The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 298 เข้าใจผิด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่จี้เฟิงจะโกรธมากผู้ชายเสเพลที่พอจะมีอิทธิพลเล็กๆน้อยๆอยู่ในมือ แต่กลับใช้มันทำเรื่องชั่วสนองตัณหาตัวเองเพียงเพราะไปชอบผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเธอไม่เล่นด้วย จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคนนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง!
หวงฉีตงเป็นเพียงลูกชายของรองนายกเทศมนตรีเขตยังกล้าทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและมีความเป็นไปได้ว่าเรื่องแบบนี้อาจจะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและไม่ได้มีแค่หวงฉีตงคนเดียว มีเหล่าลูกชายของคนมีอำนาจทั้งเล็กทั้งใหญ่มากมายในเจียงโจว แล้วในบรรดาคนเหล่านั้นมีกี่คนที่ทำตัวแบบหวงฉีตง
จี้เฟิงรู้ว่าความสามารถของเขามีจำกัดและเขาก็ไม่ใช่ฮีโร่ที่ต้องคอยปกป้องโลกอีกทั้งยังมีลูกชายของผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถควบคุมเรื่องพวกนี้ได้ทั้งหมด แต่ในเมื่อวันนี้เขาได้รู้ได้เห็นเรื่องนี้แล้ว ถ้าเขายังเมินเฉยอยู่ได้ อย่าว่าแต่จะขัดกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจของเขาเลย เกรงว่าถ้าแม่ของเขารู้เข้า เธอคงต้องหักขาของเขาอย่างแน่นอน!
ดังนั้นเรื่องของหญิงสาวคนนี้จี้เฟิงต้องจัดการให้ได้ ไม่ว่าจะมีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง เขาจะต้องลากคอมันออกมาให้หมด อย่าพูดว่ามันเป็นการลงโทษหรือกำจัดความชั่วร้ายเลย เขาก็แค่ไม่สามารถปล่อยให้การกระทำย้อนแย้งกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจของเขาได้
เขาอาจจะไม่ต้องใส่ใจกับมันถ้าเขายังเป็นเพียงเด็กยากจนที่ไร้ความสามารถ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ใช่จี้เฟิงคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถนั่งเฉยๆได้!
จี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในตอนที่เขาพูดคำสั่งที่เด็ดขาดออกไปคำพูดเหล่านี้ทำให้เขามีออร่าที่น่าเกรงขามจนเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงบนิ่งที่ลึกล้ำก็ไม่สามารถปกปิดดวงตาที่โกรธจัดของเขาได้ ในเวลานี้เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าพอที่จะสบตากับเขาตรงๆ
“คุณชายจี้ไม่ต้องกังวลผมรู้ดีว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง! เพราะถ้าหากผมไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้ดีได้ ผมคงไม่มีหน้าที่จะอยู่ในสังคมได้อีกต่อไปในอนาคต!” ชิวเผิงเฟยตบหน้าอกของเขาทันทีเพื่อแสดงความมั่นใจ
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“ถ้านายทำงานได้ดี ฉันจะชวนนายไปดื่มเมื่อเรื่องนี้เสร็จสิ้น!”
“คุณชายจี้พูดเองนะห้ามลืมนะ! ฮี่ฮี่~!” ชิวเผิงเฟยรีบฉวยโอกาสพลางหัวเราะเจ้าเล่ห์
“แน่นอนฉันไม่ลืม!” จี้เฟิงยิ้มน้อยๆ “เอาล่ะ ฉันจะไม่รั้งนายไว้แล้ว โทรหาฉันได้ตลอดเวลา!”
ชิวเผิงเฟยกล่าวลาทันทีรวมถึงนายน้อยคนอื่นๆก็ไม่ลืมที่จะทักทายจี้เฟิงก่อนจะจากไป“คุณชายจี้ ลาก่อน” ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้โชคดีเท่าชิวเผิงเฟยที่กำลังจะได้เป็นคนของจี้เฟิงและนั่นมันทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉาแต่อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ดีว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขาทำสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่และที่สำคัญพวกเขาไม่สามารถจำจี้เฟิงได้ในทันทีจึงไม่ทันได้เข้าไปประจบสอพลอเหมือนอย่างชิวเผิงเฟยได้ทัน แต่ตอนนี้ที่จี้เฟิงไม่เอาความพวกเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะอิจฉาเมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ของชิวเผิงเฟยและจี้เฟิงสนิทสนมกันมากขึ้นพวกเขาจึงมีวิธีการของตัวเอง
เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ของชิวเผิงเฟยและจี้เฟิงสนิทสนมกันมากขึ้นอย่างรวดเร็วแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ให้จี้เฟิงเหมือนอย่างชิวเผิงเฟยได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องพยายามทำให้จี้เฟิงจำหน้าพวกเขาได้บ้างไม่ใช่เหรอ ดังนั้นก่อนพวกเขาจะกลับแต่ละคนจึงมีวิธีทักทายจี้เฟิงที่แตกต่างกันออกไป เพื่อสร้างความประทับใจให้จี้เฟิงได้จดจำพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น
และในขณะเดียวกันนายน้อยเหล่านี้ก็แอบตัดสินใจว่าพวกเขาจะต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณชายชิวให้มากกว่านี้เพราะเขาเป็นคนที่กำลังจะได้เกาะต้นขาของตระกูลจี้ ต้นขานี้ต่อให้ถอนขนขาออกก็ยังจะหนากว่าเอวของพวกเขาเสียอีก!
