The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 302 เถ้าแก่จี้!
ระหว่างมื้ออาหารจี้เฟิงได้เจอคนคนหนึ่งโดยไม่คาดคิดเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าครั้งสุดท้ายที่เขาปะทะกับจางหย่งเฉียงที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ คนคนนี้ได้แอบเตือนเขากับจางเล่ยให้รีบหนีออกไปอย่างจริงจัง มันทำให้จี้เฟิงประทับใจมาก
แน่นอนว่าคนคนนี้คือชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าฝ่ายขายของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ที่ชื่อว่าฮั่นรุ่ยเชา
คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเจอเขาที่นี่!
นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าตอนนี้ฮั่นรุ่ยเชาจะเป็นพนักงานของโรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าว
ฮั่นรุ่ยเชามาพร้อมกับผู้ชายอีกสองคนเป็นชายวัยกลางคนและชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันฮั่นรุ่ยเชา
หลังจากทั้งสามคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วหยางเต๋อจ้าวก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณจี้ เหล่าเซียว สามคนนี้เป็นพนักงานของโรงงานอยู่ในแผนกการขาย”
เขาหันศีรษะไปพูดกับทั้งสามคนว่า“อีกไม่กี่วันคุณจี้จะเป็นเจ้านายคนใหม่ของพวกคุณ ฉันอยากให้พวกคุณเห็นหน้าค่าตากันไว้ก่อน ยังไงก็ใช้เวลานี้ทำความรู้จักกันไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย ออกจะดีด้วยซ้ำที่เจ้านายและลูกน้องได้ทำความรู้จักกันเร็วขึ้น”
จู่ๆชายวัยกลางคนก็พูดขึ้น“เถ้าแก่ คุณขายโรงงานไปแล้วจริงๆเหรอ”
หยางเต๋อจ้าวยิ้มเจื่อนๆ“ใช่! ในเมื่อฉันทำแล้วมันไม่ดีขึ้น ก็รีบเซ้งต่อให้เร็วที่สุดจะดีกว่า แต่เหล่าอู๋วางใจได้ ฉันปรึกษากับคุณจี้แล้ว ถ้าภายในห้าปีขอแค่พวกคุณไม่ทำอะไรผิดพลาด คุณจี้ก็จะไม่ไล่พวกคุณออกง่ายๆ”
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มและนั่งฟังอย่างเงียบๆเขาเหลือบมองเหล่าอู๋และเข้าใจดีว่าเหล่าอู๋คนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยางเต๋อจ้าวและน่าจะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบอย่างมากหากหยางเต๋อจ้าวขายโรงงาน ไม่อย่างนั้นหยางเต๋อจ้าวคงไม่รีบพูดเรื่องนี้ออกมา
พนักงานทุกคนคิดว่าเจ้านายจะไล่คนออกได้ง่ายๆอย่างนั้นเลยหรือ
เหล่าอู๋ถอนหายใจเบาๆ“เฮ้อ ฉันทำงานกับเถ้าแก่มากว่าสิบปี แล้วตอนนี้…”
หยางเต๋อจ้าวหัวเราะและพูดว่า“วางใจเถอะ แม้โรงงานจะเปลี่ยนมือ แต่ฉันก็ยังอยู่ในเจียงโจวนี่นา ดีซะอีกเราจะได้มีเวลาไปนั่งดื่มกันข้างนอกบ้าง”
ด้วยลักษณะนิสัยที่ใจร้อนของหยางเต๋อจ้าวบรรยากาศก็ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างรวดเร็ว หยางเต๋อจ้าวหัวเราะและพูดว่า “เหล่าอู๋ ระหว่างรออาหารมา คุณก็ใช้เวลานี้อธิบายงานขายของโรงงานอย่างคร่าวๆให้คุณจี้ทราบสิ”
เหล่าอู๋พยักหน้าเล็กน้อยเขาไม่มีข้อมูลใดๆ เขาเพียงแค่กล่าวออกมาโดยตรงว่า “คุณจี้ ถ้าอย่างนั้นผมจะแนะนำ….” จะเห็นได้ว่าเหล่าอู๋รู้เรื่องสถานการณ์ทางการขายของโรงงานเป็นอย่างดีเขาสามารถแนะนำโดยที่ไม่ต้องดูข้อมูลใดๆก่อนเลย
