The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 199 หลุมพลางเล็กๆของจี้เฟิง
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 199 หลุมพลางเล็กๆของจี้เฟิง
สายตาของคนอื่นๆก็ถูกดึงดูดด้วยคำพูดของจี้เฟิงพวกเขาค่อยๆหันไปมองจี้เฟิงทีละคน หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเนื้อหาในคำพูดของหลิวซูหงก็ไม่ได้มีอะไรผิดถ้าไม่นับว่าเธอจงใจพูดจาถากถาง!
มุมปากของจี้เฟิงเหยียดออกและถามว่า“ก่อนอื่นคุณควรเรียกผมว่า จี้เฟิง เพราะในแง่ของความสนิทสนมและมารยาทมันเป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณกลับเรียกผมว่าเสี่ยวจี้ ซึ่งมันไม่โอเคสำหรับผม”
“ทำไมฉันเป็นป้าของซวนซวนฉันจะเรียกเธอว่าเสี่ยวจี้มีปัญหาหรือเปล่า?” หลิวซูหงยิ้มเยาะทันที เธอคิดว่าจะมีอะไร ที่ไหนได้เป็นแค่เรื่องเล็กๆ
“ถ้าเป็นลูกของหัวหน้าคุณหรือลูกของคนใหญ่คนโตคุณกล้าเรียกพวกเขาแบบนี้หรือเปล่าล่ะ”จี้เฟิงเลิกคิ้วถามอย่างแผ่วเบา
“โอ๊ยเด็กน้อยพูดจาเพ้อเจ้ออะไรอีกล่ะคิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นลูกนายกเทศมนตรีเหรอ เธอยังเป็นแค่เด็กนักเรียนนักศึกษาอยู่เลย!” หลิวซูหงกล่าวอย่างเหยียดหยาม “นอกจากนี้แม้ว่าเธอจะเป็นลูกคนใหญ่คนโตจริงๆแต่ตราบใดที่เธอเป็นแฟนของซวนซวนฉันก็เรียกเธอแบบนี้ได้ ตามปกติแล้วไม่มีแฟนของลูกหลานที่ไหนเขาจะปัญหากับการเรียกแบบนี้กันหรอกนะ!”
“อ๊ะงั้นผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมลืมไปเลยเพราะถ้ามองจากมุมมองของคุณ ผมเป็นแฟนของหยูซวนคุณเรียกผมแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ ขอโทษทีๆ” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย
“เอ่อ…”
หลิวซูหงเหวอไปเล็กน้อยเธอรู้สึกพูดไม่ออก ตอนนี้เธอเพิ่งจะเข้าใจว่าจี้เฟิงตั้งใจขุดหลุมพรางด้วยคำถามนี้มาตั้งแต่แรกและรอให้เธอตกหลุมพราง
คุณไม่ปฏิเสธว่าผมเป็นแฟนของหยูซวนแล้วเหรอจากคำพูดของคุณและสรรพนามที่คุณใช้เรียกผมว่า เสี่ยวจี้ นั่นเป็นเพราะว่าผมเป็นแฟนของหยูซวน ถ้าคุณไม่เห็นด้วยแล้วคุณจะอธิบายความย้อนแย้งนี้ได้อย่างไร?
นี่คือสิ่งที่จี้เฟิงหมายถึง
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตอนที่จี้เฟิงตัดจบบทสนทนาของหลิวซูหงทันทีที่เธอยอมรับว่าจี้เฟิงเป็นแฟนของเซียวหยูซวนด้วยการพูดขอโทษอย่างเด็ดขาดและดูจริงใจมาก
แล้วถ้าหากหลิวซูหงต้องการหักล้างคำพูดของจี้เฟิงเธอก็จะต้องขอโทษจี้เฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหากเธอไม่คิดว่าจี้เฟิงเป็นแฟนของเซียวหยูซวนการที่เรียกเขาแบบนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับหลิวซูหงที่ดูถูกจี้เฟิงมาตลอดจะมาพูดขอโทษจี้เฟิง
เป็นเวลาพักใหญ่ๆที่หลิวซูหงตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
เซียวฉางเหอมองไปที่จี้เฟิงอย่างมีความหมายเพียงคำพูดง่ายๆไม่กี่คำเขาก็ทำให้หลิวซูหงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดของจี้เฟิงอย่างไม่ต้องสงสัยและเป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“เหอะ!เป็นเด็กที่หัวหมอดีนะ!” ถังไห่เว่ยอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยเขามองไปที่จี้เฟิงด้วยสายตาผิดหวัง “น้องชายคุณทำตัวแบบนี้กับผู้ใหญ่ไม่ได้หรอกนะ คุณจะต้องเจอกับอะไรอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะวันหนึ่งถ้าคุณต้องเข้าสู่สังคมมันจะทำให้คุณดูเป็นเด็กร้ายกาจ!”
