The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 285 ไอเดียของถงเล่ย
“ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ”เซียวหยูซวนย้อนถามอย่างสงสัย “ทำไมจู่ๆถึงถามเรื่องพวกนี้?”
จี้เฟิงยิ้ม“ฉันมีสูตรเกี่ยวกับตัวยาที่ช่วยลดน้ำหนักได้ดีเป็นพิเศษ ก็เลยมีไอเดียที่จะลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับยาลดน้ำหนัก แต่ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยทางด้านนี้เท่าไหร่ ก็เลยลองถามคุณดู!”
“นายมีรายชื่อส่วนผสมของยาลดน้ำหนักด้วยเหรอ”เซียวหยูซวนยิ่งงงหนักไปกว่าเก่า “นายไปได้มันมาจากไหน ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย?”
ถงเล่ยก็จ้องมองไปที่จี้เฟิงด้วยสายตาที่งุนงงเขาไปเอาสูตรยาลดน้ำหนักมาจากไหน
จี้เฟิงชะงักได้แต่ยิ้มค้างอยู่แบบนั้นตายห่า… จะบอกว่าได้สูตรมาจากไหนดีล่ะ
“อืม…มันเป็นแหล่งข้อมูลเฉพาะทางน่ะพวกเธอคิดว่าฉันคิดค้นขึ้นมาเองเหรอ บ้าหน่า! ฮ่าฮ่า…” เมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดระแวงและไม่เชื่อของทั้งสองสาว จี้เฟิงจึงกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ไปขโมยสูตรคนอื่นมา ดังนั้นไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของมันหรอก มันจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังอย่างแน่นอน อย่างน้อยฉันก็สามารถรับประกันได้ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครใช้สูตรยาตัวนี้เหมือนกับฉันแน่ๆ!”
“ในโลกนี้”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดแซวขำๆว่า “หรือว่าคุณไปได้สูตรนี้มาจากมนุษย์ต่างดาว? ฮ่าฮ่า~!” เซียวหยูซวนหัวเราะเสียงดัง
“อย่าเอ็ดไปฉันได้มาจากมนุษย์ต่างดาวจริงๆ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตาบ้า!”เซียวหยูซวนและถงเล่ยต่างถลึงตาใส่จี้เฟิงพร้อมๆกัน “ถ้านายเห็นมนุษย์ต่างดาวก็อย่าลืมทักทายแล้วขอถ่ายรูปส่งมาให้พวกเราดูด้วยนะ!”
จี้เฟิงหัวเราะ“ได้เลย! ตอนนี้มนุษย์ต่างดาวอยู่ในตัวฉันนี่แหละ เอาไว้ว่างๆฉันจะเรียกเขาออกมาเจอกับพวกเธอแล้วกันนะ!”
“นายก็พูดจาตลกไปเรื่อย!”เซียวหยูซวนยิ้มอย่างว่างเปล่าให้เขา เมื่อเธอเห็นว่าจี้เฟิงไม่ต้องการพูดถึงที่มาของสูตรยา ดังนั้นเธอก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถามมากไปกว่านี้
ถ้าจี้เฟิงต้องการจะพูดเขาคงจะบอกไปนานแล้ว แต่ที่ตอนนี้เขาไม่บอก นั่นก็แสดงว่าเขาต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่บอกไม่ได้หรือเป็นสิ่งที่พวกเธอไม่สมควรจะรู้
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถูจมูกของเขาเบาๆอย่างเก้อเขินเขาได้แต่ยิ้มและบ่นพึมพำอยู่ในใจว่าทำไมไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ทั้งๆที่เขาก็พูดความจริง เขาเคยอยากจะบอกเซียวหยูซวนกับถงเล่ยมาตั้งนานแล้วว่ามีปัญหาประดิษฐ์ที่โคตรอัจฉริยะจากต่างดาวอยู่ในหัวของเขา แต่หลังจากที่เขาลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่มีโอกาสได้อธิบายเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที สุดท้ายแล้วเขาจึงได้แต่พูดออกไปราวกับมันเป็นเรื่องตลก เพราะถึงอย่างไรพวกเธอก็คงไม่เชื่ออยู่ดี “ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพงั้นเหรอ…อันที่จริงฉันก็เคยพูดคุยถึงเรื่องนี้กับที่บ้านอยู่บ้างนะ” เซียวหยูซวนพูดพร้อมกับดึงถงเล่ยให้นั่งลงข้างๆจี้เฟิง “แต่เพราะฉันไม่ค่อยได้สนใจเรื่องในบริษัทเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก นอกจากนี้ถ้านายมีสูตรยานั่นอยู่ในมือจริงๆก็คงไปปรึกษากับพ่อฉันไม่ได้อยู่ดี”
“ทำไมล่ะ”จี้เฟิงตกใจ
“คนโง่!”เซียวหยูซวนตีไหล่เขาเบาๆพลางหัวเราะ “บริษัทยาของพ่อฉันเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อมาขายไปไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง แต่ถ้านายอยากจะผลิตตัวยาจากสูตรในใบสั่งยาที่นายมี นายจะต้องติดต่อขอความร่วมมือกับโรงงานผลิตยา”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“แล้วคุณคิดว่าฉันควรร่วมงานกับโรงงานผลิตยาที่ไหนดีล่ะ”
“โรงงานผลิตยาที่ไหนเหรอ”เซียวหยูซวนชะงักไปครู่หนึ่งและตอบอย่างไม่แน่ใจ“นั่นน่ะสิ โรงงานผลิตยาที่ไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด?!”
