The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 301 ของดีที่คาดไม่ถึง
��
หยางหยูชำเลืองมองจี้เฟิงและกล่าวเบาๆว่า ถ้าคุณไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ ต่อให้ผมพูดไปคุณก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี!
เจ้าเด็กบ้านี่!ทำไมพูดแบบนั้น! หยางเต๋อจ้าวดุเขาทันที เพราะในอนาคตถ้าจี้เฟิงตกลงซื้อโรงงาน ก็เท่ากับว่าจี้เฟิงเป็นคนที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้กับหยางหยู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะกลายเป็นเจ้านายและลูกน้องทันที แต่หยางหยูกลับล่วงเกินจี้เฟิงตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้ ดูท่าว่าความร่วมมือในการทำงานคงเป็นเรื่องที่ยากจะพูดได้
แต่จี้เฟิงไม่ได้ใส่ใจเขามองออกว่าหยางหยูคนนี้เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและที่มากกว่านั้นคือเขามั่นใจในเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของตัวเองมาก คนประเภทนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นช่างเทคนิคเฉพาะทางที่หาได้ยาก และหยางหยูก็หลงใหลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากการที่เขากอดแล็ปท็อปไว้แน่นแทบจะตลอดเวลา
และช่างเทคนิคส่วนมากก็มักจะหมกมุ่นอยู่กับอาชีพของพวกเขามากจนเกินไปจนทำให้พวกเขาขาดความเข้าใจในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของมนุษย์ไปบ้าง แต่คนประเภทนี้เป็นคนที่น่านับถือมาก!
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เหรออืม.. บังเอิญว่าผมพอจะรู้อยู่นิดหน่อย จี้เฟิงเหยียบคลัตซ์เพื่อเปลี่ยนเกียร์อย่างชำนาญและพูดด้วยรอยยิ้ม
หยางหยูเหลือบมองจี้เฟิงริมฝีปากของเขาขยับแต่เขาไม่ได้พูด อย่างไรก็ตามการแสดงออกบนใบหน้าของเขาสามารถเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อที่จี้เฟิงพูด
จี้เฟิงก็ไม่คิดจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ถ้าเขาและหยางเต๋อจ้าวสามารถตกลงกันเรื่องรับช่วงต่อโรงงานได้ ในอนาคตย่อมมีโอกาสได้พูดคุยกับหยางหยูอีกมาก แต่ถ้าจี้เฟิงไม่ได้รับช่วงต่อโรงงานของจากหยางเต๋อจ้าว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ ประมาณ1 ชั่วโมงต่อมา จี้เฟิงที่ได้เห็นโรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าวก็ตกตะลึง
โรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าวเป็นโรงงานที่มีขนาดใหญ่มากมีโรงงานอยู่ทั้งหมด 4 แห่ง เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆดูใหม่มาก ถ้าทั้งหมดเริ่มต้น คนงาน 200-300 คน ก็จะเริ่มทำงานพร้อมกัน นี่เรียกได้ว่าเป็นโรงงานขนาดกลาง…
อย่างน้องในโรงงานขนาดเล็กที่อยู่ในโรงงานยาแห่งนี้ก็กว้างขวางมาก
แต่จี้เฟิงก็มองออกว่ายอดสั่งผลิตในปัจจุบันของโรงงานนั้นไม่ค่อยดีนักมีโรงงานทั้งหมด 4 แห่ง แต่ตอนนี้มีเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่กำลังดำเนินการอยู่ อันที่จริงมีเพียงโรงงานเดียวเท่านั้นที่กำลังทำการผลิต เพราะอีกโรงงานหนึ่งเป็นโรงงานไว้สำหรับดำเนินการด้านบรรจุภัณฑ์
คุณจี้สถานการณ์ปัจจุบันของโรงงานก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละครับ อุปกรณ์ทุกอย่างเพิ่งจะซื้อมาไม่กี่ปี ตอนนี้เลยยังมีสภาพที่ใหม่อยู่มาก แต่ช่วงนี้ผลประโยชน์ไม่ค่อยดี ดังนั้นอีกสองโรงงานจึงปิดไว้ ไม่ได้เปิดใช้งานมาหลายเดือนแล้ว หยางเต๋อจ้าวอธิบายอยู่ข้างๆ
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยบอกตามตรง เขารู้สึกพอใจกับโรงงานนี้มาก อุปกรณ์ก็เป็นของใหม่ คนงานทั้งหมดเป็นทหารผ่านศึก และเมื่อเขารับช่วงต่อ พนักงานเหล่าก็สามารถเริ่มทำงานได้เลยทันที ส่วนขั้นตอนในการผลิตของโรงงานนี้ก็เสร็จสมบูรณ์อย่างที่ต้องการ
ส่วนเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือช่องทางการขายจี้เฟิงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนักเพราะยังมีช่องทางการขายของเซียวฉางเหออยู่ อย่างน้อยในช่วงแรกก็น่าจะยังไม่มีปัญหาอะไร จี้เฟิงไม่รีบร้อนเขาเข้าใจดีว่าช้าๆได้พร้าเล่มงามเป็นอย่างไร
หลังจากคิดพิจารณาแล้วจี้เฟิงก็กล่าวว่า เถ้าแก่หยาง ผมพอใจกับโรงงานของคุณมาก เรามาคุยเรื่องราคากันดีกว่า
จี้เฟิงไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขเพิ่มเติมเหล่านั้นซึ่งทำให้หยางเต๋อจ้าวรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย มันเป็นไปได้ว่าจี้เฟิงอาจจะยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นได้
หยางเต๋อจ้าวกล่าวทันทีว่า คุณจี้ ในเมื่อเหล่าเซียวแนะนำมาทั้งที ฉันจะไม่ขออะไรมาก 15 ล้านหยวน ทั้งโรงงานจะเป็นของคุณ!
