The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 194 ผลกระทบที่สำคัญ
“ไปบ้านของคุณ”จี้เฟิงอ้าปากค้างเขามองไปที่เซียวหยูซวนอย่างว่างเปล่า หลังจากที่ดึงสติกลับมาได้เขาก็ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่า “คุณหมายถึงแม่คุณอยากเจอ… ผม?”
“ถูกต้องไม่ต้องมาทำหน้างง ใครใช้ให้คุณส่งข้อความกำกวมพวกนั้นมาหาฉันกันล่ะ! แล้วพอแม่ฉันเห็น แม่ก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆจนฉันต้องรับสารภาพไปตามความจริง” เซียวหยูซวนหัวเราะเบาๆ “ทำไมล่ะ กลัวเหรอ?”
“ฮ่า..ฮ่า”
จี้เฟิงขำแห้งๆก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังและพูดอย่างหนักแน่นว่า“อย่ามาพูดอะไรตลกๆแบบนั้นสิ ผมเนี่ยนะจะกลัว”
“แล้วทำไมคุณทำท่าเหมือนไม่อยากจะไปบ้านฉัน”น้ำเสียงของเซียวหยูซวนเริ่มไม่ดี เธอตะคอก “เจ้าตัวเล็ก นี่ไม่ใช่เวลาจะมาทำเป็นเล่นนะ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดฉันคงจะคบกับคุณไม่ได้จริงๆ”
ครอบครัวมีผลค่อนข้างมากเกี่ยวกับการเลือกแฟนของเซียวหยูซวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ของหลี่เว่ยตงที่เหอตงอดีตแฟนหนุ่มของเธอก่อเรื่องใหญ่เอาไว้ เซียวหยูซวนจึงถูกเพ่งเล็งจากครอบครัวมากขึ้นในการมีแฟน และในตอนนี้เซียวหยูซวนที่กำลังคบหากับจี้เฟิง พ่อของเธอยังคงมีความไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แล้วถ้าจี้เฟิงมาถอยเอาตอนนี้ ความหวังระหว่างพวกเขาทั้งสองก็คงจะริบหรี่
เมื่อเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเซียวหยูซวนจี้เฟิงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นไม่นานเขาก็ถามเบาๆว่า “หยูซวนครอบครัวของคุณไม่เห็นด้วยกับการคบกันของเราเหรอ หรือว่ามีปัญหาอื่นๆอีก..”
“ไม่ไม่!”เซียวหยูซวนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ “คุณอย่าคิดมาก”
จี้เฟิงไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่คิ้วของเขายังคงขมวดเป็นปม
ทันใดนั้นเซียวหยูซวนก็ยิ้มและพูดว่า“ตอนแรกฉันวางแผนที่จะบอกคุณในภายหลัง เพราะสิ่งที่เหอตงทำ… มันทำให้พ่อแม่ของฉันมองโลกในแง่ร้ายขึ้นเล็กน้อยเกี่ยวกับการที่ฉันจะมีแฟน”
“แล้ว”จี้เฟิงถาม
เซียวหยูซวนยิ้มอย่างขมขื่น“ก็เพราะแบบนั้น… พวกเขาเลยอยากจะให้ฉันพาแฟนของฉันไปแนะนำให้พวกเขารู้จัก”
ดวงตาของจี้เฟิงหรี่ลงทันใดจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและถาม “งั้นที่พ่อแม่ของคุณอยากให้ผมไปที่บ้านของคุณจริงๆแล้วพวกเขาต้องการพูดให้ผมเลิกคบกับคุณเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน!”เซียวหยูซวนมีสีหน้าที่ลำบากใจ เธอกล่าวว่า “แม้ว่าคำพูดของแม่จะดูอึดอัดอยู่บ้าง แต่พ่อของฉันเป็นคนเปิดกว้าง เขาไม่ได้ถามอะไรฉันมากนักแต่คราวนี้ดูเหมือนว่าแม่ของฉันจะเชิญคนอื่นด้วย” “เชิญคนอื่น”จี้เฟิงเหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง “อย่าบอกนะว่าคนที่แม่ของคุณเชิญมาคือคนที่อยากเอามาแนะนำให้คุณรู้จัก?”
