The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 292 ข่มขู่
หวงฉีตงวางสายอย่างเกรี้ยวกราดเขากัดฟันและตะคอกด้วยความโมโห “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”
หลายคนที่ร่วมโต๊ะอาหารต่างพากันตกตะลึงคุณชายชิวที่กำลังพูดอยู่ไม่เพียงแต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ของหวงฉีตงเท่านั้น แต่ท่าทีที่เต็มไปด้วยความโมโหและคำก่นด่าสาปแช่งของหวงฉีตงก็ดึงความสนใจของคนอื่นๆไปจนหมด คุณชายชิวเริ่มที่จะไม่สบอารมณ์แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“มีบริษัทยาขนาดเล็กแห่งหนึ่งเดิมทีพวกเขาถูกสั่งปิดโกดังเพื่อตรวจสอบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน มาฉีกผนึกของสำนักงานอาหารและยาออกแล้วจัดส่งสินค้าออกไปอย่างไม่แยแส” หวงฉีตงแค่นเสียง “แถมมันยังขู่ว่าถ้าอยากให้เรื่องจบก็ให้ฉันไปหามันด้วยตัวเองที่นั่น และมันจะคิดบัญชีกับฉันในข้อหาที่คนของฉันไปทำให้โต๊ะน้ำชาของมันพังเป็นจำนวนเงินสองล้าน!”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมาทันทีแต่ไม่ใช่เพราะมีความสุข แต่เป็นเสียงหัวเราะแห่งความโกรธเคือง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคุณชายชั้นนำในเจียงโจวแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายและพอจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้างในแวดวงสังคมของชนชั้นกลางถึงล่าง
ทุกคนต่างรู้เรื่องอะไรบางอย่างของกันและกันและหวงฉีตงก็รู้เรื่องนี้ดี และเมื่อหวงฉีตงได้รู้ว่ามีคนจงใจฉีกผนึกของสำนักงานอาหารและยาอย่างไม่ไว้หน้า เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องแต่เพียงกับเขาเท่านั้น
คนเหล่านี้เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่หวงฉีตงทำเมื่อเร็วๆนี้แม้ว่าบางคนจะรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง แต่หวงฉีตงก็เป็นหนึ่งในแวดวงของพวกเขา
มีไม่กี่เรื่องที่คุณชายพวกนี้จะสนใจนั่นก็คือ เงิน ผู้หญิง และใบหน้า!
ตอนนี้หวงฉีตงกำลังทำเงินได้อย่างมากเป็นผลให้เขาได้หน้ามากกว่าเดิมในช่วงนี้ แต่จู่ๆกลับถูกฉีกผนึกที่มีตราประทับของสำนักงานอาหารและยาอย่างเปิดเผย มันก็ไม่ต่างจากการถูกตบหน้ากลางสี่แยก!
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดชังแบบเดียวกันครั้งนี้เขาตบหน้าหวงฉีตงได้แล้วครั้งต่อไปล่ะ อาจจะเป็นพวกเขาก็ได้ที่ถูกกระทำอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้!
“ฉีตงทำไมเราไม่ไปที่นั่นด้วยกันทั้งหมดนี่เลยล่ะ ทุกคนน่าจะอยากรู้ว่าไอ้สารเลวคนไหนมันกล้าหาญถึงขนาดกล้าฉีกผนึกของสำนักงานอาหารและยา!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณชายชิวคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า“ใช่แล้ว ไปดูกันเถอะ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่ามีใครหน้าไหนในเจียงโจวที่กล้าทำตัวไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เขาคิดว่าเขาคือหลี่เว่ยตงหรือจี้ช่าวเหลยงั้นเหรอ”
“ใช่คุณชายชิวพูดถูก อย่าว่าแต่ไอ้สารเลวที่เป็นใครก็ไม่รู้นี่เลย ต่อให้เป็นหลี่เว่ยตงหรือจี้ช่าวเหลยมาด้วยตัวเอง ยังไงก็ต้องไว้หน้าพวกเราบ้างอยู่แล้วล่ะ ว่าไหม”
คุณชายชิวเหลือบมองเขาอย่างดูถูกและพูดอยู่ในใจว่า“พูดอะไรไม่ได้ดูเงาหัวตัวเองเลย พ่อแกเป็นแค่รองผู้อำนวยการสำนักที่ดินเล็กๆ แม้แต่ฉันเองถ้าเจอหลี่เว่ยตงกับจี้ช่าวเหลยยังต้องก้มหัวให้พวกเขา แล้วแกเป็นใครเขาถึงจะต้องมาไว้หน้าแกด้วยวะ!”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในใจของคุณชายชิวจะเต็มไปด้วยความดูหมิ่นแต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา ในแวดวงนี้สิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้ก็คือการควบคุมและเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเอง
และในเวลานี้คนอื่นๆอีกหลายคนต่างก็ส่งเสียงเชียร์และโห่ร้องไปตามๆกัน เราต้องสั่งสอนไอ้สารเลวที่ไม่รู้ว่าอะไรสูงอะไรต่ำให้เป็นบทเรียนจนมันต้องจำไปจนตาย!
