The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 231 ทันใดนั้น
“เล่ยเล่ยอย่าไปไหนนะ ตอนนี้รอฉันอยู่ที่หอพักก่อนฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!” จี้เฟิงพูดด้วยใบหน้าเย็นชาและกำชับถงเล่ยอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง “จำไว้ อย่าออกไปข้างนอกคนเดียวเด็ดขาด เอางี้ดีกว่า อย่าออกไปข้างนอกไม่ว่าจะคนเดียวหรือกับใครรออยู่ที่นั่นจนกว่าฉันจะไปถึง โอเคนะ!”
ถงเล่ยดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้เธอพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “โอเค แต่จี้เฟิงนายอย่าเพิ่งเป็นกังวลมากเกินไปนัก บางทีอาจจะเป็นแค่เรื่องที่ฉันคิดมากเกินไปเองก็ได้ ถ้าขับรถก็อย่าขับไวจนเกินไป อย่าประมาทเรื่องบนท้องถนน ระวังตัวเองด้วย!”
จี้เฟิงยิ้มเขาสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่ถงเล่ยมีให้เขามันเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆระหว่างเขาทั้งสองคนแต่เขาก็รับรู้ได้จากน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อยของเธอ เขารู้ดีว่าเธอกำลังรู้สึกหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เขาต้องเป็นกังวลและไม่รีบเกินไปจนอาจเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเธอจึงแสร้งทำเป็นสงบนิ่งและพูดให้เขาไม่ต้องคิดมาก
“เล่ยเล่ยนอกจากที่เธอไปสอบถามเรื่องนี้กับยามแล้วเธอได้ไปถามเรื่องนี้ที่อื่นอีกหรือเปล่า” จู่ๆจี้เฟิงก็ถามขึ้น
ถงเล่ยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบว่า“เปล่า ฉันกลัวว่าคนๆนั้นจะยังอยู่ในมหาวิทยาลัย ฉันเลยไม่ได้ไปถามที่อื่นอีก!”
“ดีแล้ว!”จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “เธอทำได้ดีมาก ตอนนี้อย่าเพิ่งไปไหน รอฉันก่อนนะ!”
ถงเล่ยกล่าวว่า“มีอีกอย่างหนึ่ง ฉันเจออะไรแปลกๆที่แผนกรักษาความปลอดภัย”
จี้เฟิงตกใจและถามทันที“อะไรเหรอ”
ฉันลองขอดูบันทึกของกล้องวงจรปิดในช่วงที่รหัสนักศึกษาของหยุนปิงได้รับการลงทะเบียนการใช้งานและปรากฏว่า…คนที่ลงทะเบียนด้วยรหัสนักศึกษาของเธอไม่ใช่หยุนปิงแต่เป็นผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง” ถงเล่ยกล่าวอย่างลังเล “นี่คือสาเหตุที่ฉันต้องโทรบอกนายเอาไว้ก่อน เพราะฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ!”
“ฉันเข้าใจแล้วไม่ต้องกังวลตอนนี้ฉันกำลังมุ่งหน้าไปที่มหาลัย ตอนนี้เธอต้องระมัดระวังตัวให้มาก!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะกำชับอีกครั้งให้ถงเล่ยระวังตัว “เอางี้ ฉันจะโทรเรียกเล่ยซือ อย่างน้อยฉันจะได้มั่นใจว่าเธอจะปลอดภัยในระหว่างที่ฉันกำลังเดินทางไป”
“ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกมันจะวุ่นวายเกินไป ที่นี่เป็นหอพักหญิงผู้ชายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ง่ายๆหรอก!” ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะพูดให้จี้เฟิงลดความกังวลลง
แต่ทันใดนั้นหัวใจของจี้เฟิงก็กระตุกวาบผู้ชายไม่สามารถเข้าไปได้ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ
ผู้ชายแปลกหน้าลงทะเบียนด้วยรหัสนักศึกษาของหยุนปิงและเห็นได้ชัดว่าเขาผ่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เขาทำได้อย่างไร
ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นในจิตใจของจี้เฟิงทันทีและทันใดนั้นเองใบหน้าของจี้เฟิงก็มืดมน
เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญมันง่ายเกินไป จู่ๆก็มีชายแปลกหน้าต้องการไปหาถงเล่ยโดยตรงไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อค้นหาเธอ แต่เขากลับไม่รู้หมายเลขโทรศัพท์ของเธอ ดังนั้นบุคคลดังกล่าวจะต้องไม่ใช่คนที่รู้จักถงเล่ยอย่างแน่นอน
และถงเล่ยยังบอกอีกว่าตอนที่ให้รปภ.ตรวจดูกลับพบว่าในช่วงเวลาที่ลงทะเบียนคนคนนั้นลงทะเบียนด้วยรหัสนักศึกษาของหยุนปิง ซึ่งหมายความว่าคนที่มาหาถงเล่ยจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับหยุนปิงอย่างแน่นอน!
