The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 252 ผู้หญิงหยาบคาย
“เกิดอะไรขึ้น”คิ้วดาบที่คมเข้มของจี้เฟิงยกขึ้น
จี้เฟิงเดินหันหน้าไปและพบว่าถงเล่ยกับเซียวหยูซวนกำลังยืนอยู่หน้าเตียงใหญ่หลังหนึ่งซึ่งฝั่งตรงข้ามกับพวกเธอมีชายหนุ่มที่กำลังมองขึ้นมองลงมาที่หญิงสาวทั้งสองและบนเตียงหลังใหญ่นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมา
“ไปดูกันเถอะ”สีหน้าของจางเล่ยดูมืดมนลงเล็กน้อย เขารู้นิสัยน้องสาวของเขาดี เพราะโดยปกติแล้วถงเล่ยจะไม่โต้เถียงกับผู้อื่นง่ายๆ ถ้าถงเล่ยถึงขั้นตะคอกกับคนแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงที่ดูโกรธเคืองเช่นนี้นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายจะต้องทำอะไรที่มันมากเกินไป
“ไป!”จี้เฟิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ใบหน้าของเซียวหยูซวนและถงเล่ยดูบึ้งตึงมากในเวลานี้พวกเธอกำลังมองไปที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้ามันเยิ้มที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงด้วยความโกรธ
ก่อนหน้านี้สองสาวกำลังเลือกเตียงกันอยู่ซึ่งเตียงที่พวกเธอถูกใจคือเตียงหลังใหญ่หลังนี้ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือสีพวกเธอต่างก็ชอบมันมากและยิ่งไปกว่านั้นพนักงานขายได้บอกกับพวกเธอว่าเตียงลักษณะนี้เป็นเตียงหลังสุดท้ายในร้าน ถ้าเป็นเตียงอื่นๆที่มีไซซ์เดียวกันจะเป็นคนละสีคนละรูปแบบแตกต่างกันไป เมื่อพวกเธอถามถึงราคามันก็ไม่แพงมากหญิงสาวทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะซื้อเตียงชุดนี้
แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงที่น่าขนลุกของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น“เดี๋ยวก่อน! เตียงนี้ราคาเท่าไหร่ฉันต้องการมัน!”
เซียวหยูซวนและถงเล่ยต่างหันไปมองและขมวดคิ้วในเวลาเดียวกันแต่พวกเธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่สามารถเข้าใจแม้กระทั่งหลักการง่ายๆอย่างใครมาก่อนได้ก่อน จึงเป็นธรรมดาที่หญิงสาวทั้งสองจึงตั้งใจที่จะไม่เสวนากับคนประเภทนี้
แต่สิ่งที่เซียวหยูซวนและถงเล่ยรู้สึกรังเกียจจริงๆก็คือผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบปีที่มากับผู้หญิงที่ดูจริตจะก้านเกินเบอร์คนนั้นชายคนนี้มีใบหน้าที่มันเยิ้ม ผิวพรรณที่ซีดเซียว เมื่อมองแวบแรกก็ทำให้รู้เลยว่าชายคนนี้น่าจะอยู่ในอาการมึนเมาจากการดื่มที่มากเกินไป
เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นเซียวหยูซวนและถงเล่ยดวงตาของเขาก็เบิกโพลงสว่างวาบไปด้วยแสงแปลกๆ และคนทั้งคนก็เหมือนถูกน้ำเย็นๆสาด ท่าทีของเขาดูตื่นเต้นและดวงตาที่ละโมบของเขาก็จ้องมองไปที่เซียวหยูซวนและถงเล่ยอยู่ตลอดเวลาราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องไม่ดีบางอย่างกับหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าของเขาในจินตนาการ รอยยิ้มอันแปลกประหลาดชวนให้ขนลุกปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาซึ่งเห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ไม่ได้คิดเรื่องอะไรดีๆอยู่อย่างแน่นอน
เซียวหยูซวนและถงเล่ยแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาในเวลาเดียวกันพวกเธอต่างแสดงความเย็นชากับผู้ชายคนนี้อย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกละอายใจเลยแต่กลับแสยะยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “สาวสวยสองคนนี้มาซื้อเตียงเหรอ ทำไมแฟนไม่มาช่วยเลือกล่ะให้ฉันช่วยแทนมั้ย?”
