The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 319 เทคนิคพิเศษ
จนแล้วจนรอดแผนการของจี้เฟิงก็ถูกหยางเต๋อจ้าวขัดขวางไว้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้จี้เฟิงนำยาตัวใหม่ขึ้นสายการผลิต เขายืนเถียงกับจี้เฟิงจนหน้าดำหน้าแดง ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ด้วยความจนใจจี้เฟิงจึงต้องยอมถอยหลังไปหนึ่งก้าว ลุงหยาง ผมไม่ได้ต้องการผลิตยาตัวนี้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายแต่ผมมีเหตุผลบางอย่าง อืม… ผมแค่อยากลองใช้อุปกรณ์ในห้องแล็บ ยาที่ทำก็เป็นยาง่ายๆไม่อันตราย ผมรับประกันว่ามันจะไม่ออกสู่ตลาดอย่างแน่นอน และยาตัวนี้ผมจะทดลองมันด้วยตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ลุงหยางพอจะโอเคมั้ย
หยางเต๋อจ้าวมองจี้เฟิงด้วยแววตาสงสัยในความคิดของเขา จี้เฟิงจะไม่มีทางยอมถอยง่ายๆ เขาจึงได้แต่ถามอย่างช่วยไม่ได้ เธอพูดจริงเหรอ จริงสิ! จี้เฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ภายในใจ เขาต้องการลองทำยาตัวใหม่นี้ แต่เขายังไม่มีแผนที่จะหากำไรจากมัน หากไม่มีการวางแผนอย่างละเอียด เขาจะไม่ปล่อยยาตัวใหม่ออกสู่ตลาดไปแบบลวกๆแน่นอน
งั้นก็ดีตราบใดที่ยาตัวใหม่ไม่ได้อยู่ในสายผลิตยาก็จะไม่สามารถออกสู่ตลาดได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องจะใช้อุปกรณ์อะไรยังไง เธอเป็นเจ้าของโรงงาน เธอตัดสินใจเองแล้วกัน! ในที่สุดหยางเต๋อจ้าวก็พยักหน้า
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวทีนี้ล่ะงานหยาบ!
หากเขาได้ใช้อุปกรณ์ในสายการผลิตขอแค่ตั้งค่าข้อมูลปริมาณส่วนผสมต่างๆลงในคอมพิวเตอร์ เครื่องผลิตจะผลิตยาออกมาให้โดยอัตโนมัติ แต่ตอนนี้หยางเต๋อจ้าวไม่อนุญาตให้เขาใช้สายการผลิตมากำหนดค่ายาตัวนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือทำในห้องแล็บด้วยตัวเองเท่านั้น
การผลิตยาหากมีข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยประสิทธิภาพของยาอาจแตกต่างกันมาก
จี้เฟิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพร้อมกับเดินตามหยางเต๋อจ้าวไปที่ห้องแล็บ
อันที่จริงห้องแล็บของโรงงานผลิตยานั้นเรียบง่ายมากภายในมีอุปกรณ์ที่มีความแม่นยำแต่การใช้งานไม่ซับซ้อนมากนัก เนื่องจากโรงงานนี้ดั้งเดิมก็เน้นผลิตยาสูตรง่ายๆที่ซื้อต่อมาจากโรงงานขนาดใหญ่อื่นๆ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลังที่ทำให้โรงงานตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหากไม่มีสูตรผลิตยาเป็นของตัวเองก็ยากที่จะก้าวหน้าและต่อยอดในด้านนี้
อย่างไรก็ตามเครื่องมือพื้นฐานที่สุดในการผสมยาในห้องแล็บยังคงมีอยู่เช่นเครื่องมือที่ไว้ใช้วัดปริมาณได้อย่างแม่นยำและเครื่องสังเคราะห์ยาเม็ดขนาดเล็ก ฯลฯ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งหมด ด้วยคำสั่งที่เร่งด่วนของหยางเต๋อจ้าวพนักงานหลายคนได้มาทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆภายในห้องแล็บอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
จี้เฟิงสวมชุดทำงานที่ผ่านการฆ่าเชื้อและยืนอยู่หน้าโต๊ะทดสอบ
เขาไม่เคยเรียนรู้การกำหนดค่ายามาก่อนแต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาในการทำงานของเขา เพราะทุกขั้นตอนที่เขาลงมือทำนั้นมีสมองหมายเลข 1 ที่อยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเขาคอยกำกับในทุกๆขั้นตอน
ยาที่จี้เฟิงกำลังจะกำหนดค่าในครั้งนี้เป็นยาของยุคกาแล็กซีแกมมามีชื่อว่ากระแสไฟฟ้าแบบเร่งรัด ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ยานี้ก็มีสรรพคุณตามชื่อของมัน คือมันเป็นยาไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในสนามรบ
หน้าที่หลักของกระแสไฟฟ้าแบบเร่งรัดคือการกระตุ้นกระแสไฟฟ้าชีวภาพในเซลล์ของร่างกายมนุษย์ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดซึ่งสามารถรักษาสภาพของเซลล์ที่แข็งแรงไว้ได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง แน่นอนว่ายาชนิดนี้เป็นยาที่จำเป็นจะต้องพกติดตัวตลอด เพราะเมื่อไหร่ที่เกิดเหตุฉุกเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสจนอาจจะถึงขั้นเสียชีวิต ยาชนิดนี้จะช่วยยืดเวลาแห่งความเป็นความตายได้อย่างดีเยี่ยม
และแน่นอนว่ายาตัวนี้ย่อมมีเอฟเฟ็กต์ที่ตามมานั่นก็คือหลังจากที่ผลของยาหมดลง ร่างกายของผู้ใช้จะอ่อนแอลงเล็กน้อย เพราะไม่ว่ายังไง การที่ฝืนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเซลล์ในร่างกายอย่างกะทันหันก็ทำให้ร่างกายของผู้ใช้ต้องรับภาระที่หนักขึ้น
แต่เป้าหมายของจี้เฟิงก็คือเขาต้องการใช้ยากระแสไฟฟ้าแบบเร่งรัดนี้กับผู้เฒ่าของตระกูลจี้!
