The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 263 สมควรโดน!
แต่หลังจากคิดอยู่นานจี้เฟิงก็คิดไม่ออกเขาจึงได้แต่ยอมแพ้และหยุดคิดถึงเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าหลี่ลู่หนานจะเป็นใครเธอก็แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการไปที่สถานีตำรวจเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน
ฉันเชื่อว่าถ้าเป็นหลี่ลู่หนานอย่างน้อยเธอก็น่าจะไม่ได้เป็นคนที่ไร้เหตุผล
อย่างที่ทราบเรื่องที่จางหย่งเฉียงเป็นคนขนพรรคพวกมารุมกระทืบจี้เฟิงถึงหน้าร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้หลี่ลู่หนานเป็นตำรวจเพียงคนเดียวที่เห็นเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ตาม แต่จากสิ่งที่เธอเห็นก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินความผิดของจางหย่งเฉียง
ลูกค้าภายในร้านรวมถึงพนักงานคนอื่นๆของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ต่างแยกย้ายกันขึ้นรถตำรวจรถมอเตอร์ไซต์สายตรวจของหลี่ลู่หนานจอดอยู่ริมถนนใกล้กับประตูใหญ่ของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ เธอวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซต์อย่างรวดเร็วและหยิบอินเตอร์คอมขึ้นมาพูดสองสามคำจากนั้นเธอก็กลับมาอีกครั้ง
เล่ยซือนายกลับไปก่อนป่านนี้เล่ยเล่ยน่าจะเป็นห่วงแย่แล้ว เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการที่เหลือเอง! จี้เฟิงยิ้มและตบที่ไหล่จางเล่ย เมื่อครู่นี้หลี่ลู่หนานได้บอกจี้เฟิงเกี่ยวกับความบ้าคลั่งของจางเล่ยที่เกิดขึ้นภายในร้านเฟอร์นิเจอร์ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตื้นตันใจ
แม้ว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาตัวตนของเขาและจางเล่ยจะเปลี่ยนไปและเนื่องจากการมาเรียนมหาวิทยาลัยทำให้พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันบ่อยเท่าแต่ก่อนแต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงมีความเป็นเพื่อน เป็นที่น้องที่มีแต่ความจริงใจต่อกันเหมือนเดิม
จางเล่ยส่ายหน้าทันทีและพูดอย่างไม่พอใจ ไม่มีวันซะหรอก! เจ้าบ้า การที่นายบอกให้ฉันกลับไปก่อนมันก็ไม่ต่างจากการที่นายผลักฉันลงไปในหลุมไฟ นายคิดว่าถ้าฉันกลับไปตัวคนเดียว สาวๆที่บ้านจะจัดการฉันยังไงบ้าง ฉันคงได้ตายอย่างทรมานแน่ๆ!
จางเล่ยสามารถมองเห็นภาพอนาคตได้อย่างชัดเจนเพราะไม่ว่าจะเป็นถงเล่ยหรือเซียวหยูซวน อันที่จริงจุดสำคัญของความกังวลนั้นก็คือจี้เฟิง ส่วนจางเล่ยก็เป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าจางเล่ยเกิดกลับไปคนเดียวก็กลัวว่าเพียงแค่สายตาที่เต็มไปด้วยคำดุด่าของสองสาวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จางเล่ยรู้สึกอับอาย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเข้าใจและยิ้ม โอเค งั้นเราก็ไปสถานีตำรวจด้วยกัน
โอเคพวกคุณไปขึ้นรถได้เลย หลี่ลู่หนานที่ยืนอยู่ใกล้พูดขึ้น เท่าที่ฉันรู้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดพวกคุณจะได้กลับเร็วๆนี้ ไม่ต้องกังวล!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่แอบบ่นพึมพำไม่น่าเชื่อว่าตำรวจจราจรหญิงคนนี้จะพูดจาปลอบโยนคนอื่นเป็นด้วย
ในฐานะที่จี้เฟิงและจางเล่ยเป็นหนึ่งในคู่กรณีพวกเขาจึงนั่งรถแยกจากคนอื่นๆ พวกเขาอยู่ในรถออฟโรด ผู้ที่ขับรถคันนี้คือเตียงเหว่ยเจี้ยน ส่วนหลี่ลู่หนานนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับโดยผู้ที่นั่งอยู่เบาะหลังคือจี้เฟิงกับจางเล่ย
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับแก๊งอันธพาลพวกนั้น จางเล่ยถามอย่างกะทันหัน พวกนั้นควรจะถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลก่อนหรือกลับไปที่สถานีตำรวจเลย? หลี่ลู่หนานก็อยากรู้คำตอบนี้เหมือนกันเธอจึงหันไปด้านข้างและถามว่า เสี่ยวเตียงนายจะจัดการยังไง?