ทุกคนต่างดื่มเหล้ากันมาได้ระดับหนึ่งและหวงฉีตงที่ได้รับการยุยงจากคนเหล่านี้ก็ทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านขึ้นทันที
ปัง!
เขาตบโต๊ะอย่างแรงและตะโกนว่า“เอาล่ะ! งั้นพวกเราก็ไปกันเลย ฉันอยากรู้ว่าไอ้สารเลวตัวไหนที่กล้าสร้างเรื่องในเจียงโจว!”
คนที่อยู่ที่นี่6-7คนพากันเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ดุดัน หลังจากมาถึงหน้าร้านพวกเขาก็ขึ้นรถกันทีละคน และแล้วภายใต้การนำของหวงฉีตงพวกเขาได้เดินทางตรงไปที่บริษัทยาฉางเหอ
ไม่นานหลังจากที่ออกเดินทางหวงฉีตงได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเขา “เสี่ยวตง เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้เมียของแกโทรมาหาฉัน ทำไมน้องเขยของแกกับหัวหน้าซูจัดการกับอิแค่บริษัทยาเล็กๆไม่ได้? แถมยังถูกอีกฝ่ายเรียกค่าเสียหายอีก!”
หวงฉีตงรีบอธิบายทันทีและเมื่อเขาบอกว่าอีกฝ่ายได้ฉีกผนึกที่มีตราประทับของสำนักงานอาหารและยาอีกทั้งยังจงใจฝ่าฝืนคำสั่งการสั่งปิดโกดัง พ่อของหวงฉีตงก็โกรธขึ้นมาทันที
“นั่นมันผิดกฎหมาย!”พ่อของหวงฉีตงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ตอนนี้แกกำลังไปที่บริษัทยานั่นใช่มั้ย ฉันจะดำเนินการอนุมัติให้ทันที แล้วให้เมียของแกส่งเอกสารไปให้ จากนั้นแกก็ดำเนินการปิดบริษัทยานั่นทันที!”
หวงฉีตงยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแส“พ่อไม่ต้องลำบากมาจัดการกับบริษัทยาเล็กๆนี่หรอก จะมาทำการอนุมัติให้เหนื่อยไปทำไม ฉันจัดการได้ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ไปคนเดียว ยังมีคุณชายชิวกับคนอื่นๆอีกสามสี่คนไปด้วย ดังนั้นพ่อสบายใจได้เลย!”
“คุณชายชิว…เขาคือนายน้อยชิวเผิงเฟยลูกชายของรองนายกเทศมนตรีชิวหรือเปล่า?” พ่อของหวงฉีตงถามทันที
“นอกจากเขาแล้วจะมีใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้ฉันเรียกว่าคุณชายชิวอีกล่ะ” หวงฉีตงหัวเราะ “รู้แบบนี้แล้ว ก็น่าจะช่วยให้พ่อสบายใจได้แล้วนะ!” “ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็วางใจมีนายน้อยชิวไปด้วยแบบนี้ คนพวกนั้นคงถึงคราวซวยแล้วจริงๆที่กล้ามาทำเรื่องแบบนี้!” พ่อของหวงฉีตงหัวเราะ “งั้นก็ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วถ้าจะเอาเอกสารการอนุมัติหรือมีปัญหาอะไรแกก็โทรหาฉันได้ตลอดนะ ฉันพร้อมช่วยเหลือแกทุกเมื่อ… นี่! อย่าเพิ่ง ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันคุยโทรศัพท์อยู่!”
