The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 305 เถ้าแก่จี้แห่งโรงงานเภสัชกรรมเถิงเฟย
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 305 เถ้าแก่จี้แห่งโรงงานเภสัชกรรมเถิงเฟย
ระหว่างทางไปโรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าวใบหน้าของเซียวหยูซวนยังคงแดงไม่หาย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย
คำพูดของเซียวมู่แม่ของเธอทำให้เธอรู้สึกอายมากจริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดที่แม่บอกกับเธอว่า“ป้องกันให้ดี” มันทำให้เซียวหยูซวนรู้สึกอับอายอย่างมาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดแก้ตัวยังไงดี เรื่องนี้จะโทษใครได้อีก ใครใช้ให้เธอใจร้อนรีบลงไปหาจี้เฟิงในตอนที่แม่ของเธอยังไม่หลับ
“หยูซวนเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายเหรอ” จี้เฟิงมองไปที่ใบหน้าที่แดงระเรื่ออย่างมีเสน่ห์ของเซียวหยูซวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่งามของเธอซึ่งเต็มไปด้วยประกายที่น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเซียวหยูซวนเธอนั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับ ตอนแรกก็นั่งตาลอย พออีกสักพักก็มีท่าทีเขินอาย จนตอนนี้เธอเริ่มมีอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว…
แปลกมาก!
“เมื่อคืนหนาวเหรอ”จี้เฟิงถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อจี้เฟิงพูดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาโดยไม่ทันคิดเซียวหยูซวนก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที “ยังจะพูดแบบนี้อีกเหรอห๊ะ ถ้าไม่ใช่เพราะนายนะจิ๊กโก๋น้อย วันนี้ฉันคงจะไม่ถูกแม่พูดอะไรแบบนั้นหรอก!”
“คุณป้าพูดอะไรกับเธอเหรอ”จี้เฟิงผงะ “หรือว่าคุณป้าจะรู้ตอนฉันอุ้มเธอขึ้นไปส่งที่ห้องนอน? ไม่สิ! ตอนฉันอุ้มเธอขึ้นไปส่ง ฉันแน่ใจว่าคุณป้ายังไม่ตื่นนะ”
“ไม่ใช่เมื่อเช้า!แต่เป็นเมื่อคืน…” เซียวหยูซวนโพล่งออกมาได้ครึ่งประโยค เสียงเธอก็เบาลงจนไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้ เธอไม่อยากให้จี้เฟิงรู้ว่าเป็นเพราะเธอรีบร้อนลงไปหาเขาจนถึงที่ห้องนอนจนทำให้แม่ของเธอจับได้!
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างลังเล“หรือเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ เธอร้องดังเกินไป…. และเป็นไปได้ว่าฉันลืมปิดประตูเลยทำให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป..”
“ยังจะพูดเรื่องนี้อยู่อีก!”เซียวหยูซวนพูดอย่างดุๆ แต่ใบหน้าของเธอแดงก่ำซึ่งดูน่ารักมาก ยิ่งจี้เฟิงพูดเรื่องเมื่อคืนมันก็ยิ่งทำให้เธอนึกถึงฉากเมื่อคืนขึ้นมา ดวงตาของเธอเป็นประกายแวววาวแม้จะพยายามถลึงตาดุใส่จี้เฟิงแล้วก็ตาม เซียวหยูซวนตัดสินใจที่จะเลิกพูดถึงเรื่องนี้เพราะเธอไม่รู้ว่าถ้าเธอยังพูดเรื่องนี้ต่อไป จี้เฟิงจะพูดอะไรที่ทำให้เธอต้องอับอายออกมาอีก
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่มีเสน่ห์และกำลังเขินอายของเธอจี้เฟิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเขาเหยียบคันเร่งใต้ฝ่าเท้าของเขาและรถก็พุ่งออกตัวทันที และในไม่ช้ารถก็หายไปที่ปลายถนน เมื่อมาถึงโรงงานหยางเต๋อจ้าวก็พาลูกชายมารอแล้ว พวกเขาสี่คนไปจัดการเรื่องต่างๆโดยมีจี้เฟิงเป็นคนขับรถ
กว่าขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มๆพวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากปรึกษาหารือกับเซียวหยูซวนแล้วจี้เฟิงก็โทรหาถงเล่ยเพื่อสอบถามความคิดเห็นอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสามคนคุยกันเรียบร้อยสุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อโรงงานเจียงโจวหยางเป็น โรงงานเภสัชกรรมเถิงเฟย ความหมายก็ชัดเจนตรงตัวดี จี้เฟิงแอบหวังอยู่ในใจว่าจากนี้ไปโรงงานเภสัชกรรมเถิงเฟยจะทะเยอทะยานสู่ความรุ่งโรจน์ในวันพรุ่งนี้เหมือนกับชื่อของมัน
แม้ว่าชื่อนี้จะค่อนข้างธรรมดาและดูเหมือนว่าจะมีหลายบริษัทที่ใช้ชื่อนี้ แต่จี้เฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาสนใจแค่เพียงว่าเซียวหยูซวนและถงเล่ยชอบชื่อนี้ก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆก็ไม่สำคัญ ชื่อจะดีหรือไม่ดีนั้นจริงๆแล้วก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเท่าไหร่ แม้ว่าหลายคนจะชอบชื่อที่ดูเป็นมงคล เช่นบริษัทฮุ่ยหวงกรุ๊ป(แปลว่ารุ่งโรจน์) ของหยุนเฟยหยาง แต่สำหรับจี้เฟิงแล้วการที่ผลงานออกมาดีและมีการบริหารที่แข็งแกร่งแค่นั้นก็เพียงพอแล้วไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ไม่สำคัญ
จี้เฟิงไม่เชื่อว่าบริษัทข้ามชาติหลายแห่งในต่างประเทศที่ใช้ชื่อเจ้าของบริษัทมาตั้งเป็นชื่อบริษัทโดยตรงจะมีนัยใดๆเกี่ยวกับชื่อที่ทำให้บริษัทเติบโต หรือเพราะโชคดีจากชื่ออันเป็นมงคล!
มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระทั้งนั้น!
ความแข็งแกร่งและวิธีการปฏิบัติงานต่างหากที่เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดว่าบริษัทจะสามารถก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้หรือไม่!
“ในที่สุดก็เสร็จสิ้นซักที!”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อมาถึงแผนกสุดท้าย “เกินสิบแผนกได้มั้งที่ฉันต้องวิ่งไปวิ่งมาวันนี้! ขั้นตอนมันจะไม่ยุ่งยากเกินไปหน่อยเหรอ เฮ้อ~! น่าจะพัฒนาได้แล้วน๊า ไอ้ระบบพวกนี้!”
ในบรรดาทั้งสี่คนที่วิ่งดำเนินการมาด้วยกันเกรงว่าคนที่ยังมีพละกำลังที่ยังเหลือเฟือคงจะเป็นจี้เฟิงเพียงคนเดียว เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย หยางเต๋อจ้าวและเซียวหยูซวนหมดแรงไปนานแล้ว โดยเฉพาะหยางเต๋อจ้าวและหยางหยูลูกชายของเขา พวกเขาดูแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงเลย
หยางเต๋อจ้าวก็อายุมากแล้วแถมสุขภาพของเขาก็ไม่ค่อยดีแต่เขาต้องเข้าร่วมขั้นตอนทั้งหมดด้วยตัวเอง สำหรับสิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาเหนื่อยมาก
ส่วนหยางหยูที่มีร่างกายบอบบางแถมยังกอดแล็ปท็อปของเขาไว้ในอ้อมแขนวิ่งตามพวกจี้เฟิงตลอดทั้งวันถ้าจะบอกว่าเขาไม่เหนื่อยก็คงจะเป็นเรื่องแปลก!
“เถ้าแก่หยางแม้ว่าขั้นตอนต่างๆจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ช่วงนี้ผมอาจจะยังไม่สามารถเข้าไปจัดการโรงงานได้ ดังนั้นจะเป็นไปได้มั้ยถ้าผมจะขอให้เถ้าแก่หยางช่วยผมดูแลโรงงานต่อไปก่อนอีกสักพัก รอให้ผมไปจัดการธุระอะไรบางอย่างให้เสร็จสิ้นก่อน” จี้เฟิงสตาร์ทรถและพูดด้วยรอยยิ้ม “หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนเถ้าแก่หยางมากจนเกินไป!”
“ฮ่าๆๆ!จะมาเรียกฉันว่าเถ้าแก่หยางคงไม่ได้แล้ว!” หยางเต๋อจ้าวพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับโบกมือ “ตอนนี้คุณต่างหากที่เป็นเถ้าแก่ เป็นเจ้าของโรงงาน จากนี้เป็นต้นไปฉันจะเปลี่ยนชื่อเรียกคุณจี้เป็นเถ้าแก่จี้!”
จี้เฟิงหัวเราะทันที“ยังไงเถ้าแก่หยางก็เป็นรุ่นพี่ ถ้าอย่างนั้นผมขอเรียกว่าว่าลุงหยางแทนก็แล้วกันนะครับ ลุงหยางก็เรียกผมว่าจี้เฟิงเฉยๆก็พอแล้ว”
พูดกันตามตรงจี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่จะให้คนอื่นเรียกเขาว่าเถ้าแก่หรือเจ้านาย เมื่อปีกว่าๆที่ผ่านมาเขาเป็นเพียงนักเรียนจนๆที่อาศัยแม่ของเขาขายผักเพื่อเลี้ยงชีพ แต่ตอนนี้จะให้เขาปรับตัวและยอมรับอย่างง่ายๆว่าตัวเองเป็นเถ้าแก่
เฮ้อ~ช่างเป็นเรื่องที่ชวนฝันเสียจริง!
“งั้นก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้วฮ่าฮ่า!” หยางเต๋อจ้าวหัวเราะเสียงดัง แม้ว่าเขาจะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ จี้เฟิงยังเด็กมากแต่สามารถรับช่วงต่อโรงงานของเขาได้ เงินจำนวน 15 ล้านหยวนยังไม่รวมค่าธรรมเนียมต่างๆอย่างเช่นภาษี แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับไม่ขมวดคิ้วหรือลังเลใจเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้สามารถอธิบายข้อสงสัยต่างๆได้มากมาย
และไม่ต้องสงสัยเลยว่าการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจี้เฟิงจะเป็นประโยชน์ในอนาคตต่อชีวิตของหยางหยูมากแค่ไหน!
