The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 291 โลภ
คุณลุงเซียวผมว่าคุณลุงจัดส่งสินค้าเลยน่าจะดีกว่านะครับ! จี้เฟิงกล่าวเมื่อเขาเดินออกจากห้องทำงาน
ส่งตอนนี้ได้เลยเหรอแล้วผนึกที่ปิดไว้… เซียวฉางเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย
จี้เฟิงโบกมือเขายิ้มและพูดว่า คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ การจัดส่งสินค้าต้องมาเป็นอันดับแรก เรื่องอื่นผมจะช่วยจัดการให้เอง คุณลุงไม่ต้องกังวล
เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยเขาย่อมรู้ว่าต่อให้ผนึกที่มีตราประทับเป็นของจริง และการที่จี้เฟิงฉีกมันอาจจะไม่ถึงกับสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่เขา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เซียวฉางเหอก็ไม่ต้องการให้จี้เฟิงละเมิดกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เขาไม่ต้องการทำร้ายลูกเขยในอนาคตเพราะมีตัวเขาเป็นต้นเหตุ!
เมื่อเห็นความไม่สบายใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเซียวฉางเหอจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าวว่า คุณลุง คุณไม่ได้สังเกตเหรอว่าการสั่งปิดโกดังในครั้งนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกนั้นอย่างแน่นอน เพราะเท่าที่ผมเห็นคนพวกนั้นไม่ได้ กระทำการใดๆที่เป็นขั้นตอนอย่างเป็นทางการเลย ดังนั้นในกรณีนี้ถ้าผนึกพวกนั้นถูกฉีกมันจะไม่เกิดปัญหาอะไรอย่างแน่นอน!
เสี่ยวเฟิง…มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆน่ะเหรอ เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
ไม่ต้องห่วงครับคุณลุงผมคงไม่คิดสั้นขนาดที่จะส่งตัวเองเข้าคุกอย่างแน่นอน! จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ
เมื่อได้ยินแบบนั้นเซียวฉางเหอก็ผ่อนคลายลงและโบกมือของเขา ผู้จัดการหลิน ทำตามที่จี้เฟิงบอก ดำเนินการจัดส่งสินค้าทันทีและนอกจากนี้พนักงานคนไหนที่ขาดงานในวันนี้จะต้องถูกไล่ออกทั้งหมดโดยที่จะไม่รับฟังข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น! วิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เซียวฉางเหอมองเห็นถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในบริษัทโดยเฉพาะพนักงานบางคนที่เผยธาตุแท้ออกมาในเวลาที่บริษัทเผชิญกับปัญหา มันยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก เพื่อที่เขาจะได้ส่งต่อบริษัทที่ดีพอสำหรับลูกสาวของเขา เซียวฉางเหอจะไม่ยอมโอนอ่อนกับเรื่องแบบนี้โดยเด็ดขาด
ครับบอส! หลินเซิงผิงตอบทันที แต่ในใจของเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่เห็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอาหารและยาอยู่ในสายตาแล้วเขายังกล้าฉีกผนึกที่มีตราประทับของสำนักงานอาหารและยาโดยแทบไม่คิดเกี่ยวกับมันเลย เขาจะไม่กล้าหาญเกินไปหน่อยหรือ
ดวงตาคู่งามของเซียวหยูซวนที่กำลังมองจี้เฟิงด้วยความอ่อนโยนและประทับใจอย่างเปิดเผยทำให้หลินเซิงผิงเห็นมันได้อย่างชัดเจนเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อยและภาพนี้มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกแปลกๆ
เขารีบหันหลังและเดินจากไปทันทีราวกับว่าไม่อยากทนเห็นภาพแบบนี้อีกต่อไป
ตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้สองคนนั้นเรียกคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ออกมา ดวงตาของจี้เฟิงเปล่งประกายเย็นชา การกระทำของจางเก๋อหลานจะต้องได้รับการชดใช้เมื่อคนที่อยู่เบื้องหลังของปัญหานี้โผล่หัวออกมา! พวกเขาจะต้องถูกคิดบัญชีด้วยกันทั้งหมด!