“ฮ่าฮ่า…”จี้เฟิงหัวเราะเบาๆและยิ้มอย่างเมินเฉยโดยไม่ได้ตอบอะไรออกไป ถ้าเขามองว่าถังไห่เว่ยเป็นคู่ต่อสู้เขาก็อาจจะตอบโต้อะไรกลับไปบ้าง แต่ถังไห่เว่ยสำหรับจี้เฟิงนั้นดีกว่าอู๋ฉางฉุนนิดเดียว
ท่าทีเมินเฉยของจี้เฟิงทำให้ใบหน้าของถังไห่เว่ยมืดมนขึ้นมาทันทีเขาอยากจะตะโกนด่าให้รู้แล้วรู้รอดแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้น เพราะที่นี่มีพ่อแม่ของเซียวหยูซวนนั่งจ้องมองอยู่ทุกการกระทำ เขาหยุดมองเด็กโอหังที่เขาเกลียดและหันศีรษะไปทางอื่น และแอบตัดสินอยู่ในใจอย่างลับๆว่าจะต้องสั่งสอนบทเรียนชุดใหญ่ให้กับเด็กคนนี้ให้ได้ในภายหลัง
“คุณลุงผมได้ยินป้าหลิวพูดว่าคุณเปิดบริษัท.. ยา” หลังจากหน้าตึงอยู่ไม่นานถังไห่เว่ยก็ยิ้มอีกครั้งและหันไปพูดกับเซียวฉางเหอ “พอดีผมสงสัยว่าคุณลุงพอจะสนใจทำธุรกิจร่วมกันกับสำนักงานสถานพยาบาลและโรงพยาบาลที่ 3 หรือเปล่า”
“สำนักงานสถานพยาบาลกับโรงพยาบาลที่3” เซียวฉางเหออึ้งไปเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะถามย้ำ
“ครับพอดีผมมีคนรู้จักอยู่สองสามคนทำงานเกี่ยวกับสำนักงานสถานพยาบาลต่างๆ แล้วก็มีผู้อำนวยการแผนกจัดซื้อของโรงพยาบาลที่ 3 เขารู้จักกันกับผมเป็นอย่างดีถ้าคุณลุงต้องการผมสามารถแนะนำให้คุณลุงรู้จักกับพวกเขาได้ หากมีเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจเฉพาะทาง… ผมว่าคุณลุงไปคุยกับพวกเขาเองดีกว่า ผมไม่ค่อยรู้เรื่องยามากนัก” ถังไห่เว่ยพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพร้อมกับมีร่องรอยของความพึงพอใจอยู่ในแววตา
“นั่นสินะ…”เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหัวใจเต้นรัว ในเจียงโจวมีประชากรหลายสิบล้านคนและมีโรงพยาบาลใหญ่ๆไม่รู้กี่แห่ง แต่ที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดและมีขนาดใหญ่จากที่นับได้ก็น่าจะมีเพียงสิบหรือยี่สิบโรงพยาบาลเท่านั้นและโรงพยาบาลที่ 3 นี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในยี่สิบแห่งที่ว่านั่น
ธุรกิจส่วนใหญ่ที่เซียวฉางเหอติดต่อเป็นโรงพยาบาลชุมชนในละแวกใกล้เคียงรวมถึงคลินิกเล็กๆบางแห่งด้วยส่วนใหญ่เป็นสถานพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก เพราะโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่างเช่นโรงพยาบาลที่ 3 ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ
เป็นเรื่องที่รู้กันในวงการธุรกิจเครือข่ายโรงพยาบาลว่าถ้าจะติดต่อทำธุรกิจยาร่วมกันกับโรงพยาบาลใหญ่ๆแบบนี้คุณต้องมีภูมิหลังที่ใหญ่โตพอสมควรและความแข็งแกร่งทางด้านธุรกิจต้องไม่ธรรมดา ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้
“ถ้าคุณลุงสนใจผมว่าเราออกไปกันเลยดีมั้ย เรายังพอมีเวลาเหลืออยู่ ผมนัดเพื่อนไว้แล้วและใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดเตรียมสิ่งต่างๆนี้ไว้เพื่อคุณลุง” เมื่อถังไห่เว่ยเห็นว่าเซียวฉางเหอเริ่มมีความสนใจกับสิ่งที่ล่อตาล่อใจขนาดนี้ เขาจึงรีบพูดต่อเมื่อไม่ให้เซียวฉางเหอปฏิเสธความต้องการลึกๆในฐานะนักธุรกิจได้ “ผมได้ยินมาว่ามีบริษัทยาหลายแห่งติดต่อกับพวกเขาเร็วๆนี้ แล้วถ้าผมไปสายเพื่อนของผมคงไม่สามารถช่วยคุณลุงในเรื่องนี้ได้แน่เลย”