“ลุงหยางช่วงนี้เรื่องในโรงงานคงต้องลำบากลุงหยางแล้วล่ะครับ ขอเวลาผมสักพักแล้วผมจะมาจัดการต่อให้ดี” จี้เฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม
หยางเต๋อจ้าวพยักหน้าทันทีและกล่าวว่า“วางใจเถอะ นี่เป็นหนึ่งในข้อตกลงของเรา ความจริงแล้วต่อให้เธอไม่พูด ฉันก็จะขออยู่ต่ออีกสักระยะหนึ่งอยู่ดี ยังไงฉันก็อยู่กับมันมาสิบกว่าปี จะจากไปอย่างกะทันหันเลยก็อดใจหายไม่ได้”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“ครับ ลุงหยางทำงานหนักมาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นในอนาคตลุงหยางจะต้องดูแลตัวเองให้ดีและพักผ่อนเยอะๆนะครับ!”
หยางเต๋อจ้าวหัวเราะแต่จู่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจึงพูดว่า “จี้เฟิง เรื่องในโรงงานฉันช่วยจัดการให้เธอได้ แต่ปกติแล้วฉันจะดูแลเกี่ยวกับเรื่องการผลิต ส่วนด้านการขายจะเป็นความรับผิดชอบของเหล่าอู๋ที่ดูแลอยู่ ว่ากันตามตรงในตอนนี้ก็อาจจะพอรักษายอดขายในปัจจุบันไว้ได้ แต่ถ้าจะให้เพิ่มยอดขายฉันเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนักในตอนนี้”
“ผมเข้าใจครับ!”จี้เฟิงพยักหน้า “ตราบที่พอลุงหยางพอจะรักษาสถานการณ์ปัจจุบันไว้ได้แบบนี้ผมก็พอใจแล้ว!”
หยางเต๋อจ้าวส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ“ถ้าไม่ใช่เพราะสุขภาพของฉันที่แย่ลงเรื่อยๆ โรงงานก็คงจะไม่ตกอยู่ในสภาพนี้ จี้เฟิง! ฉันจะพูดตรงๆอย่างไม่ปิดบังเธอนะจี้เฟิง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะเคยตกลงกันไว้สามข้อตามเงื่อนไขที่ฉันได้เสนอไป แต่เธอก็ไม่ควรที่จะอ่อนข้อให้กับบุคลากรในโรงงานจนเกินไป โดยเฉพาะเรื่องการตลาด มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะชี้วัดว่าโรงงานจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ ถ้าการผลิตคือหัวใจ การขายก็คือสารอาหาร ทั้งสองอย่างเป็นปัจจัยหลังที่สำคัญและจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้!”
หยางเต๋อจ้าวหยุดพูดไปครู่หนึ่งและพูดอย่างเคร่งขรึม“ที่โรงงานต้องมาถึงจุดนี้ สาเหตุหลักๆเลยก็เป็นเพราะยอดขายที่ลดลงทุกปีอย่างต่อเนื่องกัน มันกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ก่อตัวขึ้น! ดังนั้นจี้เฟิง เธอต้องใส่ใจกับปัญหานี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกจนไม่สามารถแก้ไขได้และอาจจะทำให้โรงงานฟื้นตัวได้ยาก!” จี้เฟิงรับฟังอย่างตั้งใจเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่การซื้อขายโรงงานเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนดีแล้ว หยางเต๋อจ้าวเริ่มเปิดใจและให้ใจกับจี้เฟิงมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้โรงงานผลิตยาจะเป็นของจี้เฟิงโดยสมบูรณ์แล้ว แต่หยางเต๋อจ้าวก็ไม่ต้องการที่จะเห็นโรงงานที่เขาสร้างมาต้องล่มสลายไป เขายังคงมีความหวังว่าจะได้เห็นโรงงานผลิตยาแห่งนี้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง
“คุณลุงหยางตราบใดที่พวกเราสามารถรักษาสภาพที่เป็นอยู่ของโรงงานไว้ได้ในช่วงเวลานี้ผมก็พอใจมากแล้ว” จี้เฟิงกล่าวอย่างจริงจัง “สำหรับช่องทางการตลาด… ผมมีวิธีของผมเอง”
จี้เฟิงพอจะคาดการณ์ได้ว่าถ้ายาตัวนี้ได้เปิดตลาดเมื่อไหร่ยอดขายของมันจะต้องไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน ส่วนช่องทางการขายเขาก็คิดเอาไว้บ้างแล้ว ไม่ว่าจะบริษัทยาใดๆ ถ้ามียาลดน้ำหนักที่ได้ผลดี มันจะต้องเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอน ใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากได้ผลกำไรอันมหาศาล โดยเฉพาะยาตัวใหม่ที่พวกเขาจะได้มีก่อนใครเพื่อน!