จู่ๆหวงฉีตงก็หัวเราะและกล่าวว่า“พ่อ! อย่าบอกนะว่าพ่อไปยุ่งกับเลขาอีกแล้วน่ะ เฮ้อ~ เอาเป็นว่าเล่นแค่พอสนุกพอนะพ่อ แต่อย่าเป็นแบบ*คลินตันที่ถูกทำลายโดยลูวินสกี้ แม้ว่าในอนาคตฉันจะกลายเป็นมหาเศรษฐีแต่ฉันก็ยังหวังจะได้รับการสนับสนุนจากพ่ออยู่นะ!”
“ไอ้หนูยังไงฉันก็เป็นพ่อของแกนะ เคารพฉันหน่อยไม่ได้รึไงกัน!” พ่อของหวงฉีตงพูดอย่างดุๆ แต่น้ำเสียงของเขาไม่มีความโกรธมากนัก
“ไม่เอาน่าตอนที่พ่อกำลังนอนอยู่บนตัวหยินผิง ไม่เห็นพ่อจะคิดว่าพ่อเป็นพ่อของฉันเลย…” หวงฉีตงโต้กลับอย่างนิ่งๆ
“แก…!”พ่อของหวงฉีตงถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“ฮ่าฮ่า~!ล้อเล่นๆ อย่าเพิ่งโกรธๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะพ่อ ฉันขับรถอยู่” หวงฉีตงวางสายด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “เหอะ! ไอ้แก่!”
หยูหยินผิงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นภรรยาของหวงฉีตง เดิมทีหยูหยินผิงเป็นพนักงานเล็กๆของสำนักงานอาหารและยา แม้เธอจะไม่ใช่คนที่สวยมาก แต่เธอเป็นคนที่มีเสน่ห์และเซ็กซี่มาก หวงเจิ้งฟาพ่อของหวงฉีตงมีความสัมพันธ์อย่างลับๆกับเธอ
ต่อมาเมื่อเสียงมีซุบซิบนินทาในหน่วยงานหวงเจิ้งฟาได้ไล่หยูหยินผิงออกไป แต่หวงเจิ้งฟาไม่อยากจะเสียผู้หญิงคนนี้ไป เขาจึงเกิดไอเดียแนะนำหยูหยินผิงให้กับลูกชายของเขา
สำหรับเรื่องของหยินผิงกับพ่อของเขาหวงฉีตงนั้นรู้อยู่แล้ว และพวกเขาทั้งสามคนก็รู้และเข้าใจในเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี
ส่วนที่หวงฉีตงรับได้กับเรื่องแบบนี้เป็นเพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากมีใครเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อพ่อของเขาทำเรื่องแบบนี้ พ่อของเขาจะยิ่งต้องปกป้องและช่วยเหลือเขาทุกอย่างไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะมีอะไรดีไปกว่าอีกล่ะ?!
เป็นเพราะเหตุนี้เองหวงฉีตงจึงเริ่มหาเงินด้วยสารพัดวิธีที่สะดวกสบายโดยไม่สนผิดถูกเพื่อหาเลี้ยงผู้หญิงมากกว่าสิบคนข้างนอกบ้านรวมถึงดาราสาวบางคนด้วย นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาอยากทำเงินให้ได้มากๆ เพราะการใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูผู้หญิงคนหนึ่งนั้นไม่น้อยเลย
นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของหวงเจิ้งฟาผู้เป็นพ่อมันยิ่งทำให้เขาเหิมเกริมไร้ยางอายมากขึ้นไปอีก
แต่จะว่าอะไรได้ในเมื่อทุกคนต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน! ยิ่งไปกว่านั้นแม้หยูหยินผิงจะอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดแต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ เพื่อไม่ให้หวงฉีตงเกลียดเธอ เธอจึงช่วยหวงฉีตงคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาร่ำรวย และในเมื่อพวกเขาต่างก็ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน พวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันเป็นหลัก แต่เรื่องแบบนี้ถ้ามีคนนอกรู้เขาคงได้พากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!
