The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 196 ชีวิตของเหอตง
บ้านของเซียวหยูซวนตั้งอยู่ในเขตใหม่ของเจียงโจวชื่อว่าเขตผู่เจียง
กว่าร้อยปีที่แล้วสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงชายหาดร้างและเมืองเจียงโจวเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆแต่ตอนนี้เจียงโจวได้กลายเป็นสถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งตะวันออกของจีนที่น่าภาคภูมิใจและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เนื่องจากครอบครัวของเซียวหยูซวนทำธุรกิจบริษัทยาซึ่งมีผลกำไรดีมากและบ้านของเซียวหยูซวนมีลักษณะเป็นคฤหาสน์หลังเดี่ยวตั้งอยู่ในสถานที่ที่สวยงามมาก พื้นที่แห่งนี้ถือว่าเป็นทำเลทองที่มีราคาสูงเป็นลำดับต้นๆของเจียงโจวเลยทีเดียว
จี้เฟิงที่ยืนอยู่ด้านนอกวิลล่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้“หยูซวนดูเหมือนว่าบริษัทยาของครอบครัวคุณจะไม่ใช่บริษัทเล็กๆอย่างที่คุณพูดถึงนะ แค่ขนาดบ้านของคุณก็ไม่น่าจะใช้คำว่าเล็กๆแล้วนะผมว่า”
เซียวหยูซวนเหลือบมองเขาเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า“ครอบครัวที่สามารถก่อตั้งเป็นบริษัทได้ในเจียงโจวเกรงว่าการมีบ้านแบบนี้คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วถ้าหากบอกว่าบริษัทของครอบครัวฉันเป็นบริษัทใหญ่ บริษัทอื่นๆก็คงเป็นระดับโลกไปแล้วล่ะ”
“อืม…ก็เป็นไปได้” จี้เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงฉินซูเจี๋ยผู้หญิงที่เขียนเช็คมูลค่าหลายสิบล้านโดยไม่ลังเล เมื่อมองจากมุมมองนี้มันทำให้จี้เฟิงคิดได้ว่าในเจียงโจวมีคนที่ร่ำรวยอยู่มากมายจริงๆ และบุคลิกลักษณะของพวกเขาส่วนมากก็เป็นอะไรที่จี้เฟิงยังไม่สามารถเข้าใจได้ในตอนนี้
และแน่นอนว่าผู้หญิงที่เรียกว่าร่ำรวยมากอย่างฉินซูเจี๋ยเมื่อเทียบกับผู้คนส่วนมากในเจียงโจวเธอเป็นเพียงแค่ระดับกลางๆเท่านั้นแต่อย่างน้อยก็ยังมีมนุษยธรรมมากกว่าคนอย่างหลี่เว่ยตง นี่อาจเรียกได้ว่ามีเงินเป็นล้านแต่ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความเป็นมนุษย์ให้สูงขึ้นตามเงินที่มีในกระเป๋าได้เลย
“จี้เฟิงถ้าญาติของฉันพูดอะไรที่ทำให้คุณไม่พอใจ คุณต้องอดทนไว้นะ ไม่ต้องไปตอบโต้พวกเขา!” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะเตือนอีกครั้ง “พวกเขาอาจจะพูดจาไม่เข้าหู แต่จริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แค่นิสัยพวกเขามันเป็นแบบนั้นเอง เพื่อเห็นแก่หน้าฉันคุณอดทนได้ใช่มั้ย”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกเล็กๆของเซียวหยูซวนและหัวเราะ“ทำไมในสายตาของคุณ ผมเป็นแฟนที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ต่อหน้าคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นฉันรู้ว่าคุณมีความอดทนเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น!” เซียวหยูซวนมองเขาอย่างอ่อนใจ แต่มีประโยคหนึ่งที่เธอพูดออกไปไม่หมด แต่คุณไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องอดทนเลย ฉันกลัวตรงนี้นี่แหละ!