จี้เฟิงยิ้ม“ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันต้องมองหาโรงงานผลิตยาแบบไหนถึงจะเหมาะสม เพราะนอกจากสูตรยา พวกเราก็ไม่มีช่องทางหรือใบรับรองอะไรเลย สำหรับโรงงานขนาดใหญ่บางแห่งถ้าพวกเขาต้องการจะเอาเปรียบเรา มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เซียวหยูซวนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดเบาๆว่า“นั่นแหละปัญหา ยิ่งเป็นโรงขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ความดำมืดที่อยู่เบื้องหลังก็มีมากเท่านั้น หากสูตรยาที่นายมีไม่มีหลักฐานรับรองใดๆ ก็คงยากที่โรงงานผลิตยาเหล่านั้นจะยอมร่วมงานด้วย และมีความเป็นไปได้สูงที่สูตรยาจะถูกพวกเขาเอาไปโดยที่เราก็เอาผิดอะไรพวกเขาไม่ได้”
ปกติแล้วเวลาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ถงเล่ยมักจะไม่พูดเธอเลือกที่จะฟังอย่างเงียบๆ แต่ครั้งนี้จู่ๆเธอก็พูดขึ้น “จี้เฟิงฉันคิดว่าเรื่องนี้นายน่าจะลองขอความช่วยเหลือจากคุณลุงเซียวได้นะ!”
จี้เฟิงและเซียวหยูซวนชะงักด้วยความตกใจเล็กน้อยจี้เฟิงยิ้มแล้วถามว่า “ว่าไงนะ”
เมื่อเห็นสายตาแปลกๆของทั้งสองคนถงเล่ยก็ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายทันทีและเสียงของเธอก็ค่อยๆเบาลงอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมนายกับพี่สาวมองฉันแบบนั้นล่ะ ฉันแค่อยากให้คำแนะนำดูเฉยๆ”
จี้เฟิงหัวเราะด้วยความเอ็นดูปกติถงเล่ยจะมีมุมที่เย็นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันไม่ใช่ธุระของเธอ เธอจะไม่สนใจเลย
“เล่ยเล่ยไหนลองพูดให้ฉันฟังหน่อยสิ ฉันเชื่อว่าเธอต้องมีไอเดียดีๆ” จี้เฟิงพูดอย่างให้กำลังใจ
“ใช่น้องสาวของพี่เป็นคนฉลาดอยู่แล้ว ไอเดียของเธอมันต้องเวิร์คแน่ๆ!” เซียวหยูซวนลุกขึ้นและมาหาถงเล่ยพร้อมกับจับมือเล็กๆของเธอ “เล่ยเล่ย ไหนลองพูดให้ฟังหน่อยว่าเธอมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง” เมื่อได้รับกำลังใจจากทั้งสองคนถงเล่ยจึงพูดขึ้นเบาๆว่า “ก็ลุงเซียวเปิดบริษัทยา อาจจะเคยร่วมงานกับโรงงานผลิตยาหรือรู้จักผู้คนที่อยู่ในเครือข่ายสายงานเดียวกันมาบ้าง ฉันเลยคิดว่าเราอาจจะขอให้ลุงเซียวช่วยเราค้นหาว่ามีโรงงานผลิตยาที่ไหนที่กำลังมีปัญหาและต้องการจะเปลี่ยนมือบ้างหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันจะง่ายกว่าที่จะให้จี้เฟิงทำการวิจัยและผลิตมันด้วยตัวเองหรือไม่ก็ลองชวนลุงเซียวมาร่วมงานด้วยเลยก็ได้”
ดวงตาของจี้เฟิงและเซียวหยูซวนสว่างขึ้นทันทีนี่เป็นความคิดที่ดีจริงๆ!
“เพราะว่าโรงงานยาเดิมต้องมีพวกใบอนุญาตทั้งหมดครบถ้วนอยู่แล้วเพียงแต่พวกเขาไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ อาจจะเพราะมีปัญหาทางด้านการเงินหรือด้วยเหตุผลอื่นก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา” ถงเล่ยวิเคราะห์อย่างจริงจัง “แน่นอนว่าปัญหาของเราก็คือสูตรตัวยาของจี้เฟิงจะต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมาย และต้องเป็นยาที่ยอดเยี่ยมมากพอ!”