………………
หวงฉีตงในเวลานี้รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากจะเป็นอะไรไปได้นอกเสียจากบริษัทยาของเขาที่เพิ่งก่อตั้งใหม่มาเดือนกว่าๆ สามารถทำกำไรให้เขาได้อย่างน้อยก็ 600,000-700,000 หยวนเข้าไปแล้ว ขนาดตอนนี้บริษัทของเขาเพิ่งจะร่วมมือกับโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนเพียงไม่กี่แห่งในเขตเล็กๆอย่างเขตว่านเจียงเท่านั้น ผลกำไรยังมากขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้เขามีความสุขได้อย่างไร อย่างไรก็ตามความพึงพอใจของหวงฉีตงคงไม่จบอยู่แค่แหล่งทำเงินเล็กๆน้อยๆแค่นี้แน่แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย เทศบาลเมืองเจียงโจวนั้นใหญ่มาก มีสถานพยาบาลไม่ต่ำกว่าสองสามพันแห่งรวมทั้งคลินิกเอกชนด้วย ในแต่ละวันพวกเขาจะต้องใช้ยาเป็นจำนวนเท่าไหร่
แน่นอนว่ากำไรเพียง600,000-700,000 หยวนไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาพึงพอใจได้ตลอดไป ถ้าเขาสามารถทำสัญญาติดต่อซื้อขายกับโรงพยาบาลและคลิกทั่วเจียงโจวได้ เขาจะสามารถทำเงินได้เท่าไหร่ในแต่ละปี
ช่างเป็นตัวเลขที่แค่นึกก็ทำให้ตาลุกวาวได้แล้ว!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้หัวใจของหวงฉีตงก็รู้สึกคันยุบยิบเมื่อนั่งจินตนาการภาพว่ามีธนบัตรจำนวนมหาศาลกำลังหลุดลอยออกไปจากกระเป๋าตังค์ของเขา ถ้าตอนนี้เขาไม่รีบร้อนหาวิธีจัดการก็คงเป็นเรื่องแปลก
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลยาส่วนใหญ่ที่บริษัทของหวงฉีตงใช้ในการดำเนินการ ถูกซื้อมาจากสำนักงานอาหารและยาในราคาต่ำสุด ยาส่วนใหญ่ถูกยึดในนามของยาปลอมและยาด้อยคุณภาพ ด้วยเหตุนี้หวงฉีตงจึงสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะทำกำไรได้มากถึง 600,00-700,000 จากบริษัทยาที่เพิ่งจะก่อตั้งได้เพียงหนึ่งเดือนแถมยังไม่มีคู่ค้ามากนัก!
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพ่อของหวงฉีตงที่เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาเป็นเพราะความสัมพันธ์นี้เองเขาจึงสามารถรับซื้อยาได้ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดมากและนำยาไปขายให้กับโรงพยาบาลและคลินิก ไม่ต้องคิดเลยว่ากำไรที่มหาศาลเหล่านั้นจะอยู่ในกระเป๋าของใคร
แต่วิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่จะใช้ได้ในระยะยาวไม่ต้องพูดถึงว่าพ่อของเขาเป็นเพียงรองผู้อำนวยการในสำนักงานอาหารและยา ยังมีญาติและลูกของผู้นำคนอื่นๆที่ต้องการส่วนแบ่งในเรื่องนี้ มีสถานพยาบาลมากมายในเจียงโจว ถ้าอาศัยแค่ยาที่สำนักงานอาหารและยายึดมาจะสนองต่อความใฝ่ฝันและความโลภของเขาได้อย่างไร
หากคุณต้องการที่จะขยายขอบเขตธุรกิจและขยายธุรกิจของคุณอย่างน้อยก็ต้องรับประกันว่าสินค้าของคุณจะต้องสต๊อกไว้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตามโรงงานผลิตยาหลายแห่งไม่ได้ให้ความร่วมมือที่ดีนักส่วนเหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่าบริษัทยาของหวงฉีตงไม่มีความแข็งแรงและความน่าเชื่อถือมากพอ รวมถึงไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดี จึงไม่แปลกที่โรงงานผลิตยาขนาดใหญ่หลายแห่งไม่เลือกที่จะร่วมมือกับเขาแม้ว่าเขาจะเป็นลูกของรองผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาก็ตาม
ผู้คนอาจไม่เลือกใช้ยาที่มาจากบริษัทของหวงฉีตงที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายเล็กเพราะไม่มั่นใจถึงประสิทธิภาพของยาเหล่านั้นจึงเป็นเรื่องปกติหากไม่มีใครกล้าซื้อ ในเมื่อต้องการขายแต่ลูกค้าไม่ต้องการซื้อปัญหาในด้านอุปทานของหวงฉีตงจึงเกิดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ช่องทางการขายยังถูกจำกัดอย่างมาก ซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่หรือคลินิกขนาดเล็กตราบใดที่ไม่ใช่สถานพยาบาลเปิดใหม่ โดยพื้นฐานแล้วจะมีช่องทางการจัดหาสินค้าที่มั่นคงเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะซัพพลายเออร์รายปัจจุบันมีการปรับราคาสินค้าจนเกินจะรับได้โรงพยาบาลและคลินิกเหล่านี้จะไม่ค่อยยอมรับซัพพลายเออร์รายใหม่ เมื่อทุกอย่างสมบูรณ์ดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องการตัวเลือกอื่นๆอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่บริษัทยาหลายแห่งที่ร่วมมือเป็นคู่ค้ากับพวกเขาล้วนเป็นบริษัทยาที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากหรือมีความสัมพันธ์ที่ดี และถ้าบริษัทยาที่เพิ่งก่อตั้งได้หนึ่งเดือนอย่างบริษัทของหวงฉีตงต้องการที่จะมีส่วนร่วมก็คงจะเป็นเรื่องยากพอๆกับการปีนขึ้นไปเก็บดาวบนท้องฟ้า
หรือต่อให้มีคนซื้อยาจากบริษัทของหวงฉีตงเพราะเห็นแก่หน้าพ่อของเขาจริงๆก็คงจะเป็นในปริมาณที่น้อยหรืออาจจะแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่หลังจากนั้นก็คงจะกล่าวได้แค่คำว่า ขอโทษนะ!