แม้ว่าก่อนหน้านั้นฉันจะไม่รู้ว่าจี้เฟิงไปทำมาอะไรมาแต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหลี่เว่ยตง จี้เฟิงได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่และทำให้งานเลี้ยงทั้งงานต้องหยุดชะงัก หลี่เว่ยตงไม่ใช่คนตัวเล็กๆที่จะยอมให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าจี้เฟิงสามารถจัดการปัญหาโดยที่ไม่จำเป็นต้องโวยวายใหญ่โต เขายังคงรักษาสถานการณ์ได้ดีและมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้นคนอย่างจี้เฟิงที่มีความมั่นคงและมีความอดทนถ้าทำให้คนเช่นนี้โกรธจะเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
เซียวหยูซวนเคยเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้วเพราะแม้แต่เสี่ยวหลิงเพื่อนของเธอเอง จี้เฟิงก็ยังไม่มีความปราณี ถ้าไม่ใช่เพราะเธอขอร้องเขาอย่างสุดความสามารถหลายต่อหลายครั้ง เกรงว่าป่านนี้เสี่ยวหลิงคงได้เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกอีกหลายปี
มันเป็นสิ่งที่เซียวหยูซวนน่าจะมีความสุขเมื่อเธอได้ผู้ชายแบบนี้มาเป็นแฟนแต่ตอนนี้เธอมีญาติที่มักจะพูดจาขวานผ่าซากและหัวสูงชอบดูถูกคน และพวกเขากำลังจะเจอกับจี้เฟิงเร็วๆนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เจอกันในฐานะมิตรสหายแต่แทบจะเรียกได้ว่าอยู่กันคนละฝ่ายกันเลยก็ว่าได้
เซียวหยูซวนกลัวว่าญาติของเธอจะทำอะไรที่มากเกินไปจนทำให้จี้เฟิงไม่พอใจแม้ว่าตอนนี้จี้เฟิงจะรับปากแล้วว่าเขาจะพยายามอดทนเพื่อเห็นแก่หน้าเธอ แต่อันที่จริงมันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จี้เฟิงจะต้องอดทนหากเขาถูกญาติของเธอพูดจาดูหมิ่น เขาสามารถจะทำอะไรกับครอบครัวของญาติเธอเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยซ้ำ เพราะตัวตนของจี้เฟิงนั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเจ้าชายในอนาคตก็ว่าได้!
หากเขาคิดที่จะจัดการกับครอบครัวญาติของเธอเขาก็มีวิธีตั้งมากมายยิ่งไปกว่านั้นถ้าเรื่องเกิดเลยเถิดจนเป็นเรื่องใหญ่ ก็คงจะไม่มีใครสามารถที่จะหยุดเขาได้ นี่คือสิ่งที่เซียวหยูซวนเป็นกังวลที่สุด ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เพียงบอกจี้เฟิงครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าโกรธ
เซียวหยูซวนคิดไว้ในใจว่าถ้าญาติของเธอเกิดพูดอะไรที่มากเกินไปเธอจะเป็นคนออกปากขับไล่พวกเขาอย่างไร้ความปราณีด้วยตัวเธอเอง
ราวกับว่าจี้เฟิงรู้ว่าเซียวหยูซวนกำลังคิดอะไรอยู่เขาจึงหัวเราะออกมาเบาๆและพูดว่า “ไม่ต้องคิดมาก ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับผมมากจนเกินไป ผมก็จะไม่ยุ่งกับเขาอย่างแน่นอน ที่ผมมาที่นี่วันนี้ไม่ได้มาเพื่อพบกับญาติของคุณ แต่มาเพื่อพบคุณลุงกับคุณป้าพ่อแม่ของคุณต่างหาก!”