จี้เฟิงหัวเราะและกล่าวว่า“ไม่ต้องห่วง อย่างที่ฉันเพิ่งบอกไป สูตรยาของฉันไม่ซ้ำกับใครในโลกนี้อย่างแน่นอน และผลที่ได้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับยาลดน้ำหนักชนิดอื่นๆ”
“งั้นก็หมดปัญหาฉันเชื่อว่าถ้าเราไปปรึกษาคุณลุงเซียว เขาจะต้องมีความคิดที่ดีแนะนำพวกเราอย่างแน่นอน!” ถงเล่ยยิ้มกว้าง
จี้เฟิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเขาก้าวไปข้างหน้าและจูบใบหน้าที่น่ารักของถงเล่ยอย่างแรง “เล่ยเล่ย เธอนี่เป็นขงเบ้งเวอร์ชันผู้หญิงชัดๆ!”
“ใช่ที่ไหนล่ะนายนี่พูดไปเรื่อยจริงๆเลย!” ถงเล่ยใช้มือน้อยๆของเธอผลักใบหน้าของจี้เฟิงออกไปด้วยความเขินอาย “ฉันก็แค่แสดงความคิดเห็นเฉยๆ ที่เหลือนายก็ต้องไปรบกวนพี่สาวกับคุณลุงเซียวแล้วล่ะ!”
เซียวหยูซวนรู้สึกทำตัวไม่ถูกเธอขยับตัวออกห่างเล็กน้อยและรีบพูดว่า “ฉัน ฉันจะไปอาบน้ำก่อน พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ!”
เมื่อพูดจบเธอก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันทีโดยไม่รอคำตอบ
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเซียวหยูซวนที่รีบหนีไปจี้เฟิงและถงเล่ยก็หันมามองหน้ากันและหัวเราะเบาๆ
จู่ๆจี้เฟิงหอมแก้มที่เนียนนุ่มของถงเล่ยและกล่าวว่า“เล่ยเล่ย ขอบคุณนะ”
ถงเล่ยเม้มริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไรออกไปอันที่จริงเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอควรจะพูดอะไร ต้องบอกว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอในการช่วยหาผู้หญิงให้แฟนตัวเองงั้นเหรอ หรือจะให้พูดอย่างไม่เกรงใจว่า เห็นพิรุธของทั้งสองคนมาตั้งนานแล้วก็เลยจับคู่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย?
คำพูดเหล่านี้ช่างไร้สาระ!
ด้วยลักษณะนิสัยอย่างถงเล่ยนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดเรื่องพวกนี้ให้กลายเป็นเรื่องตลกดังนั้นเธอจึงได้แต่เม้มริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ… แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ดูเหมือนว่าจี้เฟิงจะสัมผัสได้ถึงความขัดแย้งบางอย่างอยู่ในหัวใจของถงเล่ยเขาจึงสวมกอดถงเล่ยเอาไว้แน่น ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรพวกเขาได้แต่ฟังเสียงหัวใจของกันและกันอย่างเงียบๆ แต่มันกลับทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่งถงเล่ยก็พูดขึ้นมาว่า“นอกจากพี่หยูซวนแล้ว นายห้ามมีผู้หญิงคนอื่นอีกเด็ดขาด!”
จี้เฟิงตกตะลึงไปชั่วครู่จากนั้นก็สะบัดหน้าของตัวเองแรงๆ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ฟังอะไรผิดไป
“ท่าทางแบบนั้นหมายความว่ายังไงฮึ!” เมื่อถงเล่ยเห็นท่าทางของจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะบิดเอวของเขาอย่างแรงและหัวเราะกับสีหน้าที่เจ็บปวดแต่ก็พยายามยิ้มของจี้เฟิง
ในความเป็นจริงต่อให้ถงเล่ยใช้กำลังทั้งหมดของเธอมันอาจไม่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกเจ็บปวดนับประสาอะไรกับแค่การหยิกของเธอแต่ที่จี้เฟิงต้องทำหน้าแบบนั้นเพราะเขาอยากให้ความร่วมมือกับถงเล่ยเพื่อที่เธอจะได้ระบายความคับข้องใจของเธอออกมาบ้าง
ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะแบ่งปันผู้ชายที่เธอรักกับผู้หญิงคนอื่นยิ่งไปกว่านั้นถงเล่ยและเซียวหยูซวนต่างก็เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะด้วยรูปร่างหน้าตาหรือสถานะทางครอบครัวก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้องใช้ผู้ชายร่วมกันกับใคร
แต่พวกเธอกลับยินยอมที่จะทำเช่นนี้แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเธอจริงใจและรักจี้เฟิงมากเพียงใด แล้วจะไม่ให้จี้เฟิงรู้สึกขอบคุณได้อย่างไร