ชายหนุ่มอีกคนคอยพูดเสริมการแนะนำของเหล่าอู๋บ้างเป็นครั้งคราวแต่สายตาของเขาเหลือบมองไปที่จี้เฟิงและเซียวหยูซวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเซียวหยูซวน ดวงตาของเขาก็ส่องประกายออกมาทันที หลังจากนั้นดูเหมือนว่าเขาพยายามจะทำตัวเองให้ดูดีขึ้น การพูดแต่ละคำเนิบช้าและดูจริงจัง
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยขณะฟังเหล่าอู๋แนะนำสถานการณ์ในโรงงานอย่างคร่าวๆแต่ในขณะเดียวกันเขาก็แอบสังเกตท่าทีของแต่ละคนไปด้วยโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“สถานการณ์ในโรงงานนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ส่วนที่เหลือผมจะให้เสี่ยวฮั่นแนะนำให้คุณจี้ฟังต่อก็แล้วกันนะครับ ช่วงนี้เสี่ยวฮั่นวิ่งงานข้างนอกโดยตลอดและดูเหมือนจะมีบริษัทยาหลายแห่งที่ให้ความสนใจ” เหล่าอู๋ยิ้มและชี้ไปที่ฮั่นรุ่ยเชา
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“โอเค ฉันก็อยากได้ยินเหมือนกัน”
โดยไม่คาดคิดในขณะที่ฮั่นรุ่ยเชากำลังจะเปิดปากพูดชายหนุ่มข้างๆก็ยิ้มและกล่าวว่า “เสี่ยวฮั่นเพิ่งเข้ามาทำงานในโรงงานได้ไม่นาน อาจมีบางอย่างที่เสี่ยวฮั่นยังไม่คุ้นเคย ให้ผมเป็นคนแนะนำแทนก็แล้วกันนะครับ”
ใบหน้าของฮั่นรุ่ยเชาแดงก่ำแววตาของเขาแสดงออกให้เห็นว่าไม่พอใจ แต่พอมองไปที่จี้เฟิงเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกมา
ชายหนุ่มรู้สึกภาคภูมิใจมากเขาเหลือบมองไปที่เซียวหยูซวนอย่างไม่รู้ตัวเขากระแอมไอเล็กน้อยและกำลังจะเริ่มต้นการแนะนำ
ตั้งแต่ที่เห็นเซียวหยูซวนชายหนุ่มคนนี้ก็คิดที่จะแสดงความสามารถของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด ในฐานะพนักงานขายในโรงงาน เขาเชื่อว่าเถ้าแก่คนใหม่จะต้องการเขาอย่างแน่นอน เพราะถ้าขาดคนที่เก่งแบบเขาไป โรงงานจะต้องประสบปัญหาอย่างแน่นอน
เหล่าอู๋เป็นพนักงานที่แก่มากแล้วจึงรับผิดชอบแต่ลูกค้าเก่าๆ ส่วนลูกค้าใหม่ๆในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เขาเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเกือบทั้งหมด ดังนั้นในโรงงานนี้เขาจึงคิดว่าตัวเขาและเหล่าอู๋นั้นอยู่ในระดับเดียวกัน และตอนนี้มีเถ้าแก่คนใหม่แถมยังมีสาวสวยอยู่ด้วย แล้วจะไม่ให้เขาแสดงความสามารถออกมาให้ดีที่สุดได้ยังไง
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้แสดงความสามารถก็ถูกจี้เฟิงขัดจังหวะเสียก่อน
“คุณฮั่นไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก!” จี้เฟิงยิ้มและทักทายฮั่นรุ่ยเชา พนักงานคนเดียวในร้านเฟอร์นิเจอร์ที่กล้ามาเตือนเขาและจางเล่ย มันสร้างความประทับใจให้จี้เฟิงจึงไม่แปลกที่เขาจะจำได้อย่างแม่นยำ
“คุณจี้คุณรู้จักเสี่ยวฮั่นด้วยหรือ” หยางเต๋อจ้าวรู้สึกประหลาดใจ
“แน่นอนผมรู้จักเขาแถมเขายังเคยช่วยเหลือผมด้วย!” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “คุณฮั่น ช่วยบอกผมหน่อยได้มั้ยว่าช่วงนี้คุณวิ่งงานหาลูกค้ายังไงบ้าง!”
ตั้งแต่ต้นจนจบจี้เฟิงเมินเฉยชายหนุ่มอีกคนโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง
ฮึ่ม!
ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำด้วยความอับอายอย่างยิ่งเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพยายามรักษาสีหน้าท่าทางของเขาไว้ให้ได้มากที่สุด “คุณจี้ ให้ผมเป็นคนแนะนำคุณเอง…”
“ถ้าจะแนะนำก็ไปแนะนำเจ้านายของคุณเพราะตอนนี้ฉันยังไม่ใช่เจ้านายของคุณ!” จี้เฟิงพูดอย่างไม่แยแส
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับหายใจไม่ออกเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว เขาได้แต่กลั้นหายใจจนใบหน้ากลายเป็นสีม่วง
ทุกคนขมวดคิ้วและชำเลืองมองไปที่ชายหนุ่มจี้เฟิงได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเสี่ยวฮั่นคนนี้เคยช่วยเหลือเขามาก่อน แล้วทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงยังพยายามแย่งความโดดเด่นของคนอื่นอยู่อีกล่ะ มันจะไม่ยิ่งทำให้ตัวเขาเองดูน่าเกลียดมากขึ้นหรอกหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้แอบมองเซียวหยูซวนบ่อยแค่ไหนพวกเขาเข้าใจดีว่าต่อให้เป็นพวกเขา พวกเขาก็คงไม่อยากจะพูดคุยกับชายหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน
“พูดมาได้เลย!”จี้เฟิงยิ้มให้ฮั่นรุ่ยเชาและพร้อมกับสายตาที่ให้กำลังใจ
ใบหน้าของฮั่นรุ่ยเชาแดงก่ำเขารีบพูดด้วยความตื่นเต้น “คุณจี้ คุณยังจำผมได้!”
“แน่นอนฉันจำคุณได้ หัวหน้าแผนกฝ่ายขายของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้!” จี้เฟิงหัวเราะ “ทำไมถึงไม่ได้ทำงานอยู่ที่นั่นแล้วล่ะ เป็นเพราะฉันรึเปล่า?”
แม้ว่าในตอนที่ฮั่นรุ่ยเชาเดินมาเตือนจี้เฟิงเขาจะระมัดระวังเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครเห็น
ฮั่นรุ่ยเชารีบส่ายหัว“ไม่! ไม่! ผมไม่อยากทำงานที่นั่นเอง แล้วบังเอิญผมมีเพื่อนทำงานเป็นเสมียนอยู่ที่โรงงานของเถ้าแก่หยาง ผมก็เลยมาทำงานอยู่ที่นี่ด้วย!”
ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่เหมือนอย่างที่ฮั่นรุ่ยเชาพูด เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์รู้ตัวดีว่าเขาได้ทำเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรงโดยการล่วงเกินจี้เฟิง และโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอก เขาก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถอยู่ในเจียงโจวได้อีกต่อไป!
ดังนั้นเขาจึงปล่อยเซ้งร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ให้ผู้อื่นแต่ไม่มีใครกล้าที่จะรับช่วงต่อเลย สุดท้ายเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์จึงตัดสินใจปิดร้านอย่างไม่มีกำหนดโดยวางแผนไว้ว่าเมื่อเรื่องนี้สงบลง เขาจะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง และแน่นอนว่าฮั่นรุ่ยเชารวมถึงพนักงานคนอื่นๆก็ต้องตกงานไปตามระเบียบ
ถ้าจี้เฟิงรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็คงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม้ว่าการกระทำของจางหย่งเฉียงที่เกิดขึ้นที่ร้านเฟอร์นิเจอร์จะค่อนข้างน่ารังเกียจ แต่จี้เฟิงก็ไม่เคยที่จะกลั่นแกล้งหรือแก้แค้นเขาแต่อย่างใด จี้เฟิงไม่เคยชอบเรื่องพวกนี้เลย
แต่เรื่องก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่ดีแม้ว่าตัวจี้เฟิงจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนอื่นๆกลับต้องการที่จะเอาใจจี้เฟิง พูดก็พูดเถอะใครจะรู้ว่าจี้เฟิงคิดอะไรอยู่ในใจ ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเดินผ่านร้านเฟอร์นิเจอร์ แล้วพบว่าคนที่ทำให้เขาต้องขุ่นเคืองกำลังเปิดร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่นี้ต่อให้เป็นพระเจ้าก็คงไม่รู้ว่าจี้เฟิงจะโกรธขึ้นมาอีกหรือเปล่า?