รู้หรือไม่ว่าเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างหยุนปิงและจี้เฟิงที่มีสาเหตุมาจากหยุนปิงพูดจาระรานถากถางถงเล่ยได้ถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ต และเรื่องนี้ก็เกิดเป็นกระแสร้อนแรงฮอตฮิตในมหาวิทยาลัยขึ้นมาทันทีและที่สำคัญหัวข้อและเนื้อหาในโพสต์เหล่านั้นเต็มไปด้วยคำพูดจาด่าทอถากถาง เสียดสี ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการได้ ทำให้ชื่อเสียงของหยุนปิงภายในสหพันธ์มหาวิทยาลัยต้องย่อยยับ
หลังจากนั้นมีการกล่าวกันว่าหยุนปิงได้ลาหยุดยาวจากมหาวิทยาลัยในวันรุ่งขึ้นทันทีและไม่มีใครเคยเห็นเธอมาที่มหาวิทยาลัยอีกเลยแล้วจู่ๆมีผู้ชายแปลกหน้ามาใช้รหัสนักศึกษาของหยุนปิง ผู้ชายคนนั้นมีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้จี้เฟิงไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้นอกจากการคาดเดา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือความปลอดภัยของถงเล่ย
“น้องสามมีอะไรเหรอ”จี้ช่าวเหลยถามทันทีเมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนและท่าทางที่กระวนกระวายของจี้เฟิง
“พี่รองตรงไปที่มหาวิทยาลัยของผมเลย เหยียบไปเลยนะ … ไม่ดีกว่า ให้ผมขับ!” จี้เฟิงขอให้จี้ช่าวเหลยหยุดรถโดยที่ยังไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่านั้น เขากลับไปพูดกับถงเล่ยในโทรศัพท์ “เล่ยเล่ย เธอห้ามวางโทรศัพท์นะ ถือสายไว้ ฉันกำลังไป!”
จี้เฟิงที่ตอนนี้ย้ายไปนั่งที่ฝั่งคนขับยื่นโทรศัพท์ให้กับพี่รองของเขาและกล่าวว่า“พี่รอง พี่คอยฟังการเคลื่อนไหวในโทรศัพท์ให้หน่อย มีคนจะทำร้ายถงเล่ย เธออาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
ในขณะที่พูดจี้เฟิงก็เปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็วและเหยียบคันเร่งจากนั้นเสียงเครื่องยนต์ของBMWx6 ก็คำรามและพุ่งตัวออกไปข้างหน้า
“แม่งเอ๊ยไอ้สารเลวคนไหนมันกล้าทำเรื่องชั่วๆแบบนี้!” เมื่อจี้ช่าวเหลยได้ยินดังนั้น เขาก็ตะคอกและก่นด่าสาปแช่งทันที หากน้องสะใภ้ของเขาได้รับอันตรายในเจียงโจว จี้ช่าวเหลยจะมีหน้าเรียกตัวเองว่าเป็นพี่ชายของจี้เฟิงได้อย่างไร
“จี้เฟิง!”ถงเล่ยได้ยินเสียงใครบางคนสบถ เธอนึกว่าเป็นจี้เฟิงจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “อย่าพูดจาหยาบคายสิ!”