เมื่อมองไปที่ปากเล็กๆอมชมพูที่ดูน่ารักของถงเล่ยจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น ใบหน้าของเขาค่อยๆเอนเข้าไปหาใบหน้าของถงเล่ยอย่างช้าๆ
แก้มที่ขาวเนียนทั้งสองข้างของถงเล่ยเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอายแต่เธอไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด เธอเพียงแต่หลบตาลงเล็กน้อย ขนตายาวนั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่องเผยให้เห็นถึงความประหม่าและเขินอายที่อยู่ภายในจิตใจของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มีความคาดหวังบางอย่าง
ในที่สุดปากของจี้เฟิงก็พบกับริมฝีปากสีชมพูที่เนียนนุ่มน่าดึงดูดใจของถงเล่ยมีกลิ่นหอมจางๆลอยมาเตะจมูกของจี้เฟิงทำให้เขารู้สึกสดชื่น และจี้เฟิงก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาจูบถงเล่ยรุนแรงขึ้น ลิ้นของเขารุกไล่เข้าไปในช่องปากของเธอและสำรวจไปเรื่อยๆ…
“อื้อ…”ถงเล่ยส่งเสียงขึ้นจมูกโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้จะวางมือที่เขินอายไว้ตรงไหน ในที่สุดเธอก็ทำได้แค่เพียงจับเสื้อของจี้เฟิงไว้แน่นและปล่อยให้จี้เฟิงทำตามใจต้องการ
จี้เฟิงจูบถงเล่ยโดยไม่ปล่อยให้มือของเขาต้องว่างมันค่อยๆลูบไล้วนไปมาบนเรือนร่างตามส่วนเว้าส่วนโค้งของถงเล่ยอย่างต่อเนื่อง เขาสัมผัสได้ถึงผิวที่ยืดหยุ่นสู้มืออันน่าทึ่ง… ใบหน้าที่น่ารักของถงเล่ยในเวลานี้แดงก่ำเธอรู้สึกประหม่ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หัวใจของเธอเต้นแรงและรัวราวกับว่ามันจะกระโดดออกมาจากอกของเธอ…
เมื่อทั้งสองกำลังจมอยู่ในห้วงแห่งความรักอันอ่อนโยนเซียวหยูซวนที่ยืนอยู่บนบันไดก็ใบหน้าแดงก่ำมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มในดวงตาคู่สวยของเธอ
เธอที่เตรียมน้ำสำหรับอาบเสร็จแล้วกำลังจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อที่จะมาตามจี้เฟิงและถงเล่ยให้ไปอาบน้ำ แต่เมื่อมาเห็นสถานการณ์นี้แทนที่เธอจะส่งเสียง เธอกลับยิ้มและยืนมองจากทางด้านบน
แต่ที่แปลกและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเธอไม่รู้สึกอิจฉาเลยแต่กลับรู้สึกมีความสุขมาก
อาจเป็นเพราะเธอได้มาถึงขีดสุดของความรักมันจึงทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นคนที่เธอรักมีความสุข
อย่างไรก็ตามทันทีที่ถงเล่ยลืมตาขึ้นอย่างเขินอายเธอก็เห็นเซียวหยูซวนที่ยืนอยู่ขั้นบนสุดของบันไดกำลังมองมาที่พวกเธอด้วยสีหน้ามีความสุข และทันใดนั้นเธอก็ร้องอุทานออกมาอย่างเขินอายและรีบผลักจี้เฟิงออกไปทันที ใบหน้าสวยงามของเธอแดงก่ำไปจนถึงหู
จี้เฟิงตกตะลึงฝ่ามือที่ใหญ่ของเขาบีบเอวที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่นของถงเล่ยเข้ามา “เกิดอะไรขึ้น”
“พี่สาวกำลังยืนดูอยู่ข้างบน!”ใบหน้าที่เขินอายของถงเล่ยไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมาและเสียงของเธอก็เบาจนแทบจะเหมือนเสียงของยุง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหูของจี้เฟิงนั้นดีมาก เขาคงไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเลยจริงๆ
จี้เฟิงเงยหน้าขึ้นมองทันทีแล้วก็เห็นเซียวหยูซวนยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของบันไดจับราวด้วยมือทั้งสองพร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของเธอ
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงมองขึ้นมาเซียวหยูซวนก็กะพริบตาปริบๆและหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน ทำต่อได้เลย” หลังจากที่พูดจบเธอก็หันกลับไปแต่เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็หันกลับมาอีกครั้งและขยิบตาที่สวยงามให้จี้เฟิง เธอหัวเราะคิกคัก “ฉันเตรียมน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าพวกเธอรู้สึกว่าโซฟาไม่สบายพอ ในอ่างอาบน้ำก็ไม่เลวนะ!”
