The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 314 เหตุผล
อันที่จริงสถานการณ์ในตอนนั้นไม่ง่ายอย่างที่จี้เสี่ยวหยูพูดทำไมลูกพี่ลูกน้องของเธอถึงได้พาแฟนไปที่บ้านใหญ่ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าบ้านหลังนั้นเป็นสถานที่ที่คุณปู่ใช้พักฟื้น และพอตอนนี้คุณปู่ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ลูกพี่ลูกน้องของเธอก็พาผู้หญิงที่ดูร้ายๆของเขาเข้ามาในบ้านทันที ซึ่งมันก็พอจะอธิบายถึงปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นได้
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผู้หญิงร้ายๆคนนั้นไม่ต่อว่าจี้เสี่ยวหยูหลายต่อหลายครั้ง เธอก็คงไม่ถึงกับหมดความอดทนง่ายๆ คำพูดเหล่านั้นมันทำร้ายจิตใจมาก แม้ว่าจะไม่มีคำหยาบสักคำ แต่มันกลับทำให้ผู้ฟังรู้สึกทนไม่ได้ยิ่งกว่าคำด่าหยาบคายเสียอีก สีหน้าท่าทางและคำเสียดสีมันทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น
จี้เสี่ยวหยูเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยนไม่ชอบการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับผู้อื่นยิ่งไปกว่านั้นเธอได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี มีการศึกษาที่ดีผู้คนรอบตัวที่เธอคบหาด้วยต่างได้รับการปลูกฝังที่ดี อย่างน้อยก็แสร้งทำเป็นว่าได้รับการปลูกฝังที่ดี ดังนั้นเมื่อพูดถึงการทะเลาะวิวาทแล้ว เธอจะเป็นคู่ต่อสู้กับผู้หญิงร้ายๆแบบนั้นได้อย่างไร
เมื่อเห็นจี้เสี่ยวหยูทำหน้าเศร้าใบหน้าของจี้เฟิงกลับสงบนิ่ง แต่ความจริงแล้วในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและถามอย่างใจเย็น“เสี่ยวหยู บอกพี่มาตามตรง นอกเหนือกจากที่เล่ามา คนพวกนั้นทำอะไรอีก แล้วทำไมอาสะใภ้ถึงบอกให้เธอมาหาพี่”
จี้เสี่ยวหยูเหลือบมองเขาอย่างระมัดระวังปากเล็กๆของเธอขยับเล็กน้อย สีหน้าของเธอดูลำบากใจ เหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดี
จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเขายิ้มและพูดว่า “พูดมาเถอะบางทีการได้ระบายมันออกมาบ้างมันก็ช่วยให้เราสบายใจขึ้นได้นะ”
“อื้ม!”จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าและพูดว่า “พี่สามความจริงแล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แค่ดุฉันแต่เธอยังไปต่อว่าคุณป้าใหญ่ด้วย พอแม่ของฉันรู้เลยแม่เลยจะไปหาผู้หญิงคนนั้นเพื่อถามหาเหตุผล แต่พ่อมาห้ามไว้แถมพ่อยังดุฉันที่เอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้องแม่ แม่เลยบอกให้ฉันมาหาพี่ที่เจียงโจว”
“มาหาฉันทำไม”น้ำเสียงของจี้เฟิงสงบนิ่งมากไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ถ้าคนที่รู้จักเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาจะรู้ทันทีว่านี่คือลางที่บ่งบอกว่าอารมณ์โมโหของจี้เฟิงใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว ยิ่งจี้เฟิงสงบนิ่งมากเท่าไหร่ความโกรธของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
“พี่รองยังมีบ้านที่เจียงโจวอีกหลังหนึ่งแม่ของฉันเลยอยากให้พี่ช่วยจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด แม่จะย้ายมาอยู่ที่นั่นกับคุณป้าใหญ่ พวกเธอไม่อยากอยู่ที่หยานจิงอีกแล้ว!” ใบหน้าของจี้เสี่ยวหยูแดงก่ำ เธอพยายามอดกลั้นเพื่อที่จะไม่ร้องไห้และเก็บกดอารมณ์โกรธไว้ไม่ให้แสดงมันออกมา
“เหอะเหอะ…”จี้เฟิงหัวเราะ แต่ไม่มีรอยยิ้มอยู่ในแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่แสงเย็นวาบที่ฉายออกมาเท่านั้น “ช่างยิ่งใหญ่เสียจริงๆ ถึงกับบีบบังคับอาสะใภ้และคนอื่นๆจนถึงขนาดพวกเขาอยู่ที่หยานจิงต่อไปอีกไม่ได้ จะเก่งกาจอะไรขนาดนั้น!”
