The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 262 ผู้สมรู้ร่วมคิด
ด้วยพลังของจี้เฟิงผู้คนจำนวนมากในเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ไม่กล้าขัดขวางจางเล่ยอีกต่อไป พวกเขาได้แต่ยืนมองจางเล่ยลากหวังอี้ฉวนออกไป
แม้ว่าจางเล่ยจะไม่รู้วิธีการต่อสู้แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ด้วยวัยของเขาที่ยังหนุ่มแน่นและความแข็งแรงของเขาก็มากกว่าหวังอี้ฉวนที่อยู่ในวัยกลางคนแถมหวังอี้ฉวนยังตกอยู่ในความหวาดกลัวจนตอนนี้ร่างกายของเขาแทบจะไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจฝืนการกระทำของจางเล่ยได้เลย
หวังอี้ฉวนถูกลากให้เดินลงไปข้างล่างโดยจางเล่ยในสภาพทุลักทุเลใบหน้าของเขาขาวซีดจนแทบไม่มีร่องรอยของเลือดและริมฝีปากก็สั่นอยู่ตลอดเวลา
หวังอี้ฉวนพอจะจินตนาการได้ว่าจี้เฟิงจะจัดการกับตัวเองอย่างไรเมื่อเขากลับมาและเมื่อนึกถึงพละกำลังที่รุนแรงและทักษะที่น่ากลัวของจี้เฟิง หวังอี้ฉวนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว หัวใจของเขาก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา
อย่างไรก็ตามหวังอี้ฉวนไม่คิดที่จะขัดขืนอีกต่อไปต้องบอกว่าเขาไม่มีความกล้ามากขนาดนั้น เขาเพิ่งจะเห็นว่าจางหย่งเฉียงถูกจี้เฟิงเขวี้ยงด้วยหินจนสลบไปบางทีอาจจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วเขาจะยังดื้อรั้นขัดขืนไปเพื่ออะไร
ไงไอ้แก่อ้วน คิดไม่ถึงล่ะสิว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะลงเอยแบบนี้! เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของหวังอี้ฉวนสั่นเหมือนลูกหมาตกน้ำจางเล่ยก็ยิ้มออกมา สีหน้าภูมิใจตอนที่ยุยงให้คนอื่นมารุมตีฉันมันหายไปไหนแล้วล่ะตอนนี้?!
ใบหน้าของหวังอี้ฉวนบิดเบี้ยวอย่างน่าสังเวชจนเหมือนกำลังจะร้องไห้ถ้ารู้อนาคตได้ว่าสุดท้ายแล้วฝั่งไหนจะมีชัย เขาก็คงไม่ทำเรื่องบ้าๆไปช่วยเหลือทางฝั่งของจางหย่งเฉียงหรอก ใครมันอยากจะหาเรื่องตายกัน!
อย่างไรก็ตามไม่มียาชนิดใดในโลกนี้ที่จะช่วยให้เขาย้อยเวลาไปเลือกเส้นทางใหม่ได้และหวังอี้ฉวนก็รู้เรื่องนี้ดี เขาจึงได้แต่ขอร้องอ้อนวอนต่อไป น้องชายฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ ฉันถูกบังคับให้ต้องทำแบบนี้ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ! ฉันขอร้อง!
จางเล่ยยิ้มและไม่พูดอะไร
หวังอี้ฉวนกระสับกระส่ายยิ่งกว่าเดิมเขารู้สึกทั้งขมขื่นและเสียใจมากและทันใดนั้นเองเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้เคยบอกว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในชุมชนหวังเยว่ นี่นั่นคือสถานที่แบบไหนกันล่ะ จะมีคนดีซักกี่คนกันที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้น?!
สายเกินไปที่จะแก้ตัว!ทำไมฉันถึงไม่มองอะไรให้มันไกลกว่านี้ ทำไมฉันถึงเลือกที่จะอยู่คนละฝั่งกับพวกเขา? ทั้งหมดที่ฉันทำไปมันคือการรนหาที่ตาย!
ฉันไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้จะจัดการกับฉันยังไงฉันหวังเพียงแต่ว่าพวกเขาจะเห็นแก่ตำรวจจราจรหญิงคนนั้นบ้าง อย่าโหดร้ายเกินไป
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่หวังอี้ฉวนก็ยิ่งหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นในขณะที่เขาถูกลากให้เดินลงไปชั้นล่างขาของเขาก็สั่นจนแทบจะเดินไม่ได้
เลิกสำออยได้แล้ว! จางเล่ยขมวดคิ้วและทันใดนั้นมือของเขาก็ออกแรงกระชากและลากหวังอี้ฉวนอย่างแรงราวกับกำลังลากซากหมาที่ตายแล้วไปที่ประตู (ผู้แปล : เป็นอะไรกับซากหมามากมั้ยหึ๊!)