ถงเล่ยรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันทีส่วนจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะแอบพูดอยู่ในใจ “ปีศาจสาวคนนี้!”
จี้เฟิงยิ้ม“ฉันมีสูตรเกี่ยวกับตัวยาที่ช่วยลดน้ำหนักได้ดีเป็นพิเศษ ก็เลยมีไอเดียที่จะลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับยาลดน้ำหนัก แต่ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยทางด้านนี้เท่าไหร่ ก็เลยลองถามคุณดู!”
“นายมีรายชื่อส่วนผสมของยาลดน้ำหนักด้วยเหรอ”เซียวหยูซวนยิ่งงงหนักไปกว่าเก่า “นายไปได้มันมาจากไหน ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย?”
ถงเล่ยก็จ้องมองไปที่จี้เฟิงด้วยสายตาที่งุนงงเขาไปเอาสูตรยาลดน้ำหนักมาจากไหน
จี้เฟิงชะงักได้แต่ยิ้มค้างอยู่แบบนั้นตายห่า… จะบอกว่าได้สูตรมาจากไหนดีล่ะ
“อืม…มันเป็นแหล่งข้อมูลเฉพาะทางน่ะพวกเธอคิดว่าฉันคิดค้นขึ้นมาเองเหรอ บ้าหน่า! ฮ่าฮ่า…” เมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดระแวงและไม่เชื่อของทั้งสองสาว จี้เฟิงจึงกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ไปขโมยสูตรคนอื่นมา ดังนั้นไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของมันหรอก มันจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังอย่างแน่นอน อย่างน้อยฉันก็สามารถรับประกันได้ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครใช้สูตรยาตัวนี้เหมือนกับฉันแน่ๆ!”
“ในโลกนี้”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดแซวขำๆว่า “หรือว่าคุณไปได้สูตรนี้มาจากมนุษย์ต่างดาว? ฮ่าฮ่า~!” เซียวหยูซวนหัวเราะเสียงดัง
“อย่าเอ็ดไปฉันได้มาจากมนุษย์ต่างดาวจริงๆ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตาบ้า!”เซียวหยูซวนและถงเล่ยต่างถลึงตาใส่จี้เฟิงพร้อมๆกัน “ถ้านายเห็นมนุษย์ต่างดาวก็อย่าลืมทักทายแล้วขอถ่ายรูปส่งมาให้พวกเราดูด้วยนะ!”
จี้เฟิงหัวเราะ“ได้เลย! ตอนนี้มนุษย์ต่างดาวอยู่ในตัวฉันนี่แหละ เอาไว้ว่างๆฉันจะเรียกเขาออกมาเจอกับพวกเธอแล้วกันนะ!”
“นายก็พูดจาตลกไปเรื่อย!”เซียวหยูซวนยิ้มอย่างว่างเปล่าให้เขา เมื่อเธอเห็นว่าจี้เฟิงไม่ต้องการพูดถึงที่มาของสูตรยา ดังนั้นเธอก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถามมากไปกว่านี้
ถ้าจี้เฟิงต้องการจะพูดเขาคงจะบอกไปนานแล้ว แต่ที่ตอนนี้เขาไม่บอก นั่นก็แสดงว่าเขาต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่บอกไม่ได้หรือเป็นสิ่งที่พวกเธอไม่สมควรจะรู้
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถูจมูกของเขาเบาๆอย่างเก้อเขินเขาได้แต่ยิ้มและบ่นพึมพำอยู่ในใจว่าทำไมไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ทั้งๆที่เขาก็พูดความจริง เขาเคยอยากจะบอกเซียวหยูซวนกับถงเล่ยมาตั้งนานแล้วว่ามีปัญหาประดิษฐ์ที่โคตรอัจฉริยะจากต่างดาวอยู่ในหัวของเขา แต่หลังจากที่เขาลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่มีโอกาสได้อธิบายเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที สุดท้ายแล้วเขาจึงได้แต่พูดออกไปราวกับมันเป็นเรื่องตลก เพราะถึงอย่างไรพวกเธอก็คงไม่เชื่ออยู่ดี “ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพงั้นเหรอ…อันที่จริงฉันก็เคยพูดคุยถึงเรื่องนี้กับที่บ้านอยู่บ้างนะ” เซียวหยูซวนพูดพร้อมกับดึงถงเล่ยให้นั่งลงข้างๆจี้เฟิง “แต่เพราะฉันไม่ค่อยได้สนใจเรื่องในบริษัทเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก นอกจากนี้ถ้านายมีสูตรยานั่นอยู่ในมือจริงๆก็คงไปปรึกษากับพ่อฉันไม่ได้อยู่ดี”
“ทำไมล่ะ”จี้เฟิงตกใจ
“คนโง่!”เซียวหยูซวนตีไหล่เขาเบาๆพลางหัวเราะ “บริษัทยาของพ่อฉันเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อมาขายไปไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง แต่ถ้านายอยากจะผลิตตัวยาจากสูตรในใบสั่งยาที่นายมี นายจะต้องติดต่อขอความร่วมมือกับโรงงานผลิตยา”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“แล้วคุณคิดว่าฉันควรร่วมงานกับโรงงานผลิตยาที่ไหนดีล่ะ”
“โรงงานผลิตยาที่ไหนเหรอ”เซียวหยูซวนชะงักไปครู่หนึ่งและตอบอย่างไม่แน่ใจ“นั่นน่ะสิ โรงงานผลิตยาที่ไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด?!”
