The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 273 เสียงตบที่ดังสนั่น
ที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งเจียงโจวในห้องพักฟื้นของหวังเหวินเหลียง เทียนกั๋วถง เฉียวหรง และคนอื่นๆกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ในขณะนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง
ทำไมถึงเป็นคุณอีก! เทียนกั๋วถงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว คุณมาทำอะไรกันแน่? อย่าบอกนะว่าจะมาตรวจสอบความเรียบร้อยอีก!
คนที่เพิ่งเปิดประตูไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหมอหนุ่มที่เพิ่งมีประเด็นกับเทียนกั๋วถง ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังไม่ไว้ใจหมอหนุ่มคนนี้และคิดว่าหมอคนนี้ไม่น่าจะใช่หมอธรรมดา แถมตอนนี้ยังเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตูก่อนอีก สิ่งนี้ยิ่งเป็นการยืนยันว่าข้อสงสัยของเทียนกั๋วถงนั้นถูกต้อง
หมอหนุ่มยิ้มบางๆ แน่นอน ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย แต่มาเพื่อแจ้งให้คุณทราบว่ามีคนรอคุณอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล
ใคร! เทียนกั๋วถงถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
แน่นอนว่าเป็นคนที่คุณอยากจัดการเขามาโดยตลอดยังไงล่ะ! หมอหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
สีหน้าของเฉียวหรงและเทียนกั๋วถงเปลี่ยนไปทันทีคนที่พวกเขาอยากจะจัดการมาโดยตลอด…หรือว่าจะเป็นจี้เฟิง
งั้นคุณไม่ใช่หมอจริงๆสินะ! ดวงตาของเทียนกั๋วถงสั่นไหวอย่างเย็นชา
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ หมอหนุ่มพูดโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย คุณรีบไปดีกว่า อย่าทำให้คนอื่นต้องรอนาน!
เมื่อพูดจบเขายิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็หันหลังและเดินออกจากห้องไปทันที
สีหน้าของเฉียวหรงบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หมอตัวเล็กๆกล้ามาพูดกับเธอแบบนี้
ท่านหญิงเราจะไปหรือเปล่า เทียนกั๋วถงหันกลับมาถาม ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธ แน่นอนว่าหมอปลอมตัวเล็กๆนี่ก็ไม่ได้มีค่ามากพอที่จะให้โกรธเช่นกัน
ไปสิ!ทำไมถึงจะไม่ไปล่ะ! เฉียวหรงกัดฟันกรอด ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้ลูกหมาจี้เฟิงที่เกิดมาจากผู้หญิงชั้นต่ำพันทางนั่นมันจะทำอะไรฉันได้!
เทียนกั๋วถงหันไปมองหวังเหวินเหลียงที่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลในใจของเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีเช่นกัน แต่ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มและพูดกับหวังเหวินเหลียงว่า เหวินเหลียงไม่ต้องเป็นกังวลไป กลางวันแสกๆแบบนี้จี้เฟิงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรมากนักหรอกและที่สำคัญแม้ว่าเขาต้องการจะเคลื่อนไหวเขาก็ไม่สามารถเอาชนะฉันได้!
หวังเหวินเหลียงอ้าปากและพูดได้แค่เพียงว่า ครับพี่ห้า ระวังตัวด้วย!
เทียนกั๋วถงยิ้มและบีบมือขวาของหวังเหวินเหลียงและยิ้ม ไม่ต้องห่วง ฉันจะระวังตัว!