………………
ในเวลาเดียวกันที่บริษัทยาฉางเหอหลินเซิงผิงกำลังไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไปเพื่อรายงานสถานการณ์การจัดส่งสินค้าให้กับเซียวฉางเหอ เนื่องจากในเวลานี้หัวหน้าซูและจางเก๋อหลานอยู่ในห้องทำงานของเขา พวกเขาจึงมานั่งอยู่ที่ห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไปแทน
“บอส!สินค้าได้ถูกจัดส่งไปยังสถานพยาบาลทั้ง 13 แห่งเรียบร้อยแล้วครับ และตอนนี้พวกเขาก็ได้เซ็นรับสินค้าทั้งหมด ดังนั้นในส่วนของการจัดส่งสินค้าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะครับ” หลินเซิงผิงกล่าวว่า “แต่เจ้าหน้าที่สองคนนั้นพอรู้ว่าพวกเรากำลังทำการจัดส่งสินค้า ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะหยุดพวกเรา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ”
เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า“คุณทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ตอนนี้คุณไปจัดการธุระของคุณเถอะ!”
หลินเซิงผิงกวาดสายตามองไปที่ใบหน้าของเซียวหยูซวนและจี้เฟิงโดยไม่รู้ตัวแววตาของเขาฉายแววที่ซับซ้อน จากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องทำงานไป
จี้เฟิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งและครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เซียวหยูซวนพ่นลมหายใจ“เฮ้อ! คนพวกนี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ พวกเขาไม่มีแม้แต่เอกสารการอนุมัติซักใบ ทำไมถึงยังกล้ามาปิดผนึกและสั่งปิดโกดังของคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้ อะไรคือความแตกต่างของเจ้าหน้าที่กับพวกโจร”
เซียวฉางเหอถอนหายใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน แต่ก็ได้แต่ตามน้ำไป บางทีก็ลองขัดขืนถึงแม้จะรู้ว่าไม่เป็นผลก็ตาม
ถ้าวันนี้จี้เฟิงไม่อยู่เซียวฉางเหอเชื่อว่าเขาคงไม่ตัดสินใจที่จะฉีกผนึกและทำการจัดส่งสินค้าอย่างแน่นอน และสิ่งที่จะรอเขาอยู่ในตอนนั้นก็คือการถูกยกเลิกสัญญาจากสถานพยาบาลสิบกว่าแห่ง และภาพลักษณ์รวมถึงเม็ดเงินในธุรกิจของเขาจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว และแม้แต่ยาในโกดังอาจจะถูกยึดไปทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นบริษัทของเขาจะพบกับความเสียหายที่หนักมาก
เมื่อตอนที่เขาว่างเซียวฉางเหอพยายามโทรศัพท์หาคนที่มีความสัมพันธ์กับเขาที่ทำงานอยู่ในสำนักงานอาหารและยา แต่เกือบทุกคนไม่รับสาย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รับ แต่ทันทีที่ได้ยินเรื่องราว เขาก็หาข้ออ้างและรีบวางสายไปทันที
ความสัมพันธ์ที่เซียวฉางเหอสร้างขึ้นในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขากลับไม่สามารถใช้ความสัมพันธ์ใดๆได้เลย มันทำให้เขามองเห็นสภาพที่โหดร้ายของโลกได้อย่างชัดเจนและในขณะเดียวกันเขาก็รู้แล้วว่าในเวลานี้มันเป็นปัญหาที่ใหญ่มากแค่ไหน
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอกหลินเซิงผิงเคาะประตูด้วยความรีบร้อนและเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “บอสครับ หัวหน้าซูเพิ่งบอกว่า พวกเราได้ฉีกผนึกที่มีตราประทับของสำนักงานอาหารและยา ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย คนที่พวกเขาโทรหากำลังจะมาที่นี่เร็วๆนี้”
เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม“ผู้จัดการหลินไม่ต้องเป็นกังวลไป ฉันเป็นคนสั่งการเรื่องนี้เอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ ตราบใดที่คุณทำหน้าที่ของคุณให้ดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
หลินเซิงผิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจเล็กน้อยเขาพยักหน้าและพูดว่า “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปดูแลและปลอบใจพนักงานด้านล่างนะครับ บริษัทจะได้ไม่วุ่นวายไปกว่านี้”