จี้เฟิงยิ้ม“ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันต้องมองหาโรงงานผลิตยาแบบไหนถึงจะเหมาะสม เพราะนอกจากสูตรยา พวกเราก็ไม่มีช่องทางหรือใบรับรองอะไรเลย สำหรับโรงงานขนาดใหญ่บางแห่งถ้าพวกเขาต้องการจะเอาเปรียบเรา มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เซียวหยูซวนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดเบาๆว่า“นั่นแหละปัญหา ยิ่งเป็นโรงขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ความดำมืดที่อยู่เบื้องหลังก็มีมากเท่านั้น หากสูตรยาที่นายมีไม่มีหลักฐานรับรองใดๆ ก็คงยากที่โรงงานผลิตยาเหล่านั้นจะยอมร่วมงานด้วย และมีความเป็นไปได้สูงที่สูตรยาจะถูกพวกเขาเอาไปโดยที่เราก็เอาผิดอะไรพวกเขาไม่ได้”
ปกติแล้วเวลาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ถงเล่ยมักจะไม่พูดเธอเลือกที่จะฟังอย่างเงียบๆ แต่ครั้งนี้จู่ๆเธอก็พูดขึ้น “จี้เฟิงฉันคิดว่าเรื่องนี้นายน่าจะลองขอความช่วยเหลือจากคุณลุงเซียวได้นะ!”
จี้เฟิงและเซียวหยูซวนชะงักด้วยความตกใจเล็กน้อยจี้เฟิงยิ้มแล้วถามว่า “ว่าไงนะ”
เมื่อเห็นสายตาแปลกๆของทั้งสองคนถงเล่ยก็ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายทันทีและเสียงของเธอก็ค่อยๆเบาลงอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมนายกับพี่สาวมองฉันแบบนั้นล่ะ ฉันแค่อยากให้คำแนะนำดูเฉยๆ”
จี้เฟิงหัวเราะด้วยความเอ็นดูปกติถงเล่ยจะมีมุมที่เย็นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันไม่ใช่ธุระของเธอ เธอจะไม่สนใจเลย
“เล่ยเล่ยไหนลองพูดให้ฉันฟังหน่อยสิ ฉันเชื่อว่าเธอต้องมีไอเดียดีๆ” จี้เฟิงพูดอย่างให้กำลังใจ
“ใช่น้องสาวของพี่เป็นคนฉลาดอยู่แล้ว ไอเดียของเธอมันต้องเวิร์คแน่ๆ!” เซียวหยูซวนลุกขึ้นและมาหาถงเล่ยพร้อมกับจับมือเล็กๆของเธอ “เล่ยเล่ย ไหนลองพูดให้ฟังหน่อยว่าเธอมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง” เมื่อได้รับกำลังใจจากทั้งสองคนถงเล่ยจึงพูดขึ้นเบาๆว่า “ก็ลุงเซียวเปิดบริษัทยา อาจจะเคยร่วมงานกับโรงงานผลิตยาหรือรู้จักผู้คนที่อยู่ในเครือข่ายสายงานเดียวกันมาบ้าง ฉันเลยคิดว่าเราอาจจะขอให้ลุงเซียวช่วยเราค้นหาว่ามีโรงงานผลิตยาที่ไหนที่กำลังมีปัญหาและต้องการจะเปลี่ยนมือบ้างหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันจะง่ายกว่าที่จะให้จี้เฟิงทำการวิจัยและผลิตมันด้วยตัวเองหรือไม่ก็ลองชวนลุงเซียวมาร่วมงานด้วยเลยก็ได้”
ดวงตาของจี้เฟิงและเซียวหยูซวนสว่างขึ้นทันทีนี่เป็นความคิดที่ดีจริงๆ!
“เพราะว่าโรงงานยาเดิมต้องมีพวกใบอนุญาตทั้งหมดครบถ้วนอยู่แล้วเพียงแต่พวกเขาไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ อาจจะเพราะมีปัญหาทางด้านการเงินหรือด้วยเหตุผลอื่นก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา” ถงเล่ยวิเคราะห์อย่างจริงจัง “แน่นอนว่าปัญหาของเราก็คือสูตรตัวยาของจี้เฟิงจะต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมาย และต้องเป็นยาที่ยอดเยี่ยมมากพอ!”