เตียงเหว่ยเจี้ยนยิ้ม เรื่องนี้มันง่ายมาก ก่อนอื่นก็นำตัวพวกเขาขึ้นรถให้หมด โรงพยาบาลและสถานีตำรวจอยู่ในทิศทางเดียวกัน ถ้าใครตื่นก่อนก็พาไปสถานีตำรวจเลยแล้วค่อยส่งคนที่เหลือไปโรงพยาบาล
ก็ง่ายดีว่าแต่คุณไม่กลัวพวกเขาจะหนีไปเหรอ จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม ก็ลองวิ่งหนีดูแต่ต้องหนีให้พ้นนะ เพราะถ้าฉันจับได้เมื่อไหร่ฉันจะหักขาพวกเขาซะ! หลี่ลู่หนานกัดฟันพร้อมกับครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อันธพาลที่ดุร้ายกว่ายี่สิบคนรุมทำร้ายคนบนท้องถนนอย่างอุกอาจและเปิดเผยแต่เธอกลับถูกขังอยู่ในร้านเฟอร์นิเจอร์โดยไอ้หวังอี้ฉวนทำให้ไม่สามารถออกมาได้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่เฝ้าดูจี้เฟิงต่อยกับแก๊งอันธพาลเหล่านั้นด้วยตัวคนเดียว สำหรับเธอแล้วมันช่างเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นภายในร้านเฟอร์นิเจอร์ก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจมาก
ภายใต้การยุยงของหวังอี้ฉวนพนักงานและลูกค้าทุกคนต่างยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเธอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ความสามารถและบกพร่องต่อหน้าที่!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หลี่ลู่หนานก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันด้วยความเกลียดชังหากเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับหน้าที่การงานของเธอ เธอคงจะจับหวังอี้ฉวนมากระทืบซ้ำๆจนกว่าเขาจะสำนึกว่าพฤติกรรมของเขามันเลวร้ายแค่ไหน!
เมื่อเห็นฟันสีขาวจั๊วะของหลี่ลู่หนานขบกันดังกรอดผู้ชายที่เหลือทั้งสามคนก็พากันตัวแข็งทื่อและมีเหงื่อไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เจ้าบ้าดูนั่น! เมื่อเตียงเหว่ยเจี้ยนสตาร์ทรถ จางเล่ยก็ตบไหล่จี้เฟิงและชี้ไปที่หน้าต่าง ผู้หญิงคนนั้นใช่คนที่มาขวางทางไม่ให้เราออกมาจากร้านในตอนนั้นรึเปล่า เหอะ! ทำตัวเองแท้ๆ!
