The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 223 ต่อสู้!
พร้อมกับเสียงคำรามแห่งความโกรธเฉียวเจียไคผู้ซึ่งถูกคำพูดอันหยามเกียรติจากจี้เฟิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาพุ่งเข้าไปหาจี้เฟิงและยกขาขึ้นเตะไปที่ด้านหลังของจี้เฟิงอย่างรวดเร็ว กว่าที่จี้ช่าวเหลยและต้วนเผิงจะรู้ตัว เขาก็ตระหนักว่ามันสายเกินไปที่จะหยุดเฉียวเจียไคไว้ได้ทัน
ฟึ่บ!
ความเร็วของเฉียวเจียไคนั้นไม่ธรรมดาเลยและด้วยความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมของเขามันสามารถทำให้สัตว์ขนาดกลางล้มได้ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวแล้วถ้าหากลูกเตะที่รุนแรงนี้เตะโดนจุดตายของคนที่ไม่ทันได้ป้องกันตัวมันก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำให้คนๆนั้นถึงแก่ชีวิต!
“จะฆ่าฉันงั้นเหรอ!”
จี้เฟิงหัวเราะแต่ทันใดนั้นก็มีแสงเย็นวาบในดวงตาของเขาพร้อมกันนั้นขาของจี้เฟิงก็ออกแรงอย่างกะทันหันโดยที่เขาไม้แม้แต่จะพลิกตัว จากนั้นคนทั้งคนก็ลอยขึ้นไปในอากาศเช่นเดียวกับกังหันลมขนาดใหญ่ที่หมุนอยู่ในอากาศ ถ้าจะแตกต่างก็คงเป็นที่กังหันลมจะหมุนไปด้านข้างแต่ตัวจี้เฟิงนั้นหมุนไปข้างหลัง
สองขาของเขาเหมือนเสาหลักที่แข็งแรงใช้ในการดีดตัวทำให้ตัวเขาลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศได้อย่างเหลือเชื่อและทันใดนั้นเองจี้เฟิงก็ร่วงลงมากระแทกเข้ากับไหล่ทั้งสองข้างของเฉียวเจียไคอย่างแรง เฉียวเจียไคกรีดร้องพร้อมกับร่างทั้งร่างของเขาก็ทรุดลงในทันที
การโจมตีของจี้เฟิงยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นในขณะที่เขาเพิ่งจะทำให้เฉียวเจียไคล้มลง จู่ๆจี้เฟิงก็งอขาของเขาลง พร้อมกับทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไปที่เข่าและกระแทกเข้ากับหัวไหล่ของเฉียวเจียไคอย่างแม่นยำ
“กร๊อบ!”เสียงกระดูกหักดังขึ้นทันที
วินาทีต่อมาศอกของจี้เฟิงก็ยกสูงขึ้นและเป้าหมายต่อไปของจี้เฟิงก็คือหัวของเฉียวเจียไค!
ในขณะนี้สายตาของบุคคลทั้งสี่ที่ติดตามเฉียวเจียไคก็พุ่งเป้าไปที่จี้เฟิงเป็นตาเดียวและหนึ่งในนั้นก็ตะโกนพร้อมกับกระโดดขึ้นทันทีขาข้างหนึ่งของเขากวาดไปข้างหน้าและตรงไปที่คอของจี้เฟิง
“หยุด!”
ฟึ่บ!
จี้เฟิงส่งแรงไปที่ขาเพื่อดีดตัวขึ้นอีกครั้งและตัวของเขาก็พลิกกลับหลังกลางอากาศอย่างสวยงามและร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคงดวงตาที่เย็นเยียบของจี้เฟิงคมกริบราวกับดาบที่ไม่มีฝัก เขากวาดตามองไปรอบๆ นอกจากสี่คนที่ติดตามเฉียวเจียไคแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสบตาเขา!