ทันใดนั้นจี้ช่าวเหลยก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเขาไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรเมื่อโดนเด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่าดุราวกับเขาเป็นเด็กๆ แม้จะเกิดจากความเข้าใจผิดก็ตาม
ในเวลานี้จี้เฟิงขับรถเร็วมากBMWx6 เปรียบเสมือนปลาที่ว่ายน้ำได้อย่างพลิ้วไหว จี้เฟิงสับเปลี่ยนเลนอย่างคล่องแคล่วโดยไม่สนสัญญาณไฟแดงใดๆเลย แล้วนับประสาอะไรกับรถคันอื่นๆ ที่เขาเบียดแทรกไปตลอดทาง เมื่อเทียบกับการปฏิบัติตามกฎจราจรแล้วจี้เฟิงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของถงเล่ยมากกว่า
ต้วนเผิงที่นั่งอยู่เบาะหลังกำลังคิดในใจอย่างรวดเร็วเขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยและต้องการช่วยคิดหาวิธีที่จะช่วยเหลือจี้เฟิง
ในตอนที่เขามีปัญหากับเฉียวเจียไคมันได้รับการสะสางโดยจี้เฟิง แล้วในตอนนี้จี้เฟิงกำลังมีปัญหาถ้าเขาสามารถช่วยเหลือจี้เฟิงได้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไปได้ไกลกว่านี้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่จากในแง่ของการตอบแทนบุญคุณเขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือจี้เฟิง
แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรต้วนเผิงก็คิดหาวิธีที่จะช่วยเหลือจี้เฟิงไม่ออก เมื่ออยู่ในเจียงโจว ต้วนเผิงไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยจี้เฟิงได้เลย
“ฉันสามารถอยู่ข้างๆเขาเพื่อคอยช่วยเหลือได้ไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้าจี้เฟิงสั่งให้ฉันทำฉันจะทำมันให้ดีที่สุด!” ต้วนเผิงแอบตัดสินใจ เดิมทีเขาถูกเฉียวเจียไคบังคับจนรู้สึกสิ้นหวัง แต่ได้ถูกจี้เฟิงช่วยเหลือไว้ ความมีน้ำใจของจี้เฟิงนี้มันจะถูกจดจำไว้ในใจของเขา ไอลีนโนเวล
เดิมทีจากสถานีตำรวจไปยังสหพันธ์มหาวิทยาลัยเป็นระยะทางเกือบครึ่งหนึ่งของเจียงโจวและถ้าหากคุณขับรถตามปกติ มันจะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดก็หนึ่งชั่วโมง แต่จี้เฟิงเกือบจะใช้ทักษะการขับรถของเขาขั้นสูงสุด และในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงจี้เฟิงก็มาถึงประตูรั้วของสหพันธ์มหาวิทยาลัย
ทั้งสามกระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็วจี้เฟิงกล่าวอย่างรีบร้อน “พี่รอง พี่ต้วน รออยู่ที่นี่แหละผมจะไปหาเล่ยเล่ยก่อน ไว้ผมจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังทีหลัง!”
โดยไม่รอให้จี้ช่าวเหลยตอบจี้เฟิงก็วิ่งเข้าไปในมหาวิทยาลัยและเมื่อเขาผ่านป้อมยาม บัตรนักศึกษาที่อยู่ในมือของเขาก็แกว่งไปแกว่งมาตรงป้อมยามและวิ่งตรงเข้าไปทันที
“เฮ้!”จี้ช่าวเหลยชูโทรศัพท์และตะโกนเรียกจี้เฟิง แต่เหมือนจะไม่ทันซะแล้ว เขาจึงได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “โทรศัพท์ของหมอนั่นยังอยู่นี่อยู่เลย..”
