได้
ฉันจะทำไงดี
อู๋ฉางฉุนเหงื่อออกไม่หยุดยิ่งเขาคิดและวิตกกังวลเหงื่อก็ยิ่งออกมาขึ้นและใบหน้าของเขาก็แดงมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ในสายตาของทุกคนตอนนี้พวกเขาเห็นไขมันบนใบหน้าของอู๋ฉางฉุนกำลังสั่นกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา มีหลายครั้งที่เขาเหลือบมองไปทางประตูราวกับว่าเขาอยากจะหนีออกไปจากที่นี่
มีหรือที่จี้เฟิงจะอ่านความคิดของอู๋ฉางฉุนไม่ออกเขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “บอสอู๋ทำไมเงียบไป เป็นไปได้หรือไม่ว่าราคาสองล้านสำหรับนาฬิกาคู่นี้มันต่ำไป งั้นเพิ่มเป็นสามล้านถ้วนเลยแล้วกัน! ระดับบอสอู๋แม้ว่าเขาจะไม่รู้จัก Vacheron Constantin แต่ผมมั่นใจว่าสำหรับบอสอู๋เงินจำนวนนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่เขาต้องการ!”
“อุ๊ปส์!”เซียวหยูซวนที่พยายามกลั้นขำอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาและเบาๆ เธอยิ้มเล็กน้อยและกระซิบกับจี้เฟิง “ปีศาจน้อยคุณนี่แย่จริงๆเลย!”
จี้เฟิงกระซิบตอบด้วยรอยยิ้ม“คนร่ำรวยก็แบบนี้แหละ เขามักจะมีพฤติกรรมที่ชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่”
“คิกคิก~!”เซียวหยูซวนกลั้นหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไป เธอหัวเราะออกมาทันที
ในเวลานี้อู๋ฉางฉุนเริ่มตระหนักได้ว่าไม่เพียงแต่เขาจะถูกหลอกล่อโดยจี้เฟิงแต่ยังถูกเหน็บแหนมจนเขาดูน่าสมเพช แต่ทันใดนั้นเขาก็เหมือนจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าจี้เฟิงทำเงินได้หลายสิบล้านในงานแสดงสินค้าแร่หินหยก!
“นายท่านต้องการให้ทางเราใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบไหนดีครับจะเป็นกล่องของขวัญหรือบรรจุภัณฑ์ทั่วไปดี” ผู้จัดการถามด้วยรอยยิ้มจากด้านข้าง คำถามของเขาเหมือนจะธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญในด้านการขายการที่เขาถามอู๋ฉางฉุนว่าต้องการบรรจุภัณฑ์แบบไหนซึ่งเป็นการบังคับกลายๆว่าเขาจะต้องซื้อมันอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเลือกบรรจุภัณฑ์แบบใดก็ตาม
“ผู้จัดการคนนี้มีศิลปะการขายที่ดีมากสมควรแล้วที่เขาจะเป็นถึงผู้จัดการร้าน!” จี้เฟิงยิ้ม
“นี่!ทำไมคุณถึงบอกให้เราซื้อนาฬิกาคู่นี้ เราแค่เสนอราคาแข่งกับไอ้เด็กยากจนนี่เท่านั้น แต่เราไม่ได้บอกว่าเราจะซื้อมันซักหน่อย!” ฮูซู่ฉินรู้ดีว่าเงินสองล้านหยวนนั้นไม่ใช่เงินก้อนเล็กๆสำหรับอู๋ฉางฉุน
ผู้จัดการไม่ได้ตอบอะไรออกไปเขาเพียงแค่ยิ้มรับอย่างเงียบๆ
“ก็ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายทีหลังก็อย่าประมูลสิ!” จี้เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
“ไม่ใช่ว่าพวกฉันไม่มีปัญญาจ่าย!ฉันแค่อยากรู้ว่าคนจนๆอย่างแกจะมีปัญญาซื้อได้หรือเปล่าก็เท่านั้น!” ฮูซู่ฉินตะโกนเสียงดัง
จี้เฟิงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน“เดิมทีผมต้องการจะซื้อนาฬิกาสองเรือนนี้อยู่แล้ว แต่จู่ๆพวกคุณก็มาเสนอราคาแข่ง แล้วในเมื่อตอนนี้พวกคุณเสนอราคาชนะ พวกคุณก็ต้องจ่ายสิ!”