สายตาของจี้เฟิงจับจ้องไปที่ร่างของเฉียวเจียไคและเดินเข้าไปหาทีละก้าว“แกต้องการจะฆ่าฉันงั้นเหรอ แกคิดว่าประเทศนี้มันไม่มีกฎหมายเพื่อลงโทษคนที่ทำความผิดข้อหาฆาตกรรมหรือยังไง?!”
กระดูกหัวไหล่ทั้งสองข้างของเฉียวเจียไคหักไปเกือบทั้งหมดด้วยเข่าทั้งสองข้างของจี้เฟิงร่างทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นจี้เฟิงที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าวอย่างช้าๆด้วยแววตาเย็นเยียบราวกับเทพเจ้ามือสังหาร เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นเต็มตัวของเฉียวเจียไค เขากลัวมากจนแทบไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
“พวกแกต้องการจะฆ่าฉันงั้นเหรอกล้าหาญดีนี่! แม้ว่าฉันจะฆ่าพวกแกที่นี่ตอนนี้ มันก็เป็นเพียงแค่การป้องกันตัวเท่านั้น” จี้เฟิงยังคงเดินตรงไปที่เฉียวเจียไคพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา
“แก..แก!”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดหรือความกลัวที่อยู่ในใจ มันทำให้เฉียวเจียไคแทบจะพูดไม่ได้
ฟึ่บ!
มีคนๆหนึ่งพุ่งเข้ามาขว้างหน้าจี้เฟิงเขาเป็นหนึ่งในสี่คนที่ติดตามเฉียวเจียไค และคนๆนี้ยังเป็นคนเดียวกันกับที่เข้ามาทำร้ายจี้เฟิงเพื่อปกป้องเฉียวเจียไคเมื่อครู่
“นี่นายอีกแล้วเหรอ!”ดวงตาของจี้เฟิงหรี่ลง “ฝีมือไม่เลว แต่นายคิดว่าฝีมือแค่นั้นจะสามารถหยุดฉันได้งั้นเหรอ?”
แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้ต่อสู้กันแต่เพียงแค่การขยับตัวก่อนหน้านี้ จี้เฟิงก็รู้ได้ในทันทีว่าคนคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน Aileen-novel
ในความเป็นจริงจี้เฟิงเองก็ยังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนว่าทักษะของเขานั้นแข็งแกร่งมากเพียงใดเขารู้เพียงแค่ว่าสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากปรมาจารย์ในระบบฝึกคือทักษะการฆ่าคน และนอกเหนือจากนี้ก็ล้วนเป็นวิชาที่มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือการปลิดชีวิตหรือการลอบสังหารให้ได้ภายในการโจมตีเดียว
เช่นเดียวกับตอนนี้ถ้าเข่าของจี้เฟิงไม่ได้อยู่บนไหล่ของเฉียวเจียไคแต่เป็นหัวของเขาเกรงว่าเฉียวเจียไคคงได้นอนเป็นเนื้อเน่าไปนานแล้วเขาจะมีโอกาสรอดได้อย่างไร
จี้เฟิงไม่ใช่คนโง่เขาไม่คิดที่จะฆ่าคนที่นี่ตอนนี้แต่แรกอยู่แล้ว เขาต้องการที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับเฉียวเจียไค แต่ตอนนี้คนๆนี้ได้เข้ามาขัดขวางเขาเป็นครั้งที่สอง จี้เฟิงรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะตอนที่คนๆนี้โจมตีกลับเพื่อต้องการจะหยุดจี้เฟิงในครั้งแรก การโจมตีของเขานั้นเป็นการเคลื่อนไหวของนักฆ่าและเป้าหมายของเขาก็คือคอของจี้เฟิง!