จี้เฟิงถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคุณชายทั้งหมดกลับไปเขาเชื่อว่าชิวเผิงเฟยจะจัดการเรื่องต่างๆให้เสร็จภายในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
อันที่จริงด้วยความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของจี้เฟิงไม่ว่าในใจของเขาจะรู้สึกโกรธมากแค่ไหน ถ้าเขาต้องการ เขาก็สามารถที่จะไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมาเมื่อมีบุคคลภายนอกอยู่ด้วย แต่ครั้งนี้ที่เขาจงใจแสดงความโกรธออกมา แม้ความจริงแล้วมันจะเป็นเพราะเขาโกรธจริงๆ แต่ในทางกลับกันเขาก็ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเตือนเหล่าคุณชายทั้งหลายรวมถึงชิวเผิงเฟยให้รับรู้เอาไว้ว่า ‘อย่าทำสิ่งที่แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังไม่ทำ’ และถ้าเขารู้ว่าใครหน้าไหนกล้าทำ จุดจบของคนคนนั้นจะต้องเลวร้ายกว่าสิ่งที่หวงฉีตงจะต้องเจอ!
สิ่งที่จี้เฟิงต้องการคือส่งสัญญาณดังกล่าวเป็นการเตือนเขาเชื่อว่าแม้ชิวเผิงเฟยและคุณชายคนอื่นๆ จะไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยพวกเขาจะจำได้ว่าเมื่อพวกเขากำลังจะทำสิ่งเลวร้ายแล้วเรื่องนี้ถูกจี้เฟิงค้นพบมันจะทำให้จี้เฟิงไม่พอใจมากแค่ไหน!
หลินเซิงผิงที่อยู่ข้างๆมองไปที่จี้เฟิงด้วยความสนใจเมื่อจี้เฟิงมองกลับมาที่เขา หลินเซิงผิงก็ส่งรอยยิ้มที่มีความหมายกลับคืนมา
มุมปากของจี้เฟิงขยับเล็กน้อยและเขาก็อดหัวเราะไม่ได้เขารู้ว่าหลินเซิงผิงเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ หลินเซิงผิงเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ แต่โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นคนละโมบและเลือกที่จะเดินทางผิด มิฉะนั้นถ้าเขาต้องการที่จะเป็นใหญ่ด้วยตัวเอง เขาก็คงทำได้อย่างง่ายดาย เพราะคุณลุงเซียวคงไม่สามารถจับตาดูทุกๆอย่างภายในบริษัทได้ตลอดเวลา
‘นี่คือคนที่มีความสามารถแถมยังเป็นคนดีโชคดีที่เขาไม่ตัดสินใจลาออกไปเพราะการปรากฏตัวของฉัน!’ จี้เฟิงรู้สึกชื่นชมคู่แข่งทางความรักคนนี้อยู่ในใจ เขาดีใจมากที่ได้เป็นเพื่อนกับหลินเซิงผิงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นศัตรูหัวใจรึเปล่า
“เอ้อ!ดูเหมือนว่านายจะยังไม่ได้กินข้าวเลยใช่มั้ย” หลินเซิงผิงนึกขึ้นได้ทันใด “มีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆที่นี่ทำซุปปลาเทราต์อร่อยใช้ได้เลย ฉันไปกินร้านนี้เป็นประจำแหละ ไปกินด้วยกันมั้ย?”
จี้เฟิงก้มมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้บ่ายสามโมงกว่าแล้วเขาส่ายหัวและยิ้ม “ลืมไปเลยนะเนี่ย แต่ป่านนี้แล้วถ้าเราไปที่ร้านเกรงว่าคงจะได้ไปช่วยเก็บร้านซะเปล่าๆ” หลินเซิงผิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า“งั้นก็โทรสั่งพวกอาหารจานด่วนมากินที่นี่ก็แล้วกัน เพราะเรื่องเมื่อเช้า พนักงานหลายคนก็น่าจะยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน!”