เปิดประตู! จางเล่ยตะโกน
อ๊ะ!อ่า… หวังอี้ฉวนที่สั่นเทาไปตั้งตัวตอบรับอย่างลนลานจากนั้นเขาก็รีบใช้นิ้วสแกนที่ล็อกที่ติดอยู่ข้างๆประตูทันที
เมื่อประตูถูกปลดล็อกประตูก็ค่อยๆแยกออกจี้เฟิงที่ยืนอยู่นอกประตูมองทั้งสองด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
เจ้าบ้า! เมื่อจางเล่ยเห็นจี้เฟิงเขาก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันทีด้วยความตื่นเต้น นายได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม เรื่องเล็กๆน้อยๆน่ะ ไม่ได้บาดเจ็บอะไร
โคตรเจ๋ง! จางเล่ยตะโกนด้วยความตื่นเต้นดีใจ ฉันเห็นทักษะการต่อสู้ของนายแล้ว โคตรเจ๋งเลย!
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรตอนที่เขาต่อสู้เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ใช้พลังของไฟฟ้าชีวภาพเลย ไม่เช่นนั้นพลังที่ออกมาคงมากกว่าที่เห็นอีกไม่รู้กี่เท่าและเกรงว่าคนที่โดนเข้าคงได้ไปเยี่ยมเทพฮาเดสตั้งนานแล้ว
กลางวันแสกๆแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องสมควรที่จะฆ่าใครแถมยังเต็มไปด้วยพยานหลักฐานขนาดนี้ต่อให้บอกว่าเป็นการป้องกันตัวยังไงก็มีจุดที่น่าสงสัยเยอะเกินไป จี้เฟิงไม่อยากจะวุ่นวายมากไปกว่านี้
เจ้าบ้าแล้วนายจะจัดการยังไงกับไอ้นี่ จางเล่ยชี้ไปที่หวังอี้ฉวนที่นั่งปากสั่นฟันกระทบกันด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้แก่อ้วนนี่มันพวกเดียวกับจางหย่งเฉียง ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของนายฉันคิดว่าตอนนี้เราคงไม่ได้มายืนคุยกันอยู่แบบนี้หรอก!
จี้เฟิงมองไปที่หวังอี้ฉวนที่กำลังตกใจและแววตาเต็มไปด้วยการวิงวอนขอความเมตตาแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
ช่างมัน!เราแค่ส่งมันไปให้ตำรวจจัดการก็แล้วกัน! จี้เฟิงโบกมือและพูดว่า เรากลับกันเถอะ ธุระที่เราต้องทำเสร็จหมดแล้ว
คุณยังกลับไม่ได้!
ทันใดนั้นเสียงหวานๆของหญิงสาวแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความดุดันก็ดังขึ้นและหลี่ลู่หนานก็เดินลงบันไดมาที่ชั้นล่างพร้อมกับลูกค้าและพนักงานของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้
จี้เฟิงแม้ว่าคุณจะเป็นผู้เสียหาย… น้ำเสียงของหลี่ลู่หนานดูลังเลเล็กน้อยเมื่อต้องพูดว่าจี้เฟิงเป็นผู้เสียหายเพราะดูจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้วอีกฝ่ายน่าจะเสียหายมากกว่า.. เอาเป็นว่าคุณต้องไปบันทึกคำให้การที่สถานีตำรวจและถูกสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เพื่อนตำรวจจราจรมีหน้าที่ดูแลคดีอาชญากรรม จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะพูด
วันนี้ที่สถานีตำรวจยุ่งมากเมื่อตอนที่รับแจ้งพวกเขาไม่สามารถส่งตำรวจสายตรวจมาได้เพราะกำลังพลไม่เพียงพอดังนั้นฉันจึงรับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลเรื่องนี้ชั่วคราว หลี่ลู่หนานกล่าว และวันนี้ฉันก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และเห็นทุกอย่างทั้งหมดแล้ว จี้เฟิงคุณต้องไปกับฉัน เพราะถือได้ว่าคุณเป็นบุคคลที่อยู่ในฝ่ายหนึ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งนี้
จี้เฟิงครุ่นคิดสักพักจากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า โอเค!
หลี่ลู่หนานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจเพราะถ้าจี้เฟิงยืนยันที่จะขัดขืนเธอก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
หลี่ลู่หนานหยิบโทรศัพท์ออกมาและเริ่มโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในแผนกอาชญากรรมทันทีมันเป็นเรื่องปกติที่เธอต้องทำแบบนี้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว และไม่ใช่สิ่งที่ตำรวจธรรมดาอย่างเธอจะสามารถจัดการได้อีกต่อไป ดังนั้นตำรวจแผนกอาชญากรรมจึงต้องถูกส่งตัวมาที่นี่
ผู้กองดิฉันหลี่ลู่หนาน…ดิฉันได้รับแจ้งเหตุจนมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้พบว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และผู้สมรู้ร่วมคิดจำนวนมาก… รบกวนส่งคนมาให้เร็วที่สุด… ค่ะดิฉันเข้าใจแล้ว!