“หึ!”เซียวหยูซวนแค่นเสียงอย่างเย็นชาและสะบัดหน้าหนี กับคนประเภทนี้ต้องอย่าไปโต้เถียงด้วย เพราะถ้าคุณยิ่งไปดุด่าเขามากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น และจะยิ่งหาโอกาสทะเลาะกับคุณมากขึ้น สุดท้ายก็จะใช้เรื่องพวกนั้นเป็นเหตุผลเพื่อเข้าหาคุณ
เซียวหยูซวนได้เห็นผู้คนมามากมายเธอจึงรู้ว่ากับคนประเภทนี้วิธีจัดการที่ดีที่สุดคือต้องเพิกเฉยต่อเขา
ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้คือวันที่เธอตั้งใจมาซื้อของอย่างสบายอารมณ์ไม่ใช่วันที่จะต้องมาเสียอารมณ์เพราะโต้เถียงกับคนอื่น
แต่ถึงแม้เซียวหยูซวนจะคิดเช่นนี้แต่คนอื่นๆไม่ได้คิดเหมือนกันกับเธอโดยเฉพาะผู้ชายใบหน้ามันเยิ้มคนนี้เขาไม่ต้องการเห็นการตอบรับที่เมินเฉยของเซียวหยูซวนและถงเล่ยหญิงสาวสองคนนี้สวยมากจริงๆ คนหนึ่งก็มีเสน่ห์ที่เย้ายวนน่าหลงใหลอีกคนก็สวยน่ารักสดใสไม่ว่าจะคนไหนความสวยของพวกเธอก็มีแรงดึงดูดต่อผู้ชายอย่างมาก แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะผ่านผู้หญิงมานักต่อนักเขาเคยได้ลิ้มรสความงามระดับดารามาแล้วด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นผู้หญิงที่สวยงามสมบูรณ์พร้อมราวกับพระเจ้าสร้างอย่างเซียวหยูซวนและถงเล่ย มันกระตุ้นความละโมบและความเป็นชายของเขาให้เกิดขึ้นในจิตใจทันทีที่ได้เห็นพวกเธอ
ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่สาธารณะเขาคงจะกระโจนเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองในทันที
“คุณผู้หญิงทั้งสองพวกเธอกำลังเลือกซื้อเตียงกันอยู่ไม่ใช่เหรอให้ฉันช่วยแสดงความคิดเห็นน่าจะดีกว่านะ ผู้ชายกับผู้หญิงมักจะมีมุมมองที่แตกต่างกันแล้วมันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าจะให้ฉันช่วยเลือก” ชายคนดังกล่าวมีรอยยิ้มที่สดใส เขาจงใจยกมือขึ้นขณะที่พูด ทำให้เห็นว่าที่ข้อมือของเขามีนาฬิกาสีทองเข้าเซตกับเครื่องแต่งกายแบรนด์ดังที่อยู่บนร่างกายของเขา ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะร่ำรวย
“ไม่จำเป็นพวกเราเลือกซื้อกันเองได้!” เซียวหยูซวนพูดอย่างเย็นชา ส่วนถงเล่ยไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปที่ชายคนนั้นด้วยซ้ำ สำหรับเธอแล้วการพูดคุยกับคนประเภทนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอแม้แต่น้อยและมันก็ไม่มีค่าพอที่เธอจะต้องเสียเวลา
รอยยิ้มของชายคนนั้นหุบลงทันทีและดวงตาของเขาก็ฉายแววแห่งความไม่พอใจแต่มันก็หายไปในพริบตาและแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “อย่าเพิ่งพูดตัดเยื่อใยกันแบบนั้นสิ คนเราได้มาพบกันแสดงว่าต้องมีโชคชะตาต่อกันในอนาคตเราอาจจะได้เป็นเพื่อนที่ดีคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็ได้”