เมื่อมองดูหลินเซิงผิงเดินออกจากห้องทำงานไปจี้เฟิงก็ถามขึ้น “คุณลุงเซียว ในสายตาของคุณลุง ความสามารถของผู้จัดการหลินคนนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
หลายคนที่ร่วมโต๊ะอาหารต่างพากันตกตะลึงคุณชายชิวที่กำลังพูดอยู่ไม่เพียงแต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ของหวงฉีตงเท่านั้น แต่ท่าทีที่เต็มไปด้วยความโมโหและคำก่นด่าสาปแช่งของหวงฉีตงก็ดึงความสนใจของคนอื่นๆไปจนหมด คุณชายชิวเริ่มที่จะไม่สบอารมณ์แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“มีบริษัทยาขนาดเล็กแห่งหนึ่งเดิมทีพวกเขาถูกสั่งปิดโกดังเพื่อตรวจสอบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน มาฉีกผนึกของสำนักงานอาหารและยาออกแล้วจัดส่งสินค้าออกไปอย่างไม่แยแส” หวงฉีตงแค่นเสียง “แถมมันยังขู่ว่าถ้าอยากให้เรื่องจบก็ให้ฉันไปหามันด้วยตัวเองที่นั่น และมันจะคิดบัญชีกับฉันในข้อหาที่คนของฉันไปทำให้โต๊ะน้ำชาของมันพังเป็นจำนวนเงินสองล้าน!”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมาทันทีแต่ไม่ใช่เพราะมีความสุข แต่เป็นเสียงหัวเราะแห่งความโกรธเคือง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคุณชายชั้นนำในเจียงโจวแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายและพอจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้างในแวดวงสังคมของชนชั้นกลางถึงล่าง
ทุกคนต่างรู้เรื่องอะไรบางอย่างของกันและกันและหวงฉีตงก็รู้เรื่องนี้ดี และเมื่อหวงฉีตงได้รู้ว่ามีคนจงใจฉีกผนึกของสำนักงานอาหารและยาอย่างไม่ไว้หน้า เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องแต่เพียงกับเขาเท่านั้น
คนเหล่านี้เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่หวงฉีตงทำเมื่อเร็วๆนี้แม้ว่าบางคนจะรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง แต่หวงฉีตงก็เป็นหนึ่งในแวดวงของพวกเขา
มีไม่กี่เรื่องที่คุณชายพวกนี้จะสนใจนั่นก็คือ เงิน ผู้หญิง และใบหน้า!
ตอนนี้หวงฉีตงกำลังทำเงินได้อย่างมากเป็นผลให้เขาได้หน้ามากกว่าเดิมในช่วงนี้ แต่จู่ๆกลับถูกฉีกผนึกที่มีตราประทับของสำนักงานอาหารและยาอย่างเปิดเผย มันก็ไม่ต่างจากการถูกตบหน้ากลางสี่แยก!
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดชังแบบเดียวกันครั้งนี้เขาตบหน้าหวงฉีตงได้แล้วครั้งต่อไปล่ะ อาจจะเป็นพวกเขาก็ได้ที่ถูกกระทำอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้!
“ฉีตงทำไมเราไม่ไปที่นั่นด้วยกันทั้งหมดนี่เลยล่ะ ทุกคนน่าจะอยากรู้ว่าไอ้สารเลวคนไหนมันกล้าหาญถึงขนาดกล้าฉีกผนึกของสำนักงานอาหารและยา!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณชายชิวคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า“ใช่แล้ว ไปดูกันเถอะ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่ามีใครหน้าไหนในเจียงโจวที่กล้าทำตัวไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เขาคิดว่าเขาคือหลี่เว่ยตงหรือจี้ช่าวเหลยงั้นเหรอ”
“ใช่คุณชายชิวพูดถูก อย่าว่าแต่ไอ้สารเลวที่เป็นใครก็ไม่รู้นี่เลย ต่อให้เป็นหลี่เว่ยตงหรือจี้ช่าวเหลยมาด้วยตัวเอง ยังไงก็ต้องไว้หน้าพวกเราบ้างอยู่แล้วล่ะ ว่าไหม”
คุณชายชิวเหลือบมองเขาอย่างดูถูกและพูดอยู่ในใจว่า“พูดอะไรไม่ได้ดูเงาหัวตัวเองเลย พ่อแกเป็นแค่รองผู้อำนวยการสำนักที่ดินเล็กๆ แม้แต่ฉันเองถ้าเจอหลี่เว่ยตงกับจี้ช่าวเหลยยังต้องก้มหัวให้พวกเขา แล้วแกเป็นใครเขาถึงจะต้องมาไว้หน้าแกด้วยวะ!”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในใจของคุณชายชิวจะเต็มไปด้วยความดูหมิ่นแต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา ในแวดวงนี้สิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้ก็คือการควบคุมและเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเอง
และในเวลานี้คนอื่นๆอีกหลายคนต่างก็ส่งเสียงเชียร์และโห่ร้องไปตามๆกัน เราต้องสั่งสอนไอ้สารเลวที่ไม่รู้ว่าอะไรสูงอะไรต่ำให้เป็นบทเรียนจนมันต้องจำไปจนตาย!
