The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 245 ก็แค่ตัวตลก
“ไม่!เราจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้เด็ดขาด!” แววตาของหญิงวัยกลางคนเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและพูดอย่างเย็นชา “ไอ้สารเลวนั่นมันไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ก็จริง แต่มันจะตายง่ายๆ แบบนั้นไม่ได้ มันทรมานน้อยเกินไป!”
“แล้วเราจะจัดการไอ้เด็กนั่นยังไงดี”ชายหนุ่มที่เดินนำอยู่ข้างหน้าขมวดคิ้วและถามขึ้น แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเต็มไปด้วยความโกรธเคืองพอๆกัน แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยกับความอาฆาตแค้นที่รุนแรงของภรรยาของเขา
“เอาเป็นว่าตอนนี้เราไปเยี่ยมพวกเขาที่โรงพยาบาลก่อนหลังจากที่ส่งพวกเขาทั้งหมดขึ้นเครื่อง เราค่อยมาคุยรายละเอียดที่เหลือกัน!” หญิงวัยกลางคนกัดฟัน
“โอเค!”
จริงๆแล้วผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นเธอคือเฉียวหรงผู้หญิงที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับจี้เฟิงตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิดและในขณะเดียวกันเธอยังเป็นแม่ของเฉียวเจียไคที่ถูกจี้เฟิงทำร้ายร่างกาย
ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและพี่น้องของลูกชายหลายคนก็ได้รับบาดเจ็บจากคนคนเดียวกันด้วยเช่นกันตอนนี้พวกเขาทั้งหมดนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความเกลียดชังและความแค้นและไม่เพียงแค่กับจี้เฟิงเท่านั้นเธอยังเกลียดชังผู้หญิงสารเลวคนนั้นที่บังอาจมาปล้นสามีที่ควรจะเป็นของเธอและยังปล้นศักดิ์ศรีความมั่งคั่งรวมถึงอำนาจสูงสุดในสิ่งที่ควรจะเป็นของเธอไปอีกด้วย!
แต่ก็เพราะแบบนั้นเธอจึงใช้กลอุบายเล็กๆน้อยๆ ทำให้ผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นเสียใจจนต้องจากไปและไม่ได้โผล่หัวกลับมาอีกเลยเป็นสิบปี
อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาเฉียวหรงได้พยายามบอกใบ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและแม้กระทั่งกระจายข่าวในแง่ดีต่างๆเพื่อหวังจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคนคนนั้นแต่ผลที่ได้คือคำพูดที่แสนจะเย็นชา “นางหวังจะทำอะไรก็ช่วยเคารพตัวเองด้วย!”
และทันทีที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นเฉียวหรงก็รู้สึกได้ว่าเธอนั้นถูกดูถูกอย่างร้ายกาจความอัปยศที่ได้รับทำให้เธอไม่อาจมีหน้าไปเจอใครได้!
ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยกับตระกูลใหญ่ในหยานจิงคุณต้องรู้ว่าผู้ชายที่ชื่อหวังเหวินเกาเป็นฝ่ายที่แต่งเข้าตระกูลเฉียว ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้และคำนึงถึงหน้าตาของตระกูลเฉียวพวกเขาจะไม่เรียกเฉียวหรงว่า ‘นางหวัง’
แต่คนที่เธออยากจะสานสัมพันธ์และปีนขึ้นไปให้ถึงกลับเรียกเธอว่า‘นางหวัง’ เคารพตัวเองด้วย! แม้จะเป็นคำพูดที่สุภาพแต่ก็เป็นการดูถูกอย่างรุนแรง
ความอัปยศอดสูเหล่านี้ทำให้เฉียวหรงจำฝังใจและสาบานกับตัวเองไว้ว่าแม้ชีวิตนี้เธอจะล้มเหลวในการเป็นนายหญิงแห่งตระกูลจี้จนทำให้ไม่ได้รับพลังอำนาจที่ควรจะเป็นของเธอรวมถึงการที่ได้เพลิดเพลินไปกับรัศมีที่ผู้คนนับไม่ถ้วนจะต้องเคารพชื่นชมเธอดังนั้นไม่ว่าใครแม้ว่าจะเป็นคนของตระกูลจี้เองก็ตามเธอจะทำให้พวกเขาไม่ได้รับความสุขสมเหล่านี้แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงชั้นต่ำที่ปล้นตำแหน่งนี้ของเธอไป!
ดังนั้นเฉียวหรงจึงเริ่มกระทำการต่างๆแม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ติดต่อหรือมีความเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลจี้เลย แต่อันที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำเกือบทั้งหมดล้วนมุ่งเป้าไปที่ตระกูลจี้!