หวังเหวินเหลียงมองดูทั้งสามคนก้าวออกไปเขาพยายามจะยกศีรษะขึ้นเพื่อมองให้ถนัดๆแต่มันก็ยากลำบากเกินไป ความเจ็บปวดที่รุนแรงบนร่างกายของเขาทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
เมื่อนึกถึงความสยองขวัญของจี้เฟิงหัวใจของหวังเหวินเหลียงก็ดิ่งวูบลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะเชื่อมาโดยตลอดว่าศิษย์พี่ห้าของเขานั้นทรงพลังและแข็งแกร่งมาก แต่หลังจากเห็นพลังปราณโดยกำเนิดและทักษะอันแปลกประหลาดของจี้เฟิง ความมั่นใจของหวังเหวินเหลียงในตัวศิษย์พี่ห้าของเขาก็เริ่มสั่นคลอน
ที่ทางเข้าโรงพยาบาลจี้เฟิงยืนพิง BMWx6 และกำลังสูบบุหรี่อยู่ มีความเย็นชาสาดส่องออกมาจากดวงตาของเขาบ้างเป็นครั้งคราว
การปรากฏตัวของจี้เฟิงดึงดูดสายตาหลายๆคนให้หันไปมองและส่วนใหญ่ล้วนเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย
รถBMWx6 สุดหรูกับชายหนุ่มรูปร่างกำยำหน้าตาหล่อเหลา ‘หนุ่มหล่อที่ร่ำรวย’ ตรงตามแบบฉบับชายในฝันของสาวๆ นอกจากนี้จี้เฟิงยังมีออร่าบางอย่างรอบๆตัวที่เป็นเอกลักษณ์
แต่จี้เฟิงไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมาแม้แต่น้อยตอนนี้จิตใจของเขาหมกมุ่นอยู่แต่กับความโกรธแค้นและเจตนาที่มุ่งร้าย!
เมื่อไม่กี่วันก่อนในค่ำคืนนั้นที่โรงงานเคมีร้าง หวังเหวินเหลียงได้นำคนมาซุ่มโจมตีเขา แต่เขาไม่ได้โกรธอะไรมาก เห็นได้ชัดจากผลลัพธ์ที่ออกมา จี้เฟิงไม่ได้ฆ่าใครเลยแม้แต่คนเดียว เขาเพียงแค่จัดการให้อันธพาลเหล่านั้นสูญเสียประสิทธิภาพในการต่อสู้ มีเพียงหวังเหวินเหลียงเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของเขา
แต่ตอนนี้จี้เฟิงจะไม่ใจดีอีกต่อไปอารมณ์ของเขาคุกรุ่นไปด้วยเจตนาฆ่า!
เฉียวหรง!ผู้หญิงคนนั้นมันบ้าจริงๆ! ในตอนนี้จี้เฟิงเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่พี่รองเคยพูดไว้มันหมายความว่ายังไงเมื่อผู้หญิงคนนี้บ้าคลั่งขึ้นมาเธอสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ และความบ้าคลั่งของเธอในครั้งนี้คือการใช้คนรอบตัวของจี้เฟิงเป็นเครื่องมือ
จี้เฟิงอดทนกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้จริงๆในเมื่อไม่สามารถลบล้างความคิดบ้าๆของผู้หญิงคนนี้ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดก็แค่ลบล้างผู้หญิงคนนั้นให้หายไปจากโลกนี้แล้วให้เธอไปใช้ชีวิตที่บ้าคลั่งอยู่ในนรกแทนก็แล้วกัน!
ชายหนุ่มในเสื้อกาวน์สีขาวเดินออกมาจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วและรีบแจ้งข่าวกับจี้เฟิงด้วยรอยยิ้มว่า นายน้อยจี้ พวกเขาออกมาแล้วน่าจะมาถึงเร็วๆนี้!
จี้เฟิงยิ้มและตบไหล่เขาเบาๆ ขอบคุณมาก เหนื่อยหน่อยนะครับ!
เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้วครับ! ชายหนุ่มในชุดกาวน์ยิ้มและพูดว่า นายน้อยจี้ต้องการอย่างอื่นอีกหรือไม่ครับ!