สำหรับคนที่ต้องการจะเอาชีวิตจี้เฟิงสัญชาตญาณของจี้เฟิงที่ต้องการจะลบล้างอีกฝ่าย สายตาของเขาตกอยู่ที่คอของคนๆนั้นโดยใช้เวลาเพียง 0.5 วินาทีและเขาก็สามารถบิดคอของคนๆนั้นได้โดยที่เป้าหมายไม่มีเวลาที่จะตอบสนอง
“สหายผู้นี้ความผิดที่น้องเฉียวทำให้สหายต้องขุ่นเคืองใจฉันจะเป็นฝ่ายขอโทษแทนในนามของเขา” บุคคลที่กล่าวอยู่นี้เป็นผู้ชายที่มีอายุประมาณ 30 ปี การกระทำนี้ของเขาทำให้จี้เฟิงต้องมองมาด้วยความประหลาดใจ เขากำหมัดทั้งสองข้างและก้มหน้าเล็กน้อยให้กับจี้เฟิง
เขาทำอะไรของเขา
ทันใดนั้นหัวใจของจี้เฟิงก็สั่นไหวเล็กน้อยเพราะเขาจำได้ว่าการกระทำแบบนี้มันคือมารยาทอย่างหนึ่งของศิลปะการต่อสู้แบบโบราณในทีวีหรือในนิยายอะไรพวกนั้นไม่ใช่หรือ
“ตอนนี้มันเป็นศตวรรษที่21 แล้ว แต่ชายคนนี้ยังคงใช้มารยาทแบบโบราณและทักษะการต่อสู้ของเขาก็ค่อนข้างดี…” ทันใดนั้นหัวใจของจี้เฟิงก็เต้นเร็วขึ้น หรือผู้ชายคนนี้จะไม่ได้ใช้ศิลปะการต่อสู้ของปัจจุบัน นั่นก็หมายความว่า…มันมีศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่าวิทยายุทธอยู่จริงๆ?!
“นายเป็นพี่ชายของเฉียวเจียไค”จี้เฟิงขมวดคิ้วถาม
“ใช่”ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
“เหอะ!”
จี้เฟิงหัวเราะเยาะ“ถ้าฉันจำไม่ผิด ไม่ใช่แค่เฉียวเจียไคเท่านั้นที่ทำให้ฉันขุ่นเคือง เพราะสิ่งที่นายเพิ่งทำมันคือการกระทำของคนที่ตั้งใจจะเอาชีวิต! ถ้าฉันไม่ได้รวดเร็วพอที่จะหลบมันทัน ป่านนี้ฉันคงกลายเป็นศพไปแล้ว!”
ชายคนดังกล่าวยังคงมีใบหน้าที่สงบนิ่งไร้ความละอายใดๆที่ถูกเปิดเผยเป้าหมายที่แท้จริงเขากล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง “สหายผู้นี้ คุณรู้ระดับฝีมือของคุณเองดี เพราะช่องว่างระหว่างเรานั้นใหญ่เกินไป ถ้าฉันไม่ลงมือทำถึงขั้นนั้น เกรงว่าฉันคงจะไม่สามารถหยุดคุณได้ และนอกจากนี้การเคลื่อนไหวที่มุ่งจุดตายมันเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยสำหรับคุณเท่านั้น และมันจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตคุณเลย”
“พูดอะไรไร้สาระ!”จี้เฟิงหัวเราะเยาะ “ไม่ว่ายังไงเรื่องที่นายเล็งจุดตายเพื่อเอาชีวิตฉันมันก็เป็นเรื่องจริง และไหนจะก่อนหน้านี้ที่เฉียวเจียไคต้องการจะฆ่าฉัน เรื่องร้ายแรงขนาดนี้จะให้มันจบด้วยคำว่าขอโทษง่ายๆแค่คำเดียวมันจะไม่ไร้สาระเกินไปหน่อยเหรอ!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น…คุณต้องการอะไร” ท่าทีของเฉียวเจียไคเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เฉียวเจียไคเป็นผู้เริ่มโจมตีจี้เฟิงโดยเป็นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิต และการเคลื่อนไหวของชายคนนี้เป็นการเคลื่อนไหวของนักฆ่าที่จะเอาชีวิตของจี้เฟิงเช่นกัน นี่คือสิ่งที่ทุกคนในห้องโถงเห็น และจี้เฟิงก็ไม่ยอมปล่อยประเด็นนี้ให้หายไปง่ายๆ เมื่อมาถึงจุดนี้มันทำให้เฉียวเจียไครู้สึกว่าเรื่องมันเริ่มจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากซะแล้ว เพราะอย่างน้อยเฉียวเจียไคจะกลายเป็นผู้กระทำความผิดฐานจงใจฆ่าอย่างสมบูรณ์
“ต้องการอะไรงั้นเหรอ”จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย “แน่นอนว่าฉันต้องการที่จะดำเนินการเรื่องนี้ตามกฎหมาย มีคนต้องการฆ่าฉันนี่มันคือการฆาตกรรมแม้ว่าจะเป็นเพียงการพยายามฆ่า แต่ก็ยังถือว่าเป็นอาชญากรรม!”