จนกระทั่งตระกูลเฉียวและอาจารย์ของจูหยงเต๋าได้ติดต่อกันและทั้งสองฝ่ายก็บรรลุข้อตกลงบางอย่างจนเกิดความร่วมมือและทำให้การเคลื่อนไหวของเฉียวหรงก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเธอรู้ดีว่าอาจารย์ของจูหยงเต๋านั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหนมันเป็นพลังมหาศาลที่ผู้คนไม่อาจมองข้ามแม้ว่าจะเป็นตระกูลจี้เองก็ไม่อาจที่จะเผชิญหน้ากับเขาด้วยพละกำลังตรงๆได้ และเฉียวหรงก็เชื่อว่าหากเธอได้ร่วมมือกับอาจารย์ของจูหยงเต๋ามันจะทำให้ตระกูลจี้ย่อยยับและพ่ายแพ้ไปในที่สุด
อาจารย์ของจูหยงเต๋าไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่มีพละกำลังอันแข็งแกร่งเท่านั้นแต่เขาถือได้ว่าเป็นกองกำลังให้กับตระกูลเฉียวที่ไว้ใจได้มากที่สุดด้วยพูดกันตามจริงพวกเขาคือพันธมิตรในอุดมคติที่ดีที่สุด เนื่องจากอาจารย์ของจูหยงเต๋าจำเป็นต้องพึ่งพาอิทธิพลของตระกูลเฉียวและตระกูลเฉียวจำเป็นต้องพึ่งพาพละกำลังของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาทั้งสองฝ่ายจึงต้องพึ่งพากันและกันและต่างฝ่ายต่างก็ได้รับผลประโยชน์ที่ตนเองต้องการ
ถ้าจี้เฟิงอยู่ที่นี่เขาจะต้องรู้ได้อย่างรวดเร็วเพราะบุคคลทั้งสามที่เดินตามหลังเฉียวหรงอยู่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทางการเดินหรือแม้แต่สายตาของพวกเขาก็แทบจะเหมือนกับของจูหยงเต๋าไม่มีผิดเพี้ยน มันจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือคนเหล่านี้มาจากสถานที่เดียวกัน
และจากบทสนทนาระหว่างเฉียวหรงและบุคคลทั้งสามพวกเขาก็น่าจะเป็นศิษย์พี่และศิษย์น้องของจูหยงเต๋าและคนอื่นๆที่บาดเจ็บอยู่อย่างแน่นอน และเหตุผลที่พวกเขามาที่เจียงโจวในครั้งนี้ก็เพื่อล้างแค้นให้กับจูหยงเต๋าและศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ
“นายหญิงอีกฝ่ายเป็นแค่นักศึกษามหาลัยมีอะไรให้เราต้องกลัว” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “ไม่จำเป็นต้องถึงมือพี่ห้า แค่ฉันก็เพียงพอแล้วที่จะจับมันมาและปล่อยให้นายหญิงจัดการมันผู้นั้นได้ตามต้องการ!”
เฉียวหรงส่ายหัวเล็กน้อย“ไม่ดี! แม้ว่าไอ้เด็กชั้นต่ำคนนั้นมันจะเป็นเพียงแค่เด็กมหาลัย แต่มันก็เป็นลูกชายของจี้เจิ้นหัว และจี้เจิ้นกั๋วอาของมันก็เป็นถึงเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลในเจียงโจว ถ้านายไปจับตัวมันมามันอาจจะทำให้พวกเราเป็นฝ่ายลำบากเสียเอง!”
เมื่อพูดถึงจี้เฟิงเฉียวหรงรู้สึกโกรธแค้นมากในหัวใจของเธอ ตามข้อมูลเบื้องต้นที่เธอได้รับ สัตว์นรกที่ทำร้ายลูกชายของเธอจนได้รับบาดเจ็บสาหัสน่าจะเป็นจี้ช่าวหยินน้องชายของจี้ช่าวเหลย แต่หลังจากการสอบสวนที่เธอได้สั่งให้คนไปตามสืบมาก็พบว่าจี้ช่าวหยินอยู่ในกองทัพจึงไม่มีทางปรากฏตัวในเจียงโจวได้อย่างแน่นอน เธอจึงรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล เธอจึงสืบสาวราวเรื่องนี้อย่างละเอียดจนได้รู้ว่าสัตว์นรกที่ทำร้ายลูกชายของเธอไม่ใช่จี้ช่าวหยินจริงๆแต่เป็นจี้เฟิงลูกชายของผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น!