“ถูกต้องที่สุด!น้องเขย บริษัทของน้องเขยเพิ่งถูกใครบางคนก่อเรื่องใหญ่ไว้ไม่นานมานี้และตอนนี้ก็กำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้โอกาสที่จะได้ขยายธุรกิจมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ฉันว่าน้องเขยควรจะไปนะ แล้วบังเอิญว่าพวกเราก็ไม่ได้มีธุระไปที่ไหนต่อด้วย ว๊างว่างพอดีเลย” หลิวซูหงหัวเราะคิกคักเสียงแหลม Aileen-novel
เซียวฉางเหอและภรรยามองหน้ากันจากนั้นก็มองไปที่เซียวหยูซวนลูกสาวของพวกเขา
“ตามใจพ่อกับแม่เลยค่ะ!”เซียวหยูซวนยิ้มเล็กน้อย เธอรู้สึกขบขันพลันคิดในใจว่า ถ้าถังไห่เว่ยและหลิวซูหงรู้จักตัวตนของจี้เฟิง พวกเขาจะยังมีท่าทางภาคภูมิใจขนาดนี้ได้อยู่หรือเปล่า
………
เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะไปโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารค่ำกันทุกคนก็ออกเดินทางทันที
ก่อนจะขึ้นรถถังไห่เว่ยหันหน้าไปทางครอบครัวเซียวเขายิ้มอย่างสุภาพและพูดว่า“เมื่อครู่ผมได้โทรไปจ้องห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมเจียงจินเยี่ย ไว้ให้แล้ว
“เสี่ยวถังเรื่องนี้คุณจะเป็นฝ่ายเสียเงินได้อย่างไร ทางเราต้องเป็นฝ่ายต้อนรับคุณสิ!” แม่ของเซียวหยูซวนเป็นคนใจดีมาก เธอคิดว่าไม่ว่าถังไห่เว่ยจะเป็นเจ้าของบริษัทที่ร่ำรวยแค่ไหน แต่เขาก็เป็นแขกที่มากับลูกพี่ลูกน้องของเธอและยังเป็นคนที่ลูกพี่ลูกน้องของเธออยากแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวของเธอด้วยแม้ว่าลูกสาวของเธอจะมีแฟนอยู่แล้วก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วมาเยือนก็คือแขก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการดูแลจากแขก
“ลูกพี่ลูกน้องมู่ไม่เป็นไปไรเลยเสี่ยวถังเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ เรื่องเงินไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว” เสียงเหมือนแม่ไก่ของหลิวซูหงดังขึ้นอีกครั้งและมันก็ทำให้เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เรื่องเงินแต่เสี่ยวถังเป็นแขก พวกเราควรเป็นฝ่ายเลี้ยงต้อนรับ!” เซียวฉางเหอพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ เขาไม่เคยชอบลูกพี่ลูกน้องของภรรยาเลย แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นญาติกันดังนั้นเขาจึงไม่อยากพูดอะไรมากนัก จี้เฟิงและเซียวหยูซวนที่ยืนอยู่ด้วยกันทำเพียงแค่มองหน้าและส่งยิ้มให้กันเล็กน้อยถังไห่เว่ยมีความกระตือรือร้นอย่างมากที่แสดงความเป็นเลิศของเขา โดยมีหลิวซูหงคอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้ยิ่งเหมือนกับเป็นการแสดงตัวตนในด้านลบของพวกเขามากยิ่งขึ้น เหมือนคำกล่าวที่ว่า “คนมีไม่อวดคนอวดมักไม่มี”
“เจ้าตัวเล็กถ้าคุณยังไม่แสดงตัวตนของคุณออกไปบ้างคุณจะยิ่งถูกเปรียบเทียบกับถังไห่เว่ยแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ”เซียวหยูซวนยิ้มบางๆและกระซิบที่ข้างหูของจี้เฟิง “ถ้ายังปล่อยให้เขาทำคะแนนสร้างความประทับกับพ่อแม่ฉันอยู่แบบนี้ คุณจะต้องเสียใจ!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกระซิบกลับ“คุณลุงไม่ใช่คนที่จะประทับใจใครง่ายๆเพียงแค่ผิวเผินอย่างที่คุณคิด คุณคิดว่าธุรกิจของเขาที่ทำมาตลอดหลายปีจะพบเจอแต่คนใสสะอาดเพียงอย่างเดียวอย่างนั้นหรือ บางทีคุณลุงอาจจะแย่ในเรื่องของการติดต่อทางธุรกิจแต่ผมมั่นใจว่าเขาคงไม่แย่ในเรื่องของการมองคนอย่างแน่นอน!”
