The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 224 วิดีโอหลักฐาน
จี้เฟิงไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆแม้เนื้อหาในคำพูดของเขาจะเต็มไปด้วยความหวังดี แต่น้ำเสียงที่ใช้นั้นเต็มไปด้วยความอวดดีและเย่อหยิ่ง
ฉันไม่รู้จริงๆว่าคนเหล่านี้มาจากไหน!
แข็งแกร่งกว่าฉันหรือจะมีความสามารถด้านอื่นๆที่เหนือกว่า? หรือคิดว่าจะสู้กับฉันได้เพราะจำนวนคน?
“ถ้าคุณเห็นด้วยฉันคิดว่าเราควรที่จะนั่งคุยกัน” ชายตรงหน้าจี้เฟิงกล่าวเบาๆ
จี้เฟิงสงบนิ่งลงในเวลานี้เขาไม่ได้คิดที่จะฆ่าเฉียวเจียไคตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาต้องการแค่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับเฉียวเจียไคเท่านั้น และการส่งมอบวิดีโอหลักฐานให้กับตำรวจ จะทำให้ตระกูลเฉียวปั่นป่วนได้ดีที่สุด และต่อให้คุณปู่รับรู้เรื่องนี้ในภายหลัง เฉียวเจียไคก็จะไม่สามารถบิดเบือนเรื่องนี้ได้
แต่ตอนนี้ความคิดของจี้เฟิงเปลี่ยนไปเขาไม่ต้องการที่จะปล่อยเฉียวเจียไคไปง่ายๆอีกต่อไป เป็นเพราะท่าทีของคนเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก
ตอนนี้จี้เฟิงสามารถยืนยันได้แล้วว่าการกระทำของผู้ชายคนนี้คือการเคลื่อนไหวของนักฆ่าที่ต้องการจะปลิดชีวิตเขาจริงๆ และมันก็เป็นความจริงที่ว่า ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช้การเคลื่อนไหวที่รุนแรงหมายที่จะเอาชีวิต เขาก็ไม่สามารถที่จะหยุดจี้เฟิงได้
แต่เกรงว่าสิ่งที่เขาทำลงไปไม่ใช่แค่จะเอาชีวิตจี้เฟิงเท่านั้นแต่มันคือการทำร้ายตัวเอง!
“คนพวกนี้มาจากไหน”จี้เฟิงอยากรู้คำตอบของคำถามนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาเห็นอีกฝ่ายทำท่ากำหมดและคำนับ มันก็ยิ่งดึงดูดความสนใจจี้เฟิงให้อยากรู้มากขึ้นและบางทีมันอาจจะเป็นข้อมูลที่สำคัญ
และถึงแม้ว่าข้อมูลที่เขาต้องการจะรู้อาจจะไม่สำคัญแต่การทำความเข้าใจคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เรียกได้ว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงมีทีท่าลังเลคล้ายกำลังจะหนีชายคนนั้นก็คิดว่าเป็นเพราะจำนวนคนทางฝั่งเขาที่มีมากกว่าและกำลังล้อมจี้เฟิงอยู่จึงทำให้จี้เฟิงเริ่มหวั่นวิตก ทันใดนั้นเขาก็สงบลงและพูดด้วยรอยยิ้ม “สหายท่านนี้ ที่นี่คือคลับเฮ้าส์และคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม แล้วถ้าคุณยังจะทำเรื่องนี้ต่อไปฉันเกรงว่ามันจะดูไม่ค่อยดีนัก คุณไม่คิดอย่างนั้นหรือ”
“แล้วอีกอย่างแม้ว่าคุณต้องการที่จะลงมืออีกครั้ง ก็ใช่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ มันจะไม่ดีกว่าหรือหากพวกเรานั่งลงและพูดคุยปรึกษาหารือเพื่อหาข้อตกลงที่ดีที่สุดร่วมกัน” ชายคนดังกล่าวยิ้มอย่างภาคภูมิใจราวกับกำลังกล่าวถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่
จี้เฟิงได้แต่แอบหัวเราะในใจแต่สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งและถามว่า “ทำไมต้องนั่ง นายอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาตอนนี้เลย!”
ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดอะไรออกมาความโกรธก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของอีกสามคนที่เหลือ และหนึ่งในนั้นก็จับจ้องไปที่จี้เฟิงอย่างไม่วางตาพร้อมกับกำหมัดแน่น ดูเหมือนกับว่าเขาสามารถที่จะเอาชนะจี้เฟิงได้ทุกเมื่อ
ในสายตาของพวกเขานั้นรู้ดีว่าทักษะการต่อสู้ของจี้เฟิงนั้นไม่ธรรมดาเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหวั่นวิตกมากนัก เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็มีกันถึงสี่คน และถ้าหากพวกเขาทั้งสี่ได้ร่วมกันต่อสู้ พวกเขาจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างมากและสามารถล้มจี้เฟิงลงได้ทันที
ด้วยสาเหตุนี้เองพวกเขาทั้งสี่จึงไม่เห็นจี้เฟิงเป็นคู่ต่อสู้เลย
“สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ฝ่ายที่ผิดอาจจะเป็นน้องเฉียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกทั้งหมด เพราะคุณก็ทำให้น้องเฉียวได้รับบาดเจ็บหนัก ดังนั้นเรื่องมันก็น่าจะจบลงที่ตรงนี้ได้แล้วไม่ใช่หรือ” ชายที่อยู่ตรงหน้าจี้เฟิงถามเสียงเรียบ ในขณะที่คนอื่นๆที่ล้อมจี้เฟิงอยู่ก็ค่อยๆขยับเข้าหาจี้เฟิงพร้อมกับจ้องมองจี้เฟิงอย่างไม่วางตา
จี้เฟิงไม่ได้มองไปยังอีกสามคนที่เหลือเขาเพียงแค่หัวเราะเยาะ“นายโง่หรือเปล่าเนี่ย นี่น่ะเหรอสิ่งที่นายอยากจะพูด เฉียวเจียไคต้องการที่จะฆ่าฉันทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ได้ยิน และเขาก็ลงมือแล้วด้วย แล้วที่เขาบาดเจ็บก็เป็นเพราะฉันป้องกันตัวเองเท่านั้น ฉันทำสิ่งที่ถูกต้อง ในขณะที่เฉียวเจียไคมีการพยายามฆ่าอย่างชัดเจน สมองของนายทำจากขี้หรือไงถึงได้จะให้เรื่องมันจบลงง่ายๆแบบนั้น?”
“น้องชายระวังคำพูดหน่อย!”ชายคนหนึ่งตะคอกอย่างเย็นชา มีความเกลียดชังฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา สิ่งที่เขาอยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้คือการพุ่งเข้าไปตะครุบและบีบคอจี้เฟิงให้ตาย!
จี้เฟิงไม่แม้แต่จะหันไปมองชายคนที่เพิ่งพูดจี้เฟิงเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากและพูดอย่างเหยียดหยาม “พวกนายคิดว่ามีคนเยอะกว่าแล้วจะสามารถเอาชนะฉันได้จริงๆงั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายมันก็พอจะพูดคุยกันได้อยู่ แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่สามารถจบได้ด้วยการพูดคุยเฉยๆหรอกนะ พวกนายรีบไสหัวไปซะอย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือ!”
“ไอ้เด็กเวร!”ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ
“จะจัดการพวกเรากำลังเล่าเรื่องตลกอะไรอยู่งั้นเหรอ?!” อีกฝ่ายยิ้มเยาะ
ผู้คนที่อยู่ในงานต่างพากันซุบซิบพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าฝีมือของจี้เฟิงและคนกลุ่มนั้นใครจะสูงหรือต่ำกว่ากัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามถึงสี่คนและยังกล้าที่จะพูดจาท้าทายขนาดนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ นี่ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย!