15ล้าน จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อดูองค์ประกอบโดยรวมของตัวโรงงานถือว่าราคานี้ไม่สูงมาก แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกทางจิตใจของเขาแล้วมันค่อนข้างสูง เพราะหยางเต๋อจ้าวมีเงื่อนไขอื่นๆพ่วงมาด้วย!
ผมโอเคนะกับราคา15 ล้าน แต่เงื่อนไขที่เถ้าแก่หยางเสนอ… จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย ผมขอพูดตรงๆนะ ราคาที่เถ้าแก่หยางเสนอมานั้นไม่สูงมากก็จริง แต่เงื่อนไขทั้งสามข้อของเถ้าแก่นั้นมันยากที่จะยอมรับและมันก็มีผลต่อการตัดสินใจมากทีเดียว โดยเฉพาะสองข้อหลัง
สีหน้าของหยางเต๋อจ้าวดูลำบากใจเล็กน้อยหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดอย่างแน่วแน่ว่า คุณจี้ เกี่ยวกับเงื่อนไขที่ฉันเสนอไป ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ เอาเป็นว่าฉันจะลดราคาลงมาให้คุณอีก 500,000 หยวนแทนแล้วกัน!
จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ เถ้าแก่หยาง ทำไมคุณถึงเลือกวิธีนี้ล่ะ เงิน 500,000 หยวนที่เถ้าแก่ลดให้ผมเพื่อแลกกับเงื่อนไขเหล่านั้นมันคุ้มค่ากันจริงๆเหรอ? พูดกันตามตรง แม้ว่าลูกชายของเถ้าแก่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการของโรงงานก็ตาม แต่ด้วยเงินเดือนของเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็ 10 ปี! ถึงจะได้เงินจำนวนนั้น แล้วระยะเวลาตั้ง 10 ปี ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมเถ้าแก่ถึงไม่เอาเงินนั้นไปให้ลูกชายของเถ้าแก่โดยตรงเลยล่ะ?
ทันทีที่จี้เฟิงพูดออกมาแบบนี้หยางเต๋อจ้าวก็พ่นลมหายใจออกมาทันที ให้เขาเหรอ อย่าว่าแต่ 500,000 หยวนเลย แม้ว่าฉันจะให้เงินเขาซัก 10 ล้านหยวน เขาก็สามารถใช้มันจนเกลี้ยงได้ภายในสองสามสัปดาห์! คุณจี้ ฉันเองก็จนปัญญาแล้วจริงๆ มันจะไม่เป็นไรถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันสามารถควบคุมการใช้จ่ายของเขาได้ แต่ก็อย่างที่บอกไป สุขภาพของฉันแย่ลงเรื่อยๆ ใครจะรู้ วันนั้นอาจจะมาถึงเร็วๆนี้…
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มแห้งๆคนเรานี่มองแต่ภายนอกไม่ได้จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าหยางหยูคนนี้จะเป็นคนใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย
หยางหยูหน้าแดงและโต้กลับทันทีว่า ผมไม่ได้ใช้เงินอะไรมากมายขนาดนั้น!
นั่นไม่เรียกว่าใช้เงินเหรอ หยางเต๋อจ้าวพูดอย่างไม่พอใจ แล้วที่แกหมกมุ่นอยู่ทั้งวันคืออะไร ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้เงินซื้อมาเหรอ? ไหนจะค่าเซิร์ฟเวอร์อะไรของแกนั่นอีก คงได้มาฟรีๆสินะ?!