“ทำเป็นรู้ดี!”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะมองจี้เฟิงด้วยความหมั่นไส้ แน่นอนว่าเซียวหยูซวนรู้ดีว่าพ่อแม่ของเธอเป็นอย่างไร ทำไมพวกเขาจะไม่รู้จักรูปลักษณ์ของคนที่หยิ่งผยองอวดดีแบบถังไห่เว่ยและหลิวซูหง เธอเพียงแค่ต้องการเห็นจี้เฟิงกระตือรือร้นที่จะต่อสู้เพื่อเธอ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเซียวหยูซวนจะลืมไปแล้วที่เธอบอกจี้เฟิงซ้ำๆว่าให้รู้จักอดทน
จิตใจของผู้หญิงช่างซับซ้อนยิ่งนัก…
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“โอเคๆ เอาเป็นว่าเรามีโอกาสได้กินข้าวเย็นฟรี มันไม่ดีตรงไหน”
“ห่วงแต่เรื่องกิน!”เซียวหยูซวนบ่นใส่จี้เฟิงอย่างโกรธๆ เจ้าตัวเล็กคนนี้นอกจากจะไม่มีความประหม่าแล้วยังมีเวลาไปห่วงเรื่องกินได้อยู่อีกเหรอ
“ซวนซวนเธอไปรถของเสี่ยวถังดีมั้ย ภายในมันกว้างและสะดวกสบายมากเลยนะ”หลิวซูหงดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อจี้เฟิงโดยสิ้นเชิงและหันไปพูดกับเซียวหยูซวนโดยตรง
ถังไห่เว่ยพูดเสริมจากด้านข้างว่า“ใช่แล้วหยูซวน เครื่องปรับอากาศในรถของผมมันถูกปรับแต่งมาให้เย็นขึ้นเป็นพิเศษ”
ในที่สุดจี้เฟิงก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง
เขามองไปที่หลิวซูหงอย่างเย็นชาผู้หญิงคนนี้ชักจะมากเกินไปแล้ว…
และถังไห่เว่ยถ้าคุณต้องการจะแข่งขันคุณจะเลือกใช้แนวทางนี้จริงๆงั้นหรือ
“หยูซวนไปคันเดียวกับผม!”จี้เฟิงพูดอย่างหนักแน่นโดยไม่มีคำอธิบายอื่นๆเพิ่มเติมอีก
จู่ๆใบหน้าของหลิวซูหงก็เปลี่ยนไปเธอรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกเธออ้าปากเหมือนพยายามจะพูดแย้ง แต่ถูกการจ้องมองอย่างเย็นชาของจี้เฟิงจนทำให้เธอหุบปากลงอย่างรวดเร็ว
หลิวซูหงหันไปมองถังไห่เว่ยและเห็นสายตาที่ไม่พอใจของเขามันยิ่งทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ
ตั้งแต่ที่ถังไห่เว่ยได้พบเซียวหยูซวนเป็นครั้งแรกเขาก็หลงเสน่ห์ความงามของเธอจนไม่สามารถยับยั้งความต้องการที่จะครอบครองเซียวหยูซวนมาเป็นของตัวเองได้ เธอต้องเป็นของฉัน!