แต่มีคำกล่าวที่ว่า‘เรือล่มในหนองทองจะไปไหน’ จี้เฟิงตั้งใจที่จะมอบสิทธิ์การขายยาตัวนี้ให้กับเซียวฉางเหอ ปัญหาที่เกิดภายในบริษัทยาฉางเหอก่อนหน้านี้หวงฉีตงจะทำให้ทุกคนได้รู้จักภูมิหลังของบริษัทยาฉางเหอ บวกกับความสามารถของผู้จัดการหลินจะทำให้บริษัทยาฉางเหอก้าวขึ้นไปอีกระดับอย่างแน่นอน
จี้เฟิงรู้สึกสบายใจกว่าถ้าได้มอบสิทธิ์ในการขายยาลดน้ำหนักให้กับบริษัทยาฉางเหอ
แน่นอนว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพราะจี้เฟิงเองก็ไม่รีบร้อน ตอนนี้เขาเพิ่งจะเรียนอยู่ปีหนึ่ง ปัญหาบางส่วนอาจเป็นการจัดการด้านเวลา
ยิ่งไปกว่านั้นแผนการขายในโรงงานจี้เฟิงก็มีคนอยู่ในใจแล้ว นั่นก็คือฮั่นรุ่ยเชาที่เพิ่งเข้ามาทำงาน ถึงแม้ตอนนี้จี้เฟิงจะยังไม่รู้ถึงความสามารถของฮั่นรุ่ยเชาเท่าไหร่นัก แต่ฟังจากที่เขาแนะนำให้จี้เฟิงฟังถึงการวิ่งงานข้างนอกเพื่อหาลูกค้าในช่วงเดือนนี้ จี้เฟิงก็รู้ได้ว่าเขากำลังตั้งใจทำงานอยู่จริงๆ
แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนแต่จี้เฟิงก็พอจะมองออกว่าคนไหนเป็นคนที่ตั้งใจทำงานจริงๆ
หลังจากส่งหยางเต๋อจ้าวและลูกชายของเขาไว้ที่โรงงานจี้เฟิงก็กลับรถกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเซียวกับเซียวหยูซวน เขามีบางเรื่องที่ต้องการจะถามเซียวฉางเหอ
แม้ว่าสูตรยาลดน้ำหนักจะอยู่ในมือของจี้เฟิงและเขาก็มั่นใจว่าไม่มีใครสามารถถอดสูตรยาตัวนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้นแต่เรื่องในอนาคตก็ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าสูตรยานี้รั่วไหลและมีคนถอดสูตรมันได้จริงๆ การจะไปกล่าวหาผู้อื่นว่าเป็นการละเมิดก็คงจะไม่ได้
การเตรียมพร้อมไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย!
………………
“ต้องการจะยื่นเรื่องจดสิทธิบัตร”เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม “อืม… นี่เป็นสิ่งที่ต้องทำจริงๆ! ตลาดยาในปัจจุบันวุ่นวายมาก การยื่นขอรับสิทธิบัตรเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้หลีกเลี่ยงข้อพิพาทบางอย่างได้! แต่ด้วยความวุ่นวายของตลาดยาในปัจจุบันถึงแม้จะยื่นเรื่องจดสิทธิบัตรแล้วก็ตาม ก็คงจะมีคนเลียนแบบอย่างแน่นอน ถ้ายอดขายดีจริงๆน่ะนะ แล้วมันก็จะมาในหลายๆรูปแบบเลยล่ะ เธอจะต้องเตรียมใจรับเรื่องนี้ไว้ให้ดีด้วย!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า“นั่นมันจะไม่ยิ่งทำให้ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมหรอกเหรอครับ ฮ่าฮ่า~!”
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงมีความมั่นใจที่สูงมากขนาดนี้เซียวฉางเหอก็พอจะรู้แล้วว่าจี้เฟิงคงจะต้องมีวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านี้ที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลในเรื่องนี้อีกต่อไป ด้วยนิสัยของจี้เฟิงเองก็เป็นคนที่สงบนิ่งและรอบคอบ เซียวฉางเหอเคยเห็นมันมาแล้ว
หลังอาหารเย็นที่บ้านของตระกูลเซียวเซียวฉางเหอต้องการให้จี้เฟิงอยู่ต่อ
แต่คราวนี้มีเรื่องที่เกินความคาดหมายของเซียวฉางเหอ
เซียวหยูซวนคัดค้านอย่างรุนแรงและเธอก็รีบพูดตัดบท“จี้เฟิงยังมีงานด่วนให้ต้องทำอีกมากเลยค่ะพ่อ แถมพรุ่งนี้หนูก็ต้องไปจัดการเอกสารที่มหาวิทยาลัยแต่เช้า ดังนั้นพวกหนูขอตัวกลับก่อนนะ!”
จี้เฟิงยังไม่ทันจะได้บอกลาเซียวฉางเหอและภรรยาเขาก็ถูกเซียวหยูซวนลากตัวออกไป
เซียวฉางเหอจ้องมองจี้เฟิงที่ถูกเซียวหยูซวนลากกลับไปด้วยความรีบร้อนและพูดกับตัวเองอย่างงงๆว่า“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาล่ะเนี่ย”
เซียวมู่ภรรยาของเขามองสามีของตนอย่างจนปัญหาในใจก็พลันคิดว่า “จะมีอะไรซะอีกล่ะ ก็ลูกสาวของเรารู้สึกเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้าพวกเราน่ะสิ! แล้วทำไมยัยเด็กนั่นถึงได้กล้าอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ชายล่ะเนี่ย?!”