“พี่สามฉันเอากุญแจบ้านของพี่รองมาด้วยไว้วันไหนพี่ว่างๆ เราไปทำความสะอาดกัน… ได้มั้ย” จี้เสี่ยวหยูถามระมัดระวัง เธอรู้สึกได้ถึงความโกรธที่อยู่ในใจของจี้เฟิง ถึงแม้ในใจเธอจะรู้สึกสนิทสนมกับญาติคนนี้ที่เพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรก แต่เธอก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง เพราะเมื่อครู่ในตอนที่จี้เฟิงโกรธ เขาเหยียบแขนของถงหวงเหมาจนหัก มันทิ้งความทรงจำในด้านที่โหดร้ายให้กับเสี่ยวหยูอยู่ลึกๆในใจ
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“โอเค ถ้าพี่มีเวลา เอาไว้เราไปทำความสะอาดบ้านด้วยกัน”
“อื้ม!”จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าอย่างแรง เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีจี้เฟิงอยู่ข้างๆ ความรู้สึกอึดอัดและคับข้องใจเมื่อตอนที่เธออยู่หยานจิงได้หายไปแล้ว
โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวจี้เสี่ยวหยู พึ่งพาลูกพี่ลูกน้องของเธอซึ่งเพิ่งพบกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“พี่สามแข็งแกร่งกว่าพี่รองและคนอื่นๆ!”นี่คือจิตใต้สำนึกและความรู้สึกของจี้เสี่ยวหยูที่มีต่อจี้เฟิง ท้ายที่สุดแล้วภาพจำครั้งแรกที่จี้เฟิงได้ทิ้งไว้ฝังอยู่ในจิตใจเธอลึกเกินไปจริงๆ
“เราไปกันเถอะอย่าให้พวกเขาต้องรอนานเลย” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “เสี่ยวหยู วันนี้พี่จะพาเธอไปรู้จักกับแฟนของพี่ล่ะ ดีมั้ย”
“จริงเหรอ!”
ดวงตาของเสี่ยวหยูเป็นประกายขึ้นมาทัน“พี่สามมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย ดีจัง… แต่พี่สะใภ้อาจจะไม่ชอบฉันก็ได้…”
เธอเริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้งยังไงก็ตามครั้งนี้เธอแอบหนีออกจากบ้านมาพร้อมกับคนของพ่อที่แม่ส่งมาคอยดูแลเธอ แบบนี้จะไม่ทำให้พี่สะใภ้สามเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ดื้อรั้นใช่มั้ย
ดูเหมือนว่าจี้เฟิงจะอ่านความคิดของเธอออกเขาอดไม่ได้ที่จะตบหัวของเธอเบาๆและยิ้ม “เด็กโง่ เธอเป็นเด็กที่น่ารักนิสัยดีขนาดนี้ ทำไมแฟนพี่ถึงจะไม่ชอบเธอล่ะ”
จี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการกระทำของจี้เฟิงที่ไปตบหัวของจี้เสี่ยวหยูเมื่อครู่ตกอยู่ในสายตาของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คน มันทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก
แม้ว่าจี้เสี่ยวหยูจะมีนิสัยอ่อนโยนแต่ด้วยสถานะของเธอไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะไปตบหัวเธอเล่นแบบนั้น ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนพลันตึงเครียดขึ้นทันที ดวงตาของพวกเขาจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงอย่างไม่วางตา แต่พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะระยะห่างระหว่างจี้เฟิงกับจี้เสี่ยวหยูนั้นใกล้กันเกินไป เกรงว่ากว่าพวกเขาจะไปถึง จี้เฟิงอาจจะไหวตัวทันและจับตัวจี้เสี่ยวหยูไว้
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิมดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นจี้เสี่ยวหยูผู้ซึ่งถูกจี้เฟิงตบหัวกลับยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข พวกเขาอดไม่ได้ที่จะขยี้ตา และถามตัวเองในใจโดยไม่รู้ตัว นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ยเนี่ย
แต่หลักฐานก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วมันจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก!
“ไอ้บ้านนอกนั่นมันเป็นใครกันแน่ทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกับเสี่ยวหยูนัก?!” เว่ยซินรู้สึกว่าตอนนี้สมองของเธอเหมือนกับหยุดทำงานไปชั่วคราว เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าคนที่เพิ่งเจอกันทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกันได้มากขนาดนี้ เพราะขนาดเธอที่เล่นด้วยกันกับเสี่ยวหยูมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เสี่ยวหยูก็ไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับเธอมากขนาดนี้มาก่อน
เว่ยซินรู้สึกอิจฉาจี้เฟิงอย่างช่วยไม่ได้ถ้าเธอสามารถสร้างความสัมพันธ์กับจี้เสี่ยวหยูได้มากกว่านี้…. ต่อให้ตอนนี้มีผู้คนที่คิดจะหาเรื่องเว่ยซิน แต่พอคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคนของตระกูลจี้ คนเหล่านั้นก็ต้องล่าถอยออกไปทันที แล้วถ้าหากความสัมพันธ์ของเธอกับจี้เสี่ยวหยูก้าวไปอีกขั้นได้ ผลประโยชน์ก็คงจะยิ่งมากขึ้น!