เซียวหยูซวนพยักหน้าเล็กน้อยความหมายในคำพูดของจี้เฟิงนั้นชัดเจนมา เขามาเพื่อพบพ่อแม่ของเธอเท่านั้น ถ้าญาติของเธอไม่ได้ทำอะไรที่มากเกินไปจี้เฟิงก็จะไม่ทำอะไร
“งั้นเราไปกันเถอะ!”เซียวหยูซวนแอบมองจี้เฟิงด้วยความแปลกใจ เขาเปลี่ยนไปมากเจ้าตัวเล็กของเธอทำไมถึงได้ดูสง่าผ่าเผยกว่าเมื่อก่อนได้มากขนาดนี้
ทั้งสองจอดรถไว้ในโรงรถข้างวิลล่าบ้านของเซียวหยูซวนและเตรียมที่จะเข้าไปในวิลล่าโดยตรงจากประตูด้านข้างแต่จู่ๆใบหน้าที่สวยงามของเซียวหยูซวนก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย
จี้เฟิงถามด้วยความสงสัย“หยูซวนมีอะไรเหรอ”
เซียวหยูซวนอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ตอบด้วยใบหน้าที่เริ่มเป็นสีแดง“คือ..ฉันลืมเอากุญแจมา”
“….”ทันใดนั้นจี้เฟิงก็หัวเราะออกมา ตอนนี้มีเพียงกำแพงกั้นระหว่างโรงรถและวิลล่าที่พักของครอบครัวของเซียวหยูซวน แต่เซียวหยูซวนดันลืมเอากุญแจมาดูเหมือนว่าทั้งสองจะต้องเดินอ้อมไปที่ประตูใหญ่เท่านั้น
“คุณก็มีข้อเสียเหมือนกันแฮะ!”จี้เฟิงพูดยิ้มๆ
“ฉันก็เป็นคนธรรมดานะก็ต้องมีลืมกันบ้าง..” เซียวหยูซวนบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยแต่ใบหน้าที่สวยงามของเธอที่กำลังแดงด้วยความเขินอายกลับยิ่งดูมีเสน่ห์ เซียวหยูซวนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแค่พาแฟนมาพบพ่อกับแม่ทำไมฉันถึงได้เป็นกังวลมากขนาดนี้ ผิดหวังในตัวเองชะมัด!
โดยปกติแล้วเซียวหยูซวนจะไม่มีอาการหลงลืมอะไรแบบนี้มากนักแต่เป็นเพราะวันนี้เธอรู้สึกประหม่าจริงๆซึ่งผลของมันก็คือทำให้เธอลืมที่จะเอากุญแจมาด้วย
ไม่มีทางเลือกอื่นตอนนี้พวกเขาจึงต้องเดินอ้อมไปที่ประตูด้านนอกเท่านั้น
แต่ในขณะที่พวกเขาเดินออกจากโรงจอดรถไปที่ประตูใหญ่ท่าทีของเซียวหยูซวนก็เปลี่ยนไปทันที
“เกิดอะไรขึ้น”จี้เฟิงสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างกับเซียวหยูซวน เขาจึงถามขึ้นทันที
“เหอตง…อยู่ที่นี่!”เซียวหยูซวนตอบเสียงเบา
จี้เฟิงหันไปมองตามสายตาของเซียวหยูซวนทันทีและแน่นอนว่าเขาเห็นเหอตงเดินไปเดินมาอยู่นอกประตูโรงรถด้วยสีหน้าที่ดูวิตกกังวล
“เราไปกันเถอะไม่ต้องไปสนใจเขา!” จี้เฟิงพูดด้วยเสียงราบเรียบ เขาไม่ได้สนใจเหอตงจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นด้านไหนเหอตงก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย
เมื่อมีจี้เฟิงอยู่ข้างๆหัวใจของเซียวหยูซวนก็รู้สึกอบอุ่นมันเป็นความสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอยิ้มและพยักหน้าให้กับจี้เฟิง Aileen-novel
เมื่อเหอตงเห็นจี้เฟิงและเซียวหยูซวนเขามีท่าทีลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามหากมีใครใส่ใจกับท่าทางการเดินของเขาในตอนนี้คุณจะพบว่าเขาดูง่อยๆยังไงชอบกล
“หยู…คุณเซียว คุณจี้!” เหอตงตะโกนด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
“เหอตงคุณกับฉันเป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกัน แล้วทำไมคุณถึงได้มาอยู่ที่บ้านของฉัน!” เซียวหยูซวนถามด้วยความระแวดระวัง เพราะถ้าเหอตงต้องการที่จะมาล้างแค้นครอบครัวของเธอ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
เหอตงรีบพูดทันที“คุณเซียวอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด ที่ผมมาวันนี้เพื่อขอให้คุณเซียวช่วยอะไรผมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมไม่ขอให้คุณยกโทษให้กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป ผมเพียงแค่ขอให้คุณช่วยปล่อยผมไป ผมขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขเท่านั้น!”