จี้เฟิงมองไปตามทิศทางนิ้วมือของจางเล่ยทันทีและเขาก็เห็นพนักงานขายหญิงคนที่ขวางทางเขากับจางเล่ยเมื่อก่อนหน้านี้จริงๆเธอกำลังยืนต่อแถวกับพนักงานคนอื่นๆเพื่อเข้าไปในรถตู้ของตำรวจด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
สหายตำรวจกับผู้สมรู้ร่วมคิดนี่พวกคุณมีวิธีจัดการยังไงเหรอ หลังจากมองพนักงานหญิงคนนั้นจางเล่ยหันหน้าไปถามเตียงเหว่ยเจี้ยนที่ขับรถอยู่ข้างหน้าเขา
เตียงเหว่ยเจี้ยนทำหน้าครุ่นคิดและตอบว่า อืม.. มันก็พูดยากอยู่นะ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆบทลงโทษสำหรับผู้สมรู้ร่วมคิดก็คงขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสถานการณ์ด้วย โดยทั่วไปแล้วก็อาจจะถูกควบคุมตัวเพียงไม่นานแต่ถ้าเป็นการละเมิดกฎหมายอาญาก็จะต้องมีการดำเนินคดี
จางเล่ยรู้สึกมึนงงนิดหน่อยแต่มีสิ่งหนึ่งเขาพอจะเข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นมีโอกาสที่จะเข้าคุก เขาอดไม่ได้ที่จะตะคอกอย่างเย็นชา ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะให้เธอเข้าไปนอนเล่นในคุกซักสองสามวัน!
ฮ่าฮ่า!นายคิดว่าบ้านนายเป็นเจ้าของเรือนจำงั้นเหรอ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เจ้าบ้าความเลวร้ายที่ผู้หญิงคนนั้นทำมันไม่ได้น้อยไปกว่าจางหย่งเฉียงเลย จางเล่ยส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง นายลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดีๆ การที่จางหย่งเฉียงไปพาแก๊งอันธพาลมาแม้ว่าเราจะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในเวลานั้น แต่ถ้าเราสามารถหนีออกไปได้เร็ว เราก็จะไม่บาดเจ็บ และเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นแต่ผู้หญิงคนนั้นกับหวังอี้ฉวนมายับยั้งพวกเราไม่ให้ออกมาจากร้านเฟอร์นิเจอร์และผลที่ตามมาจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงถ้าหากนายไม่มีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เผลอๆตอนนี้เราอาจจะกลายเป็นปุ๋ยอยู่ที่หน้าร้านเฟอร์นิเจอร์ไปแล้วก็ได้!
เรื่องพวกนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจัดการก็แล้วกันสิ่งที่เราต้องทำในเวลานี้คือชี้แจงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนเท่านั้นเอง จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย ที่ผู้หญิงคนนั้นกล้าที่จะยับยั้งพวกเราอย่างจริงจังขนาดนั้น มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเธอมีจุดประสงค์บางอย่าง บางทีเธออาจจะได้ผลประโยชน์ที่ทำแบบนี้หรือไม่ก็กลัวจะถูกไล่ออกจากงาน.. ทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเธอเองล้วนๆโดยที่ไม่สนเลยว่าชีวิตของคนอื่นจะเป็นยังไง เรื่องแบบนี้มีตั้งเยอะตั้งแยะ… อย่างเรื่องที่นายเจอกับตัวเองในร้านเฟอร์นิเจอร์ เรื่องนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วมั้งที่จะอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น!
จางเล่ยเงียบไปพักใหญ่ๆและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ก่นด่าสาปแช่งอย่างคนที่เบื่อโลก โลกนี้… มันช่างห่วยแตกชะมัด เป็นบ้าอะไรกันไปหมด!