แต่ตอนนี้เว่ยซินรู้ตัวแล้วว่าเมื่อครู่เธอได้ทำให้จี้เสี่ยวหยูไม่พอใจมากเธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เธอไม่ทันคิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยๆที่ได้แต่ทำตามเธอทุกอย่างได้เติบโตขึ้นแล้ว
“ดูเหมือนว่าในอนาคตฉันจะต้องหาวิธีใหม่วิธีที่จะทำให้จี้เสี่ยวหยูสนิทใจกับฉันได้มากกว่านี้ ต้องเลิกคิดว่าเธอเป็นสาวน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว สงสัยต้องชวนเธอไปดื่มสักหน่อยแล้ว!” แม้ว่าเว่ยซินจะดูเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นและอารมณ์ร้าย แต่เธอไม่ใช่คนโง่ พูดกันตามจริง แม้ว่าพวกเธอจะเป็นเพื่อนกัน แต่มีฝ่ายหนึ่งจริงจังกับมันมากกว่าเรื่องของคำว่าเพื่อน ตลอดหลายปีมานี้เว่ยซินอาศัยชื่อเสียงของตระกูลจี้เพื่อทำเรื่องบางอย่าง ถ้าจี้เสี่ยวหยูรู้… อย่าว่าแต่เพื่อนเลย เกรงว่าแม้แต่คนแปลกหน้าก็ยังไม่ได้เป็น!
แต่หลี่ลู่หนานที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเว่ยซินกับรู้สึกโล่งใจจี้เฟิงเป็นคนของตระกูลจี้จริงๆ!
“หมอนี่เป็นลูกคุณหนูตัวจริงเลยแฮะ!แถมยังเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ!” หลี่ลู่หนานอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เมื่อนึกถึงข่าวที่เธอได้รับมาก่อนหน้านี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงอยู่ในใจ “ดูท่าตอนที่เฉียวเจียไคมาถึงเจียงโจว พี่ชายของฉันคงจะถูกเจ้าเหลือขออย่างจี้เฟิงวางแผนกับจี้ช่าวเหลยเพื่อจัดการเขาแน่ๆ เจ้าคนน่ารังเกียจ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแน่!”
หลี่ลู่หนานกำหมัดแน่นและตัดสินใจที่จะคอยจับตามองจี้เฟิง!
“ฉันแค่ต้องการเอาคืนให้พี่ชาย!”หลี่ลู่หนานพูดกับตัวเองในใจ “ฉันไม่ได้ทำเพื่อต้องการจะเข้าใกล้เขา!”
แต่พอจี้เฟิงเดินกลับพร้อมกับจี้เสี่ยวหยูหัวใจของเธอก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก….
“พี่ใหญ่หลิวรบกวนพี่อยู่ที่นี่ก่อนนะ รอตำรวจและรถพยาบาลมาจะได้ให้ข้อมูลพวกเขาถูก พวกเราจะไปกันก่อน” จี้เสี่ยวหยูพูดกับบอดี้การ์ดคนหนึ่งโดยตรง
บอดี้การ์ดที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่หลิวพยักหน้าทันทีและตอบว่า“ครับ!”
“ใช่!เสี่ยวหยูพูดถูก เราไปกันก่อนเถอะ เสี่ยวหยูกับซินซินไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่เพื่อรอพบกับตำรวจ” ชายหนุ่มอีกคนที่ไม่เคยพูดอะไร ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที “แถมตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาขึ้นแสดงของซินซินแล้วด้วย ถ้าเรายังมัวเสียเวลากันอยู่ที่นี่คงได้ไปสายแน่ๆ!”
“ฉันจะนั่งรถของพี่สามไป!”จี้เสี่ยวหยูดูร่าเริงมากเมื่ออยู่ต่อหน้าจี้เฟิง เธอกระโดดโลดเต้นวิ่งไปยังรถ BMWx6 ของจี้เฟิงที่จอดอยู่ข้างหน้า เธอเปิดประตูเข้าไปนั่งและรีบกวักมือเรียกจี้เฟิงที่หน้าต่าง “พี่สามไปกันเร็ว เดี๋ยวเราจะไปงานปาร์ตี้ไม่ทัน ฉันอยากเจอพี่สะใภ้เร็วๆด้วย!”