ทุกคนต่างดื่มเหล้ากันมาได้ระดับหนึ่งและหวงฉีตงที่ได้รับการยุยงจากคนเหล่านี้ก็ทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านขึ้นทันที
ปัง!
เขาตบโต๊ะอย่างแรงและตะโกนว่า“เอาล่ะ! งั้นพวกเราก็ไปกันเลย ฉันอยากรู้ว่าไอ้สารเลวตัวไหนที่กล้าสร้างเรื่องในเจียงโจว!”
คนที่อยู่ที่นี่6-7คนพากันเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ดุดัน หลังจากมาถึงหน้าร้านพวกเขาก็ขึ้นรถกันทีละคน และแล้วภายใต้การนำของหวงฉีตงพวกเขาได้เดินทางตรงไปที่บริษัทยาฉางเหอ
ไม่นานหลังจากที่ออกเดินทางหวงฉีตงได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเขา “เสี่ยวตง เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้เมียของแกโทรมาหาฉัน ทำไมน้องเขยของแกกับหัวหน้าซูจัดการกับอิแค่บริษัทยาเล็กๆไม่ได้? แถมยังถูกอีกฝ่ายเรียกค่าเสียหายอีก!”
หวงฉีตงรีบอธิบายทันทีและเมื่อเขาบอกว่าอีกฝ่ายได้ฉีกผนึกที่มีตราประทับของสำนักงานอาหารและยาอีกทั้งยังจงใจฝ่าฝืนคำสั่งการสั่งปิดโกดัง พ่อของหวงฉีตงก็โกรธขึ้นมาทันที
“นั่นมันผิดกฎหมาย!”พ่อของหวงฉีตงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ตอนนี้แกกำลังไปที่บริษัทยานั่นใช่มั้ย ฉันจะดำเนินการอนุมัติให้ทันที แล้วให้เมียของแกส่งเอกสารไปให้ จากนั้นแกก็ดำเนินการปิดบริษัทยานั่นทันที!”
หวงฉีตงยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแส“พ่อไม่ต้องลำบากมาจัดการกับบริษัทยาเล็กๆนี่หรอก จะมาทำการอนุมัติให้เหนื่อยไปทำไม ฉันจัดการได้ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ไปคนเดียว ยังมีคุณชายชิวกับคนอื่นๆอีกสามสี่คนไปด้วย ดังนั้นพ่อสบายใจได้เลย!”
“คุณชายชิว…เขาคือนายน้อยชิวเผิงเฟยลูกชายของรองนายกเทศมนตรีชิวหรือเปล่า?” พ่อของหวงฉีตงถามทันที
“นอกจากเขาแล้วจะมีใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้ฉันเรียกว่าคุณชายชิวอีกล่ะ” หวงฉีตงหัวเราะ “รู้แบบนี้แล้ว ก็น่าจะช่วยให้พ่อสบายใจได้แล้วนะ!” “ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็วางใจมีนายน้อยชิวไปด้วยแบบนี้ คนพวกนั้นคงถึงคราวซวยแล้วจริงๆที่กล้ามาทำเรื่องแบบนี้!” พ่อของหวงฉีตงหัวเราะ “งั้นก็ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วถ้าจะเอาเอกสารการอนุมัติหรือมีปัญหาอะไรแกก็โทรหาฉันได้ตลอดนะ ฉันพร้อมช่วยเหลือแกทุกเมื่อ… นี่! อย่าเพิ่ง ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันคุยโทรศัพท์อยู่!”