จี้เฟิงไม่ได้ขยับและไม่ได้สนใจความคิดเห็นของผู้อื่นที่อยู่ในงานเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าสงบรอให้จี้ช่าวเหลยพี่รองของเขากลับมาจากห้องเก็บข้อมูล
สำหรับคนอื่นๆเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามจี้เฟิงแต่อย่างใดตราบใดที่เขาต้องการเขาสามารถปล่อยคนเหล่านี้ออกไปได้ทุกเมื่อ แต่ก่อนจะทำแบบนั้นเขาจะต้องมั่นใจในความปลอดภัยของพี่รองของเขาเสียก่อน
แน่นอนแม้ว่าจะไม่มีใครกล้าโจมตีจี้ช่าวเหลยพี่รองของเขาแต่จี้เฟิงก็ไม่กล้ามั่นใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทั้งสี่คนนี้ที่จู่ๆก็โผล่มา เมื่อครู่เขายังกล้าที่จะลงมือสังหารจี้เฟิงโดยไม่ลังเล แล้วจะเอาอะไรมาแน่ใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงอีก
ในขณะเดียวกันจี้เฟิงก็ยังคงไม่หายสงสัยเกี่ยวกับที่มาของบุคคลทั้งสี่ที่ติดตามเฉียวเจียไคพวกเขาเป็นใครและมาจากไหน
และยังมีอีกหนึ่งคำถามที่จี้เฟิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าทำไมเฉียวเจียไคถึงได้กล้าอาละวาดขนาดนี้
ผู้อาวุโสแห่งตระกูลจี้ก็แก่ชราลงทุกวันและเมื่อถึงวันนั้นตระกูลเฉียวอาจถูกทำลายลงในวันรุ่งขึ้นโดยทันทีและเป็นไปได้สูงว่าอาจจะถูกถอนรากถอนโคนทั้งตระกูล แล้วเฉียวเจียไคผู้หยิ่งผยองจะยังพึ่งพาสิ่งใดในโลกนี้ได้อีก
จี้เฟิงไม่ได้ไร้เดียงสามากจนถึงขนาดคิดว่าเฉียวเจียไคเป็นเพียงแค่คนโง่ที่อวดดีเพราะไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือพฤติกรรมของเฉียวเจียไคก็ไม่ได้แสดงท่าทีของคนที่โง่เขลาแม้แต่น้อย เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเฉียวเจียไคจะต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่นที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ตระกูลจี้ หรือไม่ก็อาจจะมีเป้าหมายเพื่อที่จะถ่วงดุลพลังอำนาจของตระกูลจี้ให้ตกต่ำลง
แน่นอนว่าด้วยการสนับสนุนนี้มันไม่น่าเพียงพอที่จะสามารถทำลายตระกูลจี้ได้ไม่เช่นนั้นด้วยความเกลียดชังของตระกูลเฉียวที่มีต่อตระกูลจี้ ก็เกรงว่าพวกเขาคงจะทำมันไปตั้งนานแล้ว
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยทำไมคุณปู่ถึงได้ปฏิบัติต่อคนในตระกูลเฉียวเป็นอย่างดีขนาดนี้ต่อให้คุณปู่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อาวุโสของตระกูลเฉียวก็เถอะ แต่มันก็เป็นเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นมาตั้งหลายสิบปีก่อนแล้ว แล้วตอนนี้คนจากตระกูลเฉียวคอยแต่จะโจมตีตระกูลจี้! ทำไมคุณปู่ถึงไม่คิดถึงคนรุ่นหลังที่เป็นลูกหลานสืบสกุลจี้ของตัวเองบ้าง!
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้จี้เฟิงรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจแต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหรือความแปลกประหลาดใดๆออกไป บนใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง กลิ่นอายของจี้เฟิงทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือก ราวกับว่าเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบปี แต่เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างมากมายเหมือนคนที่อายุสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไป!
ทั้งสี่คนที่มากับเฉียวเจียไคก็รู้สึกไม่แตกต่างกันพวกเขาอดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่เคยพบเห็นเด็กหนุ่มคนไหนที่มีความอดทนและสงบนิ่งได้ขนาดนี้ โดยที่ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์แบบไหน!
บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้มันช่างน่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกจู่ๆชายผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าจี้เฟิงและน่าจะเป็นผู้นำก็กล่าวขึ้นว่า “สหายท่านนี้ ฉันขอแนะนำตัวเองฉันชื่อ จูหยงเต๋าและสามคนนี้เป็นศิษย์น้องของฉัน ไม่ทราบว่าจะให้ฉันเรียกสหายว่าอะไร”
จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและเหลือบมองจูหยงเต๋าด้วยหางตาแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สนใจและไม่ได้ตอบอะไรจูหยงเต๋าไป
“ศิษย์พี่ของฉันกำลังพูดกับคุณคุณไม่ได้ยินเหรอ!” คนที่ยืนด้านข้างของจี้เฟิงตะคอกด้วยความโกรธทันที
“หนวกหู!”จี้เฟิงตะคอกกลับอย่างเย็นชา
“เด็กน้อยแกกำลังจะรนหาที่ตาย!” ชายคนนั้นโกรธมากและเหมือนว่าเขากำลังจะทำอะไรบางอย่าง!
จูหยงเต๋ายื่นมือออกไปหยุดชายคนนั้นและพูดว่า“ศิษย์น้องอย่าหุนหันพลันแล่น!”
หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่จี้เฟิงและกล่าวว่า“สหายท่านนี้ อย่าได้อวดดีเกินไปนักเลย!”
“ฮ่าฮ่า~!”จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “นายกล้าพูดได้ยังไงว่าฉันอวดดี พวกนายคือคนที่วิ่งแจ้นมาถึงเจียงโจวและทำตัวอวดเบ่งเพื่อมารีดไถและยึดทรัพย์สินคนอื่น แล้วยังจะกล้ามาบอกว่าฉันอวดดี”
“น้องชายเฉียวกับพวกเรานับถือเป็นพี่น้องกันและยิ่งไปกว่านั้นกิจกรรมทางธุรกิจไม่ได้เรียกว่าเป็นการยึด” จูหยงเต๋าพูดเบาๆ
จี้เฟิงขมวดคิ้วและมองจูหยงเต๋าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะเถียงข้างๆคูๆอยู่อีกงั้นเหรอ
ต้วนเผิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขาโกรธมากและพูดออกมาอย่างเย็นชา “เฉียวเจียไคต้องการซื้อบริษัทของฉันด้วยราคาไม่ถึง 10% ของทรัพย์สินทั้งหมดของฉัน นี่ยังจะเรียกว่ากิจกรรมทางธุรกิจได้อยู่อีกเหรอ มันคือการเอารัดเอาเปรียบอย่างหน้าด้านๆ!” ไอรีนโนเวล
จูหยงเต๋าเหลือบมองต้วนเผิงเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าต้วนเผิงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
“คุณ…!”ต้วนเผิงโกรธมาก แต่เขาไม่สามารถทำอะไรจูหยงเต๋าได้
ไม่นานนักจี้ช่าวเหลยและหลี่เว่ยตงก็เดินลงมาจากชั้นบนด้วยกัน หลี่เว่ยตงตอนนี้มีใบหน้าขมขื่นและแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหดหู่ คราวนี้เขาทำให้เฉียวเจียไคต้องขุ่นเคืองอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจี้ช่าวเหลยต้องไม่ปล่อยเฉียวเจียไคไปง่ายๆอย่างแน่นอน แถมจี้เฟิงก็ยังแข็งแกร่งมากขนาดนี้ แล้วเขาจะยังอยู่ฝั่งของเฉียวเจียไคได้อย่างไร
ก็ดีแล้วที่ตอนนี้เขาไม่ได้ประจบสอพลอตระกูลเฉียวแต่กลับกันเขากำลังทำให้อีกฝ่ายต้องขุ่นเคืองไปจนตาย!