เป็นเพราะเหตุการณ์ด้านจิตวิทยานี้เองจึงเป็นที่มาในการปิดตัวลงของร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้จนทำให้ฮั่นรุ่ยเชามาอยู่ที่นี่
ฮั่นรุ่ยเชาพูดถึงผลงานของเขาในการวิ่งงานข้างนอกในระยะเวลา1 เดือนซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ เขารู้สึกขัดเขินเล็กน้อยเพราะเขาเพิ่งจะติดต่อไปแค่สามบริษัทเล็กๆเท่านั้น แต่เขาก็ทำมันด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยเขาไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการสร้างความสัมพันธ์เพื่อการร่วมมือกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
และมีอีกจุดหนึ่งที่ทำให้จี้เฟิงงุนงงจนถึงตอนนี้เขายังไม่เห็นเลยว่าปัญหาของโรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าวอยู่ตรงไหน
อยู่ที่ฝ่ายบริหารหรือเป็นเพราะคุณภาพยาที่ผลิตออกมาไม่ดี
หยางเต๋อจ้าวพูดเพียงแค่ว่าสุขภาพของเขาไม่ดีทำให้ไม่สามารถดูแลกิจการต่อไปได้อีก แต่เขาไม่ได้อธิบายว่าปัญหาที่ทำให้เขาเริ่มขาดทุนคืออะไรกันแน่ นี่คือเรื่องที่ทำให้จี้เฟิงยังคงรู้สึกไม่เข้าใจ
พูดกันตามตรงถ้าหยางเต๋อจ้าวรู้ว่าปัญหาคืออะไร เขาก็คงจะจัดการแก้ไขด้วยตัวเองไปแล้วและคงไม่คิดที่จะขายกิจการของโรงงานต่อ
“ดูเหมือนว่าหลังจากรับช่วงต่อเราต้องตั้งใจทำมันให้ดี!”จี้เฟิงยิ้มและพูดกับตัวเองในใจอย่างแน่วแน่! ถ้าพบว่ามีปัญหาเขาจะจัดการแก้ไขทันทีและไม่มีทางอ่อนข้อให้กับคนที่เป็นอันตรายหรือสร้างปัญหาให้กับโรงงานอย่างแน่นอน!
สำหรับเงื่อนไขที่เขาตกลงกับหยางเต๋อจ้าวมันคนละเรื่องกัน
เนื่องจากตอนนี้เขายังไม่ได้เข้าควบคุมโรงงานอย่างเต็มตัวดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่ได้พูดอะไรกับเหล่าอู๋และคนอื่นๆเกี่ยวกับการดำเนินงานในโรงงานมากนัก หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เขาก็กล่าวลาและออกจากห้องไปพร้อมกับเซียวฉางเหอและเซียวหยูซวนทันที
ระหว่างทางกลับเซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เสี่ยวเฟิง หลังจากจัดการขั้นตอนการโอนย้ายโรงงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้ดีเธอต้องปล่อยให้เหล่าหยางจัดการเรื่องในโรงงานต่ออีกซักระยะหนึ่ง เพื่อที่เธอจะได้จัดการต่อได้สะดวกในภายหลัง”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า“เข้าใจแล้วครับคุณลุง”
เดิมทีเซียวฉางเหอต้องการจะอธิบายต่ออีกสักสองสามประโยคแต่พอเห็นท่าทางที่สงบนิ่งของจี้เฟิง เขาก็พอจะรู้ว่าจี้เฟิงคงจะวางแผนไว้อย่างรอบคอบดีแล้ว เขาจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
ความจริงแล้วเซียวฉางเหอไม่ค่อยเห็นด้วยกับจี้เฟิงนักที่ตัดสินใจรับช่วงต่อจากโรงงานผลิตยาการเริ่มต้นทำธุรกิจของโรงงานผลิตยากับบริษัทยานั้นแตกต่างกัน บริษัทสามารถสิ้นสุดได้ตลอดเวลา อย่างมากที่สุดก็แค่ยาไม่กี่ชนิดที่อาจจะตกค้างอยู่ในคลังสินค้า
แต่การทำธุรกิจเปิดโรงงานผลิตยาไม่เพียงแต่ต้องใช้แรงงานและอุปกรณ์เท่านั้นแต่ยังต้องมีการประกันภัยต่างๆ สำหรับคนงาน แม้ในอนาคตหากต้องการจะปิดโรงงานทุกอย่างก็จะไม่จบลงง่ายๆ เหล่าหยางเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงได้คิดบางอย่างเอาไว้แล้วซึ่งสิ่งสำคัญอย่างแรกคือเขาต้องมีโรงงานผลิตยาเป็นของตัวเองเพราะสิ่งที่เขามีอยู่ในมือไม่ใช่แค่สูตรยาลดน้ำหนัก แม้จี้เฟิงจะเข้าใจเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากยาทั้งหมดของยุคกาแล็กซีแกมมา แต่เขาก็พอจะรู้ว่ายาส่วนมากต่างถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสุดยอดสายลับโดยเฉพาะ
และยาแต่ละชนิดของยุคกาแล็กซีแกมมาก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมีโรงงานผลิตยาเป็นของตัวเอง และจะต้องใช้วิธีการต่างๆเพื่อปกปิดสายตาจากคนนอก
ไม่อย่างนั้นหากมีคนรู้ว่าเขามีทักษะเหล่านี้อยู่ในมือเมื่อถึงเวลานั้นก็คงไม่ต้องเสียเวลาเดาชะตากรรมของเขาให้ยุ่งยาก!