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเซียวมู่ถึงนึกถึงภาพลูกสาวของเธอกับจี้เฟิงกำลังมีความสุขด้วยกันเธอรีบจิบน้ำชาและสลัดภาพในหัวทิ้งไป….
คำพูดของเซียวมู่แม่ของเธอทำให้เธอรู้สึกอายมากจริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดที่แม่บอกกับเธอว่า“ป้องกันให้ดี” มันทำให้เซียวหยูซวนรู้สึกอับอายอย่างมาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดแก้ตัวยังไงดี เรื่องนี้จะโทษใครได้อีก ใครใช้ให้เธอใจร้อนรีบลงไปหาจี้เฟิงในตอนที่แม่ของเธอยังไม่หลับ
“หยูซวนเป็นอะไรรึเปล่าไม่สบายเหรอ” จี้เฟิงมองไปที่ใบหน้าที่แดงระเรื่ออย่างมีเสน่ห์ของเซียวหยูซวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่งามของเธอซึ่งเต็มไปด้วยประกายที่น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเซียวหยูซวนเธอนั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับ ตอนแรกก็นั่งตาลอย พออีกสักพักก็มีท่าทีเขินอาย จนตอนนี้เธอเริ่มมีอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว…
แปลกมาก!
“เมื่อคืนหนาวเหรอ”จี้เฟิงถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อจี้เฟิงพูดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาโดยไม่ทันคิดเซียวหยูซวนก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที “ยังจะพูดแบบนี้อีกเหรอห๊ะ ถ้าไม่ใช่เพราะนายนะจิ๊กโก๋น้อย วันนี้ฉันคงจะไม่ถูกแม่พูดอะไรแบบนั้นหรอก!”
“คุณป้าพูดอะไรกับเธอเหรอ”จี้เฟิงผงะ “หรือว่าคุณป้าจะรู้ตอนฉันอุ้มเธอขึ้นไปส่งที่ห้องนอน? ไม่สิ! ตอนฉันอุ้มเธอขึ้นไปส่ง ฉันแน่ใจว่าคุณป้ายังไม่ตื่นนะ”
“ไม่ใช่เมื่อเช้า!แต่เป็นเมื่อคืน…” เซียวหยูซวนโพล่งออกมาได้ครึ่งประโยค เสียงเธอก็เบาลงจนไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้ เธอไม่อยากให้จี้เฟิงรู้ว่าเป็นเพราะเธอรีบร้อนลงไปหาเขาจนถึงที่ห้องนอนจนทำให้แม่ของเธอจับได้!
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างลังเล“หรือเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ เธอร้องดังเกินไป…. และเป็นไปได้ว่าฉันลืมปิดประตูเลยทำให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป..”
“ยังจะพูดเรื่องนี้อยู่อีก!”เซียวหยูซวนพูดอย่างดุๆ แต่ใบหน้าของเธอแดงก่ำซึ่งดูน่ารักมาก ยิ่งจี้เฟิงพูดเรื่องเมื่อคืนมันก็ยิ่งทำให้เธอนึกถึงฉากเมื่อคืนขึ้นมา ดวงตาของเธอเป็นประกายแวววาวแม้จะพยายามถลึงตาดุใส่จี้เฟิงแล้วก็ตาม เซียวหยูซวนตัดสินใจที่จะเลิกพูดถึงเรื่องนี้เพราะเธอไม่รู้ว่าถ้าเธอยังพูดเรื่องนี้ต่อไป จี้เฟิงจะพูดอะไรที่ทำให้เธอต้องอับอายออกมาอีก
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่มีเสน่ห์และกำลังเขินอายของเธอจี้เฟิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเขาเหยียบคันเร่งใต้ฝ่าเท้าของเขาและรถก็พุ่งออกตัวทันที และในไม่ช้ารถก็หายไปที่ปลายถนน เมื่อมาถึงโรงงานหยางเต๋อจ้าวก็พาลูกชายมารอแล้ว พวกเขาสี่คนไปจัดการเรื่องต่างๆโดยมีจี้เฟิงเป็นคนขับรถ
กว่าขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มๆพวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากปรึกษาหารือกับเซียวหยูซวนแล้วจี้เฟิงก็โทรหาถงเล่ยเพื่อสอบถามความคิดเห็นอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสามคนคุยกันเรียบร้อยสุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อโรงงานเจียงโจวหยางเป็น โรงงานเภสัชกรรมเถิงเฟย ความหมายก็ชัดเจนตรงตัวดี จี้เฟิงแอบหวังอยู่ในใจว่าจากนี้ไปโรงงานเภสัชกรรมเถิงเฟยจะทะเยอทะยานสู่ความรุ่งโรจน์ในวันพรุ่งนี้เหมือนกับชื่อของมัน
แม้ว่าชื่อนี้จะค่อนข้างธรรมดาและดูเหมือนว่าจะมีหลายบริษัทที่ใช้ชื่อนี้ แต่จี้เฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาสนใจแค่เพียงว่าเซียวหยูซวนและถงเล่ยชอบชื่อนี้ก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆก็ไม่สำคัญ ชื่อจะดีหรือไม่ดีนั้นจริงๆแล้วก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเท่าไหร่ แม้ว่าหลายคนจะชอบชื่อที่ดูเป็นมงคล เช่นบริษัทฮุ่ยหวงกรุ๊ป(แปลว่ารุ่งโรจน์) ของหยุนเฟยหยาง แต่สำหรับจี้เฟิงแล้วการที่ผลงานออกมาดีและมีการบริหารที่แข็งแกร่งแค่นั้นก็เพียงพอแล้วไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ไม่สำคัญ
จี้เฟิงไม่เชื่อว่าบริษัทข้ามชาติหลายแห่งในต่างประเทศที่ใช้ชื่อเจ้าของบริษัทมาตั้งเป็นชื่อบริษัทโดยตรงจะมีนัยใดๆเกี่ยวกับชื่อที่ทำให้บริษัทเติบโต หรือเพราะโชคดีจากชื่ออันเป็นมงคล!
มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระทั้งนั้น!
ความแข็งแกร่งและวิธีการปฏิบัติงานต่างหากที่เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดว่าบริษัทจะสามารถก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้หรือไม่!
“ในที่สุดก็เสร็จสิ้นซักที!”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อมาถึงแผนกสุดท้าย “เกินสิบแผนกได้มั้งที่ฉันต้องวิ่งไปวิ่งมาวันนี้! ขั้นตอนมันจะไม่ยุ่งยากเกินไปหน่อยเหรอ เฮ้อ~! น่าจะพัฒนาได้แล้วน๊า ไอ้ระบบพวกนี้!”
ในบรรดาทั้งสี่คนที่วิ่งดำเนินการมาด้วยกันเกรงว่าคนที่ยังมีพละกำลังที่ยังเหลือเฟือคงจะเป็นจี้เฟิงเพียงคนเดียว เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย หยางเต๋อจ้าวและเซียวหยูซวนหมดแรงไปนานแล้ว โดยเฉพาะหยางเต๋อจ้าวและหยางหยูลูกชายของเขา พวกเขาดูแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงเลย
หยางเต๋อจ้าวก็อายุมากแล้วแถมสุขภาพของเขาก็ไม่ค่อยดีแต่เขาต้องเข้าร่วมขั้นตอนทั้งหมดด้วยตัวเอง สำหรับสิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาเหนื่อยมาก
ส่วนหยางหยูที่มีร่างกายบอบบางแถมยังกอดแล็ปท็อปของเขาไว้ในอ้อมแขนวิ่งตามพวกจี้เฟิงตลอดทั้งวันถ้าจะบอกว่าเขาไม่เหนื่อยก็คงจะเป็นเรื่องแปลก!
“เถ้าแก่หยางแม้ว่าขั้นตอนต่างๆจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ช่วงนี้ผมอาจจะยังไม่สามารถเข้าไปจัดการโรงงานได้ ดังนั้นจะเป็นไปได้มั้ยถ้าผมจะขอให้เถ้าแก่หยางช่วยผมดูแลโรงงานต่อไปก่อนอีกสักพัก รอให้ผมไปจัดการธุระอะไรบางอย่างให้เสร็จสิ้นก่อน” จี้เฟิงสตาร์ทรถและพูดด้วยรอยยิ้ม “หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนเถ้าแก่หยางมากจนเกินไป!”
“ฮ่าๆๆ!จะมาเรียกฉันว่าเถ้าแก่หยางคงไม่ได้แล้ว!” หยางเต๋อจ้าวพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับโบกมือ “ตอนนี้คุณต่างหากที่เป็นเถ้าแก่ เป็นเจ้าของโรงงาน จากนี้เป็นต้นไปฉันจะเปลี่ยนชื่อเรียกคุณจี้เป็นเถ้าแก่จี้!”
จี้เฟิงหัวเราะทันที“ยังไงเถ้าแก่หยางก็เป็นรุ่นพี่ ถ้าอย่างนั้นผมขอเรียกว่าว่าลุงหยางแทนก็แล้วกันนะครับ ลุงหยางก็เรียกผมว่าจี้เฟิงเฉยๆก็พอแล้ว”
พูดกันตามตรงจี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่จะให้คนอื่นเรียกเขาว่าเถ้าแก่หรือเจ้านาย เมื่อปีกว่าๆที่ผ่านมาเขาเป็นเพียงนักเรียนจนๆที่อาศัยแม่ของเขาขายผักเพื่อเลี้ยงชีพ แต่ตอนนี้จะให้เขาปรับตัวและยอมรับอย่างง่ายๆว่าตัวเองเป็นเถ้าแก่
เฮ้อ~ช่างเป็นเรื่องที่ชวนฝันเสียจริง!
“งั้นก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้วฮ่าฮ่า!” หยางเต๋อจ้าวหัวเราะเสียงดัง แม้ว่าเขาจะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ จี้เฟิงยังเด็กมากแต่สามารถรับช่วงต่อโรงงานของเขาได้ เงินจำนวน 15 ล้านหยวนยังไม่รวมค่าธรรมเนียมต่างๆอย่างเช่นภาษี แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับไม่ขมวดคิ้วหรือลังเลใจเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้สามารถอธิบายข้อสงสัยต่างๆได้มากมาย
และไม่ต้องสงสัยเลยว่าการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจี้เฟิงจะเป็นประโยชน์ในอนาคตต่อชีวิตของหยางหยูมากแค่ไหน!