จี้เฟิงหันหน้าไปทางจี้ช่าวเหลยและกล่าวว่า“พี่รอง ตำรวจในเจียงโจวจะสามารถดูแลองค์ชายเฉียวได้หรือเปล่า”
“แน่นอน!”จี้ช่าวเหลยตอบอย่างกะทันหัน เขาเหมือนคนเพิ่งได้สติกลับมาในตอนที่จี้เฟิงเรียกเขา
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย หลี่เว่ยตงนายไปที่ห้องที่เก็บข้อมูลของกล้องวงจรปิดกับพี่รองและนำวิดีโอเหล่านั้นมา ระวังหน่อยนะเพราะมันคือหลักฐานชิ้นสำคัญของเรา!”
“น้องสามไม่ต้องห่วงฉันจะไปกับหลี่เว่ยตงเอง”
“ไป!”จี้ช่าวเหลยหันไปพูดกับหลี่เว่ยตงและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
การฆาตกรรมไม่ต้องพูดถึงว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ ขอแค่มันเป็นความจริงที่ว่าเฉียวเจียไคต้องการที่จะฆ่าจี้เฟิง เพราะถ้าข่าวนี้มันแพร่กระจายออกไป ไม่ว่าคุณปู่จะให้ท้ายตระกูลเฉียวแค่ไหน แต่อย่างน้อยคราวนี้คุณปู่ก็คงจะไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก นอกจากนี้คุณลุงที่แยกจากลูกชายคนนี้มานานกว่าสิบปี เขาจะมีท่าทียังไงเมื่อตอนนี้ต้องมาได้ยินข่าวว่ามีคนต้องการจะฆ่าลูกชายของเขา!
และที่สำคัญคราวนี้ไม่ว่าเฉียวเจียไคจะอาละวาดท่าไหนไม่ว่าจะทำตัวหยิ่งผยองยังไง เขาก็ไม่สามารถสู้หน้าคุณปู่และเอาเรื่องนี้ไปฟ้องให้ขาวกลายเป็นดำได้
ส่วนหลี่เว่ยตงในเวลานี้ยังคงตกตะลึงทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัวของจี้เฟิงในตอนนี้… นอกจากคำว่าน่ากลัวสยองขวัญเขาก็ไม่สามารถหาคำที่เหมาะสมกว่านี้มาอธิบายได้
แล้วตอนนี้เขาควรจะไปเอาวิดีโอกับจี้ช่าวเหลยตามที่จี้เฟิงต้องการดีหรือไม่เพราะถ้าเขาไป เขาจะต้องทำให้เฉียวเจียไคไม่พอใจจนถึงขั้นอยากจะฆ่าเขาอีกคนอย่างแน่นอน!
เขาลังเลเล็กน้อยและกล่าวขึ้นว่า“เอ่อ.. มันช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้ พอดีวันนี้กล้องเพิ่งพังไปดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จึงไม่ได้รับการบันทึกไว้!”
จี้เฟิงยิ้มมุมปากและชี้ไปที่เพดานด้านบนซึ่งมีกล้องวงจรปิดกำลังกระพริบไฟสีแดงอยู่เห็นได้ชัดว่ามันยังคงทำงานอยู่ตามปกติ
“นี่เรียกว่าพังเหรอ!”จี้เฟิงตะคอก “หลี่เว่ยตง! เฉียวเจียไคเป็นอาชญากรที่ต้องการจะฆ่าฉัน นายมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยสินะ? ถึงได้ต้องการช่วยปกปิด!”