เขารีบจัดการโทรสั่งอาหารจานด่วนทันทีจี้เฟิงและเซียวหยูซวนก็ไปที่ห้องรับแขกเพื่อรอเซียวฉางเหอจัดการธุระให้เสร็จจะได้กลับบ้านพร้อมกัน
เมื่ออาหารมาส่งจี้เฟิงกินไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้เขากินข้าวที่บ้านของเซียวหยูซวนไปเยอะแล้ว จึงทำให้เขาไม่ค่อยหิวเท่าไหร่นัก
ในตอนนั้นเองเด็กสาวจากแผนกต้อนรับก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับกาน้ำชาที่อยู่ในมือ เธอรินน้ำชาให้ทั้งสามคน เมื่อเธอรินน้ำชาให้จี้เฟิงเด็กหญิงตัวเล็กๆกล่าวกับจี้เฟิงเบาๆว่า “คุณชายจี้ ขอบคุณ! ขอบคุณมากจริงๆค่ะ!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าวว่า“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ต่อจากนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องยอมหากมีคนมารังแก มาจากชนบทแล้วทำไม ยังไงก็คนเหมือนกัน”
“ค่ะคุณจี้ฉันจะจำเอาไว้!” เด็กสาวพยักหน้าอย่างจริงจัง ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กๆเดินออกไปเซียวหยูซวนก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ “ไม่น่าเชื่อว่านายก็ให้กำลังใจคนอื่นได้เหมือนกันแฮะ!”
“เพราะฉันเองก็เกิดในชนบทและเติบโตมาจากที่นั่นและฉันก็เคยถูกรังแกจากเด็กที่มีอำนาจฉันเลยรู้ว่าเธอคิดอะไรและรู้สึกยังไง!” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดต่อในหัวข้อนี้ ทันใดนั้นเขาก็ถามขึ้น “ผู้จัดการหลิน มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามนายหน่อย ในฐานะผู้จัดการที่อยู่ในวงการยามานานแบบนาย นายพอจะรู้จักโรงงานผลิตยาที่เริ่มมีปัญหาแล้วอยากจะปิดตัวลงหรือต้องการจะปล่อยเซ้งบ้างมั้ย”
การมองหาหุ้นส่วนสหกรณ์หรือการหาโรงงานผลิตยาที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายนี่จึงเป็นจุดประสงค์หลักในการมาเยี่ยมเซียวฉางเหอของจี้เฟิงในวันนี้ แต่เพราะปัญหาที่เกิดจากหวงฉีตง จึงทำให้จี้เฟิงยังไม่มีโอกาสได้พูด แต่ตอนนี้หลินเซิงผิงก็อยู่ที่นี่การถามเขาในเรื่องนี้ก็น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง
หลินเซิงผิงที่กำลังกินอยู่อดไม่ได้ที่จะชะงักด้วยความตกตะลึง“โรงงานผลิตยาที่มีปัญหาในการดำเนินกิจการเหรอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะมีเยอะแยะเลยแหละ ไม่ว่าจะเพราะทางโรงงานก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานหรือกระทั่งขั้นตอนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนมากโรงงานผลิตยาขนาดเล็กมักจะเกิดปัญหาแบบนี้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ทางรัฐบาลเริ่มเข้มงวดมากขึ้น แม้ว่าโรงงานผลิตยาหลายๆแห่งจะผ่านขั้นตอนอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นสถานการณ์ที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่ดี ดังนั้นพวกโรงงานเล็กๆจึงไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้จนทำให้ปิดตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม“แล้วแบบนี้การที่ฉันต้องการจะซื้อโรงงานผลิตยา มันก็ง่ายๆเลยน่ะสิ”
“มันก็ง่ายจริงๆน่ะแหละโดยเฉพาะโรงงานเอกชนบางแห่ง ซึ่งพวกเขาแบกรับภาระทางด้านการเงินมานานแล้ว เจ้าของโรงงานเหล่านั้นกระตือรือร้นที่จะกำจัดโรงงานของพวกเขาให้จบๆไปโดยเร็วที่สุด” หลินเซิงผิงที่กำลังพูดจู่ๆก็ชะงักด้วยความประหลาดใจ “เดี๋ยวนะ นายเพิ่งบอกว่านายกำลังจะซื้อโรงงานผลิตยา… ซื้อโรงงานผลิตยาเนี่ยนะ!”