แน่นอนว่าคนคนนี้คือชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าฝ่ายขายของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ที่ชื่อว่าฮั่นรุ่ยเชา
คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเจอเขาที่นี่!
นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าตอนนี้ฮั่นรุ่ยเชาจะเป็นพนักงานของโรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าว
ฮั่นรุ่ยเชามาพร้อมกับผู้ชายอีกสองคนเป็นชายวัยกลางคนและชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันฮั่นรุ่ยเชา
หลังจากทั้งสามคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วหยางเต๋อจ้าวก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณจี้ เหล่าเซียว สามคนนี้เป็นพนักงานของโรงงานอยู่ในแผนกการขาย”
เขาหันศีรษะไปพูดกับทั้งสามคนว่า“อีกไม่กี่วันคุณจี้จะเป็นเจ้านายคนใหม่ของพวกคุณ ฉันอยากให้พวกคุณเห็นหน้าค่าตากันไว้ก่อน ยังไงก็ใช้เวลานี้ทำความรู้จักกันไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย ออกจะดีด้วยซ้ำที่เจ้านายและลูกน้องได้ทำความรู้จักกันเร็วขึ้น”
จู่ๆชายวัยกลางคนก็พูดขึ้น“เถ้าแก่ คุณขายโรงงานไปแล้วจริงๆเหรอ”
หยางเต๋อจ้าวยิ้มเจื่อนๆ“ใช่! ในเมื่อฉันทำแล้วมันไม่ดีขึ้น ก็รีบเซ้งต่อให้เร็วที่สุดจะดีกว่า แต่เหล่าอู๋วางใจได้ ฉันปรึกษากับคุณจี้แล้ว ถ้าภายในห้าปีขอแค่พวกคุณไม่ทำอะไรผิดพลาด คุณจี้ก็จะไม่ไล่พวกคุณออกง่ายๆ”
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มและนั่งฟังอย่างเงียบๆเขาเหลือบมองเหล่าอู๋และเข้าใจดีว่าเหล่าอู๋คนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยางเต๋อจ้าวและน่าจะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบอย่างมากหากหยางเต๋อจ้าวขายโรงงาน ไม่อย่างนั้นหยางเต๋อจ้าวคงไม่รีบพูดเรื่องนี้ออกมา
พนักงานทุกคนคิดว่าเจ้านายจะไล่คนออกได้ง่ายๆอย่างนั้นเลยหรือ
เหล่าอู๋ถอนหายใจเบาๆ“เฮ้อ ฉันทำงานกับเถ้าแก่มากว่าสิบปี แล้วตอนนี้…”
หยางเต๋อจ้าวหัวเราะและพูดว่า“วางใจเถอะ แม้โรงงานจะเปลี่ยนมือ แต่ฉันก็ยังอยู่ในเจียงโจวนี่นา ดีซะอีกเราจะได้มีเวลาไปนั่งดื่มกันข้างนอกบ้าง”
ด้วยลักษณะนิสัยที่ใจร้อนของหยางเต๋อจ้าวบรรยากาศก็ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างรวดเร็ว หยางเต๋อจ้าวหัวเราะและพูดว่า “เหล่าอู๋ ระหว่างรออาหารมา คุณก็ใช้เวลานี้อธิบายงานขายของโรงงานอย่างคร่าวๆให้คุณจี้ทราบสิ”
เหล่าอู๋พยักหน้าเล็กน้อยเขาไม่มีข้อมูลใดๆ เขาเพียงแค่กล่าวออกมาโดยตรงว่า “คุณจี้ ถ้าอย่างนั้นผมจะแนะนำ….” จะเห็นได้ว่าเหล่าอู๋รู้เรื่องสถานการณ์ทางการขายของโรงงานเป็นอย่างดีเขาสามารถแนะนำโดยที่ไม่ต้องดูข้อมูลใดๆก่อนเลย
ชายหนุ่มอีกคนคอยพูดเสริมการแนะนำของเหล่าอู๋บ้างเป็นครั้งคราวแต่สายตาของเขาเหลือบมองไปที่จี้เฟิงและเซียวหยูซวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเซียวหยูซวน ดวงตาของเขาก็ส่องประกายออกมาทันที หลังจากนั้นดูเหมือนว่าเขาพยายามจะทำตัวเองให้ดูดีขึ้น การพูดแต่ละคำเนิบช้าและดูจริงจัง