จี้เฟิงหัวเราะและกล่าวว่า“ไม่ต้องห่วง อย่างที่ฉันเพิ่งบอกไป สูตรยาของฉันไม่ซ้ำกับใครในโลกนี้อย่างแน่นอน และผลที่ได้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับยาลดน้ำหนักชนิดอื่นๆ”
“งั้นก็หมดปัญหาฉันเชื่อว่าถ้าเราไปปรึกษาคุณลุงเซียว เขาจะต้องมีความคิดที่ดีแนะนำพวกเราอย่างแน่นอน!” ถงเล่ยยิ้มกว้าง
จี้เฟิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเขาก้าวไปข้างหน้าและจูบใบหน้าที่น่ารักของถงเล่ยอย่างแรง “เล่ยเล่ย เธอนี่เป็นขงเบ้งเวอร์ชันผู้หญิงชัดๆ!”
“ใช่ที่ไหนล่ะนายนี่พูดไปเรื่อยจริงๆเลย!” ถงเล่ยใช้มือน้อยๆของเธอผลักใบหน้าของจี้เฟิงออกไปด้วยความเขินอาย “ฉันก็แค่แสดงความคิดเห็นเฉยๆ ที่เหลือนายก็ต้องไปรบกวนพี่สาวกับคุณลุงเซียวแล้วล่ะ!”
เซียวหยูซวนรู้สึกทำตัวไม่ถูกเธอขยับตัวออกห่างเล็กน้อยและรีบพูดว่า “ฉัน ฉันจะไปอาบน้ำก่อน พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ!”
เมื่อพูดจบเธอก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันทีโดยไม่รอคำตอบ
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเซียวหยูซวนที่รีบหนีไปจี้เฟิงและถงเล่ยก็หันมามองหน้ากันและหัวเราะเบาๆ
จู่ๆจี้เฟิงหอมแก้มที่เนียนนุ่มของถงเล่ยและกล่าวว่า“เล่ยเล่ย ขอบคุณนะ”
ถงเล่ยเม้มริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไรออกไปอันที่จริงเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอควรจะพูดอะไร ต้องบอกว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอในการช่วยหาผู้หญิงให้แฟนตัวเองงั้นเหรอ หรือจะให้พูดอย่างไม่เกรงใจว่า เห็นพิรุธของทั้งสองคนมาตั้งนานแล้วก็เลยจับคู่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย?
คำพูดเหล่านี้ช่างไร้สาระ!
ด้วยลักษณะนิสัยอย่างถงเล่ยนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดเรื่องพวกนี้ให้กลายเป็นเรื่องตลกดังนั้นเธอจึงได้แต่เม้มริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ… แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ดูเหมือนว่าจี้เฟิงจะสัมผัสได้ถึงความขัดแย้งบางอย่างอยู่ในหัวใจของถงเล่ยเขาจึงสวมกอดถงเล่ยเอาไว้แน่น ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรพวกเขาได้แต่ฟังเสียงหัวใจของกันและกันอย่างเงียบๆ แต่มันกลับทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่งถงเล่ยก็พูดขึ้นมาว่า“นอกจากพี่หยูซวนแล้ว นายห้ามมีผู้หญิงคนอื่นอีกเด็ดขาด!”
จี้เฟิงตกตะลึงไปชั่วครู่จากนั้นก็สะบัดหน้าของตัวเองแรงๆ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ฟังอะไรผิดไป
“ท่าทางแบบนั้นหมายความว่ายังไงฮึ!” เมื่อถงเล่ยเห็นท่าทางของจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะบิดเอวของเขาอย่างแรงและหัวเราะกับสีหน้าที่เจ็บปวดแต่ก็พยายามยิ้มของจี้เฟิง
ในความเป็นจริงต่อให้ถงเล่ยใช้กำลังทั้งหมดของเธอมันอาจไม่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกเจ็บปวดนับประสาอะไรกับแค่การหยิกของเธอแต่ที่จี้เฟิงต้องทำหน้าแบบนั้นเพราะเขาอยากให้ความร่วมมือกับถงเล่ยเพื่อที่เธอจะได้ระบายความคับข้องใจของเธอออกมาบ้าง
ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะแบ่งปันผู้ชายที่เธอรักกับผู้หญิงคนอื่นยิ่งไปกว่านั้นถงเล่ยและเซียวหยูซวนต่างก็เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะด้วยรูปร่างหน้าตาหรือสถานะทางครอบครัวก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้องใช้ผู้ชายร่วมกันกับใคร
แต่พวกเธอกลับยินยอมที่จะทำเช่นนี้แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเธอจริงใจและรักจี้เฟิงมากเพียงใด แล้วจะไม่ให้จี้เฟิงรู้สึกขอบคุณได้อย่างไร
เมื่อมองไปที่ปากเล็กๆอมชมพูที่ดูน่ารักของถงเล่ยจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น ใบหน้าของเขาค่อยๆเอนเข้าไปหาใบหน้าของถงเล่ยอย่างช้าๆ