ผู้หญิงที่ทำให้เธออดได้พลังอำนาจที่ควรจะเป็นของเธอและเป็นผู้หญิงที่เธอเกลียดมากที่สุดและลูกชายของผู้หญิงคนนั้นก็ยังมาทำให้ลูกชายของเธอบาดเจ็บสาหัส!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เฉียวหรงก็แทบจะทนรอไม่ไหวที่จะสั่งสอนผู้หญิงสารเลวคนนั้นจากนั้นก็จับลูกชายของมันมาทรมานต่อหน้าแม่ของมันอย่างรุนแรงก่อนที่จะส่งพวกมันสองแม่ลูกไปลงนรก
แม้ว่าเฉียวหรงจะบ้าคลั่งและจมปลักไปกับความแค้นแต่เธอก็ยังมีสติพอที่จะรู้ว่าการที่เธอจะทำเช่นนี้ได้จริงๆมันต้องใช้เวลา เพราะถ้าจู่ๆเธออุกอาจและทำเรื่องนี้โดยไม่ไตร่ตรองให้ดีตระกูลเฉียวของเธอจะถูกทำลายและสิ้นชื่อไปจากโลกนี้ทันทีโดยจี้เจิ้นหัวซ้ำร้ายเธอจะไม่ได้รับความปรานีแม้แต่น้อย ไม่มีประโยชน์ที่จะร้องขอชีวิตจากเขาไม่ว่าชายชราผู้นำแห่งตระกูลจี้จะเข้าข้างเธอมาแค่ไหนก็ตาม
เพราะตอนนี้จี้เจิ้นหัวไม่ใช่ชายหนุ่มที่ต้องมาคอยเชื่อฟังคำสั่งผู้เป็นพ่ออีกต่อไปตอนนี้เขาเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่านฝังรากลึก เพียงแค่คำพูดของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะหยุดพายุ
ชายชราจี้ไม่สามารถหยุดลูกชายที่เติบโตและยิ่งใหญ่ราวกับภูเขาได้อีกต่อไปและแน่นอนว่า เฉียวหรงจะไม่เสี่ยง
สิ่งที่เธอจะต้องทำคืออย่าได้ล้ำเส้นของอีกฝ่ายเธอจะต้องทำเรื่องที่จะมีประโยชน์ต่อตัวเองและเป็นเรื่องเล็กน้อยที่แม้กระทั่งจี้เจิ้นหัวก็ไม่อาจขัดคำสั่งของพ่อตัวเองได้!
ตราบใดที่เธอพบจุดสมดุลและวิธีที่ถูกต้องเฉียวหรงเชื่อว่าเธอจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด!
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกล่าวว่า“เหวินเหลียงอย่าหุนหันพลันแล่นแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กมหาลัย แต่เนื่องจากศิษย์พี่จูและศิษย์น้องคนอื่นๆยังได้รับบาดเจ็บโดยที่ฝ่ายตรงข้ามใช้เพียงมือเปล่านี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอีกฝ่ายก็เป็นผู้ที่มีทักษะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา สิ่งที่พวกเราจะต้องทำต่อจากนี้มันเป็นแผนการที่ต้องใช้เวลา ก่อนอื่นรอให้นายหญิงท่านนี้บอกแผนการว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร!” Aileen-novel
เรื่องนี้เป็นที่น่าพอใจสำหรับเฉียวหรงมากแม้ว่าคนเหล่านี้จะมีพละกำลังและแข็งแกร่งมาก แต่อิทธิพลทางสังคมของพวกเขายังด้อยกว่าตระกูลเฉียวมากนัก นี่จึงเป็นข้อดีที่ทำให้เธอผู้ซึ่งเป็นคนของตระกูลเฉียวมีอำนาจในการวางแผนและตัดสินใจ
“ไม่ต้องห่วงฉันมีแผนการสำหรับเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว!” แววตาของเฉียวหรงเปล่งประกายแห่งชัยชนะ “ตอนนี้มีคนอยู่เยอะเกินคงไม่สะดวกที่จะคุยกันที่นี่ ไว้ค่อยคุยกันตอนอยู่ในรถ!”