จี้เฟิงยิ้มและหันมาพูดกับหลี่ลู่หนานว่า“คุณตำรวจจราจรหลี่ไปครับ ขึ้นรถ ผมจะไปส่งคุณก่อน เดี๋ยวรถมอเตอร์ไซค์ของคุณจะหายไปซะก่อน”
“ไม่จำเป็น!”หลี่ลู่หนานกล่าวทันทีว่า “ไม่มีใครกล้าขโมยรถมอเตอร์ไซค์ของฉันหรอก อีกอย่างฉันก็ล็อกไว้อย่างดีแล้ว นายจะรีบไปงานปาร์ตี้ไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะไปงานปาร์ตี้กับนายด้วย!”
ห๊ะจี้เฟิงอึ้งไปทันที “คุณจะไปด้วย? จะไปงานปาร์ตี้ทั้งๆที่สวมเครื่องแบบตำรวจแบบนี้เลยเหรอ?”
“ทำไมนายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” หลี่ลู่หนานแค่นเสียง “ต่อให้นายไม่เห็นด้วยก็ห้ามฉันไม่ได้อยู่ดี!”
พอพูดจบเธอก็เดินตรงไปยังBMWx6 ของจี้เฟิง ท่าทางที่มั่นใจกล้าหาญของเธอทำให้จี้เฟิงได้แต่มองดูด้านหลังเธอพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “เอาล่ะทีนี้ ฉันพาสาวสวยกลับไป จะอธิบายยังไงดี”
ดีว่าที่จี้เสี่ยวหยูคือลูกพี่ลูกน้องเลยไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก เพราะเธอก็ไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ ฉันเชื่อว่าเล่ยเล่ยและหยูซวนจะต้องชอบเธอแน่นอน แต่การที่เขาพาตำรวจจราจรหญิงคนนี้กลับไปแถมยังเป็นตำรวจจราจรหญิงที่สวยจนเหลือเชื่อ จะให้เขาพูดว่ายังไง
“ปัง!”
หลี่ลู่หนานขึ้นรถและปิดประตูทันที
“ยัยคนนี้!”จี้เฟิงไม่มีทางเลือกนอกจากจ้องเขม็งไปที่หลี่ลู่หนานซึ่งนั่งอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว แต่ในใจของเขากลับมีภาพก้นอันอวบอัดของเธอที่อยู่ภายใต้เครื่องแบบตำรวจที่รัดแน่นและเปรียบเทียบกับก้นของเซียวหยูซวนโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้ย!นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่!”
จี้เฟิงรีบสะบัดหัวทันทีและเดินไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้ว่าเว่ยซินหญิงสาวสวมหมวกกำลังอยู่ในอาการช็อกอย่างรุนแรง
ผู้ชายที่โหดเหี้ยมคนนี้คือพี่ชายคนที่สามของจี้เสี่ยวหยู!
คนอื่นอาจไม่รู้จุดประสงค์ของจี้เสี่ยวหยูที่มาเจียงโจวแต่เว่ยซินนั้นรู้ดี!
ระหว่างทางที่มาจี้เสี่ยวหยูได้บอกกับเว่ยซินว่าสาเหตุที่เธอมาเจียงโจวก็เพราะได้รับคำสั่งจากแม่และป้าใหญ่ของเธอให้มาหาพี่ชายคนที่สาม แต่พี่ชายคนนี้เธอไม่เคยได้เห็นหน้ามาก่อน แล้วป้าใหญ่ของจี้เสี่ยวหยู… ไม่ใช่ว่าเธอเป็นแม่ของชายหนุ่มคนนี้หรอกเหรอ!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เว่ยซินก็แทบจะเป็นลมใบหน้าของเธอขาวซีด!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่จี้เสี่ยวหยูจะตะคอกและตำหนิเธอขนาดนั้นกลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของจี้เสี่ยวหยูนี่เอง และในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นทายาทสายตรงของตระกูลจี้!
และในอนาคตพ่อของเขาก็มีโอกาสสูงมากที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งผู้นำสูงสุดของตระกูล! โอ้มายก็อดดด!!
เมื่อกี้นี้ฉันทำอะไรลงไป! !
ใบหน้าของเว่ยซินซีดขาวมากนอกจากนั้นขาของเธอก็สั่นเล็กน้อย เธอพยายามแทบตายเพื่อที่จะผูกมิตรกับจี้เสี่ยวหยู แต่ในชั่วพริบตาเธอกลับทำลายความพยายามมาโดยตลอดของตัวเองด้วยการทำให้ทายาทสายตรงของตระกูลจี้ต้องขุ่นเคือง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ในขณะนั้นในใจของเว่ยซินเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างมากเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะขึ้นรถและบากหน้าตามพี่น้องตระกูลจี้ไปที่งานเลี้ยงนั่นได้ยังไง!