เมื่อเห็นท่าทางขอร้องอ้อนวอนอย่างหมดหนทางของเขายิ่งทำให้เซียวหยูซวนรู้สึกสลดใจ
ตั้งแต่งานเลี้ยงวันเกิดของหลี่เว่ยตงเหอตงกลายเป็นคนที่ทำให้หลี่เว่ยตงต้องพบกับความอัปยศอดสู ในคืนนั้นเขาถูกซ้อมอย่างรุนแรงและถูกจับโยนออกไปจากงานทันที
แน่นอนว่าเขาที่เคยเป็นหัวหน้าแผนกในบริษัทของหลี่เว่ยตงต้องตกงานโดยอัตโนมัติตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็แทบไม่เหลืออะไรเลย เขาพยายามหางานใหม่ทำ แต่ทุกครั้งที่ได้งานใหม่เขาจะอยู่ได้นานที่สุดก็ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นเขาจะถูกเจ้านายไล่ออกทุกครั้งและก็ไม่ได้เงินค่าจ้างเลยแม้แต่หยวนเดียว
ในช่วงแรกเขายังคงต่อสู้อย่างหนักพยายามใช้เหตุผลต่างๆนาๆกับเจ้านายเพื่อที่จะได้เงินเดือนในส่วนที่เขาควรจะได้คืน แต่คำพูดของเจ้านายทำให้เขาถึงกับเย็นเยียบไปทั่วร่างกาย “ถ้าอยากได้เงินเดือนก็ไปขอกับคุณชายหลี่!”
เหอตงตกใจมากและทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าการถูกทุบตีในคืนนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นหลี่เว่ยตงไม่เคยคิดที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆ
และเมื่อเห็นว่าหลี่เว่ยตงหมายหัวเขาไว้แบบกัดไม่ปล่อยเขาก็รู้ในทันทีว่าเขาคงจะอยู่ในเจียงโจวไม่ได้อีกต่อไป และถ้าเขายังคงดิ้นรนอยู่ที่นี่ต่อไปเขาคงได้ถูกจับโยนลงแม่น้ำกลายเป็นอาหารปลาเข้าซักวัน ดังนั้นเหอตงจึงคิดที่จะออกจากเจียงโจวไป
แต่ทันทีที่เขาไปถึงสถานีรถไฟจู่ๆก็ถูกนักเลงกลุ่มหนึ่งวิ่งเขามารุมกระทืบเขาอย่างรุนแรงโดยไม่มีเหตุผลจากนั้นพวกนักเลงก็ขับรถหนีไป
เหอตงรู้สึกสิ้นหวังถึงที่สุดสิ่งนี้เป็นสารจากหลี่เว่ยตงที่จะบอกกับเขาว่า อย่าคิดที่จะหนีออกไปจากเจียงโจวได้ง่ายๆ เขาจะต้องถูกทรมานจนตายในเจียงโจว! และเขาก็ไม่มีทางที่จะขัดขืนได้เลย
เหอตงไม่คิดที่จะไปหาตำรวจหรือมองหาใครซักคนเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะเขารู้ดีว่าในเจียงโจวหากหลี่เว่ยตงต้องการจัดการกับเขามันก็มีวิธีมากมายนับไม่ถ้วนและเขาก็ไม่สามารถหลบหนีออกจากเจียงโจวได้ด้วย
ในท้ายที่สุดเหอตงจึงเหลือความหวังเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือเซียวหยูซวนและจี้เฟิง
ทั้งหมดในเจียงโจวคนคนเดียวที่จะสามารถช่วยเขาได้ก็น่าจะเป็นจี้เฟิง แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหอตงนั้นจี้เฟิงและเซียวหยูซวนไม่รู้และพวกเขาก็ไม่อยากรู้
และเมื่อทั้งสองคนเห็นการปรากฏตัวของเหอตงในวันนี้พวกเขาจึงรู้สึกตกใจและประหลาดใจ หลังจากที่จี้เฟิงและเหอตงสบตากัน จี้เฟิงก็ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “มีอะไร ฉันคิดว่าฉันไว้ชีวิตคุณแล้ว คุณก็น่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มนะ!”