เซียวหยูซวนพยักหน้าเล็กน้อย
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็หัวเราะ“สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมสินะเนี่ย!”
ทันใดนั้นเซียวหยูซวนก็จ้องมองจี้เฟิงด้วยความโกรธและกล่าวว่า“คุณไม่มีสิทธิพูดแบบนี้ ความจริงแล้วที่แม่ของฉันทำแบบนั้นก็เพื่อผลประโยชน์ของฉันเอง อย่าตำหนิเธอ! เพราะหลังจากเกิดเรื่องของเหอตงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะไม่ไว้ใจให้ฉันคบใครง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยากจะแนะนำให้ฉันรู้จักกับผู้ชายคนนั้นจริงๆแล้วเป็นป้าของฉัน เธอคอยรบเร้าแม่ฉันมาพักใหญ่ๆแล้วล่ะ เธอพยายามบอกแม่ฉันว่าอย่าอนุญาตให้ฉันคบหากับผู้ชายคนอื่นเป็นการส่วนตัว”
จี้เฟิงจับคางของเขาและพึมพำ“อืม… งั้นที่ผมถูกเรียกตัวไปบ้านคุณคราวนี้ก็เหมือนถูกเรียกไปเชือดสินะเนี่ย!”
“ตาบ้าเอ๊ย!เรียกไปเชือดอะไรกันล่ะ!” เซียวหยูซวนถลึงตาใส่จี้เฟิง
“คุณยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่คุณถึงตัวตนที่แท้จริงของผมใช่มั้ย”จี้เฟิงถามยิ้มๆ
“ถ้าฉันบอกคุณคิดว่าญาติฉันจะกล้าแนะนำฉันผู้ชายคนอื่นให้กับฉันงั้นเหรอ!” เซียวหยูซวนตอบพร้อมกับยังคงจ้องจี้เฟิงเขม็ง “แล้วถ้าคุณไปที่บ้านฉัน คุณห้ามก่อเรื่องล่ะ ฉันไม่อยากให้พ่อแม่ของฉันต้องตกใจ และมันจะเป็นปัญหาทำให้เราสองคนไม่สามารถคบหากันได้อีกต่อไป”
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็หัวเราะและพูดว่า“ไม่ต้องห่วงผมรู้ว่าควรทำอะไร”
แม้เซียวหยูซวนจะพูดเช่นนั้นแต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อจี้เฟิงมากนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พ่อแม่ของเธอจะเห็นด้วยหรือไม่ ส่วนญาติของเธอไม่ได้เป็นคนที่จะสามารถเป็นภัยคุกคามอะไรกับจี้เฟิงได้เลย “ฉันไม่ได้จะทำอะไรไม่ดีก็แค่จะเอาชนะ ‘คนอื่น’ ที่บังอาจมาเป็นคู่แข่งจีบแฟนของฉันก็เท่านั้นเอง” จี้เฟิงพูดอยู่ในใจอย่างลับๆ ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับแฟนของเขา จะมัวให้เขาเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นสุภาพบุรุษผู้อ่อนน้อมอยู่ได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมเพราะอีกฝ่ายไม่ควรมีความคิดเช่นนี้ด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นจี้เฟิงคงจะต้องเป็นฝ่ายรังแกคนอื่นก่อนอย่างแน่นอนคราวนี้
“จี้เฟิงงั้นเอาเป็นว่าฉันจะนัดพ่อกับแม่เป็นวันพรุ่งนี้ตอนค่ำๆเลยแล้วกันนะ วันมะรืนนี้ก็เป็นวันหยุดวันสุดท้ายแล้วนี่นา เพราะถ้าถงเล่ยกลับมาเดี๋ยวเรื่องนี้มันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณมีปัญหา!” เซียวหยูซวนพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมากที่สุดก็คือเวลาที่เซียวหยูซวนพูดล้อเล่นเรื่องของเขาและถงเล่ย ไอลีนโนเวล
ราวกับเซียวหยูซวนจะรู้ว่าจี้เฟิงกำลังคิดอะไรอยู่เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะ ไม่ล้อแล้วก็ได้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆฉันจะไปรับคุณ”
เมื่อจี้เฟิงกลับมาที่หอพักเขายังคงรู้สึกแปลกๆจึงได้แต่ส่ายหัวและยิ้มอย่างบิดเบี้ยว เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องไปพบกับพ่อแม่ของเซียวหยูซวนเร็วขนาดนี้
ทันใดนั้นเขาเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทางกลับกันเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพ่อแม่ของเขาจะโอเคกับเซียวหยูซวนหรือเปล่า
“เหอๆ…”จี้เฟิงหัวเราะเก้อๆ “แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจเซียวหยูซวน แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้ ยังไงฉันก็ไม่ใช่เด็กดีที่เชื่อฟังอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว ส่วนแม่ฉันรู้วิธีที่จะทำให้เธอยากที่จะปฏิเสธเรื่องที่ฉันต้องการได้อยู่แล้ว”
ไม่มีใครรู้จักนิสัยของเซียวซูเหม่ยแม่ของจี้เฟิงได้ดีไปกว่าตัวจี้เฟิงเองอีกแล้วเขารู้ดีว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่รักเขามากที่สุดและเธอจะทนไม่ได้หากจะต้องเห็นลูกชายตัวเองต้องผิดหวัง
จี้เฟิงยังคงจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นประถมเขาต้องการกระเป๋านักเรียนใบใหม่และไม่ต้องการใช้กระเป๋านักเรียนเศษผ้าที่แม่ของเขาทำให้
ด้วยเหตุนี้เองเซียวซูเหม่ยจึงไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลาสามคืนติดต่อกันโดยเธอยืนกรานอย่างหนักแน่นที่จะเก็บขวดแก้วและขวดเครื่องดื่มจากในที่ที่ไกลกว่าเดิมให้ได้ปริมาณที่มากขึ้นและนำไปขายเพื่อรวบรวมเงินไปซื้อกระเป๋านักเรียนใบใหม่ให้กับลูกชายของเธอ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จี้เฟิงจะจดจำตลอดไปนับแต่นั้นเป็นต้นมาจี้เฟิงไม่เคยแสดงความต้องการให้แม่เขาเห็นอีกเลย แม้กระเป๋านักเรียนที่มีอยู่จะขาดรุ่งริ่ง เครื่องเขียนที่แทบจะหมดสภาพ เสื้อผ้ามือสองที่ราคาถูกที่สุด แม้จะมีเพียงเท่านี้จี้เฟิงก็อบอุ่นใจ เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของแม่ที่ทำงานหนักหามาเพื่อเขา
เป็นเพราะเหตุนี้เองจี้เฟิงจึงรู้ดีว่าแม่ของเขารักเขามากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยบุคลิกและลักษณะนิสัยของเซียวหยูซวนที่เป็นคนอ่อนโยนและฉลาดแม่ของเขาจะต้องไม่เกลียดเธออย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงเรื่องแม่ความกังวลก็เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจเขาอีกครั้ง เขาจะต้องทำให้กระแสไฟฟ้าชีวภาพที่มีอยู่ในตัวเขาบรรลุไปถึงเป้าหมายโดยเร็วที่สุดให้ได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาจึงจะสามารถเริ่มฝึกการเคลื่อนไหวของยิมนาสติกชุดแรกได้
“ถ้าการกระทำเหล่านี้มีผลในการยืดอายุก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก!”จี้เฟิงยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเขาก็นอนลงบนเตียงและตั้งสมาธิเพื่อเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขาอีกครั้ง