“แก!”ใบหน้าของฮูซู่ฉินแดงระเรื่อเพราะความโกรธ แต่เธอก็ไม่รู้จะเถียงอะไรออกไป เพราะเธอนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าจี้เฟิงพูดถูกแล้ว และพวกเธอก็เป็นฝ่ายที่เสนอราคาก่อน
“จี้เฟิงดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมจ่ายง่ายๆ” เซียวหยูซวนพูดด้วยเสียงต่ำ “เราไปกันเถอะ อยู่ใกล้คนประเภทนี้ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกยังไงไม่รู้”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยวันนี้เขาตั้งใจมาเที่ยวเล่นกับเซียวหยูซวนอย่างมีความสุข ไม่ใช่มาเสียอารมณ์กับคนแบบนี้
แต่ก่อนที่จี้เฟิงจะพาเซียวหยูซวนเดินออกจากร้านไปเขาหันมาพูดกับอู๋ฉางฉุนว่า “บอสอู๋ ในฐานะลูกผู้ชาย คุณควรจะรักษาคำพูดและยอมจ่ายเงินค่านาฬิกาแต่โดยดี แต่ถ้าคุณไม่มีเงินจริงๆ ก็ควรจะรีบๆออกไปจากที่นี่ซะ หากคุณยังดื้อด้านอยู่ที่นี่ต่อไปมันจะส่งผลเสียกับธุรกิจของคนอื่นและมันจะทำให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะคุณ!”
“ไอ้เด็กเวรอย่าแพร่มให้มากนัก!” อู๋ฉางฉุนรู้สึกอับอายและโกรธมาก เขาตะคอกใส่จี้เฟิง “ฉันจะซื้อหรือไม่ซื้อมันก็ไม่เกี่ยวกับแก!”
จี้เฟิงยิ้มมุมปาก“จุ๊ๆ ดูเหมือนว่าวันนี้บอสอู๋คงจะไม่ยอมจ่ายเงินจริงๆแฮะ เฮ้อ~ ไม่มีเงินแล้วทำเป็นวางท่าใหญ่โต!”
จี้เฟิงจับมือเล็กๆของเซียวหยูซวนและส่งยิ้มเย้ยหยันก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตูร้าน
อู๋ฉางฉุนโกรธจนแดงไปทั้งตัวแต่เขาก็นึกคำพูดที่จะเถียงออกไปไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว เขารู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอจนแทบจะหายใจไม่ออก
เดิมทีเขาตั้งใจจะเถียงกับจี้เฟิงและแสร้งทำเป็นโกรธมากและเดินออกจากร้านไปเพื่อหนีจากสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลังจากที่จี้เฟิงพูดจบเขาจะเดินจากไปทันทีซึ่งทำให้อู๋ฉางฉุนทำอะไรไม่ถูก
“พี่สาว!พี่เขย!” ในขณะนั้นเองมีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากด้านนอกประตูของร้านนาฬิกาจนเธอเกือบจะวิ่งไปชนกับจี้เฟิง Aileen-novel
“ระวัง!”จี้เฟิงคว้าเซียวหยูซวนให้หลบไปข้างหลังเขาและในขณะเดียวกันผู้หญิงที่อยู่ด้านนอกก็หยุดอย่างกะทันหัน สายตาระหว่างจี้เฟิงและผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกสบกันพอดี และเธอก็ตกใจ
“นั่น…ใช่นายหรือเปล่า”ฮูซู่ฮุ่ยมองไปที่จี้เฟิงด้วยความประหลาดใจ “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แล้วนั่นอาจารย์เซียว? คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
“หยูซวนไปกันเถอะ!”จี้เฟิงไม่สนใจคำถามของฮูซู่ฮุ่ย เขาเพียงแค่มองเธอด้วยหางตาและเดินออกจากร้านไป
ขณะที่เดินสวนกันเซียวหยูซวนก็พยักหน้าให้ฮูซู่ฮุ่ยเล็กน้อยก่อนจะเดินตามจี้เฟิงไป
ฮูซู่ฮุ่ยอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงแต่ก่อนที่เธอจะคิดได้เธอก็เห็นพี่สาวและพี่เขยของเธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ต่างพากันชี้ไปที่พวกเขาและซุบซิบกัน
“เหอๆอวดรวยเพื่อ ไม่มีเงินแล้วยังจะไปเสนอราคาแข่งกับคนอื่น แล้วตอนนี้จะมาทำเป็นอาย?”
“เขาอวดรวยด้วยเหรอนึกว่าหน้าบานเฉยๆ นี่ทำตัวหน้าใหญ่ด้วยเหรอเนี่ย?”
“ผู้ชายคนนี้อ้วนพุงพลุ้ยขนาดนี้ทำไมกระเป๋าเงินของเขาถึงไม่อ้วนเท่าพุงเขาบ้างนะ ฮ่าฮ่า~!”
“เรื่องนี้มันเกิดจากผู้หญิงที่ดูสก๊อยๆคนนั้นถ้าเธอไม่เป็นฝ่ายเริ่มไปหาเรื่องผู้ชายกับผู้หญิงคู่เมื่อกี้ก่อน พวกเขาก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายแบบนี้หรอก!”
“ใช่ๆผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวได้โลว์คลาสมาก น่าจะเป็นพวกที่ขายป่ะ” “เห้ย!ถ้าอย่างนั้นผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่น่ะสิ พาผู้หญิงแบบนี้มาแถมยังมาทำเรื่องให้ตัวเองต้องอับอายอีก เฮ้อ~ ฉันจะไม่มีวันทำตัวอย่างนี้เด็ดขาด น่าขายหน้าแทนจริงๆ!”