หยางหยูหันหน้าหนีด้วยความโกรธและไม่คิดที่จะพูดกับพ่อของเขาอีก
เซียวฉางเหอและเซียวหยูซวนเพียงแค่ฟังอยู่ข้างๆตอนนี้จี้เฟิงกับหยางเต๋อจ้าวกำลังเจรจาอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเซียวฉางเหอและหยางเต๋อจ้าวนั้นไม่เลวเลย
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่สักพักเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหา แต่คุณไม่ต้องลดราคา 500,000 หยวนให้ผมหรอก ผมจะให้ตำแหน่งรองผู้อำนวยการกับลูกชายของคุณตามข้อตกลง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการ เถ้าแก่จะต้องมอบลูกค้าและช่องทางการขายทั้งหมดของคุณให้กับผม และเถ้าแก่จะต้องช่วยจัดการบริหารงานในโรงงานต่อไปอีกสักระยะหนึ่งในตำแหน่งผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์ จนกว่าอะไรหลายๆอย่างจะเข้าที่เข้าทาง
ได้สิ!ไม่มีปัญหา! โอเคเลย หยางเต๋อจ้าวดีใจมาก สิ่งที่เขาหวังมากที่สุดคือโรงงานสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เขาต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อเป้าหมายนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นจี้เฟิงยอมรับเงื่อนไขที่เขาต้องการอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องลดราคาใดๆอีก
อันที่จริงหยางเต๋อจ้าวรู้ดีว่าเงื่อนไขทั้งสามข้อที่เขาเสนอไปมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเกินกว่าจะรับได้ส่วนเงื่อนไขของจี้เฟิงนั้นก็เพื่อแลกกับเรื่องของหยางหยู เรื่องราคาเขาก็คิดว่าเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลดีแล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องลดราคา 500,000 หยวนนั้น แต่เงื่อนไขข้อที่สอง ไม่ใช่สิ่งที่หยางเต๋อจ้าวจะสามารถควบคุมได้
ภายใน5 ปี ตราบใดที่พนักงานไม่ได้ทำผิดพลาด จี้เฟิงจะไม่สามารถไล่ใครออกได้
เงื่อนไขนี้มีขอบเขตที่กว้างเกินไปอะไรคือคำว่าผิดพลาด สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจก็คือจี้เฟิงอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นจะมีสักกี่คนที่ไม่ทำอะไรผิดพลาดเลยตลอดระยะเวลา 5 ปี
เงื่อนไขในข้อนี้หลักๆแล้วก็ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยของจี้เฟิงหยางเต๋อจ้าวทำได้เพียงแค่หวังว่าหลังจากที่จี้เฟิงเข้าควบคุมโรงงานอย่างสมบูรณ์แล้วเขาจะสามารถช่วยดูแลให้ได้มากที่สุด และในขณะเดียวกันก็พยายามปรับทัศนคติคนงานเพื่อไม่ให้พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของจี้เฟิง หรือกระทำการใดๆที่อาจทำให้จี้เฟิงโกรธเคือง เพื่อให้พนักงานเหล่านั้นได้มีอาชีพและทำงานอยู่ที่นี่ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้หยางเต๋อจ้าวก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ในเมื่อคุณจี้ก็เห็นโรงงานแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันก่อนแล้วระหว่างนี้ผมจะโทรเรียกพนักงานที่รับผิดชอบด้านการขายมาแนะนำให้คุณจี้รู้จักไว้ล่วงหน้าก่อนเลย เราจะได้เริ่มงานได้เร็วๆนี้!
ทุกคนหัวเราะออกมาอย่างเซ่อๆหยางเต๋อจ้าวเป็นคนที่อารมณ์ร้อนเกินไปจริงๆ ตอนนี้โรงงานใกล้จะเลิกแล้ว รอจนกว่าพิธีการทุกอย่างจะเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการแล้วค่อยแนะนำให้รู้จักกันก็ไม่น่าจะสายเกินไป
จี้เฟิงรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยที่หยางเต๋อจ้าวมีต่อโรงงานนี้เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและยิ้มออกมา แน่นอนครับเถ้าแก่หยาง ปัญหาต่างๆคงต้องรบกวนคุณแล้ว! เมื่อได้ยินจี้เฟิงพูดเช่นนั้นหยางเต๋อจ้าวก็หัวเราะออกมาทันที รบกวนอะไรกัน ฉันต่างหากที่ได้คุณจี้มาช่วยแก้ปัญหา!