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผู้หญิงร้ายๆคนนั้นไม่ต่อว่าจี้เสี่ยวหยูหลายต่อหลายครั้ง เธอก็คงไม่ถึงกับหมดความอดทนง่ายๆ คำพูดเหล่านั้นมันทำร้ายจิตใจมาก แม้ว่าจะไม่มีคำหยาบสักคำ แต่มันกลับทำให้ผู้ฟังรู้สึกทนไม่ได้ยิ่งกว่าคำด่าหยาบคายเสียอีก สีหน้าท่าทางและคำเสียดสีมันทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น
จี้เสี่ยวหยูเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยนไม่ชอบการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับผู้อื่นยิ่งไปกว่านั้นเธอได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี มีการศึกษาที่ดีผู้คนรอบตัวที่เธอคบหาด้วยต่างได้รับการปลูกฝังที่ดี อย่างน้อยก็แสร้งทำเป็นว่าได้รับการปลูกฝังที่ดี ดังนั้นเมื่อพูดถึงการทะเลาะวิวาทแล้ว เธอจะเป็นคู่ต่อสู้กับผู้หญิงร้ายๆแบบนั้นได้อย่างไร
เมื่อเห็นจี้เสี่ยวหยูทำหน้าเศร้าใบหน้าของจี้เฟิงกลับสงบนิ่ง แต่ความจริงแล้วในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและถามอย่างใจเย็น“เสี่ยวหยู บอกพี่มาตามตรง นอกเหนือกจากที่เล่ามา คนพวกนั้นทำอะไรอีก แล้วทำไมอาสะใภ้ถึงบอกให้เธอมาหาพี่”
จี้เสี่ยวหยูเหลือบมองเขาอย่างระมัดระวังปากเล็กๆของเธอขยับเล็กน้อย สีหน้าของเธอดูลำบากใจ เหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดี
จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเขายิ้มและพูดว่า “พูดมาเถอะบางทีการได้ระบายมันออกมาบ้างมันก็ช่วยให้เราสบายใจขึ้นได้นะ”
“อื้ม!”จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าและพูดว่า “พี่สามความจริงแล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แค่ดุฉันแต่เธอยังไปต่อว่าคุณป้าใหญ่ด้วย พอแม่ของฉันรู้เลยแม่เลยจะไปหาผู้หญิงคนนั้นเพื่อถามหาเหตุผล แต่พ่อมาห้ามไว้แถมพ่อยังดุฉันที่เอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้องแม่ แม่เลยบอกให้ฉันมาหาพี่ที่เจียงโจว”
“มาหาฉันทำไม”น้ำเสียงของจี้เฟิงสงบนิ่งมากไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ถ้าคนที่รู้จักเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาจะรู้ทันทีว่านี่คือลางที่บ่งบอกว่าอารมณ์โมโหของจี้เฟิงใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว ยิ่งจี้เฟิงสงบนิ่งมากเท่าไหร่ความโกรธของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
“พี่รองยังมีบ้านที่เจียงโจวอีกหลังหนึ่งแม่ของฉันเลยอยากให้พี่ช่วยจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด แม่จะย้ายมาอยู่ที่นั่นกับคุณป้าใหญ่ พวกเธอไม่อยากอยู่ที่หยานจิงอีกแล้ว!” ใบหน้าของจี้เสี่ยวหยูแดงก่ำ เธอพยายามอดกลั้นเพื่อที่จะไม่ร้องไห้และเก็บกดอารมณ์โกรธไว้ไม่ให้แสดงมันออกมา
“เหอะเหอะ…”จี้เฟิงหัวเราะ แต่ไม่มีรอยยิ้มอยู่ในแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่แสงเย็นวาบที่ฉายออกมาเท่านั้น “ช่างยิ่งใหญ่เสียจริงๆ ถึงกับบีบบังคับอาสะใภ้และคนอื่นๆจนถึงขนาดพวกเขาอยู่ที่หยานจิงต่อไปอีกไม่ได้ จะเก่งกาจอะไรขนาดนั้น!”
