The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 315 คำถาม
เมื่อเซียวหยูซวนเห็นจี้เสี่ยวหยูและหลี่ลู่หนานเธอก็ยืนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
จี้เฟิง…สองคนนี้… เซียวหยูซวนมองดูจี้เสี่ยวหยูและหลี่ลู่หนานด้วยความประหลาดใจ เด็กสาวคนหนึ่งดูเรียบร้อยน่ารักน่าเอ็นดู ส่วนอีกคนดูกล้าหาญสง่างาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงสาวทั้งสองคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามเซียวหยูซวนไม่ได้รู้สึกอิจฉาด้วยเหตุนี้เธอรู้ว่าจี้เฟิงจะไม่มีทางพาผู้หญิงสองคนนี้กลับมาที่บ้านโดยไม่มีเหตุผลที่ดีพอ
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจแต่ภายนอกเขานั้นยิ้มน้อยๆและเริ่มแนะนำสาวงามทั้งสามคนให้รู้จักกัน ให้ฉันแนะนำเลยแล้วกัน นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง เธอชื่อเสี่ยวหยูเพิ่งมาจากหยานจิง ส่วนนี่คือ… ตำรวจจราจรหญิงหลี่ลู่หนานเธอเป็น… เออใช่! เธอเป็นเพื่อนฉันเอง!
เขาหันหน้าและพูดกับสาวสวยทั้งสอง นี่คือแฟนของฉัน เซียวหยูซวน
เซียวหยูซวนผงะไปเล็กน้อยลูกพี่ลูกน้องของจี้เฟิง
เซียวหยูซวนพิจารณามองดูจี้เสี่ยวหยูอย่างละเอียดและเธอก็พบว่ารูปลักษณ์บางส่วนของเสี่ยวหยูนั้นมีส่วนคล้ายกับจี้เฟิงโดยเฉพาะตรงหน้าผากกับหว่างคิ้วที่เป็นจุดเด่นและดูเหมือนว่าพวกเขานั้นเป็นพี่น้องกันจริงๆ
ใบหน้าสวยที่มีเสน่ห์ของเซียวหยูซวนก็เผยรอยยิ้มอันแสนหวานเธอรีบก้าวไปข้างหน้าจับมือเล็กๆของจี้เสี่ยวหยูและพูดด้วยรอยยิ้มว่า น้องสาวเสี่ยวหยูนี่เอง ยินดีที่ได้พบเธอนะ
เธอหันหน้าไปทางหลี่ลู่หนานและพูดว่า คุณหลี่ ยินดีต้อนรับนะคะ
ในเมื่อจี้เฟิงแนะนำพวกเธอแตกต่างกันทัศนคติของเซียวหยูซวนที่มีต่อพวกเธอก็แตกต่างกันไปด้วย หนึ่งในนั้นคือคนในครอบครัวและอีกหนึ่งเป็นแขก
เมื่อเห็นเซียวหยูซวนที่ดูงดงามราวกับดอกไม้เธอช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลแม้แต่ในสายตาผู้หญิงด้วยกันเองก็สัมผัสได้ถึงความงามนั้น จี้เสี่ยวหยูและหลี่ลู่หนานก็ตกตะลึงไปพร้อมๆกัน พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าแฟนสาวของจี้เฟิงจะสวยงามและมีเสน่ห์มากขนาดนี้
จู่ๆเสี่ยวหยูก็พูดด้วยท่าทีเขินอายว่า พี่สะใภ้ พี่สวยมากเลยค่ะ!
หือ!
ใบหน้าที่สวยงามของเซียวหยูซวนแดงก่ำแม้ว่าเธอกับจี้เฟิงจะเคยทำกันมาแล้วทุกท่า… เอ่อทุกอย่าง แต่การที่ถูกจี้เสี่ยวหยูเรียกว่าพี่สะใภ้ก็ยังทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูกอยู่ดี
เสี่ยวหยูเรียกพี่สาวเฉยๆก็พอจ้ะ แม้ว่าเซียวหยูซวนจะแอบรู้สึกดีที่ถูกเรียกแบบนั้น แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงบอบบางอยู่ พี่สาวหยูซวน จี้เสี่ยวหยูเรียกออกมาอย่างเชื่อฟังทันที
ใบหน้าของเซียวหยูซวนเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ออกมาทันทีเธอพยักหน้าและกล่าวว่า เสี่ยวหยูเข้าไปในบ้านก่อน คุณหลี่เชิญไปนั่งพักที่ห้องนั่งเล่นก่อนค่ะ
แม้จะคุยกันเสี่ยวหยูแต่เซียวหยูซวนก็ไม่ลืมที่จะเชิญแขกให้เข้าไปในบ้านด้วยเช่นกัน เธอผู้ซึ่งเกิดมาในครอบครัวพ่อค้าย่อมรู้วิธีที่จะปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมและมีมารยาท
จี้เฟิงยืนมองอยู่ข้างๆเขายังคงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจไม่แปลกที่จี้เสี่ยวหยูจะมา แต่หลี่ลู่หนานนี่สิ เธอตามมาด้วยทำไม… จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตบหน้าผากของตัวเอง
อะ..แฮ่ม!
จี้เฟิงกระแอมไอและพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่ต้องไปที่ห้องนั่งเล่นหรอก หยูซวนล็อกประตูเลยเราจะไปมหาลัยกัน งานเลี้ยงน่าจะใกล้เริ่มแล้วล่ะ เดิมทีเซียวหยูซวนนั้นรู้อยู่แล้วว่าจี้เฟิงจะมารับที่บ้านเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยด้วยกันแต่จู่ๆมีแขกมาที่บ้าน เธอจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น
แต่เมื่อตอนนี้จี้เฟิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเธอจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจี้เฟิงแล้วเหลือบมองไปที่จี้เสี่ยวหยูและหลี่ลู่หนาน
พี่สาวหยูซวนเราไปด้วยกันเถอะ ฉันยังไม่เคยไปงานปาร์ตี้ในมหาวิทยาลัยเลย ฉันอยากเห็นว่ามันจะน่าสนุกแค่ไหน! จี้เสี่ยวหยูพูดอย่างร่าเริง
ฉันก็จะไปด้วย! หลี่ลู่หนานพูดอยู่ข้างๆ
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ คุณตำรวจจราจรหลี่ คุณจะไปร่วมงานเลี้ยงจริงๆ… โอเค! เราไปกันเลย!
จี้เฟิงเพิ่งพูดไปได้ประโยคเดียวก็เหลือบไปเห็นแววตาอาฆาตที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาคู่งามของหลี่ลู่หนาน เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที เซียวหยูซวนมองจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่งก่อนที่จะหันไปคุยเล่นกับจี้เสี่ยวหยูอีกครั้ง
จี้เฟิงยังคงขับรถBMWx6 ของเขา ส่วนชายฉกรรจ์ทั้งสามคนขับรถ BMWx6 อีกคันตามมาติดๆ ส่วนเว่ยซินและชายหนุ่มอีกคน พวกเขานั่งอยู่ในรถปอร์เช่และไม่กล้าแม้แต่จะลงจากรถ
จี้เฟิงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลยและพวกเขาก็ไม่กล้าทำตัวอวดดีอีกต่อไป และแม้แต่ประตูบ้านของจี้เฟิงพวกเขาก็ไม่กล้าก้าวเข้ามา
ดูเหมือนว่าจี้เสี่ยวหยูจะลืมเว่ยซินและคนอื่นๆไปเสียสนิทจนกระทั่งเธอขึ้นรถอีกครั้ง เธอเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้จึงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วกดหมายเลขเพื่อโทรออก ซินซิน ไปกันเถอะ ขับตามมานะ!
จี้เฟิงนั่งอยู่ที่นั่งคนขับด้านหน้าเขาไม่อยากพูดอะไรที่เกี่ยวกับเว่ยซินอีก เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่พอใจเว่ยซินอยู่พอสมควร ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเพิกเฉยไปก่อน อย่างไรก็ตามจี้เสี่ยวหยูมีนิสัยที่ใจดีและอ่อนโยน หากพูดขึ้นมาตอนนี้อาจทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจได้
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจแทบทุกอย่างก้าวของจี้เสี่ยวหยู มีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าระวังอยู่ไม่ห่าง เรื่องนี้ทำให้เธอแอบรู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย ลูกหลานตระกูลใหญ่นั้นช่างแตกต่างกับเด็กธรรมดาทั่วไปมากจริงๆ
คนกลุ่มนี้เดินทางด้วยรถBMWx6 สองคัน และปอร์เช่ คาเยนน์อีกหนึ่งคัน แม้ว่าสำหรับเมืองใหญ่อย่างเจียงโจว การเดินทางด้วยรถระดับนี้จะไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่พออยู่ในสหพันธ์มหาวิทยาลัยก็มากเกินพอที่จะทำให้เกิดความโกลาหลได้ อันที่จริงแค่รถหรูคันเดียวก็เป็นจุดเด่นมากพอแล้ว แต่นี่มีถึงสามคันที่ขับมาพร้อมๆกัน
ดังนั้นเมื่อจี้เฟิงและพรรคพวกของเขาเข้ามาภายในมหาวิทยาลัยก็ทำให้นักเรียนนักศึกษาหลายคนพากันมามุงดู โชคดีที่งานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว นักศึกษาส่วนใหญ่จึงอยู่ที่หอเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยง ในส่วนอื่นๆของมหาวิทยาลัยจึงยังเหลือผู้คนไม่มากนัก ไม่อย่างนั้นคงสร้างความฮือฮาได้มากกว่านี้