จี้เฟิงหัวเราะ“ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ”
“ได้สิ!เพียงแต่ฉันคิดไม่ถึงน่ะ!” หลินเซิงผิงหัวเราะเก้อๆ เขาพูดคุยกับจี้เฟิงได้อย่างสนิทสนมจนลืมไปว่าจี้เฟิงต้องเป็นลูกชายคนมีอำนาจคนหนึ่งแน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้นชิวเผิงเฟยและคนอื่นๆคงไม่มีท่าทียำเกรงเขามากขนาดนั้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันพอจะรบกวนผู้จัดการหลินช่วยรวบรวมรายชื่อโรงงานผลิตยาที่มีปัญหาได้หรือเปล่า” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
แต่ใครจะรู้หลินเซิงผิงกลับส่ายหัว
“สำหรับเรื่องนี้ฉันคิดว่านายควรไปขอความช่วยเหลือจากบอสน่าจะดีกว่า เจ้าของโรงงานเหล่านั้นส่วนมากจะมีการติดต่อกับคนที่เป็นประธานบริษัทนั้น ส่วนฉันมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานและดูแลเรื่องภายในบริษัทเท่านั้น เพราะหลักๆแล้วหน้าที่ในการจัดหาสินค้าบอสจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด” หลินเซิงผิงยิ้ม
จี้เฟิงเข้าในทันทีว่าการติดต่อส่วนใหญ่ที่หลินเซิงผิงรับผิดชอบจะเป็นโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆร่วมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายบางส่วน แต่การจัดหาสินค้านั้นเป็นความรับผิดชอบของเซียวฉางเหอ เป็นระบบการทำงานที่ไม่เลว
“ใครต้องการให้ฉันช่วยอะไรหรือ”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันเซียวฉางเหอก็ผลักประตูห้องรับแขกและเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาดูสดใสขึ้นเล็กน้อยและถามด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเรื่องในวันนี้ได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่นและถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดปัญหาที่คล้ายกันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนในอนาคต จึงไม่แปลกที่จะทำให้เขารู้สึกมีความสุข
จี้เฟิงรีบบอกเซียวฉางเหอเกี่ยวกับความต้องการที่จะซื้อโรงงานของเขาทันทีว่า“โรงงานผลิตยาไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก อุปกรณ์การผลิตก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงผมอยากมีส่วนร่วมในการควบคุมการผลิต แต่มันจะดีกว่าถ้าผมสามารถเข้าถึงและควบคุมมันได้ทั้งหมด”
จี้เฟิงต้องการโรงงานผลิตยาที่มีขั้นตอนครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ว่าจะมีช่องทางการขายหรือไม่มันไม่สำคัญ แต่อย่างน้อยต้องมีการจัดการอย่างถูกต้องและได้รับเอกสารการอนุญาตในการผลิตที่ผ่านการตรวจสอบที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างแล้ว นอกจากนี้เขาต้องการเป็นผู้ที่ควบคุมการผลิตอย่างสมบูรณ์ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเขาถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าสูตรยาของเขาจะไม่รั่วไหล
แม้ว่าสูตรยานี้จะเป็นเพียงผลิตภัณฑ์แรกเริ่มที่เขามีอยู่ในมือยาลดน้ำหนัก No.53 เป็นประเภทของยาลดน้ำหนักที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง แต่ยังมียาอื่นๆอีกมากมายซึ่งดีกว่ายาลดน้ำหนักมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่สามารถแม้แต่จะรักษาสูตรยาลดน้ำหนักตัวนี้ได้ แล้วเหตุใดเขาจะสามารถรักษาสูตรยาที่ดีกว่าสูตรอื่นๆเหล่านั้นได้
แต่หลังจากคิดอีกครั้งเซียวฉางเหอก็ไม่ได้พูดอะไรด้วยตัวตนของจี้เฟิง มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาต้องการจะทำในสิ่งที่ต้องการ
อย่างไรก็ตามเซียวฉางเหอรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยแม้ว่าจี้เฟิงจะยังเด็กแต่เขาก็เป็นเด็กที่มั่นคงสงบนิ่งไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่เขากลับต้องการจะซื้อโรงงานผลิตยา…. การกระทำแบบนี้มันแทบไม่ต่างจากลูกเศรษฐีคนอื่นๆที่ชอบใช้เงินตามใจตัวเองไม่ใช่หรือ
หรือจี้เฟิงแค่เก็บซ่อนด้านนั้นของตัวเองได้เป็นอย่างดีเซียวฉางเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย
จี้เฟิงมองไปที่เซียวฉางเหอและพอจะเข้าใจได้ว่าเซียวฉางเหอมีความสงสัยในตัวเขาแต่เขาแค่ยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้จัดการหลินก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สะดวกที่จะพูดมันออกมาในตอนนี้
บทที่ 299 โล่งใจ
หลังจากที่จัดการเรื่องภายในบริษัทเสร็จตอนนี้ก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว อาหารกลางวันก็กินไม่อร่อย เซียวฉางเหอจึงชวนจี้เฟิงกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้าน
แม้ว่าเซียวฉางเหอจะมีเรื่องที่สงสัยในตัวจี้เฟิงอยู่ในใจว่าเขาอาจจะเป็นเหมือนลูกผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ที่มักจะใช้เงินตามใจตัวเองอย่างไม่รู้จักคิดแต่เมื่อเทียบกันแล้วแบบจี้เฟิงก็ถือได้ว่าดีกว่ามาก เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังรู้จักปกปิดมัน สิ่งที่คิดอยู่ในใจเซียวฉางเหอไม่ได้แสดงมันออกมากลับกันเขาตัดสินใจที่จะพยายามสนิทสนมกับจี้เฟิงมากขึ้น เผื่อบางทีเขาอาจจะพอแนะนำแนวทางที่ดีขึ้นให้กับจี้เฟิงได้บ้างและจะได้ติดตามรับรู้การกระทำของจี้เฟิงได้มากขึ้น
เซียวฉางเหอมีลูกสาวเพียงคนเดียวดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่ยอมมอบเธอให้กับคนที่เขาไม่สามารถไว้วางใจได้โดยง่าย
หวงฉีตงเป็นเพียงลูกชายของรองนายกเทศมนตรีเขตยังกล้าทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและมีความเป็นไปได้ว่าเรื่องแบบนี้อาจจะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและไม่ได้มีแค่หวงฉีตงคนเดียว มีเหล่าลูกชายของคนมีอำนาจทั้งเล็กทั้งใหญ่มากมายในเจียงโจว แล้วในบรรดาคนเหล่านั้นมีกี่คนที่ทำตัวแบบหวงฉีตง
จี้เฟิงรู้ว่าความสามารถของเขามีจำกัดและเขาก็ไม่ใช่ฮีโร่ที่ต้องคอยปกป้องโลกอีกทั้งยังมีลูกชายของผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถควบคุมเรื่องพวกนี้ได้ทั้งหมด แต่ในเมื่อวันนี้เขาได้รู้ได้เห็นเรื่องนี้แล้ว ถ้าเขายังเมินเฉยอยู่ได้ อย่าว่าแต่จะขัดกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจของเขาเลย เกรงว่าถ้าแม่ของเขารู้เข้า เธอคงต้องหักขาของเขาอย่างแน่นอน!