“พี่สามฉันเอากุญแจบ้านของพี่รองมาด้วยไว้วันไหนพี่ว่างๆ เราไปทำความสะอาดกัน… ได้มั้ย” จี้เสี่ยวหยูถามระมัดระวัง เธอรู้สึกได้ถึงความโกรธที่อยู่ในใจของจี้เฟิง ถึงแม้ในใจเธอจะรู้สึกสนิทสนมกับญาติคนนี้ที่เพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรก แต่เธอก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง เพราะเมื่อครู่ในตอนที่จี้เฟิงโกรธ เขาเหยียบแขนของถงหวงเหมาจนหัก มันทิ้งความทรงจำในด้านที่โหดร้ายให้กับเสี่ยวหยูอยู่ลึกๆในใจ
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“โอเค ถ้าพี่มีเวลา เอาไว้เราไปทำความสะอาดบ้านด้วยกัน”
“อื้ม!”จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าอย่างแรง เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีจี้เฟิงอยู่ข้างๆ ความรู้สึกอึดอัดและคับข้องใจเมื่อตอนที่เธออยู่หยานจิงได้หายไปแล้ว
โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวจี้เสี่ยวหยู พึ่งพาลูกพี่ลูกน้องของเธอซึ่งเพิ่งพบกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“พี่สามแข็งแกร่งกว่าพี่รองและคนอื่นๆ!”นี่คือจิตใต้สำนึกและความรู้สึกของจี้เสี่ยวหยูที่มีต่อจี้เฟิง ท้ายที่สุดแล้วภาพจำครั้งแรกที่จี้เฟิงได้ทิ้งไว้ฝังอยู่ในจิตใจเธอลึกเกินไปจริงๆ
“เราไปกันเถอะอย่าให้พวกเขาต้องรอนานเลย” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “เสี่ยวหยู วันนี้พี่จะพาเธอไปรู้จักกับแฟนของพี่ล่ะ ดีมั้ย”
“จริงเหรอ!”
ดวงตาของเสี่ยวหยูเป็นประกายขึ้นมาทัน“พี่สามมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย ดีจัง… แต่พี่สะใภ้อาจจะไม่ชอบฉันก็ได้…”
เธอเริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้งยังไงก็ตามครั้งนี้เธอแอบหนีออกจากบ้านมาพร้อมกับคนของพ่อที่แม่ส่งมาคอยดูแลเธอ แบบนี้จะไม่ทำให้พี่สะใภ้สามเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ดื้อรั้นใช่มั้ย
ดูเหมือนว่าจี้เฟิงจะอ่านความคิดของเธอออกเขาอดไม่ได้ที่จะตบหัวของเธอเบาๆและยิ้ม “เด็กโง่ เธอเป็นเด็กที่น่ารักนิสัยดีขนาดนี้ ทำไมแฟนพี่ถึงจะไม่ชอบเธอล่ะ”
จี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการกระทำของจี้เฟิงที่ไปตบหัวของจี้เสี่ยวหยูเมื่อครู่ตกอยู่ในสายตาของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คน มันทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก
แม้ว่าจี้เสี่ยวหยูจะมีนิสัยอ่อนโยนแต่ด้วยสถานะของเธอไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะไปตบหัวเธอเล่นแบบนั้น ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนพลันตึงเครียดขึ้นทันที ดวงตาของพวกเขาจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงอย่างไม่วางตา แต่พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะระยะห่างระหว่างจี้เฟิงกับจี้เสี่ยวหยูนั้นใกล้กันเกินไป เกรงว่ากว่าพวกเขาจะไปถึง จี้เฟิงอาจจะไหวตัวทันและจับตัวจี้เสี่ยวหยูไว้
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิมดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นจี้เสี่ยวหยูผู้ซึ่งถูกจี้เฟิงตบหัวกลับยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข พวกเขาอดไม่ได้ที่จะขยี้ตา และถามตัวเองในใจโดยไม่รู้ตัว นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ยเนี่ย
แต่หลักฐานก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วมันจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก!
“ไอ้บ้านนอกนั่นมันเป็นใครกันแน่ทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกับเสี่ยวหยูนัก?!” เว่ยซินรู้สึกว่าตอนนี้สมองของเธอเหมือนกับหยุดทำงานไปชั่วคราว เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าคนที่เพิ่งเจอกันทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกันได้มากขนาดนี้ เพราะขนาดเธอที่เล่นด้วยกันกับเสี่ยวหยูมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เสี่ยวหยูก็ไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับเธอมากขนาดนี้มาก่อน
เว่ยซินรู้สึกอิจฉาจี้เฟิงอย่างช่วยไม่ได้ถ้าเธอสามารถสร้างความสัมพันธ์กับจี้เสี่ยวหยูได้มากกว่านี้…. ต่อให้ตอนนี้มีผู้คนที่คิดจะหาเรื่องเว่ยซิน แต่พอคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคนของตระกูลจี้ คนเหล่านั้นก็ต้องล่าถอยออกไปทันที แล้วถ้าหากความสัมพันธ์ของเธอกับจี้เสี่ยวหยูก้าวไปอีกขั้นได้ ผลประโยชน์ก็คงจะยิ่งมากขึ้น!