เมื่อคำพูดนี้เข้าหูตำรวจที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตัวแข็งทื่อที่ใบหน้าก็ชาๆตึงๆการที่จางเล่ยก่นด่าสาปแช่งว่าโลกมันเลวร้ายมันไม่เท่ากับเป็นการกล่าวหาว่าพวกเขาทำงานไม่ได้เรื่องหรอกหรือ
แต่เมื่อลองคิดๆดูแล้วไม่ว่าจะเป็นเตียงเหว่ยเจี้ยนหรือหลี่ลู่หนานพวกเขาก็ไม่มีอะไรที่สามารถแย้งได้ เพราะประสบการณ์ที่จี้เฟิงได้พบเจอได้อธิบายทุกอย่างไว้หมดแล้ว
เมื่อรถออฟโรดขับผ่านประตูใหญ่ของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้พนักงานหญิงคนนั้นยังไม่ได้เข้าไปในรถ เธอบังเอิญหันมาเห็นจี้เฟิงที่นั่งอยู่บนรถ ใบหน้าของเธอก็ถึงกับเปลี่ยนสีในทันที เธอรีบหันหน้ากลับอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าเธอจะไม่กล้าแม้กระทั่งจะมองหน้าจี้เฟิง ไอรีนโนเวล
เฮ้อ!ทำตัวเองจริงๆ! จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย เรื่องที่เขามีปัญหาขัดแย้งกับจางหย่งเฉียง แม้เขาจะไม่ได้ต้องการให้ใครมาช่วยเหลือเขาแต่เขาก็ไม่อยากให้คนอื่นๆมาต่อสู้และแสดงตัวว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาเช่นกัน เพราะจี้เฟิงเองก็ไม่ได้ต้องการมีความขัดแย้งกับคนอื่นโดยไม่จำเป็น
สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลมากแต่เป็นเพราะมีคนเฝ้าดูอยู่บริเวณใกล้เคียงมากเกินไปจึงทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าปกติและใช้เวลากว่าสิบนาทีจึงจะมาถึงสถานีตำรวจ
เตียงเหว่ยเจี้ยนและตำรวจวัยกลางคนอีกคนเป็นคนรับผิดชอบในการสอบปากคำจี้เฟิงและจางเล่ย
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากจี้เฟิงเป็นคนไม่ชอบพูดอยู่แล้วจางเล่ยจึงรับหน้าที่ในการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและบันทึกเสียงไว้ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาทีการบันทึกเสียงคำให้การก็เสร็จสิ้น
แต่แล้วตำรวจวัยกลางคนก็ได้ขอให้เซียวหยูซวนกับถงเล่ยมาที่สถานีตำรวจด้วยเพราะทั้งคู่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และเป็นหนึ่งในคู่กรณี
จี้เฟิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า พวกเธอไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ พวกเราได้ชี้แจงเรื่องนี้อย่างชัดเจนมากแล้วและยังมีหลายคนที่อยู่ในร้านเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้นตราบใดที่คนเหล่านั้นไม่ได้โกหก มันก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าสิ่งที่พวกเราสองคนพูดเป็นความจริงและที่สำคัญฉันไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเพื่อนของฉัน!
เตียงเหว่ยเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม อย่าเข้าใจพวกเราผิด อันที่จริงที่พวกเราจะเชิญเพื่อนทั้งสองของคุณให้มาที่นี่ก็เพื่อทำให้เรื่องนี้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้นและส่วนหนึ่งก็เพื่อผลประโยชน์ทางฝั่งของพวกคุณเอง แต่ถ้าคุณไม่ต้องการจะทำเช่นนั้นจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้น
จี้เฟิงพยักหน้า ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเธอมาที่นี่ ถ้ามีอะไรไม่ชัดเจนหรือมีข้อสงสัยคุณก็สามารถถามพวกเราได้เลย
อันที่จริงหลี่ลู่หนานได้พูดในสิ่งที่เธอรู้อยู่ก่อนแล้วส่วนเตียงเหว่ยเจี้ยนนั้นรู้ได้เองโดยธรรมชาติว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้ไม่ใช่นักศึกษาธรรมดาๆ เพราะถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาปกติทั่วไปเวลาก้าวเข้ามาที่สถานีตำรวจจะกลัวจนแข้งขาอ่อนแรงทันที แต่พวกเขาเดินเข้ามาด้วยท่าทีปกติเต็มไปด้วยความมั่นใจไม่ต่างจากการไปเดินช้อปปิ้งในห้าง แล้วจะให้มองพวกเขาว่าเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาๆได้อย่างไร
โอเค!งั้นพวกคุณก็สามารถกลับไปได้เลย ถ้าหากมีอะไรเพิ่มเติมพวกเราจะติดต่อพวกคุณไปอีกครั้ง! เตียงเหว่ยเจี้ยนยิ้ม นอกจากนี้หากพวกคุณถูกพวกอันธพาลทำร้ายอีก พวกคุณสามารถโทรหาฉันได้ทันที ตราบใดที่ฉันสามารถช่วยได้ฉันจะพยายามทำมันอย่างเต็มที่!