ดังนั้นเรื่องของหญิงสาวคนนี้จี้เฟิงต้องจัดการให้ได้ ไม่ว่าจะมีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง เขาจะต้องลากคอมันออกมาให้หมด อย่าพูดว่ามันเป็นการลงโทษหรือกำจัดความชั่วร้ายเลย เขาก็แค่ไม่สามารถปล่อยให้การกระทำย้อนแย้งกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจของเขาได้
เขาอาจจะไม่ต้องใส่ใจกับมันถ้าเขายังเป็นเพียงเด็กยากจนที่ไร้ความสามารถ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ใช่จี้เฟิงคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถนั่งเฉยๆได้!
จี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในตอนที่เขาพูดคำสั่งที่เด็ดขาดออกไปคำพูดเหล่านี้ทำให้เขามีออร่าที่น่าเกรงขามจนเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงบนิ่งที่ลึกล้ำก็ไม่สามารถปกปิดดวงตาที่โกรธจัดของเขาได้ ในเวลานี้เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าพอที่จะสบตากับเขาตรงๆ
“คุณชายจี้ไม่ต้องกังวลผมรู้ดีว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง! เพราะถ้าหากผมไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้ดีได้ ผมคงไม่มีหน้าที่จะอยู่ในสังคมได้อีกต่อไปในอนาคต!” ชิวเผิงเฟยตบหน้าอกของเขาทันทีเพื่อแสดงความมั่นใจ
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“ถ้านายทำงานได้ดี ฉันจะชวนนายไปดื่มเมื่อเรื่องนี้เสร็จสิ้น!”
“คุณชายจี้พูดเองนะห้ามลืมนะ! ฮี่ฮี่~!” ชิวเผิงเฟยรีบฉวยโอกาสพลางหัวเราะเจ้าเล่ห์
“แน่นอนฉันไม่ลืม!” จี้เฟิงยิ้มน้อยๆ “เอาล่ะ ฉันจะไม่รั้งนายไว้แล้ว โทรหาฉันได้ตลอดเวลา!”
ชิวเผิงเฟยกล่าวลาทันทีรวมถึงนายน้อยคนอื่นๆก็ไม่ลืมที่จะทักทายจี้เฟิงก่อนจะจากไป“คุณชายจี้ ลาก่อน” ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้โชคดีเท่าชิวเผิงเฟยที่กำลังจะได้เป็นคนของจี้เฟิงและนั่นมันทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉาแต่อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ดีว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขาทำสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่และที่สำคัญพวกเขาไม่สามารถจำจี้เฟิงได้ในทันทีจึงไม่ทันได้เข้าไปประจบสอพลอเหมือนอย่างชิวเผิงเฟยได้ทัน แต่ตอนนี้ที่จี้เฟิงไม่เอาความพวกเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะอิจฉาเมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ของชิวเผิงเฟยและจี้เฟิงสนิทสนมกันมากขึ้นพวกเขาจึงมีวิธีการของตัวเอง
เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ของชิวเผิงเฟยและจี้เฟิงสนิทสนมกันมากขึ้นอย่างรวดเร็วแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ให้จี้เฟิงเหมือนอย่างชิวเผิงเฟยได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องพยายามทำให้จี้เฟิงจำหน้าพวกเขาได้บ้างไม่ใช่เหรอ ดังนั้นก่อนพวกเขาจะกลับแต่ละคนจึงมีวิธีทักทายจี้เฟิงที่แตกต่างกันออกไป เพื่อสร้างความประทับใจให้จี้เฟิงได้จดจำพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น
และในขณะเดียวกันนายน้อยเหล่านี้ก็แอบตัดสินใจว่าพวกเขาจะต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณชายชิวให้มากกว่านี้เพราะเขาเป็นคนที่กำลังจะได้เกาะต้นขาของตระกูลจี้ ต้นขานี้ต่อให้ถอนขนขาออกก็ยังจะหนากว่าเอวของพวกเขาเสียอีก!