แต่ตอนนี้เว่ยซินรู้ตัวแล้วว่าเมื่อครู่เธอได้ทำให้จี้เสี่ยวหยูไม่พอใจมากเธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เธอไม่ทันคิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยๆที่ได้แต่ทำตามเธอทุกอย่างได้เติบโตขึ้นแล้ว
“ดูเหมือนว่าในอนาคตฉันจะต้องหาวิธีใหม่วิธีที่จะทำให้จี้เสี่ยวหยูสนิทใจกับฉันได้มากกว่านี้ ต้องเลิกคิดว่าเธอเป็นสาวน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว สงสัยต้องชวนเธอไปดื่มสักหน่อยแล้ว!” แม้ว่าเว่ยซินจะดูเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นและอารมณ์ร้าย แต่เธอไม่ใช่คนโง่ พูดกันตามจริง แม้ว่าพวกเธอจะเป็นเพื่อนกัน แต่มีฝ่ายหนึ่งจริงจังกับมันมากกว่าเรื่องของคำว่าเพื่อน ตลอดหลายปีมานี้เว่ยซินอาศัยชื่อเสียงของตระกูลจี้เพื่อทำเรื่องบางอย่าง ถ้าจี้เสี่ยวหยูรู้… อย่าว่าแต่เพื่อนเลย เกรงว่าแม้แต่คนแปลกหน้าก็ยังไม่ได้เป็น!
แต่หลี่ลู่หนานที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเว่ยซินกับรู้สึกโล่งใจจี้เฟิงเป็นคนของตระกูลจี้จริงๆ!
“หมอนี่เป็นลูกคุณหนูตัวจริงเลยแฮะ!แถมยังเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ!” หลี่ลู่หนานอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เมื่อนึกถึงข่าวที่เธอได้รับมาก่อนหน้านี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงอยู่ในใจ “ดูท่าตอนที่เฉียวเจียไคมาถึงเจียงโจว พี่ชายของฉันคงจะถูกเจ้าเหลือขออย่างจี้เฟิงวางแผนกับจี้ช่าวเหลยเพื่อจัดการเขาแน่ๆ เจ้าคนน่ารังเกียจ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแน่!”
หลี่ลู่หนานกำหมัดแน่นและตัดสินใจที่จะคอยจับตามองจี้เฟิง!
“ฉันแค่ต้องการเอาคืนให้พี่ชาย!”หลี่ลู่หนานพูดกับตัวเองในใจ “ฉันไม่ได้ทำเพื่อต้องการจะเข้าใกล้เขา!”
แต่พอจี้เฟิงเดินกลับพร้อมกับจี้เสี่ยวหยูหัวใจของเธอก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก….
“พี่ใหญ่หลิวรบกวนพี่อยู่ที่นี่ก่อนนะ รอตำรวจและรถพยาบาลมาจะได้ให้ข้อมูลพวกเขาถูก พวกเราจะไปกันก่อน” จี้เสี่ยวหยูพูดกับบอดี้การ์ดคนหนึ่งโดยตรง
บอดี้การ์ดที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่หลิวพยักหน้าทันทีและตอบว่า“ครับ!”
“ใช่!เสี่ยวหยูพูดถูก เราไปกันก่อนเถอะ เสี่ยวหยูกับซินซินไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่เพื่อรอพบกับตำรวจ” ชายหนุ่มอีกคนที่ไม่เคยพูดอะไร ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที “แถมตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาขึ้นแสดงของซินซินแล้วด้วย ถ้าเรายังมัวเสียเวลากันอยู่ที่นี่คงได้ไปสายแน่ๆ!”
“ฉันจะนั่งรถของพี่สามไป!”จี้เสี่ยวหยูดูร่าเริงมากเมื่ออยู่ต่อหน้าจี้เฟิง เธอกระโดดโลดเต้นวิ่งไปยังรถ BMWx6 ของจี้เฟิงที่จอดอยู่ข้างหน้า เธอเปิดประตูเข้าไปนั่งและรีบกวักมือเรียกจี้เฟิงที่หน้าต่าง “พี่สามไปกันเร็ว เดี๋ยวเราจะไปงานปาร์ตี้ไม่ทัน ฉันอยากเจอพี่สะใภ้เร็วๆด้วย!”