ถงเล่ยและจางเล่ยรวมถึง ฮั่นจง จ้าวไคและตู้เส้าเฟิงเพื่อร่วมหอพักของจี้เฟิงกำลังยืนรอจี้เฟิงอยู่ที่ทางเข้าหอประชุม เมื่อพวกเขาเห็นจี้เฟิงและพรรคพวกของเขากำลังเดินมา สายตาของพวกเขาก็ค่อยๆเบิกกว้างขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนุ่มๆอย่างจางเล่ยและเพื่อนๆร่วมหอพักของจี้เฟิงต่างเบิกตากว้างในทันที แม้แต่ตู้เส้าเฟิงที่มักจะมีสายตาในการมองความสวยความงามที่แย่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างจ้องมองไปที่เซียวหยูซวนและหญิงสาวที่อยู่ข้างๆจี้เฟิงอย่างตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่เว่ยซินที่สวมหมวกแก๊ปสีชมพูเดินมาพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกสามคน ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าสมองพวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่พวกเขากำลังมองอยู่ได้
ถงเล่ยรู้สึกประหลาดใจมากแต่เธอนั้นเก็บอาการได้ดีกว่าเซียวหยูซวนเล็กน้อยเพราะปกติแล้วถงเล่ยเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกเย็นชา และเคยเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา
จี้เฟิงคนเหล่านี้… ถงเล่ยถามด้วยความสงสัย
ไว้ฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลังตอนนี้ฉันคงอธิบายให้ชัดเจนไม่ได้ภายในสองสามคำ จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม พวกเราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้วใช่มั้ย
ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง จางเล่ยตอบทันที เขามองจี้เฟิงและเซียวหยูซวนสลับไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าของจี้เฟิงจากนั้นก็กอดคอของเขาไว้แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆว่า ไอ้บ้าเอ๊ย คนอย่างนายนี่มันสมควรโดนทุบจริงๆ! จี้เฟิงตกตะลึงพร้อมกับหัวใจของเขาที่เต้นแรงจางเล่ยรู้เรื่องระหว่างเขากับหยูซวนแล้วงั้นเหรอ
นายหมายถึงเรื่องอะไรเนี่ย จี้เฟิงตีเนียนถามราวกับว่าเขาไม่รู้
หึ!เจ้าบ้า ยังจะมาตีหน้าซื่อได้อยู่อีกเหรอ จางเล่ยหน้าบึ้ง ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะคุย รอให้พวกเขาเข้าไปข้างในกันให้หมดก่อน แล้วฉันจะมาคิดบัญชีกับนาย!
เมื่อจางเล่ยพูดจบเขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นร่าเริงเหมือนเดิมก่อนที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า เข้าไปข้างในกันก่อนเลย ฉันมีเรื่องจะบอกอะไรจี้เฟิงหน่อย
จี้เฟิงพยายามฝืนยิ้มและพูดว่า อย่างที่เขาว่านั่นแหละ เข้าไปกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันรีบตามเข้าไป!
ถงเล่ยและคนอื่นๆไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเซียวหยูซวนจับมือเล็กๆของจี้เสี่ยวหยูและเดินเข้าหอประชุมไปด้วยกัน ส่วนเว่ยซินมีสตาฟสองคนมารับเธอโดยเฉพาะ ผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกันกับเว่ยซินยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่
ในเวลานี้จี้เฟิงได้ยินเนื้อหาบางคำจึงทำให้เขารู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเว่ยซิน
เจ้าบ้ามานี่! น้ำเสียงของจางเล่ยดูไม่เป็นมิตรเลย เขาพูดด้วยเสียงต่ำ
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น เล่ยซือ นายอยากจะพูดอะไรก็พูดมาได้เลย ด้วยความสัมพันธ์ของเรานายไม่จำเป็นต้องทำตัวลึกลับขนาดนี้
ไอ้บ้าเอ๊ย!นายยังจำได้อยู่อีกเหรอว่าเราเป็นพี่น้องกัน! จางเล่ยปล่อยอารมณ์โกรธออกมาทันที ถ้านายยังเห็นฉันเป็นพี่น้องกับนาย งั้นฉันจะขอถามนายตรงๆว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกับอาจารย์เซียวคืออะไร!
เธอเป็นแฟนฉัน! จี้เฟิงตอบตรงๆโดยไม่ปิดบัง ใบหน้าของจางเล่ยมืดครึ้มลงทันที แล้วเล่ยเล่ยล่ะ นายจะทำยังไงกับเธอ?!