ถงเล่ยและเซียวหยูซวนไม่สนใจเขาพวกเธอพากันเดินดูเตียงขนาดใหญ่ที่พวกเธอถูกใจไม่ว่าจะดีไซน์พนักพิงของเตียงที่ดูคลาสสิกบุด้วยผ้ากำมะหยี่เข้าคู่กับกระโจมคลุมเตียงมันดูเหมือนเตียงของเจ้าหญิงอันสูงส่งสมัยโบราณ รูปลักษณ์ของมันดูคลาสสิกแต่ก็อ่อนหวานทำให้ผู้คนรู้สึกสงบสุข
เมื่อเห็นว่าเซียวหยูซวนถงเล่ยเดินจากไปโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อยใบหน้าของเขาก็มืดลงทันทีเขาหรี่ตาเพ่งมองไปที่สองสาวราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
แต่ผู้หญิงที่แต่งตัวโชว์เนื้อหนังมากกว่าปกปิดที่ยืนข้างๆเขาไม่มีความสุขอีกต่อไปใบหน้าของเธอปราศจากรอยยิ้มที่มีในตอนแรกอย่างสิ้นเชิงจะให้เธอมีความสุขอยู่ได้อย่างไรในเมื่อผู้ชายที่มากับเธอไม่ได้มองเธอเลยเขามัวแต่คุยกับผู้หญิงคนอื่นและยังมองพวกเธอด้วยความหิวกระหายอย่างไม่วางตา หัวใจของเธอเต้นแรงและเต็มไปด้วยความโกรธ
แต่อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้ไม่กล้าที่จะทำให้ผู้ชายข้างๆเธอโกรธเพราะตัวเธอเองก็ไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายคนนี้ แต่เป็นเพียงคนรักที่เขาคอยเลี้ยงดูอยู่นอกบ้าน ที่วันนี้เขาและเธอมาที่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้ก็เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านใหม่ที่ผู้ชายใบหน้ามันเยิ้มเพิ่งจะซื้อให้เธอ
และที่สำคัญชื่อเจ้าของบ้านยังคงเป็นชื่อของผู้ชายคนนี้ดังนั้นผู้หญิงคนนี้จึงไม่กล้าแสดงความไม่พอใจและทำให้ผู้ชายคนนี้โกรธเคืองเธอจะต้องทำให้เขาพึงพอใจและมีความสุขมากที่สุดเพื่อที่สุดท้ายแล้วเขาจะได้โอนบ้านเป็นชื่อของเธอ อย่างไรก็ตามการพยายามที่จะไม่ทำให้ผู้ชายของเธอโกรธก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่สามารถไประรานผู้หญิงสองคนนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงสองคนนี้สวยกว่าตัวเองมากซึ่งมันไปกระตุกต่อมความอิจฉาริษยาของเธอขึ้นมาทันที เธอกัดฟันอย่างเงียบๆแต่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง
“พี่สาวหยูซวนเตียงหลังนี้สวยมาก” เสียงที่สดใสแต่คมชัดของถงเล่ยฟังดูเหมือนไข่มุกที่ตกกระทบลงบนแผ่นหยก เพียงแค่ได้ยินก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่น (ผู้แปล :ไปค่ะเจ๊ เดี๋ยวหนูล็อกถงเล่ยให้ ตบเลยค่ะ คนอะไรสวยยันเสียง)
เซียวหยูซวนยิ้มตอบอย่างอ่อนหวานและกล่าวว่า“ถ้าเธอชอบก็เอาอันนี้แหละ ซื้อเลย! เศรษฐีใหม่อย่างเจ้าตัวเล็ก… อย่างจี้เฟิงใช้จ่ายเงินแค่นี้ถือว่าจิ๊บๆ!”
เมื่อได้ยินคำพูดล้อเล่นของเซียวหยูซวนถงเล่ยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเศรษฐีใหม่ตัวเล็กๆ คำนี้ช่างเปรียบเทียบได้ค่อนข้างชัดเจน การหาเงินหลายสิบล้านสำหรับจี้เฟิงดูเหมือนจะไม่ยากเกินความสามารถของเขาเลยแต่อันที่จริงเขามีเงินมากกว่าสิบล้านด้วยซ้ำ ไหนจะรถยนต์หรูๆ วิลล่ามูลค่าหลายสิบล้าน… แค่นี้ก็เพียงพอที่จี้เฟิงจะถูกจัดว่าเป็นเศรษฐีได้แล้ว!