ในกรณีเช่นนี้คงเป็นเรื่องแปลกถ้าหวงฉีตงจะไม่หงุดหงิดรำคาญใจ!
ด้วยความสิ้นหวังหวงฉีตงได้ฟังคำแนะนำจากภรรยาของเขาและตัดสินใจเลือกทำธุรกิจสีเทาที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย!
การค้าขายที่ไม่มีต้นทุน!จริงๆแล้วควรเรียกว่าหวงฉีตงใช้อำนาจในมือเพื่อเข้ายึดบริษัทยาเล็กๆบางแห่งและใช้ข้ออ้างต่างๆเพื่อยึดยาโดยที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการของสำนักงานอาหารและยา เพียงแต่ยืมชื่อของสำนักงานอาหารและยามาใช้เป็นการส่วนตัวเท่านั้น และนำยาเหล่านั้นไปขายให้กับโรงพยาบาลและคลินิกที่ได้สร้างความสัมพันธ์เอาไว้
เรื่องการหาเงินต้องมาก่อนส่วนเรื่องการพัฒนาบริษัทเป็นเรื่องในอนาคต ค่อยว่ากันทีหลัง การเปิดบริษัทอาจมีวันที่ต้องปิดตัวลง แต่เงินเมื่ออยู่ในมือแล้วยังไงมันก็เป็นของเรา!
แต่คิดไม่ถึงว่าการทำตามวิธีนี้นับว่าไม่เลวเลยจริงๆบริษัทยาขนาดเล็กบางแห่งไม่กล้าขัดขืนโต้แย้ง ต่อให้รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบก็ทำได้แค่ใช้เงินเพื่อเคลียความสัมพันธ์ และยาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งก็จะไม่ได้คืนกลับมา
พวกเขาใช้เงินเพื่อจัดการเรื่องต่างๆแม้ว่าบริษัทยาเหล่านั้นจะไม่ใหญ่โต แต่อย่างน้อยก็มีกำไรและเงินหมุนเวียนหลายสิบล้าน การสูญเสียเงินบางส่วนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่กัดฟันยินยอมโดยที่ไม่กล้าเอะอะโวยวาย
และยาเหล่านี้กลายเป็นสินค้าของหวงฉีตง
ด้วยวิธีนี้ในเวลาเพียงไม่กี่วันเขาสามารถทำเงินได้หลายแสนหยวนซึ่งเป็นวิธีที่ทำเงินได้มากกว่าการซื้อยาจากสำนักงานอาหารและยาในราคาที่ต่ำมากๆ
หวงฉีตงได้ลิ้มรสความหอมหวานของเงินที่ได้มาง่ายๆโดยไม่ต้องลงทุนและทันใดนั้นมันก็กลายเป็นความเหิมเกริมพร้อมที่จะขยายผลต่อไป
และครั้งนี้เขาตั้งเป้าไปที่บริษัทยาฉางเหอ
หวงฉีตงได้สืบรู้มาว่าบริษัทยาฉางเหอเป็นบริษัทยาขนาดเล็กที่มีทรัพย์สินหลายสิบล้านแต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ดีและได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ถึง3 แห่งในเจียงโจว อุปทานรายเดือนมีเสถียรภาพมาก สิ่งนี้แหละที่ทำให้หวงฉีตงตาลุกวาวทันทีที่ได้รู้ข่าว
นอกจากนี้เขายังมองเห็นโอกาสนั้นจากวิธีการเดิมๆที่เขาทำกับบริษัทยาขนาดเล็กบางแห่งสำเร็จหากความสัมพันธ์ในความร่วมมือระหว่างบริษัทยาฉางเหอและโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งสามารถยุติลงได้ ทำไมเขาถึงจะไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากมันล่ะ
หวงฉีตงได้ปรึกษาหารือกับพ่อของเขาในเรื่องนี้ทันทีด้วยเหตุนี้พ่อของเขาจึงไปสืบจนได้รู้มาว่าบริษัทยาฉางเหอไม่มีภูมิหลังอะไรเลย เป็นเพียงบริษัทยาเล็กๆที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่บริษัทยาฉางเหอได้สร้างความสัมพันธ์และได้รับความร่วมมือกับโรงพยาบาลใหญ่ทั้ง3 แห่ง
มีเงินมีช่องทาง แต่ไม่มีอำนาจและภูมิหลัง
บริษัทแบบนี้ไม่ใช่เป้าหมายที่ดีเยี่ยมในการกอบโกยเงินแล้วจะให้เป็นอะไรไปได้อีกมันไม่ต่างจากแกะอ้วนๆที่รอให้เราไปเชือด!