เมื่อหลี่ลู่หนานวางสายเธอก็หันมากล่าวว่า อีกไม่เกิน 15 นาทีจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทีมอาชญากรรมมา ดังนั้นในช่วงเวลานี้ทุกคนจะต้องอยู่ภายในร้าน เพราะพวกคุณทั้งหมดคือพยาน!
เธอมองไปที่หวังอี้ฉวนที่ตอนนี้นั่งลงไปกองปวกเปียกอยู่กับพื้นอย่างคนหมดเรี่ยวแรง และคุณ! ก่อนที่คดีจะถูกพิจารณาอย่างละเอียดคุณจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยและจะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนคดีต่อไป!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ตำรวจจราจรหญิงคนนี้ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ!
ความรู้สึกของจี้เฟิงที่มีต่อหลี่ลู่หนานเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้แม้ตำรวจจราจรหญิงคนนี้จะเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายเพราะอย่างน้อยเธอก็แสดงความเป็นกลางออกมาอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าเมื่อเธอเห็นจี้เฟิงยิ้มและมองมาที่เธอเธอจึงคิดว่าเขากำลังหัวเราะเยาะ เธอจึงจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงและกล่าวเสียงเข้ม อย่าคิดจะเล่นลูกไม้อะไรกับฉันอย่างเด็ดขาด ฉันขอเตือนคุณอีกครั้งว่าคุณก็เป็นฝ่ายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ถึงแม้ว่าในตอนนี้คุณจะเรียกมันว่าเป็นการป้องกันตัวก็ตาม แต่มันก็ยังต้องดูรายละเอียดอื่นๆอีกว่าคุณได้กระทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่า และถ้าหากคุณถูกตัดสินว่าการกระทำของคุณนั้นเกินกว่าเหตุบางทีคุณอาจจะไม่กล้ายิ้มต่อหน้าฉันแบบนี้อีกเลยก็ได้นะ!
ในความเป็นจริงการตัดสินเรื่องการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุนั้นไม่ใช่การตัดสินที่ง่ายเลยและประเด็นนี้ก็เต็มไปด้วยช่องโหว่ทางกฎหมายเพราะโดยพื้นฐานแล้วผลการตัดสินจะขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนมีสิทธิ์มีเสียงดังมากกว่ากัน Aileen-novel
จี้เฟิงคิดว่าหลี่ลู่หนานหวังดีและต้องการเตือนเขาเพราะเธอเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่านี่คือการป้องกันตัวอย่างเหมาะสมและไม่น่าจะอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ‘เกินกว่าเหตุ’ อะไรคือการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันธพาลที่ดุร้ายมากกว่ายี่สิบคน ไม่ว่ายังไงสิ่งที่จี้เฟิงทำก็คือการป้องกันตัวชัดๆ!
แต่สุดท้ายแล้วเรื่องมันจะลงเอยอย่างไรก็คงเป็นเรื่องยากที่จะพูดเพราะแม้แต่ในสถานีตำรวจและศาลส่วนใหญ่แล้วไม่มีความเห็นที่ตายตัวและเธอเองก็ต้องการจะบอกให้จี้เฟิงเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหนื่อยหน่อยนะครับคุณตำรวจจราจรหลี่ยังไงก็ขอบคุณมากที่อุตส่าห์เตือนกัน จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าให้หลี่ลู่หนานอย่างจริงใจ เขาไม่อาจหยุดยิ้มได้จริงๆ
จี้เฟิงก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเวลาที่เขาเห็นหลี่ลู่หนานหัวร้อนเขายิ่งอยากจะแกล้งเธอมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
หรือฉันจะกลายเป็นโรคจิตที่รู้สึกชอบใจเวลาที่เห็นเธอโกรธจี้เฟิงได้แต่หัวเราะอย่างว่างเปล่าในใจ
สำหรับเรื่องการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นจี้เฟิงไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อยเขาแค่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเล่าให้อาสองของเขาฟังคร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อย่ามาล้อเล่น!ในเมื่ออีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่าทำไมเธอถึงไม่กลับไปก่อน มันไม่ใช่เวลาจะมาเป็นฮีโร่… เฮ้อ~! เอาเป็นว่าฉันเข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วยแล้วกัน! เสียงที่เงียบสงบของจี้เจิ้นกั๋วดังมาจากในโทรศัพท์และเขาก็วางสายไป