“นั่นสินะ!”ถงเล่ยยิ้มอย่างอ่อนโยนและพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าจี้เฟิงรู้ว่าเขาถูกเรียกว่าอะไร ไม่รู้ว่าเขาจะมีท่าทียังไง!”
“แน่นอนว่าเขาก็ต้องใช้*กฎของครอบครัวมาขู่อีกนั่นแหละ…!” เซียวหยูซวนเกือบจะโพล่งประโยคนี้ออกมา เธอรู้สึกตกใจจนเอามือขึ้นมาปิดปากทันทีโดยอัตโนมัติ กฎหมายครอบครัวคือสิ่งที่จี้เฟิงมักจะนำมาพูดข่มขู่เวลาหยอกล้อกับเธอแต่เขาไม่เพียงแค่พูดปากเปล่าเท่านั้น เขามักจะตบเธอจริงๆ… ที่ก้น
อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านี้ไม่สามารถพูดออกมาต่อหน้าถงเล่ยได้
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าอยู่ในใจเมื่อนึกถึงสถานะของตัวเองช่างน่าอายจริงๆ… เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยอยู่ในใจ ใครใช้ให้เธอยินยอมที่จะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
แต่ในขณะนั้นเองหญิงสาวทั้งสองไม่ได้รู้เลยว่ารอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของพวกเธอตกอยู่ในสายตาของผู้ชายที่มีใบหน้ามันเยิ้มที่อยู่ห่างไปไม่ไกลทั้งรอยยิ้มและการเคลื่อนไหวของพวกเธอมันช่างเย้ายวนและเสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทานได้นั้นไปกระทบจิตใจผู้ชายอย่างรุนแรง
“คุณคะเราต้องการเตียงนี้…” เซียวหยูซวนเพิ่งจะเริ่มพูดกับพนักงานขาย เธอก็ถูกหญิงสาวท่าทางสะดีดสะดิ้งคนหนึ่งขัดจังหวะขึ้น
“ใครเขาจะขายให้เธอ”ทันใดนั้นหญิงสาวก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวพร้อมและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่ฟังดูน่ารำคาญว่า “ที่รักคะฉันอยากได้เตียงนี้ คุณซื้อให้ฉันนะ”
ก่อนที่ชายคนนั้นจะมีเวลาพูดถงเล่ยก็โต้กลับไปว่า “ทำไมล่ะ คุณไม่รู้หรือว่าคนมาก่อนต้องได้ก่อน?”
“เหอะ!” ไอรีนโนเวล
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างเหยียดหยามและนั่งลงบนเตียงทันทีและพูดด้วยท่าทีที่หยิ่งผยอง“ทำไมน่ะเหรอ ก็สามีของฉันรวยมากน่ะสิ! อ๊ะ! เตียงหลังนี้ราคา 22,000 เหรอเนี่ย? ถูกจัง! ว่าแต่พวกเธอมีเงินพอซื้องั้นเหรอ?”
คิ้วของเซียวหยูซวนขมวด“คุณทำแบบนี้มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ เราจะมีเงินมากน้อยแค่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ อย่างน้อยเงินไม่กี่หมื่นหยวนเราก็จ่ายได้ด้วยตัวเอง! รบกวนคุณลุกออกไปด้วย พวกเราเห็นเตียงหลังนี้ก่อน!”
“อีผู้หญิงชั้นต่ำแกไล่ใคร” เมื่อหญิงสาวได้ยินเธอก็กระเด้งตัวลงมาจากเตียงทันทีราวกับว่าเธอถูกใครบางคนเหยียบหาง “แกหาว่าฉันไม่มีปัญญาจ่ายงั้นเหรอ แกคิดว่าแกเป็นใคร!”