หวงฉีตงจึงไม่รีรอเขาตัดสินใจใช้ลูกไม้เดิมๆและส่งคนไปดำเนินการเรื่องนี้ในทันที
ในเวลานี้หวงฉีตงอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งพวกเขานั่งดื่มเหล้าอยู่กับคนหนุ่มสาวสองสามคนอย่างรื่นเริงบันเทิงใจ กว่าหนึ่งเดือนที่เขาสามารถทำเงินได้เกือบหนึ่งล้านหยวน เขาจึงเชิญเหล่าลูกคุณหนูผู้ดีมีเงินมาร่วมสังสรรค์ และใช้โอกาสนี้มองหาว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะขยายธุรกิจต่อไปหรือไม่
เพราะถ้าเขาได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ได้อย่างน้อยกำไรแต่ละเดือนของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อยก็สองเท่า!
คุณชายชิวมาครับ ชนๆ! หวงฉีตงยกแก้วขึ้นแล้วชนกับชายหนุ่มหน้าใสคนหนึ่งแล้วยิ้ม คุณชายชิว ผมได้ยินมาว่าคุณได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่หลี่เว่ยตงจัดขึ้นครั้งล่าสุด เป็นยังไงบ้าง คุณพอจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟังได้มั้ย
คุณชายชิวคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีสถานะสูงที่สุดบนโต๊ะเพราะทันทีที่หวงฉีตงกล่าวประโยคนั้นออกไป ทุกคนก็มองมาที่เขาและตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง
คุณชายชิวแอบรู้สึกภาคภูมิใจเขาค่อยๆวางแก้วและยิ้ม จริงๆแล้วบรรยากาศภายในงานโดยรวมก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงงานเลี้ยงธรรมดางานหนึ่ง แต่จู่ๆก็มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นระหว่างงานเลี้ยง!
โอ้วว!!! ทุกคนต่างตกตะลึง คุณชายชิวถึงกับเอ่ยปากว่าน่าตื่นเต้น ต้องเป็นอะไรที่สุดยอดมากแน่ๆ!
ใช่!ในงานเลี้ยงนั้นผู้ที่ได้รับเชิญต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตาในวงสังคม และในบรรดาพวกเขาผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดก็คงต้องยกให้นายน้อยตระกูลเฉียวแห่งหยานจิง เฉียวเจียไค…! คุณชายชิวอดไม่ได้ที่จะจิ๊ปากสองสามทีและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นให้ฟังอย่างชัดเจน
เมื่อเล่าถึงตอนที่เฉียวเจียไคและผู้ที่ติดตามมาด้วยอีกสี่คนโดนน้องของจี้ช่าวเหลยตบร่วงจนเหมือนลูกหมาทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจและประหลาดใจ
นั่นคือตระกูลเฉียว!ไม่ว่าจี้ช่าวเหลยจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ไม่น่าจะเทียบกับตระกูลเฉียวแห่งหยานจิงได้เลยไม่ใช่หรือ
คนเหล่านี้ล้วนเป็นแค่รุ่นลูกของพวกกลุ่มคนรวยแม้จะเรียกได้ว่าพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง แต่ให้เทียบจริงๆก็เป็นเพียงแค่สังคมระดับล่าง แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องราวภายในนับประสาอะไรที่จะรู้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าตระกูลจี้อยู่ในหยานจิงและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ตระกูลเฉียวจะเปรียบเทียบได้
Rrrrrrr~!!
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของหวงฉีตงก็ดังขึ้นการเล่าของคุณชายชิวถูกขัดจังหวะ มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
หวงฉีตงได้แต่ยิ้มขอโทษและกดตัดสายไป
แต่หลังจากนั้นไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งเขาจึงรับสายอย่างหมดความอดทนและกล่าวว่า มีอะไร จำเป็นต้องโทรมาตอนนี้ด้วยหรือไง?!
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาฟังจบสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกด้วยความโกรธ อะไรนะ! พวกนั้นกล้าจัดส่งของทั้งๆที่มีคำสั่งปิดโกดังแถมยังฉีกผนึกด้วยงั้นเหรอ! พวกมันไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้าทำแบบนี้! …. เหอะ! มันอยากให้ฉันไปที่นั่นด้วยตัวเอง ดี! จะได้เห็นดีกัน!