“ช่าวเหลยเราตามจี้เฟิงเข้าไปกันดีกว่าเผื่อมีอะไรที่เราพอจะช่วยเหลือได้!” ต้วนเผิงกล่าว
“เปล่าประโยชน์เราเพิ่งจะดื่มแอลกอฮอล์กันมา ตอนลงทะเบียนเพื่อจะเข้าไปข้างในยามต้องไม่ให้เราผ่านแน่นอน!” จี้ช่าวเหลยส่ายหัวเล็กน้อย เขาก็เคยเป็นนักศึกษาของสหพันธ์มหาวิทยาลัยมาก่อน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะรู้กฎของที่นี่ บุคคลภายนอกถ้าต้องการเข้าสถานศึกษาอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในสภาวะปกติ ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าจะเข้าไปข้างในได้
“หืมลูกพี่ช่าวเหลยเป็นเด็กดีเชื่อฟังกฎระเบียบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!” ต้วนเผิงยิ้มมุมปาก
ทันใดนั้นจี้ช่าวเหลยก็หัวเราะ“แน่นอน มันไม่ใช่สไตล์ของฉันอยู่แล้วที่จะทำตัวเป็นเด็กดีที่เชื่อฟัง เราไปดูตรงกำแพงตรงนั้นกันดีกว่า ถ้ามันไม่ถูกปิดกั้นเอาไว้เราก็สามารถเขาจากทางนั้นได้ง่ายๆ!”
และทันใดนั้นทั้งสองคนก็วิ่งไปทันทีพวกเขาคุยกันและหัวเราะ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าเรื่องที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินธรรมดาและทั้งสองคนสามารถรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าเรื่องไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ!
จี้เฟิงที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดตอนนี้ได้มาถึงชั้นล่างของหอพักของถงเล่ยเขาเอื้อมมือไปที่กระเป๋าเสื้อเพื่อจะหาโทรศัพท์ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ยังอยู่ในมือของพี่รองของเขา เมื่อตอนลงจากรถเขาคิดว่าเขามาถึงช้าเกินไป จึงรีบร้อนมากจนลืมที่จะเอาโทรศัพท์คืนมาจากพี่รอง
เขามองขึ้นไปข้างบนหอพักที่ห้องของถงเล่ยยังคงสว่างอยู่เขาคิดอยู่พักหนึ่งว่าจะเรียกถงเล่ยดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำแบบนั้น เขาต้องมีสติและคิดให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะทำให้เรื่องมันบานปลายใหญ่โต
“น้องสาม!”ในตอนนั้นเองมีผู้ชายสองคนวิ่งมาทางจี้เฟิงอย่างรวดเร็วอยู่ไกลๆ หนึ่งในนั้นตะโกนเรียกจี้เฟิงจนทำให้จี้เฟิงหันหลังกลับไปมอง และก็พบว่าเป็นจี้ช่าวเหลยกับต้วนเผิง
จี้เฟิงสะดุ้งและอดไม่ได้ที่จะถาม“พวกพี่มาทำอะไรกันที่นี่!”
“เจ้าเด็กบ้านายวิ่งมาโดยที่ลืมโทรศัพท์ไว้กับฉันเนี่ย!” จี้ช่าวเหลยพูดพลางหอบหายใจ “แต่นายไม่ต้องกังวล ฉันเพิ่งคุยกับน้องสะใภ้ ตอนนี้เธอสบายดี ฉันเลยถามเธอว่าหอพักเธออยู่ที่ไหนถึงได้ตามนายมาถูกนี่แหละ!”
จี้ช่าวเหลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูด“น้องสะใภ้ ฉันพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิงนะ ตอนนี้เธอยังโอเคอยู่ใช่มั้ย”
“พี่รองตอนนี้ฉันไม่เป็นไร…”เสียงของถงเล่ยดังมาจากในโทรศัพท์ “แต่บางทีฉันคิดว่า…กรี๊ดด!!”
จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นทันใดนั้นสีหน้าและท่าทางของจี้เฟิงก็เปลี่ยนไปราวกับสิงโตที่เกรี้ยวกราด ความโกรธแค้นปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงและเขาก็พุ่งไปข้างหน้าทันที!
“นี่!เด็กชายเธอไม่รู้เหรอว่าที่นี่มันหอพักสตรี!” คุณป้าที่เฝ้าหอพักหยุดอยู่ตรงหน้าประตูและพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นจี้เฟิงพยายามจะเข้ามา เธอจ้องหน้าไปที่จี้เฟิงด้วยความโกรธราวกับว่าเขาเป็นคนร้าย
“เชี่ยเอ๊ย!”
จี้เฟิงสบถเสียงดังเขาถอยออกมาสองสามก้าวและมองไปรอบๆจากนั้นเขาก็วิ่งกลับออกมาด้านนอกอาคารและออกแรงเต็มที่จากนั้นเขาก็วิ่งขึ้นไปด้านบน!
ตุบ!ตุบ! ตุบ!
จี้เฟิงเร่งสปีดวิ่งพุ่งขึ้นไปไต่กำแพงและคว้าระเบียงของชั้นสองไว้โดยไม่คาดคิดเขาเหมือนลิงที่รวดเร็วว่องไว เขาใช้มือจับขอบระเบียงแล้วปืนขึ้นไปอย่างรวดเร็วเขาดีดตัวเองเพียงครั้งเดียวก็แทบจะทำให้ตัวเขาพุ่งข้ามไปอีกชั้นได้ในทันที
จี้ช่าวเหลยและต้วนเผิงเงยหน้ามองขึ้นไปพวกเขาจ้องมองเงาร่างที่ย้อนแสงของจี้เฟิง และทันใดนั้นเองใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ช่ะช่าว ช่าวเหลย นายบอกฉันทีว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่มันเป็นความจริง!” ต้วนเผิงพูดตะกุกตะกัก
“มันเป็นความจริง…ใช่มั้ย!” จี้ช่าวเหลยก็ตกใจไม่แพ้กัน โอ้พระเจ้าอาคารที่ถูกสร้างเป็นหอพักหญิงแห่งนี้มันเป็นอาคารที่ได้มาตรฐานดังนั้นความสูงของ 1 ชั้นมันจะเท่ากับ 3 เมตร!
แม้ว่าจี้เฟิงจะปีนป่ายด้วยมือและเท้าทั้งสองข้างของเขาแต่ความสูงของระเบียงและความสูงของแต่ละชั้นมันก็สูงมาก และเขาสามารถกระโดดจากพื้นที่แบบนั้น…. เขารู้ตัวหรือเปล่าว่านั่นมันความสูง 3 เมตร!
เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่าใครมันจะสามารถกระโดดได้สูงถึง 3 เมตรจากจุดนั้นกัน?!
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่จี้เฟิงได้ยินเสียงกรีดร้องของถงเล่ยปฏิกิริยาบางอย่างของจี้เฟิงก็ระเบิดออกมา มันน่ากลัวเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังกระหายเลือดและกินคนมันเป็นความรู้สึกที่ทำให้จิตใจของผู้คนตกอยู่ในความตกใจกลัวได้ในทันที!
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้…แข็งแกร่งมากจริงๆ!” ต้วนเผิงกล่าวด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
จี้ช่าวเหลยเป็นฝ่ายที่ได้สติกลับมาก่อน“น้องสามกับน้องสะใภ้จะไม่เป็นไรใช่มั้ย”
พวกเขาไม่มีความสามารถเหมือนกับจี้เฟิงพวกเขาจึงทำได้แค่รออยู่ที่ข้างล่างเท่านั้น
ต้วนเผิงกะพริบตาถี่ๆเขามีสติกลับมาแล้วเช่นกันจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทั้งสองคนอยู่ในอาการตกตะลึงจี้เฟิงก็ปีนมาถึงห้องพักของถงเล่ยแล้วเขารีบปีนเข้าไปที่ระเบียงห้องของถงเล่ยอย่างรวดเร็ว