จี้เฟิงถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคุณชายทั้งหมดกลับไปเขาเชื่อว่าชิวเผิงเฟยจะจัดการเรื่องต่างๆให้เสร็จภายในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
อันที่จริงด้วยความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของจี้เฟิงไม่ว่าในใจของเขาจะรู้สึกโกรธมากแค่ไหน ถ้าเขาต้องการ เขาก็สามารถที่จะไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมาเมื่อมีบุคคลภายนอกอยู่ด้วย แต่ครั้งนี้ที่เขาจงใจแสดงความโกรธออกมา แม้ความจริงแล้วมันจะเป็นเพราะเขาโกรธจริงๆ แต่ในทางกลับกันเขาก็ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเตือนเหล่าคุณชายทั้งหลายรวมถึงชิวเผิงเฟยให้รับรู้เอาไว้ว่า ‘อย่าทำสิ่งที่แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังไม่ทำ’ และถ้าเขารู้ว่าใครหน้าไหนกล้าทำ จุดจบของคนคนนั้นจะต้องเลวร้ายกว่าสิ่งที่หวงฉีตงจะต้องเจอ!
สิ่งที่จี้เฟิงต้องการคือส่งสัญญาณดังกล่าวเป็นการเตือนเขาเชื่อว่าแม้ชิวเผิงเฟยและคุณชายคนอื่นๆ จะไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยพวกเขาจะจำได้ว่าเมื่อพวกเขากำลังจะทำสิ่งเลวร้ายแล้วเรื่องนี้ถูกจี้เฟิงค้นพบมันจะทำให้จี้เฟิงไม่พอใจมากแค่ไหน!
หลินเซิงผิงที่อยู่ข้างๆมองไปที่จี้เฟิงด้วยความสนใจเมื่อจี้เฟิงมองกลับมาที่เขา หลินเซิงผิงก็ส่งรอยยิ้มที่มีความหมายกลับคืนมา
มุมปากของจี้เฟิงขยับเล็กน้อยและเขาก็อดหัวเราะไม่ได้เขารู้ว่าหลินเซิงผิงเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ หลินเซิงผิงเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ แต่โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นคนละโมบและเลือกที่จะเดินทางผิด มิฉะนั้นถ้าเขาต้องการที่จะเป็นใหญ่ด้วยตัวเอง เขาก็คงทำได้อย่างง่ายดาย เพราะคุณลุงเซียวคงไม่สามารถจับตาดูทุกๆอย่างภายในบริษัทได้ตลอดเวลา
‘นี่คือคนที่มีความสามารถแถมยังเป็นคนดีโชคดีที่เขาไม่ตัดสินใจลาออกไปเพราะการปรากฏตัวของฉัน!’ จี้เฟิงรู้สึกชื่นชมคู่แข่งทางความรักคนนี้อยู่ในใจ เขาดีใจมากที่ได้เป็นเพื่อนกับหลินเซิงผิงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นศัตรูหัวใจรึเปล่า
“เอ้อ!ดูเหมือนว่านายจะยังไม่ได้กินข้าวเลยใช่มั้ย” หลินเซิงผิงนึกขึ้นได้ทันใด “มีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆที่นี่ทำซุปปลาเทราต์อร่อยใช้ได้เลย ฉันไปกินร้านนี้เป็นประจำแหละ ไปกินด้วยกันมั้ย?”
จี้เฟิงก้มมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้บ่ายสามโมงกว่าแล้วเขาส่ายหัวและยิ้ม “ลืมไปเลยนะเนี่ย แต่ป่านนี้แล้วถ้าเราไปที่ร้านเกรงว่าคงจะได้ไปช่วยเก็บร้านซะเปล่าๆ” หลินเซิงผิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า“งั้นก็โทรสั่งพวกอาหารจานด่วนมากินที่นี่ก็แล้วกัน เพราะเรื่องเมื่อเช้า พนักงานหลายคนก็น่าจะยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน!”
เขารีบจัดการโทรสั่งอาหารจานด่วนทันทีจี้เฟิงและเซียวหยูซวนก็ไปที่ห้องรับแขกเพื่อรอเซียวฉางเหอจัดการธุระให้เสร็จจะได้กลับบ้านพร้อมกัน
เมื่ออาหารมาส่งจี้เฟิงกินไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้เขากินข้าวที่บ้านของเซียวหยูซวนไปเยอะแล้ว จึงทำให้เขาไม่ค่อยหิวเท่าไหร่นัก
ในตอนนั้นเองเด็กสาวจากแผนกต้อนรับก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับกาน้ำชาที่อยู่ในมือ เธอรินน้ำชาให้ทั้งสามคน เมื่อเธอรินน้ำชาให้จี้เฟิงเด็กหญิงตัวเล็กๆกล่าวกับจี้เฟิงเบาๆว่า “คุณชายจี้ ขอบคุณ! ขอบคุณมากจริงๆค่ะ!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าวว่า“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ต่อจากนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องยอมหากมีคนมารังแก มาจากชนบทแล้วทำไม ยังไงก็คนเหมือนกัน”
“ค่ะคุณจี้ฉันจะจำเอาไว้!” เด็กสาวพยักหน้าอย่างจริงจัง ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กๆเดินออกไปเซียวหยูซวนก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ “ไม่น่าเชื่อว่านายก็ให้กำลังใจคนอื่นได้เหมือนกันแฮะ!”