หลี่เว่ยตงสามารถจินตนาการได้เลยว่าเมื่อเฉียวเจียไครอดพ้นไปจากที่นี่ได้คนแรกที่เฉียวเจียไคต้องจัดการก็น่าจะเป็นตัวหลี่เว่ยตงเอง
หลี่เว่ยตงไม่เหมือนกับจี้ช่าวเหลยและจี้เฟิงด้วยอิทธิพลของตระกูลจี้ แม้ว่าเฉียวเจียไคจะโกรธแค้นแค่ไหนเขาก็จะต้องมีความลังเลและยับยั้งชั่งใจ แต่กับหลี่เว่ยตงภูมิหลังของเขาเทียบไม่ได้เลยกับทั้งสองตระกูลนี้ เกรงว่าแม้แต่พ่อของเขาก็อาจจะโดนร่างแหไปด้วยด้วยซ้ำ!
“ไอ้โง่เอ๊ยทำไมมึงไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดีซะก่อน!” หลี่เว่ยตงอดไม่ได้ที่จะเสียใจและก่นด่าตัวเองในใจ ใบหน้าของหลี่เว่ยตงในเวลานี้เป็นสีเขียวสลับแดงจนเหมือนลูกแตงโมเน่าๆ เขารู้ว่าถ้าตระกูลเฉียวล้มลง เขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลจี้อย่างแน่นอน แล้วเขาจะทำอะไรได้ จะให้เขากลับไปติดตามจี้ช่าวเหลย แล้วแบบนั้นเขาจะไม่กลายเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีที่กลับกลอกไปมาหรอกหรือ? มันก็คงไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!
แต่เขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจเช่นกันว่าแม้เขาจะไปสอบถามเรื่องนี้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรกเขาก็คงไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาอยู่ดีและก็คงจะไม่สามารถที่จะสอบถามอะไรได้ด้วยซ้ำ
เรื่องบางเรื่องของคนที่อยู่ด้านบนก็ไม่ใช่สิ่งที่คนด้านล่างจะสามารถสอบถามได้
จี้ช่าวเหลยที่ไม่ได้ใส่ใจใบหน้าแตงโมเน่าของหลี่เว่ยตงเขายกมือขึ้นเมื่อเห็นจี้เฟิง ในมือของเขาถือดิสก์จัดเก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดไว้ และเขาก็ได้ตรวจสอบข้อมูลในนี้อย่างชัดเจนทั้งหมดแล้ว
“ประธานต้วนมีใครบางคนที่นี่ต้องการจะฆ่าผม คุณก็เป็นพยานคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ คุณไม่คิดที่จะโทรเรียกตำรวจมาหน่อยหรือครับ” จี้เฟิงหันกลับมาและยิ้มให้ต้วนเผิง
ต้วนเผิงตอบรับคำพูดของจี้เฟิงทันทีเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและต่อสายหาตำรวจ
ฟึ่บ!
จู่ๆมีบางอย่างสว่างวาบขึ้นตรงหน้าของต้วนเผิงต้วนเผิงสะดุ้งตกใจและวินาทีต่อมาเขาก็เห็นศิษย์น้องคนหนึ่งของจูหยงเต๋ามายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาดุร้าย “วางโทรศัพท์ของคุณลง!”
“ฮ่าฮ่า…”จี้เฟิงหัวเราะเยาะอีกครั้ง “ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ มีการพยายามฆ่าต่อหน้าคนหมู่มาก แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้โทรหาตำรวจ ดูเหมือนว่าพวกนายทั้งหมดจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเฉียวเจียไคสินะ!”
หลังจากนั้นจี้เฟิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายจากการถูกลอบสังหาร จะเป็นคนโทรแจ้งตำรวจด้วยตัวเอง!”
“หยุดการกระทำของคุณเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นสีหน้าของจูหยงเต๋าก็มืดมนลงเขาพูดอย่างเย็นชา“เป็นลูกผู้ชายอย่าทำตัวขี้ฟ้องจนเกินไป ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมามันคงไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถจ่ายได้!”