………
ในขณะนั้นเองใบหน้าของอู๋ฉางฉุนและฮูซู่ฉินต่างเปลี่ยนเป็นสีเขียวและการ ‘ซุบซิบ’ ที่ ‘ดัง’ ของผู้คนโดยรอบทำให้ฮูซู่ฮุ่ยใบหน้าร้อนผ่าว คนที่พวกเขาพูดถึงนั้นเป็นพี่สาวและพี่เขยของเธอ โดยเฉพาะอู๋ฉางฉุนพี่เขยของเธอซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ในสายตาของเธอ เขาเป็นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยแต่ตอนนี้เขากลับถูกเยาะเย้ย
ฮูซู่ฮุ่ยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลบหนีออกไปจากสถานการณ์ที่น่าอับอายนี้เธอยังคงอดทนและฟังต่อไปจนในไม่ช้าเธอก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ปรากฏว่าพี่สาวและพี่เขยของเธอได้เป็นฝ่ายเริ่มเสนอราคาแข่งกับจี้เฟิง เมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดสีหน้าของฮูซู่ฮุ่ยก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวซีด
และในขณะนั้นเองมีเสียงหัวเราะดังออกมาจากภายในร้านฮูซู่ฮุ่ยหันกลับไปมองและพบว่า อู๋ฉางฉุนพี่เขยของเธอและฮูซู่ฉินพี่สาวของเธอกำลังเดินออกมา พร้อมกับผู้คนที่กำลังหัวเราะเยาะอยู่ข้างหลัง
“บอกฉันทีคุณผู้จัดการว่าแบบนี้คุณก็อดได้ค่าคอมมิชชั่นน่ะสิ ใช่มั้ย” ลูกค้าคนหนึ่งถามผู้จัดการแต่สายตาเย้ยหยันมองไปทางอู๋ฉางฉุนและฮูซู่ฉิน
ผู้จัดการส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และยิ้มอย่างขมขื่น“ไม่ได้ครับ เป็นปกติในธุรกิจของเราที่จะต้องพบเจอกับลูกค้าหลากหลายประเภท แม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่น่ารักจิตใจดีและเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจริงๆ แต่ก็มักจะมีคนประเภทที่ประสบความสำเร็จปลอมๆมาทำตัวโอ้อวดภายในร้านอยู่บ้าง มันเป็นเรื่องที่เราได้แต่ทำใจน่ะครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า~!”ผู้คนในร้านพากันหัวเราะเสียงดัง เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าในความคิดของพวกเขานั้น อู๋ฉางฉุนเป็นเพียงนักธุรกิจจอมปลอมส่วนฮูซู่ฉินเป็นผู้หญิงที่ใช้ตัวเข้าแลกเพื่อจะเกาะนักธุรกิจอีกที สองคนนี้ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ!
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคนฮูซู่ฮุ่ยรู้สึกอับอายและพยายามมองหาทางที่จะหนีไปโดยเร็วที่สุด
แต่ในขณะนั้นเองเธอก็นึกภาพที่จี้เฟิงเหลือบมองเธอก่อนออกจากร้านขึ้นมาได้แววตานั้นเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามราวกับเขากำลังจะพูดว่า “ยังคิดว่าพี่เขยของเธอยิ่งใหญ่ร่ำรวยอยู่อีกงั้นเหรอ เหอะ! ช่างน่าสมเพชจริงๆ!”
ฮูซู่ฮุ่ยหันหลังกลับและรีบวิ่งหนีออกจากร้านพร้อมกับมีน้ำใสๆไหลออกจากดวงตาของเธอกระเซ็นไปในอากาศแต่เธอไม่ทันได้สังเกต
ในตอนนั้นจี้เฟิงและเซียวหยูซวนเดินกลับมาเพื่อจะกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง จี้เฟิงหันมองไปยังทิศทางที่ฮูซู่ฮุ่ยเพิ่งจะวิ่งหนีไปปรากฏรอยยิ้มจางๆขึ้นบนใบหน้าของเขา และเขาก็เดินเข้าไปในร้านพร้อมกับเซียวหยูซวน
หลังจากเรื่องตลกร้ายได้ผ่านพ้นไปผู้จัดการยังคงเสียดายกับค่าคอมมิชชั่นที่ถูกคนรวยจอมปลอมสองคนนั้นทำให้ต้องเสียลูกค้าดีๆไปแต่จี้เฟิงและเซียวหยูซวนก็ได้กลับมาซื้อนาฬิกาสองเรือนในราคาเดิมอย่างราบรื่น
ขณะที่พวกเขาสองคนเดินไปตามถนนจู่ๆเซียวหยูซวนก็ถามขึ้นว่า “จี้เฟิง ดูเหมือนคุณจะมีความหมายบางอย่างกับฮูซู่ฮุ่ยนะ!”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย“ไม่ว่าเธอจะคิดอะไรเกี่ยวกับผม เธอก็ไม่คู่ควรอีกต่อไป!”