“ลุงหยางช่วงนี้เรื่องในโรงงานคงต้องลำบากลุงหยางแล้วล่ะครับ ขอเวลาผมสักพักแล้วผมจะมาจัดการต่อให้ดี” จี้เฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม
หยางเต๋อจ้าวพยักหน้าทันทีและกล่าวว่า“วางใจเถอะ นี่เป็นหนึ่งในข้อตกลงของเรา ความจริงแล้วต่อให้เธอไม่พูด ฉันก็จะขออยู่ต่ออีกสักระยะหนึ่งอยู่ดี ยังไงฉันก็อยู่กับมันมาสิบกว่าปี จะจากไปอย่างกะทันหันเลยก็อดใจหายไม่ได้”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“ครับ ลุงหยางทำงานหนักมาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นในอนาคตลุงหยางจะต้องดูแลตัวเองให้ดีและพักผ่อนเยอะๆนะครับ!”
หยางเต๋อจ้าวหัวเราะแต่จู่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจึงพูดว่า “จี้เฟิง เรื่องในโรงงานฉันช่วยจัดการให้เธอได้ แต่ปกติแล้วฉันจะดูแลเกี่ยวกับเรื่องการผลิต ส่วนด้านการขายจะเป็นความรับผิดชอบของเหล่าอู๋ที่ดูแลอยู่ ว่ากันตามตรงในตอนนี้ก็อาจจะพอรักษายอดขายในปัจจุบันไว้ได้ แต่ถ้าจะให้เพิ่มยอดขายฉันเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนักในตอนนี้”
“ผมเข้าใจครับ!”จี้เฟิงพยักหน้า “ตราบที่พอลุงหยางพอจะรักษาสถานการณ์ปัจจุบันไว้ได้แบบนี้ผมก็พอใจแล้ว!”
หยางเต๋อจ้าวส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ“ถ้าไม่ใช่เพราะสุขภาพของฉันที่แย่ลงเรื่อยๆ โรงงานก็คงจะไม่ตกอยู่ในสภาพนี้ จี้เฟิง! ฉันจะพูดตรงๆอย่างไม่ปิดบังเธอนะจี้เฟิง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะเคยตกลงกันไว้สามข้อตามเงื่อนไขที่ฉันได้เสนอไป แต่เธอก็ไม่ควรที่จะอ่อนข้อให้กับบุคลากรในโรงงานจนเกินไป โดยเฉพาะเรื่องการตลาด มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะชี้วัดว่าโรงงานจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ ถ้าการผลิตคือหัวใจ การขายก็คือสารอาหาร ทั้งสองอย่างเป็นปัจจัยหลังที่สำคัญและจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้!”
หยางเต๋อจ้าวหยุดพูดไปครู่หนึ่งและพูดอย่างเคร่งขรึม“ที่โรงงานต้องมาถึงจุดนี้ สาเหตุหลักๆเลยก็เป็นเพราะยอดขายที่ลดลงทุกปีอย่างต่อเนื่องกัน มันกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ก่อตัวขึ้น! ดังนั้นจี้เฟิง เธอต้องใส่ใจกับปัญหานี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกจนไม่สามารถแก้ไขได้และอาจจะทำให้โรงงานฟื้นตัวได้ยาก!” จี้เฟิงรับฟังอย่างตั้งใจเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่การซื้อขายโรงงานเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนดีแล้ว หยางเต๋อจ้าวเริ่มเปิดใจและให้ใจกับจี้เฟิงมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้โรงงานผลิตยาจะเป็นของจี้เฟิงโดยสมบูรณ์แล้ว แต่หยางเต๋อจ้าวก็ไม่ต้องการที่จะเห็นโรงงานที่เขาสร้างมาต้องล่มสลายไป เขายังคงมีความหวังว่าจะได้เห็นโรงงานผลิตยาแห่งนี้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง
“คุณลุงหยางตราบใดที่พวกเราสามารถรักษาสภาพที่เป็นอยู่ของโรงงานไว้ได้ในช่วงเวลานี้ผมก็พอใจมากแล้ว” จี้เฟิงกล่าวอย่างจริงจัง “สำหรับช่องทางการตลาด… ผมมีวิธีของผมเอง”
จี้เฟิงพอจะคาดการณ์ได้ว่าถ้ายาตัวนี้ได้เปิดตลาดเมื่อไหร่ยอดขายของมันจะต้องไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน ส่วนช่องทางการขายเขาก็คิดเอาไว้บ้างแล้ว ไม่ว่าจะบริษัทยาใดๆ ถ้ามียาลดน้ำหนักที่ได้ผลดี มันจะต้องเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอน ใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากได้ผลกำไรอันมหาศาล โดยเฉพาะยาตัวใหม่ที่พวกเขาจะได้มีก่อนใครเพื่อน!