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถสีดำสองสามคันมาจอดอยู่ตรงทางออกของสนามบินในจุดที่เฉียวหรงและคนอื่นๆยืนรออยู่เฉียวหรงทำท่าเชิญพวกเขาสามสี่คนให้ขึ้นไปบนรถ
“นายหญิงบอกผมทีว่าคุณมีแผนจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ผมไม่อยากรออีกต่อไป!” ชายหนุ่มที่ชื่อเหวินเหลียงกล่าวทันทีที่เขาขึ้นรถ
เฉียวหรงยิ้มด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ“มันง่ายมาก พวกเขาไม่ได้มีความขัดแข้งกับจี้เฟิงโดยตรง และสาเหตุของเหตุการณ์นี้คือต้วนเผิง เป็นเพราะเขาทนแรงกดดันไม่ได้จึงมาที่เจียงโจวเพื่อขอความช่วยเหลือและนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ไอ้พวกเด็กเวรของตระกูลจี้ลงมือ!”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบและครุ่นคิดสิ่งที่เฉียวหรงเพิ่งพูดครู่หนึ่งเขาก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า“สิ่งที่นายหญิงหมายถึงคือเราจะกดดันต้วนเผิงอีกครั้งเพื่อให้จี้เฟิงและคนอื่นๆออกมา”
“ถูกต้อง!”เฉียวหรงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มันทำให้ใบหน้าที่ผอมแห้งของเธอดูน่าเกลียดมาก “อาจารย์ของเธอต้องการที่จะฟื้นฟูสำนัก ดังนั้นทรัพย์สินของต้วนเผิงจึงเป็นตัวแปรสำคัญและมันจะต้องถูกยึด ส่วนคนอย่างต้วนเผิงมันจะไม่ร่วมมือกับใครนอกจากคนของตระกูลจี้ และไอ้พวกเด็กเวรของตระกูลจี้จะต้องออกโรงช่วยเหลือมันอย่างแน่นอน!”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสามทันทีและชายหนุ่มที่ชื่อเหวินเหลียงกล่าวว่า“เยี่ยมไปเลย! ความคิดของนายหญิงท่านนี้ดีมากจริงๆ มันเป็นการยิงปืนเพียงนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว!”
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำกล่าว“ถ้าเรื่องนี้มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เทียนกั๋วถงคนนี้ก็ขอขอบคุณนายหญิงท่านนี้ในนามของอาจารย์และศิษย์พี่ของข้าทุกคน!”
“ไอ้สารเลวจี้เฟิงลูกชายของผู้หญิงชั้นต่ำพวกแกจะต้องเสียใจที่คิดจะเป็นศัตรูกับฉัน!” ดวงตาของเฉียวหรงเต็มไปด้วยประกายแห่งความอาฆาตแค้นอย่างบ้าคลั่ง “จี้เจิ้นหัวคุณก็จะต้องเสียใจเช่นกัน ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้คุณได้รู้ว่าจุดจบสำหรับคนที่มองข้ามหัวของฉันมันเป็นยังไง!”
………………
“ฮ้าดดดดเช่ย!!”
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังคิดพิจารณาอยู่ว่าจะเพิ่มเฟอร์นิเจอร์อะไรภายในวิลล่าของเขาบ้างดีเขาก็อดไม่ได้ที่จะถูจมูกหลังจากจามออกมาด้วยสีหน้างงงวย“บ้าไปแล้ว! ร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ยังจะเป็นหวัดได้อยู่อีกเหรอ หรือเป็นผลพวงมาจากการที่ฉันว่ายน้ำข้ามทะเลในคืนนั้น?”
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งจี้เฟิงก็ไม่ได้คำตอบอะไรอยู่ดีเขาจึงหยิบกระดาษออกมาแล้วนั่งคิดต่อไปว่าจะซื้ออะไรดี
ฉันเพิ่งจะได้โชคก้อนใหญ่มาและมันเป็นอะไรที่ดีมากที่จะใช้โชคก้อนนี้ไปกับการจับจ่ายใช้สอยบ้างบางครั้งลาภลอยพวกนี้มันมักจะไม่ปลอดภัย!
………………
ณลานบ้านที่คุ้นเคยในหยานจิง
เมื่ออากาศเย็นลงเรื่อยๆเก้าอี้นั่งเล่นของผู้อาวุโสจี้ก็ถูกย้ายจากใต้ต้นไม้ใหญ่ในสนามไปไว้ใต้ชายคาโดยองครักษ์พิเศษ
ในเวลานี้ชายชราได้ใส่ชุดกันหนาวไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยอายุที่มากกว่าเจ็ดสิบปีจึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายของเขาจะเสื่อมโทรมถดถอยลงในแต่ละวัน แต่อย่างไรก็ตามจิตใจของเขายังคงแข็งแกร่งและจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยยังคงสามารถมองเห็นเงาของนายพลผู้องอาจได้อยู่รางๆ
ชายชราหลับตาลงเล็กน้อยและฟังชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบที่ไม่เหมือนใครข้างๆเขาอ่านบางอย่างให้เขาฟัง
“เฉียวหรงและศิษย์หลักทั้งสามในสถานที่แห่งนั้นได้มาถึงเจียงโจวแล้วและเป็นไปได้ว่าจุดประสงค์การมาของพวกเขาในครั้งนี้คือนายน้อยเฟิง!”
“นายท่านผมควรจะรีบเดินทางไปที่เจียงโจวในทันทีเพราะความปลอดภัยของนายน้อยเฟิงอาจจะ…” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างลังเล
ชายชราโบกมือและกล่าวด้วยเสียงเข้ม “ไม่ต้อง! ก็แค่ตัวตลกมันไม่สามารถเอาชนะหลานชายของฉันได้หรอก!”