“ไม่ไม่!”หลี่เว่ยตงตกใจจนเกือบจะทำอะไรไม่ถูก พูดเป็นเล่น ฉันกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดข้อหาฆาตกรรมตั้งแต่เมื่อไหร่
“แล้วยังไม่ไปอีก!นายต้องการให้ฉันไปเอาเองหรือเปล่า!” จี้เฟิงตะคอกเสียงดัง
หลี่เว่ยตงสะดุ้งสุดตัว“โอเคโอเค!”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบไปที่ห้องเก็บข้อมูลกับจี้ช่าวเหลยแต่เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทางเขาก็เหมือนนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นถึงลูกชายของนายกเทศมนตรี และไม่ว่าภูมิหลังของจี้เฟิงจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่ควรที่จะพูดกับฉันแบบนี้ มันเหมือนกับการเรียกจิกคนรับใช้!
ยิ่งไปกว่านั้นการปะทะกันระหว่างเฉียวเจียไคกับจี้เฟิงมันเหมือนเป็นการต่อสู้ของพวกปีศาจแล้วทำไมฉันถึงได้กลายเป็นผู้รับเคราะห์ในเรื่องนี้ไปด้วย
แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจอย่างมากในใจของเขาแต่หลี่เว่ยตงก็ไม่กล้าแสดงมันออกมาในตอนนี้ ในสายตาของเขา ตระกูลเฉียวและตระกูลจี้ต่างก็เป็นตระกูลใหญ่แห่งหยานจิง แต่อย่างที่เขารู้มาตระกูลเฉียวนั้นยิ่งใหญ่กว่าตระกูลจี้ ด้วยเหตุนี้เองหลี่เว่ยตงจึงกล้าดูถูกดูแคลนจี้ช่าวเหลย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านายน้อยของตระกูลจี้จะแข็งแกร่งมากและแข็งแกร่งกว่าเฉียวเจียไคด้วยซ้ำ
จู่ๆหลี่เว่ยตงก็ตระหนักได้ว่ามันดูเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาซะเลยที่เขาจะต้องมาเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างเจ้าชายของทั้งสองตระกูล
คนอื่นๆไม่รู้ว่าความคิดของหลี่เว่ยตงซับซ้อนมากแค่ไหนและในเวลานี้จี้เฟิงก็คงไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน เขาจ้องมองไปที่เฉียวเจียไคด้วยสีหน้าที่เย็นชาและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า
“สหายท่านนี้…”เมื่อชายคนที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าจี้เฟิงเห็นว่าจี้เฟิงกำลังจะขยับ เขาจึงพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “ได้โปรดอย่าหุนหันพลันแล่น ถ้ามีอะไรฉันคิดว่าเราควรมานั่งคุยกันเพื่อหาทางออก!”
จี้เฟิงยื่นมือออกไปและชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว(ผู้แปล : คุ้นๆนะ) “ฉันจะให้เวลานาย 3 วินาทีเพื่อหนี ถ้าไม่อย่างนั้น…หึ!”
ฟึ่บ!
บุคคลที่ติดตามเฉียวเจียไคที่เหลืออีก3 คนก้าวเข้ามาทันที ตอนนี้พวกเขาต่างยืนล้อมโดยมีจี้เฟิงอยู่ตรงกลาง
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของจี้เฟิงแสดงรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของเขา“สหายท่านนี้ ทำไมคุณต้องเลือกที่จะใช้กำลังทั้งๆที่เราสามารถนั่งลงและพูดคุยกันได้ หากคุณยังเลือกที่จะใช้กำลังฉันเกรงว่ามีแต่คุณที่จะเสียเปรียบ!”
“ฮ่าฮ่า…”จี้เฟิงหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพูดไม่ออกจริงๆ