หากมีใครบังเอิญมาเห็นจี้เฟิงในเวลานี้จะพบว่ามีแสงสีขาวจางๆไหลเวียนอยู่ที่ใบหน้าของเขา
สถานการณ์แบบนี้เกรงว่าถ้าเป็นคนที่กลัวผีมาเจอเข้าก็คงจะตกใจอย่างแน่นอน
โชคดีที่ช่วงนี่เป็นช่วงของวันหยุดยาวของเดือนพฤศจิกายนจึงไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องจึงไม่มีใครมาเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของจี้เฟิงในเวลานี้
คืนหนึ่งผ่านไปและเมื่อจี้เฟิงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเขารู้สึกมีพลังมากขึ้นกว่าเมื่อวานเป็นร้อยเท่า ราวกับว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งและสามารถทำได้ทุกอย่างโดยที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยที่เขาสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาเหมือนจะเบาลง
“เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้ฝึกซ้อมอะไรต่างไปจากเดิมมากมายทำไมรู้สึกแปลกๆ”จี้เฟิงรู้สึกสงสัยเขาจึงลงมาจากเตียงและลองกระโดดเบาๆ
“เฮ้ย!”
จี้เฟิงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก้มลงมองไปที่เท้าของตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า ตอนนี้ตัวเขามาอยู่บนโต๊ะที่อยู่กลางห้องของหอพักจากการออกแรงกระโดดเพียงเล็กน้อย!
“มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ”จี้เฟิงบ่นพึมพำด้วยสมองที่ว่างเปล่า
หลังจากได้สติจี้เฟิงก็กระโดดลงจากโต๊ะและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นมาก“ดูเหมือนว่ายิมนาสติกชุดที่สองที่ฉันกำลังฝึกจะไม่ใช่แค่ยิมนาสติก แต่มันต้องเป็นเคล็ดลับของศิลปะการต่อสู้ในตำนานอย่างแน่นอน!”
“ดูเหมือนมันจะเป็นผลลัพธ์จากการที่ฉันเร่งฝึกฝน แต่ยังไงมันก็ยังน่าตกใจอยู่ดี!” จี้เฟิงพยายามคิดหาเหตุผลถึงผลลัพธ์ที่น่าตกใจนี้
จี้เฟิงมองดูเวลาและพบว่ามันเป็นเวลาหกโมงเช้าแล้วเขารีบอาบน้ำล้างหน้าและวิ่งไปที่โรงอาหาร
จี้เฟิงได้รับบัตรอาหารมาแล้วมันถูกดำเนินการในช่วงก่อนวันหยุดของเดือนพฤศจิกายน และจี้เฟิงไม่อยากให้เซียวหยูซวนต้องรีบตื่นแต่เช้าเพราะเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะมารับประทานอาหารเช้าคนเดียวที่โรงอาหาร
อย่างไรก็ตามทันทีที่จี้เฟิงวิ่งออกจากหอพักเขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เป็นสายของเซียวหยูซวน
จี้เฟิงกดรับโทรศัพท์ทันทีด้วยรอยยิ้ม“คิดถึงผมแต่เช้าจนทนไม่ไหวเลยเหรอ!”
“ฉันเตรียมอาหารเช้าไว้แล้วมาที่อะพาร์ตเมนต์ของฉัน หลังจากเราทานเสร็จฉันจะพาคุณไปซื้อเสื้อผ้า!” เซียวหยูซวนเมินประโยคล้อเล่นของจี้เฟิงราวกับว่าเธอไม่ได้ยินมันและพูดเข้าประเด็นทันที
“ซื้อเสื้อผ้าซื้อเสื้อผ้าอะไร?” จี้เฟิงถามอย่างงงๆ
“จะซื้อเสื้อผ้าอะไรซะอีกล่ะ!”เซียวหยูซวนยิ้มอย่างอ่อนใจ “คุณไปที่บ้านฉันครั้งแรก มันก็ต้องดูดีหน่อยหรือเปล่าล่ะ! บางครั้งเสื้อผ้าดีๆสักชิ้นมันก็ช่วยเปลี่ยนมุมมองของคนอื่นที่มีต่อเราได้ตั้งแต่แรกพบเลยนะ!”