“เพราะฉันเองก็เกิดในชนบทและเติบโตมาจากที่นั่นและฉันก็เคยถูกรังแกจากเด็กที่มีอำนาจฉันเลยรู้ว่าเธอคิดอะไรและรู้สึกยังไง!” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดต่อในหัวข้อนี้ ทันใดนั้นเขาก็ถามขึ้น “ผู้จัดการหลิน มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามนายหน่อย ในฐานะผู้จัดการที่อยู่ในวงการยามานานแบบนาย นายพอจะรู้จักโรงงานผลิตยาที่เริ่มมีปัญหาแล้วอยากจะปิดตัวลงหรือต้องการจะปล่อยเซ้งบ้างมั้ย”
การมองหาหุ้นส่วนสหกรณ์หรือการหาโรงงานผลิตยาที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่ายนี่จึงเป็นจุดประสงค์หลักในการมาเยี่ยมเซียวฉางเหอของจี้เฟิงในวันนี้ แต่เพราะปัญหาที่เกิดจากหวงฉีตง จึงทำให้จี้เฟิงยังไม่มีโอกาสได้พูด แต่ตอนนี้หลินเซิงผิงก็อยู่ที่นี่การถามเขาในเรื่องนี้ก็น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง
หลินเซิงผิงที่กำลังกินอยู่อดไม่ได้ที่จะชะงักด้วยความตกตะลึง“โรงงานผลิตยาที่มีปัญหาในการดำเนินกิจการเหรอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะมีเยอะแยะเลยแหละ ไม่ว่าจะเพราะทางโรงงานก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานหรือกระทั่งขั้นตอนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนมากโรงงานผลิตยาขนาดเล็กมักจะเกิดปัญหาแบบนี้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ทางรัฐบาลเริ่มเข้มงวดมากขึ้น แม้ว่าโรงงานผลิตยาหลายๆแห่งจะผ่านขั้นตอนอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นสถานการณ์ที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่ดี ดังนั้นพวกโรงงานเล็กๆจึงไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้จนทำให้ปิดตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม“แล้วแบบนี้การที่ฉันต้องการจะซื้อโรงงานผลิตยา มันก็ง่ายๆเลยน่ะสิ”
“มันก็ง่ายจริงๆน่ะแหละโดยเฉพาะโรงงานเอกชนบางแห่ง ซึ่งพวกเขาแบกรับภาระทางด้านการเงินมานานแล้ว เจ้าของโรงงานเหล่านั้นกระตือรือร้นที่จะกำจัดโรงงานของพวกเขาให้จบๆไปโดยเร็วที่สุด” หลินเซิงผิงที่กำลังพูดจู่ๆก็ชะงักด้วยความประหลาดใจ “เดี๋ยวนะ นายเพิ่งบอกว่านายกำลังจะซื้อโรงงานผลิตยา… ซื้อโรงงานผลิตยาเนี่ยนะ!”