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย ไม่แล้ว คุณไปทำธุระของคุณได้เลย
หลังจากชายหนุ่มจากไปจี้เฟิงก็เห็นคนสามคนเดินออกมาจากโรงพยาบาล คนเหล่านั้นคือบุคคลที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ที่ร้านน้ำชาฝั่งตรงข้ามเรดซันเฟอร์นิเจอร์ เพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีหวังเหวินเหลียงอยู่ด้วยเพราะเขายังคงนอนอยู่ในห้องพักฟื้นของผู้ป่วย
ความอาฆาตแค้นฉายชัดอยู่ในดวงตาของเฉียวหรงอย่างไม่ปิดบังเธอจ้องไปที่จี้เฟิงอย่างไม่วางตา เป็นเพราะสัตว์ร้ายตัวนี้ทำให้ลูกชายของเธอบาดเจ็บอย่างรุนแรงและยังทำให้เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมแม้ว่าเขาจะออกจากโรงพยาบาล เป็นเพราะแม่ของสัตว์ร้ายตัวนี้ทำให้ความปรารถนาที่จะเข้าสู่ตระกูลจี้เพื่อเป็นนายหญิงของตระกูลจี้ต้องสลายกลายเป็นฝุ่นผงและต้องจมอยู่กับความผิดหวังมานานหลายปี สิ่งต่างๆล้วนมีสาเหตุมาจากสองแม่ลูกคู่นี้ แล้วจะไม่ให้เธอโกรธแค้นได้อย่างไร
จี้เฟิงดูเหมือนจะไม่เห็นเฉียวหรงอยู่ในสายตาเขาเพียงแต่มองไปที่เทียนกั๋วถงและชายหนุ่มอีกคนหนึ่งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ จะให้ฉันเรียกพวกคุณว่าอะไร
เทียนกั๋วถงศิษย์สำนักซวนเหมิน เทียนกั๋วถงกำหมัดของเขาเล็กน้อยโดยไม่มีความเกลียดชังใดๆแสดงอยู่บนใบหน้าของเขา ในฐานะของผู้ฝึกยุทธ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักสู้ปราณโดยกำเนิดที่มีรากฐานของระดับพลังที่สูงกว่าเขามาก การให้เกียรติอีกฝ่ายก็เท่ากับว่าเป็นการให้เกียรติตนเองด้วย
เฉินเจี้ยนศิษย์สำนักซวนเหมิน ชายหนุ่มอีกคนกำหมัดของเขาเล็กน้อยเช่นกัน
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย ฉันคงไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเองใช่มั้ย พวกคุณคิดเรื่องฉันมาตั้งนานแล้วนี่ คงแปลกน่าดูหากบอกว่าไม่รู้จักชื่อฉัน!
ชื่อเสียงของคุณน่าจะเรียกได้ว่าโด่งดังเสียจนลอยเข้ามาในหูของพวกเราเองเสียมากกว่า เทียนกั๋วถงยิ้มจางๆ ไม่ทราบว่าที่คุณเชิญเรามาที่นี่เพื่อ… ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็เห็นจี้เฟิงยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วส่ายเล็กน้อย จึ๊ๆ ผิดแล้ว ฉันไม่ได้เชิญคุณมา แต่มาเพื่อที่จะแจ้งให้คุณทราบ
ใบหน้าของเทียนกั๋วถงและเฉินเจี้ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกโกรธเทียนกั๋วถงถามจี้เฟิงว่า คุณต้องการจะบอกอะไรกับพวกเรา
ก็ไม่มีอะไรมาก จี้เฟิงยกนิ้วขึ้นอีกครั้ง อย่างแรก พวกคุณทุกคนต้องออกไปจากเจียงโจวทันที ฉันขอย้ำว่าทุกคน! เพื่อที่พวกคุณจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างยาวนานขึ้นอีกหน่อย! และพวกเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก และอย่างที่สอง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทุกคนและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจี้ พวกคุณห้ามแม้แต่จะคิดหรือทำเรื่องที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่พวกเขาโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคุณก็อย่าหวังว่าจะรักษาสำนักของคุณเอาไว้ได้ เข้าใจมั้ย!