เธอก็เป็นแฟนฉันเหมือนกันพวกเธอทั้งสองคนเป็นครอบครัวของฉัน! จี้เฟิงกล่าวอย่างจริงจัง
เหอะ!พูดได้ดี! จางเล่ยพ่นลมออกจมูกอย่างไม่พอใจ งั้นฉันขอถามนายอีกข้อ ถ้าเล่ยเล่ยรู้เรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ นายไม่รู้จักนิสัยของเธอเลยสินะ นายไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าเกิดเล่ยเล่ยรู้ขึ้นมาเธอจะเสียใจมากขนาดไหน นายเคยคิดถึงใจเธอบ้างมั้ย?!
เธอรู้แล้ว!
จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว ถ้าฉันบอกนายว่าที่ฉันกับหยูซวนคบกันได้ จริงๆแล้วเล่ยเล่ยก็มีส่วนสนับสนุนในเรื่องนั้นด้วยเหมือนกัน นายจะเชื่อหรือเปล่า
อะ…. <ไอ้หน้าหม้อ!> จางเล่ยกลั้นหายใจอยู่นานถึงจะสามารถกลั้นคำด่าคำนี้ไว้ได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ไม่รู้จะพูดอะไรดี จี้เฟิงถอนหายใจแล้วพูดว่า เล่ยซือ ฉันไม่เคยคิดที่จะปิดบังเรื่องพวกนี้กับนายเลย และฉันก็ไม่ต้องการปิดบังจากเล่ยเล่ยด้วยเหมือนกัน ฉันเคยพูดไปอย่างชัดเจนแล้วว่าฉันจะไม่ทำให้เล่ยเล่ยต้องเสียใจ ในความเป็นจริงถ้าเล่ยเล่ยไม่เห็นด้วย นายคิดว่าฉันกับหยูซวนจะอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ได้เหรอ
…. ความโกรธที่แสดงออกบนใบหน้าของจางเล่ยลดลงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็บ่นออกมา พระเจ้า! มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ทำไมนายถึงมีแฟนสองคนแถมยังคบกันได้อย่างเปิดเผยอีก แต่เพื่อนรักของนายคนนี้กลับไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ!
จี้เฟิงยิ้มพอได้ยินคำพูดนี้เขาก็รู้แล้วว่าความโกรธของจางเล่ยหายไปแล้ว
ช่างมันเถอะ! จางเล่ยส่ายหัว เจ้าบ้า ฉันไม่สนใจเรื่องของนายแล้ว… ทำไมเล่ยเล่ยของฉันถึงได้ไปชอบคนเจ้าชู้แบบนายได้ล่ะเนี่ย! จู่ๆเขาก็ยกนิ้วโป้งให้ เจ้าบ้า สุดยอดว่ะเพื่อน นายนี่เจ๋งจริงๆ!
ในความเป็นจริงถ้าจะบอกว่าจางเล่ยไม่หลงเหลือความโกรธอยู่ในใจเลยก็คงจะไม่ใช่อย่างไรก็ตามไม่มีพี่ชายคนไหนต้องการเห็นน้องสาวของตัวเองต้องเสียเปรียบและทุกข์ใจ
แต่ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพี่น้องของเขาและจี้เฟิงเพราะแค่ตัวเล่ยเล่ยเองยังเห็นด้วย ดังนั้นตัวเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากไปกว่านี้
นอกจากจี้จางเล่ยยังรู้ดีว่าการมีคนรักหลายคนในตระกูลที่ร่ำรวยอย่างพวกเขามันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วแต่ความแตกต่างคือคนอื่นๆไม่ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ อย่างน้อยคนที่รู้ก็ไม่พูดเพื่อให้พวกเขายังมีหน้ามีตาในสังคมได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
แต่ความสัมพันธ์ของเขากับจี้เฟิงนั้นต่างออกไปพวกเขาเป็นเพื่อนรักที่เรียกได้ว่าตายแทนกันได้ แม้คนอื่นๆจะไม่สามารถพูดได้ แต่จางเล่ยสามารถพูดออกมาได้โดยไม่ลังเลเพราะถ้าจี้เฟิงกล้าทำให้เล่ยเล่ยต้องผิดหวัง เขาจะต้องจับจี้เฟิงมาทุบตีจนกว่าสำนึกอย่างแน่นอน!
นี่คือเหตุผลที่จางเล่ยถามจี้เฟิงไปตรงๆแต่คำตอบที่เขาได้รับนั้นกลับทำให้เขาเป็นฝ่ายที่พูดไม่ออกเสียเอง
ดูเหมือนว่าเล่ยเล่ยจะรักนายมากจริงๆ! จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เข้าไม่เข้าใจความคิดของถงเล่ยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรักจี้เฟิงมากเกินไป เล่ยเล่ยคงไม่ทำแบบนี้แน่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะแบ่งปันผู้ชายที่ตัวเองรักให้กับคนอื่น!