จี้เฟิงรู้สึกโล่งใจคำพูดของอาสองที่พูดว่า ‘เข้าใจแล้ว’ จี้เฟิงรู้ดีว่าอาสองจะต้องไม่ปล่อยให้เขาต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน อย่างไรก็ตามอาสองนั้นไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดกับพฤติกรรมของเขาที่อยู่รอจางหย่งเฉียง
หลังจากถูกดุจี้เฟิงก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเขาก็มีวิธีการในแบบของตัวเองส่วนอาสองก็มีวิธีการในแบบของอาสองแม้ว่าทั้งสองจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
เมื่อจี้เฟิงโทรหาเล่ยเล่ยกับเซียวหยูซวนเพื่อบอกว่าเขากับจางเล่ยปลอดภัยดีแล้วทั้งสองสาวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากวางสายจี้เฟิงก็ได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจที่อยู่ด้านนอกในไม่ช้ารถตำรวจเจ็ดหรือแปดคันก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ เมื่อประตูรถถูกเปิดออกก็มีสายสืบจำนวนมากกระโดดลงจากรถและเข้าจับกุมเหล่าอันธพาลที่ถูกจี้เฟิงจัดการจนนอนกองอยู่กับพื้น พวกเขาถูกจับใส่กุญแจมือและนำตัวไปที่รถ
ตำรวจที่เหลือหลายนายรีบตรงไปที่ร้านเฟอร์นิเจอร์และสีหน้าของพวกเขาก็แสดงถึงความโล่งใจเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ภายในร้านดูปลอดภัยและมั่งคงดี
เจ้หลี่ คุณโอเคมั้ย ตำรวจหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆวิ่งเข้ามา เจ้หลี่ พวกคนที่อยู่ข้างนอกนี่ฝีมือเจ้หลี่สินะ ฮ่าฮ่า! ฝีมือของเจ้หลี่นี่ไม่มีตกเลยจริงๆ!
เตียงเหว่ยเจี้ยนนี่นายกำลังชมหรือด่าฉันอยู่กันแน่ หลี่ลู่หนานพูดอย่างหงุดหงิด ถ้าฉันเก่งขนาดนั้นฉันคงโยนเจ้าพวกนั้นลงไปที่ถนนหมดแล้วล่ะ!
อ้าวไม่ใช่ฝีมือเจ้หลี่เหรอ ตำรวจที่ชื่อเตียงเหว่ยเจี้ยนถึงกับผงะ เจ้หลี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หลี่ลู่หนานส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า ฉันก็ยังไม่อาจสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างชัดเจน แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นพยาน นายพาพวกเขากลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำก่อนแล้วกัน เอ้อ แล้วผู้กองอยู่ที่ไหน
ผู้กองกำลังสั่งการอยู่ข้างนอก เตียงเหว่ยเจี้ยนตอบ
งั้นเราออกไปหาผู้กองกันเลยก็แล้วกัน! หลี่ลู่หนานโบกมือ ทุกท่านโปรดออกไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีใครคิดที่จะวิ่งหนีก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน!
ทันใดนั้นบนหน้าผากของเตียงเหว่ยเจี้ยนก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผากสองสามเส้น เจ้หลี่ ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์แล้วฟังผมให้ดีๆนะ ตอนนี้เจ้หลี่ถูกลดระดับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรรมมาเป็นตำรวจจราจร ถ้าพี่ยังใจร้อนแบบนี้เดี๋ยวก็ถูกลดขั้นอีกหรอก!
ทันทีที่ได้ยินเตียงเหว่ยเจี้ยนพูดเรื่องนี้หลี่ลู่หนานก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกอย่างเย็นชา มันความผิดฉันหรอที่ไปจับไอ้พวกลูกเศรษฐีไร้สมอง มาบอกว่ามีพ่อเป็นรองเลขาธิการพรรคเขตแล้วยังไง ฉันยังไม่เคยได้ยินนามสกุลของเขาด้วยซ้ำ!
เตียงเหว่ยเจี้ยนยิ้มอย่างขมขื่นทันทีและไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อเพราะกลัวว่าจะเป็นการไปกระตุ้นความโกรธของหลี่ลู่หนานอีกครั้ง
แม้จี้เฟิงไม่ได้อยากจะแอบฟังแต่เสียงของหลี่ลู่หนานก็ดังมากรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเขตหนึ่งของเจียงโจวงั้นหรือ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแฮะ!
จี้เฟิงนึกถึงตอนที่เขาได้พบกับหลี่ลู่หนานเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกคุ้นๆอยู่นิดหน่อยราวกับว่าเขาเคยเห็นเธอที่ไหนสักแห่ง….