สีหน้าของเฉียวหรงและอีกสองคนเปลี่ยนไปในทันทีโดยเฉพาะลูกศิษย์แห่งสำนักซวนเหมินทั้งสองคน ความโกรธของเทียนกั๋วถงพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนอย่างเขาไม่เคยต้องมาโดนดูถูกเช่นนี้!
จี้เฟิงคุณไม่คิดว่าคำพูดของคุณมันจะมากเกินไปหน่อยหรือ! เทียนกั๋วถงพยายามข่มความโกรธของเขาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า อย่าคิดว่าตัวเองมีฝีมือเข้าหน่อยแล้วจะพูดจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการ คุณมันยังไม่ได้เก่งถึงขั้นนั้น!
มากเกินไป จี้เฟิงถามอย่างแผ่วเบา ฉันขี้เกียจเกินไปที่จะมายืนพูดเรื่องไร้สาระกับคุณ คุณมีเพียงสองทางเลือก ทำตามที่ฉันบอกแล้วจะไม่มีใครต้องเดือดร้อน หรือจะให้ฉันทำให้พวกคุณหายไปจากโลกนี้ซะตั้งแต่ตอนนี้เลย?!
เพ้อเจ้อ! เฉียวหรงตะโกนขึ้นมาทันที เหอะ! ไอ้ลูกหมาพันทางที่เกิดมาจากผู้หญิงเลวๆชั้นต่ำแบบนั้นคิดจริงๆหรือว่าพอได้กลับเข้ามาอยู่ในตระกูลจี้แล้วตัวเองจะดูสูงส่งขึ้นคิดว่าโลกทั้งใบเป็นของตระกูลจี้งั้นเหรอ
จี้เฟิงค่อยๆกวาดสายตาอย่างช้าๆมองไปที่เธอและพูดเบาๆ คุณจะต้องจ่ายอย่างหนักเพียงเพราะคำพูดพล่อยๆของคุณ!
ไปบอกแม่ของแกนู่นไป! เฉียวหรงตะโกนด่าอย่างเกรี้ยวกราดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงตลาดล่างที่น่ารังเกียจ อยากให้ฉันจ่ายเหรอ งั้นจ่ายเท่าไหร่ดีล่ะ?! ถึงจะเหมาะสมกับผู้หญิงชั้นต่ำราคาถูกอย่างแม่… อั่ก!
เพี้ยะ!
ในขณะที่เธอยังพูดอยู่ก็เกิดเสียงตบที่ดังสนั่น ทำให้คำพูดที่หยาบคายและน่ารังเกียจของเฉียวหรงต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน เธอรู้สึกเพียงแค่ว่ามีบางอย่างระเบิดอย่างแรงที่หน้าของเธอ จากนั้นเธอก็รู้สึกเวียนหัวพร้อมกับตัวเธอที่กระเด็นลอยขึ้นไปกลางอากาศและล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
เฉียวหรงถูกจี้เฟิงตบจนกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้นและเธอก็สลบไปทันทีพร้อมกับผมที่ยุ่งเหยิงเธอดูเหมือนคนบ้าที่ทำให้เกิดเสียงหัวเราะ
จี้เฟิงยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นเขาเดินตรงไปที่เฉียวหรงทีละก้าวอย่างช้าๆและพูดอย่างเย็นชา ในเมื่อชอบด่าคนอื่นมาก ฉันก็จะฉีกปากของแกซะ เผื่อวันข้างหน้าคิดที่จะใช้ปากเน่าๆนี้ไปด่าคนอื่นอีกแกจะได้นึกขึ้นมาได้ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเป็นยังไง!
หยุด!