แก้มที่ขาวเนียนทั้งสองข้างของถงเล่ยเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอายแต่เธอไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด เธอเพียงแต่หลบตาลงเล็กน้อย ขนตายาวนั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่องเผยให้เห็นถึงความประหม่าและเขินอายที่อยู่ภายในจิตใจของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มีความคาดหวังบางอย่าง
ในที่สุดปากของจี้เฟิงก็พบกับริมฝีปากสีชมพูที่เนียนนุ่มน่าดึงดูดใจของถงเล่ยมีกลิ่นหอมจางๆลอยมาเตะจมูกของจี้เฟิงทำให้เขารู้สึกสดชื่น และจี้เฟิงก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาจูบถงเล่ยรุนแรงขึ้น ลิ้นของเขารุกไล่เข้าไปในช่องปากของเธอและสำรวจไปเรื่อยๆ…
“อื้อ…”ถงเล่ยส่งเสียงขึ้นจมูกโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้จะวางมือที่เขินอายไว้ตรงไหน ในที่สุดเธอก็ทำได้แค่เพียงจับเสื้อของจี้เฟิงไว้แน่นและปล่อยให้จี้เฟิงทำตามใจต้องการ
จี้เฟิงจูบถงเล่ยโดยไม่ปล่อยให้มือของเขาต้องว่างมันค่อยๆลูบไล้วนไปมาบนเรือนร่างตามส่วนเว้าส่วนโค้งของถงเล่ยอย่างต่อเนื่อง เขาสัมผัสได้ถึงผิวที่ยืดหยุ่นสู้มืออันน่าทึ่ง… ใบหน้าที่น่ารักของถงเล่ยในเวลานี้แดงก่ำเธอรู้สึกประหม่ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หัวใจของเธอเต้นแรงและรัวราวกับว่ามันจะกระโดดออกมาจากอกของเธอ…
เมื่อทั้งสองกำลังจมอยู่ในห้วงแห่งความรักอันอ่อนโยนเซียวหยูซวนที่ยืนอยู่บนบันไดก็ใบหน้าแดงก่ำมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มในดวงตาคู่สวยของเธอ
เธอที่เตรียมน้ำสำหรับอาบเสร็จแล้วกำลังจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อที่จะมาตามจี้เฟิงและถงเล่ยให้ไปอาบน้ำ แต่เมื่อมาเห็นสถานการณ์นี้แทนที่เธอจะส่งเสียง เธอกลับยิ้มและยืนมองจากทางด้านบน
แต่ที่แปลกและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเธอไม่รู้สึกอิจฉาเลยแต่กลับรู้สึกมีความสุขมาก
อาจเป็นเพราะเธอได้มาถึงขีดสุดของความรักมันจึงทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นคนที่เธอรักมีความสุข
อย่างไรก็ตามทันทีที่ถงเล่ยลืมตาขึ้นอย่างเขินอายเธอก็เห็นเซียวหยูซวนที่ยืนอยู่ขั้นบนสุดของบันไดกำลังมองมาที่พวกเธอด้วยสีหน้ามีความสุข และทันใดนั้นเธอก็ร้องอุทานออกมาอย่างเขินอายและรีบผลักจี้เฟิงออกไปทันที ใบหน้าสวยงามของเธอแดงก่ำไปจนถึงหู
จี้เฟิงตกตะลึงฝ่ามือที่ใหญ่ของเขาบีบเอวที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่นของถงเล่ยเข้ามา “เกิดอะไรขึ้น”
“พี่สาวกำลังยืนดูอยู่ข้างบน!”ใบหน้าที่เขินอายของถงเล่ยไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมาและเสียงของเธอก็เบาจนแทบจะเหมือนเสียงของยุง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหูของจี้เฟิงนั้นดีมาก เขาคงไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเลยจริงๆ
จี้เฟิงเงยหน้าขึ้นมองทันทีแล้วก็เห็นเซียวหยูซวนยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของบันไดจับราวด้วยมือทั้งสองพร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของเธอ
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงมองขึ้นมาเซียวหยูซวนก็กะพริบตาปริบๆและหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน ทำต่อได้เลย” หลังจากที่พูดจบเธอก็หันกลับไปแต่เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็หันกลับมาอีกครั้งและขยิบตาที่สวยงามให้จี้เฟิง เธอหัวเราะคิกคัก “ฉันเตรียมน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าพวกเธอรู้สึกว่าโซฟาไม่สบายพอ ในอ่างอาบน้ำก็ไม่เลวนะ!”
ถงเล่ยรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันทีส่วนจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะแอบพูดอยู่ในใจ “ปีศาจสาวคนนี้!”