ใบหน้าของถงเล่ยจมลงทันทีในสายตาของเธอเซียวหยูซวนก็ไม่ต่างจากพี่สาวของเธอและในเมื่อตอนนี้เซียวหยูซวนกำลังถูกผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาพูดจาดูถูกมันทำให้ความโกรธพุ่งเข้าสู่หัวใจของถงเล่ยอย่างรุนแรง
“ช่วยรักษาความสะอาดช่องปากของคุณด้วยค่ะอย่าให้มันมีสิ่งสกปรกออกมามากไปกว่านี้เลย การไม่เคารพผู้อื่นก็เหมือนการไม่เคารพตัวเอง!” ถงเล่ยพูดอย่างเย็นชา ถงเล่ยไม่ชอบใช้อารมณ์มาทำให้เกิดปัญหาแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่แยแสเมื่อถูกกระทำโดยเฉพาะคนที่ถูกพูดจาดูถูกคือเซียวหยูซวนพี่สาวของเธอ
“เฮ้~!”หญิงสาวที่มีท่าทางจริตจะก้านเดินเข้ามาหนึ่งก้าวและยิ้มอย่างเหยียดหยาม “หล่อนสองคนมาอ่อยผู้ชายของฉันแล้วยังจะให้ฉันเคารพพวกหล่อนเนี่ยนะ!”
“เล่ยเล่ยไม่ต้องไปคุยกับคนแบบนี้หรอก” เซียวหยูซวนห้ามถงเล่ยด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวและแดงก่ำ เซียวหยูซวนคิดว่าถ้ายังเถียงกันอยู่แบบนี้เรื่องคงไม่มีทางจบเพราะเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ต้องการที่จะมาแย่งเตียงแต่แรกแล้ว แต่เธอตั้งใจจะมาหาเรื่องโดยตรง!
“เหอะ!”หญิงสาวท่าทางจริตจะก้านเห็นว่าเซียวหยูซวนห้ามถงเล่ยจึงคิดว่าพวกเธอกลัว แต่ในเมื่อเธอยังไม่ได้ระบายความโกรธเท่าที่ควรมันจึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก “ผู้หญิงสารเลวสองคนมาเดินอ่อยผู้ชายให้ซื้อเตียงให้ คงไม่ได้จะซื้อไปเปิดร้านเรียกลูกค้าหรอกนะ”
เซียวหยูซวนและถงเล่ยเป็นคนที่มีการศึกษาและเติบโตมาในครอบครัวที่ผ่านการอบรมมาอย่างดีจะเคยได้ยินคำพูดจาดูถูกที่ร้ายกาจเช่นนี้จากไหน ถ้าพูดถึงการด่าอย่างหยาบคายต่ำตมต่อให้พวกเธอมีกันอีกสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยจริตจะก้านคนนี้แน่นอน!
ผู้หญิงสองคนยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าแดงก่ำไปด้วยความโกรธแต่เธอก็ไม่อาจสบถคำหยาบคายออกมาได้
“คิกคิกคิก…”เมื่อเห็นถงเล่ยและเซียวหยูซวนได้แต่ยืนอ้ำอึ้งเถียงไม่ออกจากการด่าของเธอ ผู้หญิงที่แต่งตัววับๆแวมๆคนนี้ก็ยิ้มอย่างมีชัยและก็กลิ้งลงไปบนเตียงอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเสียงที่เย็นเยียบก็ดังขึ้นมา“ปากแบบนี้ โตขึ้นมาด้วยการกินขี้หรือเปล่า ถ้าฉันยังได้ยินคำพูดสกปรกๆแม้แต่ครึ่งคำจากปากที่เน่าเหม็นของแกอีกล่ะก็ แกจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่แบบครบสามสิบสองแน่!”
จี้เฟิงและจางเล่ยเดินก้าวเข้ามาใบหน้าของพวกเขาถมึงทึงมืดมนมาก สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเมื่อกี้พวกเขาทั้งสองคนได้ยินมันอย่างชัดเจนและความโกรธในใจของพวกเขามันมากจนไม่อาจจินตนาการได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจางเล่ยด้วยตัวตนของเขาเขาไม่เคยถูกใครดูถูกขนาดนี้มาก่อน คำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธทำให้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาจนน่าขนลุก