แต่มีคำกล่าวที่ว่า‘เรือล่มในหนองทองจะไปไหน’ จี้เฟิงตั้งใจที่จะมอบสิทธิ์การขายยาตัวนี้ให้กับเซียวฉางเหอ ปัญหาที่เกิดภายในบริษัทยาฉางเหอก่อนหน้านี้หวงฉีตงจะทำให้ทุกคนได้รู้จักภูมิหลังของบริษัทยาฉางเหอ บวกกับความสามารถของผู้จัดการหลินจะทำให้บริษัทยาฉางเหอก้าวขึ้นไปอีกระดับอย่างแน่นอน
จี้เฟิงรู้สึกสบายใจกว่าถ้าได้มอบสิทธิ์ในการขายยาลดน้ำหนักให้กับบริษัทยาฉางเหอ
แน่นอนว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพราะจี้เฟิงเองก็ไม่รีบร้อน ตอนนี้เขาเพิ่งจะเรียนอยู่ปีหนึ่ง ปัญหาบางส่วนอาจเป็นการจัดการด้านเวลา
ยิ่งไปกว่านั้นแผนการขายในโรงงานจี้เฟิงก็มีคนอยู่ในใจแล้ว นั่นก็คือฮั่นรุ่ยเชาที่เพิ่งเข้ามาทำงาน ถึงแม้ตอนนี้จี้เฟิงจะยังไม่รู้ถึงความสามารถของฮั่นรุ่ยเชาเท่าไหร่นัก แต่ฟังจากที่เขาแนะนำให้จี้เฟิงฟังถึงการวิ่งงานข้างนอกเพื่อหาลูกค้าในช่วงเดือนนี้ จี้เฟิงก็รู้ได้ว่าเขากำลังตั้งใจทำงานอยู่จริงๆ
แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนแต่จี้เฟิงก็พอจะมองออกว่าคนไหนเป็นคนที่ตั้งใจทำงานจริงๆ
หลังจากส่งหยางเต๋อจ้าวและลูกชายของเขาไว้ที่โรงงานจี้เฟิงก็กลับรถกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเซียวกับเซียวหยูซวน เขามีบางเรื่องที่ต้องการจะถามเซียวฉางเหอ
แม้ว่าสูตรยาลดน้ำหนักจะอยู่ในมือของจี้เฟิงและเขาก็มั่นใจว่าไม่มีใครสามารถถอดสูตรยาตัวนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้นแต่เรื่องในอนาคตก็ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าสูตรยานี้รั่วไหลและมีคนถอดสูตรมันได้จริงๆ การจะไปกล่าวหาผู้อื่นว่าเป็นการละเมิดก็คงจะไม่ได้
การเตรียมพร้อมไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย!
………………
“ต้องการจะยื่นเรื่องจดสิทธิบัตร”เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม “อืม… นี่เป็นสิ่งที่ต้องทำจริงๆ! ตลาดยาในปัจจุบันวุ่นวายมาก การยื่นขอรับสิทธิบัตรเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้หลีกเลี่ยงข้อพิพาทบางอย่างได้! แต่ด้วยความวุ่นวายของตลาดยาในปัจจุบันถึงแม้จะยื่นเรื่องจดสิทธิบัตรแล้วก็ตาม ก็คงจะมีคนเลียนแบบอย่างแน่นอน ถ้ายอดขายดีจริงๆน่ะนะ แล้วมันก็จะมาในหลายๆรูปแบบเลยล่ะ เธอจะต้องเตรียมใจรับเรื่องนี้ไว้ให้ดีด้วย!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า“นั่นมันจะไม่ยิ่งทำให้ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมหรอกเหรอครับ ฮ่าฮ่า~!”
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงมีความมั่นใจที่สูงมากขนาดนี้เซียวฉางเหอก็พอจะรู้แล้วว่าจี้เฟิงคงจะต้องมีวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านี้ที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลในเรื่องนี้อีกต่อไป ด้วยนิสัยของจี้เฟิงเองก็เป็นคนที่สงบนิ่งและรอบคอบ เซียวฉางเหอเคยเห็นมันมาแล้ว
หลังอาหารเย็นที่บ้านของตระกูลเซียวเซียวฉางเหอต้องการให้จี้เฟิงอยู่ต่อ
แต่คราวนี้มีเรื่องที่เกินความคาดหมายของเซียวฉางเหอ
เซียวหยูซวนคัดค้านอย่างรุนแรงและเธอก็รีบพูดตัดบท“จี้เฟิงยังมีงานด่วนให้ต้องทำอีกมากเลยค่ะพ่อ แถมพรุ่งนี้หนูก็ต้องไปจัดการเอกสารที่มหาวิทยาลัยแต่เช้า ดังนั้นพวกหนูขอตัวกลับก่อนนะ!”
จี้เฟิงยังไม่ทันจะได้บอกลาเซียวฉางเหอและภรรยาเขาก็ถูกเซียวหยูซวนลากตัวออกไป
เซียวฉางเหอจ้องมองจี้เฟิงที่ถูกเซียวหยูซวนลากกลับไปด้วยความรีบร้อนและพูดกับตัวเองอย่างงงๆว่า“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาล่ะเนี่ย”
เซียวมู่ภรรยาของเขามองสามีของตนอย่างจนปัญหาในใจก็พลันคิดว่า “จะมีอะไรซะอีกล่ะ ก็ลูกสาวของเรารู้สึกเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้าพวกเราน่ะสิ! แล้วทำไมยัยเด็กนั่นถึงได้กล้าอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ชายล่ะเนี่ย?!”
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเซียวมู่ถึงนึกถึงภาพลูกสาวของเธอกับจี้เฟิงกำลังมีความสุขด้วยกันเธอรีบจิบน้ำชาและสลัดภาพในหัวทิ้งไป….