จี้เฟิงยิ้มและหันมาพูดกับหลี่ลู่หนานว่า“คุณตำรวจจราจรหลี่ไปครับ ขึ้นรถ ผมจะไปส่งคุณก่อน เดี๋ยวรถมอเตอร์ไซค์ของคุณจะหายไปซะก่อน”
“ไม่จำเป็น!”หลี่ลู่หนานกล่าวทันทีว่า “ไม่มีใครกล้าขโมยรถมอเตอร์ไซค์ของฉันหรอก อีกอย่างฉันก็ล็อกไว้อย่างดีแล้ว นายจะรีบไปงานปาร์ตี้ไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะไปงานปาร์ตี้กับนายด้วย!”
ห๊ะจี้เฟิงอึ้งไปทันที “คุณจะไปด้วย? จะไปงานปาร์ตี้ทั้งๆที่สวมเครื่องแบบตำรวจแบบนี้เลยเหรอ?”
“ทำไมนายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” หลี่ลู่หนานแค่นเสียง “ต่อให้นายไม่เห็นด้วยก็ห้ามฉันไม่ได้อยู่ดี!”
พอพูดจบเธอก็เดินตรงไปยังBMWx6 ของจี้เฟิง ท่าทางที่มั่นใจกล้าหาญของเธอทำให้จี้เฟิงได้แต่มองดูด้านหลังเธอพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “เอาล่ะทีนี้ ฉันพาสาวสวยกลับไป จะอธิบายยังไงดี”
ดีว่าที่จี้เสี่ยวหยูคือลูกพี่ลูกน้องเลยไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก เพราะเธอก็ไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ ฉันเชื่อว่าเล่ยเล่ยและหยูซวนจะต้องชอบเธอแน่นอน แต่การที่เขาพาตำรวจจราจรหญิงคนนี้กลับไปแถมยังเป็นตำรวจจราจรหญิงที่สวยจนเหลือเชื่อ จะให้เขาพูดว่ายังไง
“ปัง!”
หลี่ลู่หนานขึ้นรถและปิดประตูทันที
“ยัยคนนี้!”จี้เฟิงไม่มีทางเลือกนอกจากจ้องเขม็งไปที่หลี่ลู่หนานซึ่งนั่งอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว แต่ในใจของเขากลับมีภาพก้นอันอวบอัดของเธอที่อยู่ภายใต้เครื่องแบบตำรวจที่รัดแน่นและเปรียบเทียบกับก้นของเซียวหยูซวนโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้ย!นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่!”
จี้เฟิงรีบสะบัดหัวทันทีและเดินไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้ว่าเว่ยซินหญิงสาวสวมหมวกกำลังอยู่ในอาการช็อกอย่างรุนแรง
ผู้ชายที่โหดเหี้ยมคนนี้คือพี่ชายคนที่สามของจี้เสี่ยวหยู!
คนอื่นอาจไม่รู้จุดประสงค์ของจี้เสี่ยวหยูที่มาเจียงโจวแต่เว่ยซินนั้นรู้ดี!
ระหว่างทางที่มาจี้เสี่ยวหยูได้บอกกับเว่ยซินว่าสาเหตุที่เธอมาเจียงโจวก็เพราะได้รับคำสั่งจากแม่และป้าใหญ่ของเธอให้มาหาพี่ชายคนที่สาม แต่พี่ชายคนนี้เธอไม่เคยได้เห็นหน้ามาก่อน แล้วป้าใหญ่ของจี้เสี่ยวหยู… ไม่ใช่ว่าเธอเป็นแม่ของชายหนุ่มคนนี้หรอกเหรอ!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เว่ยซินก็แทบจะเป็นลมใบหน้าของเธอขาวซีด!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่จี้เสี่ยวหยูจะตะคอกและตำหนิเธอขนาดนั้นกลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของจี้เสี่ยวหยูนี่เอง และในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นทายาทสายตรงของตระกูลจี้!
และในอนาคตพ่อของเขาก็มีโอกาสสูงมากที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งผู้นำสูงสุดของตระกูล! โอ้มายก็อดดด!!
เมื่อกี้นี้ฉันทำอะไรลงไป! !
ใบหน้าของเว่ยซินซีดขาวมากนอกจากนั้นขาของเธอก็สั่นเล็กน้อย เธอพยายามแทบตายเพื่อที่จะผูกมิตรกับจี้เสี่ยวหยู แต่ในชั่วพริบตาเธอกลับทำลายความพยายามมาโดยตลอดของตัวเองด้วยการทำให้ทายาทสายตรงของตระกูลจี้ต้องขุ่นเคือง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ในขณะนั้นในใจของเว่ยซินเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างมากเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะขึ้นรถและบากหน้าตามพี่น้องตระกูลจี้ไปที่งานเลี้ยงนั่นได้ยังไง!