ร่างกายที่แข็งแรงของเทียนกั๋วถงเข้ามายืนขวางอยู่ด้านหน้าจี้เฟิง
จี้เฟิงคุณทำเกินไปหรือเปล่า! เทียนกั๋วถงกล่าวอย่างเย็นชา เขาไม่สามารถยืนดูเฉียวหรงถูกจี้เฟิงทำร้ายได้ ไม่เช่นนั้นความร่วมมือระหว่างสำนักซวนเหมินและตระกูลเฉียวจะล้มเหลวในทันที
จี้เฟิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและพูดอย่างหมดความอดทน ฉันน่ะหรอที่มากเกินไป แล้วการกระทำของพวกคุณมันเป็นยังไง ไม่ใช่พวกคุณหรอกเหรอที่จะใช้คนรอบตัวฉันเพื่อมาแบล็กเมล์ฉัน?!
เทียนกั๋วถงถึงกับชะงักทันทีอันที่จริงเป็นพวกเขาเองตั้งแต่แรกที่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องจี้เฟิง เขาไม่มีอะไรจะเถียงได้เลยจริงๆ
จี้เฟิงพอแค่นี้ดีกว่าลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ซะ แม้ว่านางเฉียวจะด่าคุณ แต่คุณก็ทำร้ายร่างกายเธอเหมือนกัน! เทียนกั๋วถงกล่าว
ไปให้พ้น!
จี้เฟิงคำราม อย่าบังคับให้ฉันต้องฆ่าคุณตอนนี้!
เทียนกั๋วถงโกรธมากเขาพูดอย่างเย็นชา ถ้าคุณต้องการจะทำร้ายนางเฉียว คุณก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน!
จี้เฟิงหันไปมองเขาอย่างเย็นชาและในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างช้าๆ ดีเหมือนกัน ในเมื่อฉันต้องการไว้ชีวิตคุณ แต่คุณอยากรนหาที่ตาย ฉันก็จะมอบสิ่งนั้นให้ตามคำขอ! ตามฉันมา ฉันจะให้โอกาสคุณได้ต่อสู้ ถ้าคุณหนีรอดไปได้ ฉันจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ซะแต่ถ้าคุณแพ้…
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบเฉินเจี้ยนก็พูดอย่างกวนๆว่า ถ้าคุณไป แล้วถ้าเราไม่ตามไป คุณจะทำอะไรได้
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยแต่ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา ฉันขอรับรองว่า พวกคุณที่ยืนอยู่ตรงนี้ร่วมถึงพี่น้องของคุณที่ยังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล จะไม่มีใครสามารถเดินออกจากเจียงโจวได้แม้แต่ก้าวเดียว!
แก…! เฉินเจี้ยนโกรธมาก แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะเขารู้ดีว่าจี้เฟิงสามารถทำอย่างที่พูดได้แน่นอน และเขาไม่สงสัยเลยว่าจี้เฟิงจะทำตามที่เขาได้พูดไว้หรือไม่
ตกลงฉันจะไปกับคุณ! เทียนกั๋วถงกล่าวอย่างเย็นชา ฉันอยากจะเห็นกับตาตัวเองเหมือนกันว่าทักษะของคุณจะแข็งแกร่งซักแค่ไหนถึงได้ทำให้คุณหยิ่งผยองและอวดดีได้ขนาดนี้! หึ!
จี้เฟิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและเข้าไปในรถทันทีที่เขาเหยียบคันเร่งรถก็พุ่งตัวออกไป
พี่ห้าจะให้ฉันทำยังไงกับนายหญิงเฉียว เมื่อมองไปที่เฉียวหรงซึ่งนอนสลบอยู่บนพื้นเหมือนซากหมาตาย เฉินเจี้ยนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
พาเธอไปด้วย! เทียนกั๋วถงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เฉินเจี้ยน จำไว้ เมื่อไปถึงที่นั่น อย่าลงจากรถโดยเด็ดขาด เตรียมตัวให้พร้อม ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ให้หนีไปทันที เข้าใจมั้ย!
เฉินเจี้ยนตกตะลึงในทันที