“ไม่เห็นต้องสนใจสายตาคนอื่นเลย!”อย่างไรก็ตามจี้เฟิงไม่ได้พูดประโยคนี้ออกไป เขาได้แต่คิดในใจเงียบๆ
“คร้าบๆผมกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” หลังจากที่จี้เฟิงพูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์และพึมพำกับตัวเอง “ถ้าแบบนี้ให้ฉันอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์กับเธอไปเลยมันจะไม่สะดวกกว่าเหรอ ฉันจะได้ไม่ต้องวิ่งไปที่นั่นทุกวัน!”
“อืม..ไว้ลองชวนเซียวหยูซวนไปหาบ้านอยู่ข้างนอกด้วยกันอย่างจริงๆจังๆอีกทีดีกว่า ฉันคงไม่อาจปล่อยแฟนของตัวเองต้องอยู่อะพาร์ตเมนต์ไปได้ตลอด” จี้เฟิงตัดสินใจและตั้งใจจะพูดเรื่องนี้กับเซียวหยูซวนในภายหลัง
………
อาหารเช้าที่ทำเองง่ายๆของเซียวหยูซวนทำให้จี้เฟิงตื่นเต้นเหมือนเดิมนมถั่วเหลืองง่ายๆหนึ่งชามและแผ่นแป้งชุบไข่ทอดสองสามแผ่นก็ทำให้จี้เฟิงกินมันได้อย่างเอร็ดอร่อย
“กินเยอะๆนะวันนี้มีความท้าทายเล็กน้อยรอคุณอยู่!” เซียวหยูซวนคีบไข้ม้วนและวางลงบนจานให้จี้เฟิงอย่างแผ่วเบา “เดี๋ยวตอนเช้าเราไปช้อปปิ้งกันฉันจะได้พาคุณไปซื้อเสื้อผ้าที่จะใส่ไปบ้านฉันในคืนนี้ด้วยเลย คงต้องดูดีหน่อยแล้วล่ะ เพราะดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องหัวสูงของฉันจะมากันทั้งบ้านเลย ในเมื่อมากันครบทีมขนาดนี้ฉันว่าคืนนี้บ้านฉันคงบันเทิงน่าดู!”
จี้เฟิงรู้สึกแปลกใจและรีบถามทันที“ที่คุณบอกว่าญาติของคุณเป็นคนหัวสูง ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกครอบครัวคุณโดยการหาผู้ชายรวยๆมาแต่งงานกับคุณอะไรแบบนั้นหรอกนะ หรือว่าเธอต้องการประจบประแจงพ่อแม่ของคุณโดยการหาคู่ครองให้คุณ?”
ถ้าจี้เฟิงจำไม่ผิดครอบครัวของเซียวหยูซวนเปิดบริษัทมีธุรกิจเป็นของตนเองก็มีความเป็นไปได้ว่าญาติของเธออาจจะต้องการผลประโยชน์อะไรบางอย่างจากครอบครัวเธอ แต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเซียวหยูซวนจะมีความเป็นไปได้ไหมที่ครอบครัวของญาติเธอจะร่ำรวยและมีอิทธิพลมากกว่าครอบครัวของเซียวหยูซวน
เซียวหยูซวนส่ายหัวและพูดว่า“ฉันคงไม่สามารถบอกได้ว่าญาติฉันทำไปเพื่ออะไร แต่ที่ฉันกล้าพูดคือพ่อฉันเป็นคนใจดี ส่วนฐานะของครอบครัวญาติฉันค่อนข้างร่ำรวยเลยออกจะหัวสูงหยิ่งยโสอยู่ซักหน่อย”