จู่ๆหวงฉีตงก็หัวเราะและกล่าวว่า“พ่อ! อย่าบอกนะว่าพ่อไปยุ่งกับเลขาอีกแล้วน่ะ เฮ้อ~ เอาเป็นว่าเล่นแค่พอสนุกพอนะพ่อ แต่อย่าเป็นแบบ*คลินตันที่ถูกทำลายโดยลูวินสกี้ แม้ว่าในอนาคตฉันจะกลายเป็นมหาเศรษฐีแต่ฉันก็ยังหวังจะได้รับการสนับสนุนจากพ่ออยู่นะ!”
“ไอ้หนูยังไงฉันก็เป็นพ่อของแกนะ เคารพฉันหน่อยไม่ได้รึไงกัน!” พ่อของหวงฉีตงพูดอย่างดุๆ แต่น้ำเสียงของเขาไม่มีความโกรธมากนัก
“ไม่เอาน่าตอนที่พ่อกำลังนอนอยู่บนตัวหยินผิง ไม่เห็นพ่อจะคิดว่าพ่อเป็นพ่อของฉันเลย…” หวงฉีตงโต้กลับอย่างนิ่งๆ
“แก…!”พ่อของหวงฉีตงถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“ฮ่าฮ่า~!ล้อเล่นๆ อย่าเพิ่งโกรธๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะพ่อ ฉันขับรถอยู่” หวงฉีตงวางสายด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “เหอะ! ไอ้แก่!”
หยูหยินผิงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นภรรยาของหวงฉีตง เดิมทีหยูหยินผิงเป็นพนักงานเล็กๆของสำนักงานอาหารและยา แม้เธอจะไม่ใช่คนที่สวยมาก แต่เธอเป็นคนที่มีเสน่ห์และเซ็กซี่มาก หวงเจิ้งฟาพ่อของหวงฉีตงมีความสัมพันธ์อย่างลับๆกับเธอ
ต่อมาเมื่อเสียงมีซุบซิบนินทาในหน่วยงานหวงเจิ้งฟาได้ไล่หยูหยินผิงออกไป แต่หวงเจิ้งฟาไม่อยากจะเสียผู้หญิงคนนี้ไป เขาจึงเกิดไอเดียแนะนำหยูหยินผิงให้กับลูกชายของเขา
สำหรับเรื่องของหยินผิงกับพ่อของเขาหวงฉีตงนั้นรู้อยู่แล้ว และพวกเขาทั้งสามคนก็รู้และเข้าใจในเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี
ส่วนที่หวงฉีตงรับได้กับเรื่องแบบนี้เป็นเพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากมีใครเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อพ่อของเขาทำเรื่องแบบนี้ พ่อของเขาจะยิ่งต้องปกป้องและช่วยเหลือเขาทุกอย่างไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะมีอะไรดีไปกว่าอีกล่ะ?!
เป็นเพราะเหตุนี้เองหวงฉีตงจึงเริ่มหาเงินด้วยสารพัดวิธีที่สะดวกสบายโดยไม่สนผิดถูกเพื่อหาเลี้ยงผู้หญิงมากกว่าสิบคนข้างนอกบ้านรวมถึงดาราสาวบางคนด้วย นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาอยากทำเงินให้ได้มากๆ เพราะการใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูผู้หญิงคนหนึ่งนั้นไม่น้อยเลย
นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของหวงเจิ้งฟาผู้เป็นพ่อมันยิ่งทำให้เขาเหิมเกริมไร้ยางอายมากขึ้นไปอีก
แต่จะว่าอะไรได้ในเมื่อทุกคนต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน! ยิ่งไปกว่านั้นแม้หยูหยินผิงจะอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดแต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ เพื่อไม่ให้หวงฉีตงเกลียดเธอ เธอจึงช่วยหวงฉีตงคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาร่ำรวย และในเมื่อพวกเขาต่างก็ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน พวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันเป็นหลัก แต่เรื่องแบบนี้ถ้ามีคนนอกรู้เขาคงได้พากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!