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยขณะฟังเหล่าอู๋แนะนำสถานการณ์ในโรงงานอย่างคร่าวๆแต่ในขณะเดียวกันเขาก็แอบสังเกตท่าทีของแต่ละคนไปด้วยโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“สถานการณ์ในโรงงานนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ส่วนที่เหลือผมจะให้เสี่ยวฮั่นแนะนำให้คุณจี้ฟังต่อก็แล้วกันนะครับ ช่วงนี้เสี่ยวฮั่นวิ่งงานข้างนอกโดยตลอดและดูเหมือนจะมีบริษัทยาหลายแห่งที่ให้ความสนใจ” เหล่าอู๋ยิ้มและชี้ไปที่ฮั่นรุ่ยเชา
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“โอเค ฉันก็อยากได้ยินเหมือนกัน”
โดยไม่คาดคิดในขณะที่ฮั่นรุ่ยเชากำลังจะเปิดปากพูดชายหนุ่มข้างๆก็ยิ้มและกล่าวว่า “เสี่ยวฮั่นเพิ่งเข้ามาทำงานในโรงงานได้ไม่นาน อาจมีบางอย่างที่เสี่ยวฮั่นยังไม่คุ้นเคย ให้ผมเป็นคนแนะนำแทนก็แล้วกันนะครับ”
ใบหน้าของฮั่นรุ่ยเชาแดงก่ำแววตาของเขาแสดงออกให้เห็นว่าไม่พอใจ แต่พอมองไปที่จี้เฟิงเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกมา
ชายหนุ่มรู้สึกภาคภูมิใจมากเขาเหลือบมองไปที่เซียวหยูซวนอย่างไม่รู้ตัวเขากระแอมไอเล็กน้อยและกำลังจะเริ่มต้นการแนะนำ
ตั้งแต่ที่เห็นเซียวหยูซวนชายหนุ่มคนนี้ก็คิดที่จะแสดงความสามารถของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด ในฐานะพนักงานขายในโรงงาน เขาเชื่อว่าเถ้าแก่คนใหม่จะต้องการเขาอย่างแน่นอน เพราะถ้าขาดคนที่เก่งแบบเขาไป โรงงานจะต้องประสบปัญหาอย่างแน่นอน
เหล่าอู๋เป็นพนักงานที่แก่มากแล้วจึงรับผิดชอบแต่ลูกค้าเก่าๆ ส่วนลูกค้าใหม่ๆในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เขาเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเกือบทั้งหมด ดังนั้นในโรงงานนี้เขาจึงคิดว่าตัวเขาและเหล่าอู๋นั้นอยู่ในระดับเดียวกัน และตอนนี้มีเถ้าแก่คนใหม่แถมยังมีสาวสวยอยู่ด้วย แล้วจะไม่ให้เขาแสดงความสามารถออกมาให้ดีที่สุดได้ยังไง
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้แสดงความสามารถก็ถูกจี้เฟิงขัดจังหวะเสียก่อน
“คุณฮั่นไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก!” จี้เฟิงยิ้มและทักทายฮั่นรุ่ยเชา พนักงานคนเดียวในร้านเฟอร์นิเจอร์ที่กล้ามาเตือนเขาและจางเล่ย มันสร้างความประทับใจให้จี้เฟิงจึงไม่แปลกที่เขาจะจำได้อย่างแม่นยำ
“คุณจี้คุณรู้จักเสี่ยวฮั่นด้วยหรือ” หยางเต๋อจ้าวรู้สึกประหลาดใจ
“แน่นอนผมรู้จักเขาแถมเขายังเคยช่วยเหลือผมด้วย!” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “คุณฮั่น ช่วยบอกผมหน่อยได้มั้ยว่าช่วงนี้คุณวิ่งงานหาลูกค้ายังไงบ้าง!”
ตั้งแต่ต้นจนจบจี้เฟิงเมินเฉยชายหนุ่มอีกคนโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง
ฮึ่ม!
ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำด้วยความอับอายอย่างยิ่งเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพยายามรักษาสีหน้าท่าทางของเขาไว้ให้ได้มากที่สุด “คุณจี้ ให้ผมเป็นคนแนะนำคุณเอง…”
“ถ้าจะแนะนำก็ไปแนะนำเจ้านายของคุณเพราะตอนนี้ฉันยังไม่ใช่เจ้านายของคุณ!” จี้เฟิงพูดอย่างไม่แยแส
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับหายใจไม่ออกเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว เขาได้แต่กลั้นหายใจจนใบหน้ากลายเป็นสีม่วง
ทุกคนขมวดคิ้วและชำเลืองมองไปที่ชายหนุ่มจี้เฟิงได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเสี่ยวฮั่นคนนี้เคยช่วยเหลือเขามาก่อน แล้วทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงยังพยายามแย่งความโดดเด่นของคนอื่นอยู่อีกล่ะ มันจะไม่ยิ่งทำให้ตัวเขาเองดูน่าเกลียดมากขึ้นหรอกหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้แอบมองเซียวหยูซวนบ่อยแค่ไหนพวกเขาเข้าใจดีว่าต่อให้เป็นพวกเขา พวกเขาก็คงไม่อยากจะพูดคุยกับชายหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน
“พูดมาได้เลย!”จี้เฟิงยิ้มให้ฮั่นรุ่ยเชาและพร้อมกับสายตาที่ให้กำลังใจ
ใบหน้าของฮั่นรุ่ยเชาแดงก่ำเขารีบพูดด้วยความตื่นเต้น “คุณจี้ คุณยังจำผมได้!”
“แน่นอนฉันจำคุณได้ หัวหน้าแผนกฝ่ายขายของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้!” จี้เฟิงหัวเราะ “ทำไมถึงไม่ได้ทำงานอยู่ที่นั่นแล้วล่ะ เป็นเพราะฉันรึเปล่า?”
แม้ว่าในตอนที่ฮั่นรุ่ยเชาเดินมาเตือนจี้เฟิงเขาจะระมัดระวังเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครเห็น
ฮั่นรุ่ยเชารีบส่ายหัว“ไม่! ไม่! ผมไม่อยากทำงานที่นั่นเอง แล้วบังเอิญผมมีเพื่อนทำงานเป็นเสมียนอยู่ที่โรงงานของเถ้าแก่หยาง ผมก็เลยมาทำงานอยู่ที่นี่ด้วย!”
ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่เหมือนอย่างที่ฮั่นรุ่ยเชาพูด เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์รู้ตัวดีว่าเขาได้ทำเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรงโดยการล่วงเกินจี้เฟิง และโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอก เขาก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถอยู่ในเจียงโจวได้อีกต่อไป!
ดังนั้นเขาจึงปล่อยเซ้งร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ให้ผู้อื่นแต่ไม่มีใครกล้าที่จะรับช่วงต่อเลย สุดท้ายเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์จึงตัดสินใจปิดร้านอย่างไม่มีกำหนดโดยวางแผนไว้ว่าเมื่อเรื่องนี้สงบลง เขาจะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง และแน่นอนว่าฮั่นรุ่ยเชารวมถึงพนักงานคนอื่นๆก็ต้องตกงานไปตามระเบียบ
ถ้าจี้เฟิงรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็คงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม้ว่าการกระทำของจางหย่งเฉียงที่เกิดขึ้นที่ร้านเฟอร์นิเจอร์จะค่อนข้างน่ารังเกียจ แต่จี้เฟิงก็ไม่เคยที่จะกลั่นแกล้งหรือแก้แค้นเขาแต่อย่างใด จี้เฟิงไม่เคยชอบเรื่องพวกนี้เลย
แต่เรื่องก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่ดีแม้ว่าตัวจี้เฟิงจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนอื่นๆกลับต้องการที่จะเอาใจจี้เฟิง พูดก็พูดเถอะใครจะรู้ว่าจี้เฟิงคิดอะไรอยู่ในใจ ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเดินผ่านร้านเฟอร์นิเจอร์ แล้วพบว่าคนที่ทำให้เขาต้องขุ่นเคืองกำลังเปิดร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่นี้ต่อให้เป็นพระเจ้าก็คงไม่รู้ว่าจี้เฟิงจะโกรธขึ้นมาอีกหรือเปล่า?