จี้เฟิงหัวเราะ“ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ”
“ได้สิ!เพียงแต่ฉันคิดไม่ถึงน่ะ!” หลินเซิงผิงหัวเราะเก้อๆ เขาพูดคุยกับจี้เฟิงได้อย่างสนิทสนมจนลืมไปว่าจี้เฟิงต้องเป็นลูกชายคนมีอำนาจคนหนึ่งแน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้นชิวเผิงเฟยและคนอื่นๆคงไม่มีท่าทียำเกรงเขามากขนาดนั้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันพอจะรบกวนผู้จัดการหลินช่วยรวบรวมรายชื่อโรงงานผลิตยาที่มีปัญหาได้หรือเปล่า” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
แต่ใครจะรู้หลินเซิงผิงกลับส่ายหัว
“สำหรับเรื่องนี้ฉันคิดว่านายควรไปขอความช่วยเหลือจากบอสน่าจะดีกว่า เจ้าของโรงงานเหล่านั้นส่วนมากจะมีการติดต่อกับคนที่เป็นประธานบริษัทนั้น ส่วนฉันมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานและดูแลเรื่องภายในบริษัทเท่านั้น เพราะหลักๆแล้วหน้าที่ในการจัดหาสินค้าบอสจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด” หลินเซิงผิงยิ้ม
จี้เฟิงเข้าในทันทีว่าการติดต่อส่วนใหญ่ที่หลินเซิงผิงรับผิดชอบจะเป็นโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆร่วมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายบางส่วน แต่การจัดหาสินค้านั้นเป็นความรับผิดชอบของเซียวฉางเหอ เป็นระบบการทำงานที่ไม่เลว
“ใครต้องการให้ฉันช่วยอะไรหรือ”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันเซียวฉางเหอก็ผลักประตูห้องรับแขกและเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาดูสดใสขึ้นเล็กน้อยและถามด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเรื่องในวันนี้ได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่นและถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดปัญหาที่คล้ายกันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนในอนาคต จึงไม่แปลกที่จะทำให้เขารู้สึกมีความสุข
จี้เฟิงรีบบอกเซียวฉางเหอเกี่ยวกับความต้องการที่จะซื้อโรงงานของเขาทันทีว่า“โรงงานผลิตยาไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก อุปกรณ์การผลิตก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงผมอยากมีส่วนร่วมในการควบคุมการผลิต แต่มันจะดีกว่าถ้าผมสามารถเข้าถึงและควบคุมมันได้ทั้งหมด”
จี้เฟิงต้องการโรงงานผลิตยาที่มีขั้นตอนครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ว่าจะมีช่องทางการขายหรือไม่มันไม่สำคัญ แต่อย่างน้อยต้องมีการจัดการอย่างถูกต้องและได้รับเอกสารการอนุญาตในการผลิตที่ผ่านการตรวจสอบที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างแล้ว นอกจากนี้เขาต้องการเป็นผู้ที่ควบคุมการผลิตอย่างสมบูรณ์ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเขาถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าสูตรยาของเขาจะไม่รั่วไหล
แม้ว่าสูตรยานี้จะเป็นเพียงผลิตภัณฑ์แรกเริ่มที่เขามีอยู่ในมือยาลดน้ำหนัก No.53 เป็นประเภทของยาลดน้ำหนักที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง แต่ยังมียาอื่นๆอีกมากมายซึ่งดีกว่ายาลดน้ำหนักมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่สามารถแม้แต่จะรักษาสูตรยาลดน้ำหนักตัวนี้ได้ แล้วเหตุใดเขาจะสามารถรักษาสูตรยาที่ดีกว่าสูตรอื่นๆเหล่านั้นได้
แต่หลังจากคิดอีกครั้งเซียวฉางเหอก็ไม่ได้พูดอะไรด้วยตัวตนของจี้เฟิง มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาต้องการจะทำในสิ่งที่ต้องการ
อย่างไรก็ตามเซียวฉางเหอรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยแม้ว่าจี้เฟิงจะยังเด็กแต่เขาก็เป็นเด็กที่มั่นคงสงบนิ่งไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่เขากลับต้องการจะซื้อโรงงานผลิตยา…. การกระทำแบบนี้มันแทบไม่ต่างจากลูกเศรษฐีคนอื่นๆที่ชอบใช้เงินตามใจตัวเองไม่ใช่หรือ
หรือจี้เฟิงแค่เก็บซ่อนด้านนั้นของตัวเองได้เป็นอย่างดีเซียวฉางเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย
จี้เฟิงมองไปที่เซียวฉางเหอและพอจะเข้าใจได้ว่าเซียวฉางเหอมีความสงสัยในตัวเขาแต่เขาแค่ยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้จัดการหลินก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สะดวกที่จะพูดมันออกมาในตอนนี้
บทที่ 299 โล่งใจ
หลังจากที่จัดการเรื่องภายในบริษัทเสร็จตอนนี้ก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว อาหารกลางวันก็กินไม่อร่อย เซียวฉางเหอจึงชวนจี้เฟิงกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้าน
แม้ว่าเซียวฉางเหอจะมีเรื่องที่สงสัยในตัวจี้เฟิงอยู่ในใจว่าเขาอาจจะเป็นเหมือนลูกผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ที่มักจะใช้เงินตามใจตัวเองอย่างไม่รู้จักคิดแต่เมื่อเทียบกันแล้วแบบจี้เฟิงก็ถือได้ว่าดีกว่ามาก เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังรู้จักปกปิดมัน สิ่งที่คิดอยู่ในใจเซียวฉางเหอไม่ได้แสดงมันออกมากลับกันเขาตัดสินใจที่จะพยายามสนิทสนมกับจี้เฟิงมากขึ้น เผื่อบางทีเขาอาจจะพอแนะนำแนวทางที่ดีขึ้นให้กับจี้เฟิงได้บ้างและจะได้ติดตามรับรู้การกระทำของจี้เฟิงได้มากขึ้น
เซียวฉางเหอมีลูกสาวเพียงคนเดียวดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่ยอมมอบเธอให้กับคนที่เขาไม่สามารถไว้วางใจได้โดยง่าย
เราใช้คุกกี้เพื่อให้แน่ใจว่าเรามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่คุณบนเว็บไซต์ของเรา หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป เราจะถือว่าคุณยอมรับและเข้าใจ