แต่การที่เขาจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้เขายังต้องจัดการอุปสรรคชิ้นใหญ่ นั่นก็คือจี้เฟิง!
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอย่างลับๆว่าเขาจะต้องทำให้จี้เฟิงรู้สึกอับอายและในขณะเดียวกันเขาต้องทำให้เซียวหยูซวนมองเห็นถึงความเพอร์เฟกต์และการเอาใจใส่ที่เป็นเลิศในตัวเขาให้ได้
“เดี๋ยวก่อนเถอะไอ้เด็กตัวแสบฉันจะทำให้แกต้องรู้จักกับคำว่าอับอายขายขี้หน้า!” ถังไห่เว่ยสาปแช่งจี้เฟิงในใจอย่างดุเดือด
“Rrrrrrr~~”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและพบว่าเป็นจี้ช่าวเหลยที่โทรมา
“ทำไมเขาถึงโทรมาเวลานี้”จี้เฟิงแปลกใจเล็กน้อย นี่ก็เย็นมากแล้ว จี้ช่าวเหลยมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรมาเวลานี้?
เขากดรับโทรศัพท์ทันที“พี่รอง!”
“น้องสามนายอยู่มหาลัยหรือเปล่าเนี่ย”จี้ช่าวเหลยถามทันที ตามอายุของรุ่นที่สามของตระกูลจี้ จี้ช่าวตงเป็นคนที่อายุมากที่สุด จี้ช่าวเหลยเป็นคนที่สอง และจี้เฟิงเป็นคนที่สาม
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม“เปล่า ผมอยู่ข้างนอก ผมกำลังจะไปทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆ”
“อ้าวเหรอ”จี้ช่าวเหลยตกใจเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ยิ้มทันที “ฉันก็ว่าจะชวนนายไปกินข้าวเย็นอยู่พอดี ว่าจะพาเพื่อนไปแนะนำให้นายรู้จักซักหน่อย ฉันว่าฉันไปหานายที่นั่นดีกว่า นายจะไปกินข้าวเย็นที่ไหนล่ะ?”
“งั้นพี่รองรอแป็บนึงผมขอถามคนอื่นๆก่อน” จี้เฟิงปิดไมค์ไว้ชั่วคราว “มีอะไรเหรอ”เซียวหยูซวนถามเสียงเบา
จี้เฟิงตอบว่า“พี่ชายคนที่สองของฉัน เขาบอกว่าเขาจะมาหาฉันเพราะอยากจะแนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จัก”
“แฟนหรือเปล่า”หลิวซูหง ที่ยืนหงอยไปพักใหญ่ไม่พลาดโอกาสนี้ เธอรีบพูดขึ้นมาทันที
เซียวฉางเหอและภรรยาของเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยหลิวซูหงปากไม่มีหูรูดจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็อยากจะทราบเหมือนกันว่าเพื่อนที่พี่ชายคนที่สองของจี้เฟิงอยากจะแนะนำนั้นเพื่อจะมาเป็นแฟนของเขาหรือไม่
“เสี่ยวเฟิงพวกเรามีแต่คนกันเอง ยังไงก็บอกให้พี่รองของเธอกับเพื่อนของเขาไปร่วมโต๊ะอาหารกับเราที่โรงแรมด้วยกันเลยก็ได้” เซียวฉางเหอหัวเราะ
จี้เฟิงพยักหน้าและกลับไปคุยโทรศัพท์“พี่รอง งั้นพวกเราไปเจอกันที่โรงแรมเจียงจินเยี่ย” “โอเคฉันจะไปถึงที่นั่นในอีกประมาณครึ่งชั่วโมง” จี้ช่าวเหลยตอบอย่างเรียบง่ายและกดวางสายทันทีหลังจากที่พูดจบ
จี้เฟิงเก็บโทรศัพท์และพวกเขาก็แยกย้ายกันขึ้นรถเซียวฉางเหอและภรรยาไม่ได้เอารถของพวกเขาไป แต่ไปคันเดียวกันกับลูกสาวของพวกเขา
พวกเขามีบางคำที่อยากจะพูดอยากจะถามแต่เนื่องจากมีหลิวซูหงและคนอื่นๆอยู่ในบ้านพวกเขาจึงไม่สะดวกที่จะพูด แต่ตอนนี้มีเพียงลูกสาวและจี้เฟิงเท่านั้นที่อยู่ในรถ สองสามีภรรยาจึงต้องการถามเกี่ยวกับจี้เฟิง