เป็นเพราะเหตุการณ์ด้านจิตวิทยานี้เองจึงเป็นที่มาในการปิดตัวลงของร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้จนทำให้ฮั่นรุ่ยเชามาอยู่ที่นี่
ฮั่นรุ่ยเชาพูดถึงผลงานของเขาในการวิ่งงานข้างนอกในระยะเวลา1 เดือนซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ เขารู้สึกขัดเขินเล็กน้อยเพราะเขาเพิ่งจะติดต่อไปแค่สามบริษัทเล็กๆเท่านั้น แต่เขาก็ทำมันด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยเขาไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการสร้างความสัมพันธ์เพื่อการร่วมมือกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
และมีอีกจุดหนึ่งที่ทำให้จี้เฟิงงุนงงจนถึงตอนนี้เขายังไม่เห็นเลยว่าปัญหาของโรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าวอยู่ตรงไหน
อยู่ที่ฝ่ายบริหารหรือเป็นเพราะคุณภาพยาที่ผลิตออกมาไม่ดี
หยางเต๋อจ้าวพูดเพียงแค่ว่าสุขภาพของเขาไม่ดีทำให้ไม่สามารถดูแลกิจการต่อไปได้อีก แต่เขาไม่ได้อธิบายว่าปัญหาที่ทำให้เขาเริ่มขาดทุนคืออะไรกันแน่ นี่คือเรื่องที่ทำให้จี้เฟิงยังคงรู้สึกไม่เข้าใจ
พูดกันตามตรงถ้าหยางเต๋อจ้าวรู้ว่าปัญหาคืออะไร เขาก็คงจะจัดการแก้ไขด้วยตัวเองไปแล้วและคงไม่คิดที่จะขายกิจการของโรงงานต่อ
“ดูเหมือนว่าหลังจากรับช่วงต่อเราต้องตั้งใจทำมันให้ดี!”จี้เฟิงยิ้มและพูดกับตัวเองในใจอย่างแน่วแน่! ถ้าพบว่ามีปัญหาเขาจะจัดการแก้ไขทันทีและไม่มีทางอ่อนข้อให้กับคนที่เป็นอันตรายหรือสร้างปัญหาให้กับโรงงานอย่างแน่นอน!
สำหรับเงื่อนไขที่เขาตกลงกับหยางเต๋อจ้าวมันคนละเรื่องกัน
เนื่องจากตอนนี้เขายังไม่ได้เข้าควบคุมโรงงานอย่างเต็มตัวดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่ได้พูดอะไรกับเหล่าอู๋และคนอื่นๆเกี่ยวกับการดำเนินงานในโรงงานมากนัก หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เขาก็กล่าวลาและออกจากห้องไปพร้อมกับเซียวฉางเหอและเซียวหยูซวนทันที
ระหว่างทางกลับเซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เสี่ยวเฟิง หลังจากจัดการขั้นตอนการโอนย้ายโรงงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้ดีเธอต้องปล่อยให้เหล่าหยางจัดการเรื่องในโรงงานต่ออีกซักระยะหนึ่ง เพื่อที่เธอจะได้จัดการต่อได้สะดวกในภายหลัง”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า“เข้าใจแล้วครับคุณลุง”
เดิมทีเซียวฉางเหอต้องการจะอธิบายต่ออีกสักสองสามประโยคแต่พอเห็นท่าทางที่สงบนิ่งของจี้เฟิง เขาก็พอจะรู้ว่าจี้เฟิงคงจะวางแผนไว้อย่างรอบคอบดีแล้ว เขาจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
ความจริงแล้วเซียวฉางเหอไม่ค่อยเห็นด้วยกับจี้เฟิงนักที่ตัดสินใจรับช่วงต่อจากโรงงานผลิตยาการเริ่มต้นทำธุรกิจของโรงงานผลิตยากับบริษัทยานั้นแตกต่างกัน บริษัทสามารถสิ้นสุดได้ตลอดเวลา อย่างมากที่สุดก็แค่ยาไม่กี่ชนิดที่อาจจะตกค้างอยู่ในคลังสินค้า
แต่การทำธุรกิจเปิดโรงงานผลิตยาไม่เพียงแต่ต้องใช้แรงงานและอุปกรณ์เท่านั้นแต่ยังต้องมีการประกันภัยต่างๆ สำหรับคนงาน แม้ในอนาคตหากต้องการจะปิดโรงงานทุกอย่างก็จะไม่จบลงง่ายๆ เหล่าหยางเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงได้คิดบางอย่างเอาไว้แล้วซึ่งสิ่งสำคัญอย่างแรกคือเขาต้องมีโรงงานผลิตยาเป็นของตัวเองเพราะสิ่งที่เขามีอยู่ในมือไม่ใช่แค่สูตรยาลดน้ำหนัก แม้จี้เฟิงจะเข้าใจเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากยาทั้งหมดของยุคกาแล็กซีแกมมา แต่เขาก็พอจะรู้ว่ายาส่วนมากต่างถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสุดยอดสายลับโดยเฉพาะ
และยาแต่ละชนิดของยุคกาแล็กซีแกมมาก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมีโรงงานผลิตยาเป็นของตัวเอง และจะต้องใช้วิธีการต่างๆเพื่อปกปิดสายตาจากคนนอก
ไม่อย่างนั้นหากมีคนรู้ว่าเขามีทักษะเหล่านี้อยู่ในมือเมื่อถึงเวลานั้นก็คงไม่ต้องเสียเวลาเดาชะตากรรมของเขาให้ยุ่งยาก!