จากนั้นเขาก็พาจี้เฟิงและคนอื่นๆไปที่โรงแรมระหว่างนั้นก็โทรหาพนักงานขายของโรงงาน
คราวนี้เซียวหยูซวนเป็นคนขับรถเธอกลัวว่าจี้เฟิงจะเหนื่อยเกินไปที่จะขับรถ ดังนั้นเธอจึงเป็นคนอาสาที่จะเป็นคนขับรถให้เอง
จี้เฟิงนั่งอยู่ที่เบาะหลังโดยที่มีหยางหยูนั่งอยู่ข้างๆเขา หยางหยูเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาและกดคีย์บอร์ดจนเสียงของคีย์บอร์ดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่จี้เฟิงก็ไม่รู้ว่าหยางหยูกำลังทำอะไรอยู่
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองแต่หลังจากเหลือบมองไปสองสามครั้งสีหน้าของเขาก็กลายเป็นจริงจังขึ้น
บนหน้าจอมีรหัสการเขียนโปรแกรมบางอย่างรันอยู่ตลอดเวลานิ้วของหยางหยูแตะไปที่คีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว และรหัสที่เรียงกันเป็นบรรทัดก็กะพริบอยู่อย่างต่อเนื่อง จี้เฟิงมองไปที่แถบด้านข้างที่ขอบของหน้าจอและก็ต้องตกใจ มีบรรทัดของรหัสเหล่านี้ทั้งหมดเป็นล้านบรรทัด!
คุณกำลังทำอะไรมันคือโปรแกรมอะไรเหรอ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
ซอฟต์แวร์เสริมผมวางแผนที่จะพัฒนาเกี่ยวกับภาพ 3 มิติ ผมต้องการทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงเอฟเฟ็กต์ 3 มิติบนหน้าจอคอมพิวเตอร์! หยางหยูอธิบายโดยไม่เงยหน้า นิ้วมือของเขายังคงง่วนอยู่ที่คีย์บอร์ด สิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่ คุณอาจจะไม่เข้าใจ แต่ผมอยากให้คุณลองจินตนาการว่าถ้าคุณกำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้าน แต่ทั้งหมดที่คุณเห็นคือเอฟเฟ็กต์ 3 มิติ คุณคิดว่ามันจะสุดยอดแค่ไหน!
จี้เฟิงยิ้มเขาเข้าใจในสิ่งที่หยางหยูต้องการจะสื่อ ไอเดียของคุณสุดยอดมากและมันก็ไม่เหมือนใคร! สิ่งที่คุณกำลังทำมันจะทำให้คนไม่ต้องไปโรงภาพยนตร์ พวกเขาเพียงแค่นั่งอยู่ที่บ้านเท่านั้น!
ไม่! หยางหยูส่ายหัว ที่ผู้คนไปโรงภาพยนตร์ไม่ใช่เพียงแค่ดูหนังเท่านั้น แต่พวกเขาต้องการบรรยากาศ ซึ่งมันไม่ใช่เป้าหมายในการออกแบบในปัจจุบันของผม ผมแค่ต้องการให้ผู้คนที่ออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์สะดวกสบายขึ้น นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องการ…
คุณเป็นคนที่มีความชัดเจนมาก! จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
เป้าหมายที่ชัดเจนและจิตใจที่แน่วแน่เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของโปรแกรมเมอร์! หยางหยูไม่ได้พูดด้วยความภาคภูมิใจแม้แต่น้อยแต่เขาพูดด้วยความจริงจัง
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีกเขาเพียงแค่มองไปที่โปรแกรมที่หยางหยูกำลังทำมันอย่างจริงจัง
ยิ่งดูเขาก็ยิ่งรู้สึกทึ่งฝีมือของหยางหยูไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ! แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่เคยเห็นโปรแกรมเมอร์คนอื่นมาก่อนแต่เขาสามารถเข้าใจได้ว่าทักษะของหยางหยูนั้นอยู่ในระดับที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน!
เมื่อมองดูใบหน้าของหยางหยูที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไม่รู้จบจี้เฟิงก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกับชายหนุ่มที่ดื้อรั้นใช้เงินฟุ่มเฟือยและทำหน้าโง่ๆก่อนหน้านี้ หยางหยูคนนี้เต็มไปด้วยพลังและความกระฉับกระเฉง
ในใจของจี้เฟิงกระตุกขึ้นมากะทันหันบางทีกำไรจากข้อตกลงที่เขาทำกับหยางเต๋อจ้าวในครั้งนี้อาจจะไม่ใช่โรงงานผลิตยาแต่เป็นหยางหยูคนนี้!
จี้เฟิงมีไอเดียบางอย่างและแอบคิดมันอยู่ในใจอย่างเงียบๆ