………………
ในเวลาเดียวกันที่บริษัทยาฉางเหอหลินเซิงผิงกำลังไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไปเพื่อรายงานสถานการณ์การจัดส่งสินค้าให้กับเซียวฉางเหอ เนื่องจากในเวลานี้หัวหน้าซูและจางเก๋อหลานอยู่ในห้องทำงานของเขา พวกเขาจึงมานั่งอยู่ที่ห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไปแทน
“บอส!สินค้าได้ถูกจัดส่งไปยังสถานพยาบาลทั้ง 13 แห่งเรียบร้อยแล้วครับ และตอนนี้พวกเขาก็ได้เซ็นรับสินค้าทั้งหมด ดังนั้นในส่วนของการจัดส่งสินค้าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะครับ” หลินเซิงผิงกล่าวว่า “แต่เจ้าหน้าที่สองคนนั้นพอรู้ว่าพวกเรากำลังทำการจัดส่งสินค้า ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะหยุดพวกเรา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ”
เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า“คุณทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ตอนนี้คุณไปจัดการธุระของคุณเถอะ!”
หลินเซิงผิงกวาดสายตามองไปที่ใบหน้าของเซียวหยูซวนและจี้เฟิงโดยไม่รู้ตัวแววตาของเขาฉายแววที่ซับซ้อน จากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องทำงานไป
จี้เฟิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งและครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เซียวหยูซวนพ่นลมหายใจ“เฮ้อ! คนพวกนี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ พวกเขาไม่มีแม้แต่เอกสารการอนุมัติซักใบ ทำไมถึงยังกล้ามาปิดผนึกและสั่งปิดโกดังของคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้ อะไรคือความแตกต่างของเจ้าหน้าที่กับพวกโจร”
เซียวฉางเหอถอนหายใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน แต่ก็ได้แต่ตามน้ำไป บางทีก็ลองขัดขืนถึงแม้จะรู้ว่าไม่เป็นผลก็ตาม
ถ้าวันนี้จี้เฟิงไม่อยู่เซียวฉางเหอเชื่อว่าเขาคงไม่ตัดสินใจที่จะฉีกผนึกและทำการจัดส่งสินค้าอย่างแน่นอน และสิ่งที่จะรอเขาอยู่ในตอนนั้นก็คือการถูกยกเลิกสัญญาจากสถานพยาบาลสิบกว่าแห่ง และภาพลักษณ์รวมถึงเม็ดเงินในธุรกิจของเขาจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว และแม้แต่ยาในโกดังอาจจะถูกยึดไปทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นบริษัทของเขาจะพบกับความเสียหายที่หนักมาก
เมื่อตอนที่เขาว่างเซียวฉางเหอพยายามโทรศัพท์หาคนที่มีความสัมพันธ์กับเขาที่ทำงานอยู่ในสำนักงานอาหารและยา แต่เกือบทุกคนไม่รับสาย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รับ แต่ทันทีที่ได้ยินเรื่องราว เขาก็หาข้ออ้างและรีบวางสายไปทันที
ความสัมพันธ์ที่เซียวฉางเหอสร้างขึ้นในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขากลับไม่สามารถใช้ความสัมพันธ์ใดๆได้เลย มันทำให้เขามองเห็นสภาพที่โหดร้ายของโลกได้อย่างชัดเจนและในขณะเดียวกันเขาก็รู้แล้วว่าในเวลานี้มันเป็นปัญหาที่ใหญ่มากแค่ไหน
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอกหลินเซิงผิงเคาะประตูด้วยความรีบร้อนและเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “บอสครับ หัวหน้าซูเพิ่งบอกว่า พวกเราได้ฉีกผนึกที่มีตราประทับของสำนักงานอาหารและยา ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย คนที่พวกเขาโทรหากำลังจะมาที่นี่เร็วๆนี้”
เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม“ผู้จัดการหลินไม่ต้องเป็นกังวลไป ฉันเป็นคนสั่งการเรื่องนี้เอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ ตราบใดที่คุณทำหน้าที่ของคุณให้ดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
หลินเซิงผิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจเล็กน้อยเขาพยักหน้าและพูดว่า “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปดูแลและปลอบใจพนักงานด้านล่างนะครับ บริษัทจะได้ไม่วุ่นวายไปกว่านี้”
เมื่อมองดูหลินเซิงผิงเดินออกจากห้องทำงานไปจี้เฟิงก็ถามขึ้น “คุณลุงเซียว ในสายตาของคุณลุง ความสามารถของผู้จัดการหลินคนนี้เป็นยังไงบ้างครับ”