ความประทับใจของจี้เฟิงที่มีต่อเขาไม่เลวเขาพยักหน้าและพูดว่า งั้นก็ลำบากคุณแล้วล่ะ
ในขณะนั้นเองตำรวจวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มและกล่าวว่า อย่าประมาทเสี่ยวเตียงของเราเชียว เมื่อตอนที่เขาอยู่โรงเรียนตำรวจเขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือด้านการต่อสู้ทางการทหารเป็นอันดับต้นๆเลยนะ นักเลงธรรมดานี่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ขยับตัวเลยด้วยซ้ำถ้าได้มาอยู่ต่อหน้าเขา!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเขาสังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยท่าทางการเดินของเตียงเหว่ยเจี้ยนว่าเขาเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกฝนด้านศิลปะการต่อสู้และการป้องกันตัวมาจนเชี่ยวชาญ
มีผลกระทบบางอย่างเกิดขึ้นกับจางเล่ยจากที่ดูเตียงเหว่ยเจี้ยนก็น่าจะอายุมากกว่าเขาแค่สองสามปี การที่เตียงเหว่ยเจี้ยนจะรู้จักศิลปะการต่อสู้หรือวิชาป้องกันตัวก็คงจะเป็นเรื่องปกติในฐานะตำรวจ แต่จี้เฟิงเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน และทั้งสองคนนี้ก็มีอายุไล่เลี่ยกับเขา แล้วทำไมเขาถึงเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเล่านี้เลย
จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่อยู่ในใจว่าเขาจะต้องให้จี้เฟิงสอนกังฟูให้เขาโดยเร็วที่สุดไม่เช่นนั้นหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก หลี่ลู่หนานคงไม่อาจกักขังอันธพาลเหล่านั้นได้ตลอดไปและเมื่อถึงเวลานั้นจะให้เขาหลบซ่อนตัวอย่างเดิมอีกก็คงจะเป็นไปไม่ได้
เมื่อพวกเขาออกมาจากห้องทำงานของเตียงเหว่ยเจี้ยนจี้เฟิงและจางเล่ยก็เดินผ่านห้องสอบปากคำห้องหนึ่งพวกเขามองผ่านกระจกที่ประตูก็พบว่าหวังอี้ฉวนถูกจับใส่กุญแจมือนั่งพูดอะไรบางอย่างอยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว
ดูเหมือนว่าหวังอี้ฉวนจะถูกควบคุมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว
ในห้องสอบปากคำอีกห้องจี้เฟิงเห็นพนักงานหญิงที่มาขวางทางพวกเขาไว้เธอก็ถูกใส่กุญแจมืออยู่เช่นกัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คาดคิดว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะต้องมาลงเอยแบบนี้
จี้เฟิงไม่มีเวลามาสงสารเธอคนที่เลือกเส้นทางให้ตัวเองต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็คือตัวของเธอเอง
จี้เฟิงมองไปรอบๆอีกครั้งแต่ก็ไม่พบจางหย่งเฉียง
หลี่ลู่หนานกำลังเดินมาหาเขาพอดีจี้เฟิงจึงถามขึ้นว่า ทำไมจางหย่งเฉียงถึงไม่อยู่ที่นี่
คุณยังกล้าที่จะถามแบบนี้จริงๆเหรอ หลี่ลู่หนานอดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่จี้เฟิง ไม่ใช่ฝีมือของคุณหรอกเหรอที่ทำให้ใบหน้าของเขายับขนาดนั้น คิ้วแตก จมูกหัก ปากแตก ฟันหัก ถ้าเขาไม่ถูกหามไปส่งโรงพยาบาลในตอนนี้ฉันเกรงว่าเขาคงจะเสียเลือดมากเกินไปจนอาจจะช็อกตายได้!
จี้เฟิงและจางเล่ยผงะไปเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะออกมาพร้อมกันทันที ฮ่าฮ่า~! สมควร!