เมื่อเหอตงได้ยินดังนั้นน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาทันทีและรีบอธิบายประสบการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของเขาให้จี้เฟิงและเซียวหยูซวนฟังและในที่สุดเขาก็พูดว่า “คุณเซียว คุณจี้ คุณเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยผมได้ในตอนนี้ ผมขอแค่ให้คุณช่วยโทรหาหลี่เว่ยตงและบอกให้เขาปล่อยผมไปถือว่าช่วยชีวิตผมได้มั้ย ผมไม่ขออะไรมากกว่านี้ ผมสัญญาว่าผมจะไม่ปรากฏตัวที่เจียงโจวอีกเลย นับจากนี้ไปผมจะอยู่ให้ห่างจากทุกๆที่ที่คุณไป ผมสาบาน!”
จี้เฟิงลังเลเล็กน้อยและถามว่า“ที่คุณจะให้ผมช่วย คือแค่ปล่อยให้คุณออกจากเจียงโจวไป”
“ใช่!”เหอตงพยักหน้าอย่างแรง “แค่ออกจากเจียงโจว ผมแค่อยากออกไปจากที่นี่!”
ในช่วงเวลานี้ในเจียงโจวสำหรับเขานั้นไม่ต่างจากนรกแม้แต่อยากจะตายเขาก็ยังไม่สามารถตายได้หากหลี่เว่ยตงไม่อนุญาต มันเป็นความรู้สึกที่การตายน่าจะสบายกว่ามีชีวิตอยู่
“เอาล่ะตอนนี้คุณกลับไปก่อน ไว้ฉันจะโทรคุยกับหลี่เว่ยตงให้ทีหลัง” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “คุณสามารถเก็บข้าวของของคุณและออกจากเจียงโจวในวันพรุ่งนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามฉันหวังว่าจะสามารถเชื่อใจในคำพูดของคุณได้ แล้วถ้าหากผมเห็นว่าคุณกลับมาที่เจียงโจวในภายหลัง…”
“ผมสาบานถ้าผมกลับมาขอให้ผมไม่ตายดี!” เหอตงรีบตะโกน เพราะต่อให้มีคนขอร้องให้เขากลับมาเขาก็ไม่มีทางกลับมาอย่างแน่นอน เจียงโจวสำหรับเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากนรก
“อืมไปเถอะพรุ่งนี้คุณก็ออกเดินทางได้เลย!” จี้เฟิงโบกมือ
“ขอบคุณขอบคุณคุณเซียว ขอบคุณคุณจี้ ผมเคยเป็นสัตว์ร้ายและทำสิ่งต่างๆมากมายที่ไม่ใช่มนุษย์ ผมขอโทษจริงๆ!” เหอตงเริ่มร้องไห้อย่างตื่นเต้นหลังจากได้รับคำสัญญาจากปากของจี้เฟิง
“รีบออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”เซียวหยูซวนพูดเบาๆ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเวทนาเหอตงที่มีสภาพเช่นนี้
สำหรับจี้เฟิงเขารู้ดีว่าระหว่างเซียวหยูซวนและเหอตงไม่มีความรู้สึกใดๆต่อกันอีกต่อไปและสาเหตุที่จี้เฟิงปล่อยเหอตงไปนั้นนั่นเป็นเพราะว่าสีหน้าของเซียวหยูซวนที่เต็มไปด้วยความเวทนา
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”เหอตงพยักหน้าอย่างลนลาน
แต่ในขณะนั้นเองจู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกล “เหอตง พ่อหนุ่มเหอตงเหรอนั่น?”