แม้ว่าผลข้างเคียงของยาชนิดนี้จะไม่ใช่สิ่งที่ควรละเลยแต่ผลลัพธ์ของมันก็น่าทึ่งมาก เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจนทำให้ผู้อาวุโสต้องตกอยู่ในอันตราย การใช้ยาชนิดนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการปฐมพยาบาลในปัจจุบันบางอย่าง เช่น การใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า
นอกจากนี้จี้เฟิงไม่ได้วางแผนที่จะกำหนดค่าของยากระแสไฟฟ้าแบบเร่งรัดตามสูตรเดิม100% จากการประเมินของจี้เฟิงด้วยสุขภาพร่างกายของผู้อาวุโสเฒ่าในปัจจุบัน กระแสไฟฟ้าที่เกิดจากยาชนิดนี้จะแข็งแกร่งเกินไป ร่างกายผู้อาวุโสเฒ่าคงไม่สามารถทนได้ และผลข้างเคียงที่ตามมาก็รุนแรงเกินไป สิ่งนี้ก็จะทำให้เกิดอันตรายเช่นกัน
ดังนั้นตามคำแนะนำของสมองหมายเลข1 ครั้งนี้จี้เฟิงจึงต้องกำหนดค่ายากระแสไฟฟ้าแบบเร่งรัดให้เป็นเวอร์ชั่นที่เรียบง่าย เขาจึงลดประสิทธิภาพของยาตัวนี้ลงครึ่งหนึ่ง และมันก็จะทำให้ผลข้างเคียงน้อยลงไปมาก
ความจริงแล้วในยุคของกาแล็กซีแกมมานั้นมียามากมายหลายชนิดที่เป็นยาพิเศษและไม่มีผลข้างเคียงใดๆให้ต้องกังวลเลยแต่ยาเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นสุดยอดสายลับ ดังนั้นแม้ว่ายาเหล่านั้นจะมีอยู่จริง แต่สมองหมายเลข 1 ก็ไม่มีวิธีการผลิตที่เฉพาะเจาะจง นั่นจึงส่งผลให้จี้เฟิงไม่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสูตรและการผลิตยาพิเศษเหล่านั้นได้
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง! จี้เฟิงแอบยิ้มอย่างขมขื่น ในร่างกายของเขามีสมองอัจฉริยะจากต่างดาวซึ่งจะช่วยให้เขาได้กลายเป็นยอดฝีมือผู้ทรงพลัง แต่ทักษะส่วนใหญ่นั้นเกี่ยวข้องกับการทำภารกิจของสายลับ ซึ่งทักษะเหล่านี้มันไม่ค่อยครอบคลุมมากนัก
ถ้าสิ่งที่เขาเจอเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในโลกมนุษย์ต่างดาว…บางทีเขาอาจจะไม่ได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้ในตอนนี้
จี้เฟิงส่ายหน้าเล็กน้อยและไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้อีกเขาชั่งน้ำหนักและกำหนดค่าวัตถุดิบทีละขั้นตอนอย่างระมัดระวังตามการกำกับของสมองหมายเลข 1 หากเขาต้องการการตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วนเป็นพิเศษ เขาจะเรียกให้พนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาช่วย แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำงานเกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบยามาก่อนแต่ในด้านหนึ่งการประสานงานทางด้านกายภาพของจี้เฟิงนั้นดีมาก ทำให้เขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับวิธีการสอนของสมองหมายเลข 1 ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนอีกด้านหนึ่ง วิธีการกำหนดค่ายากระแสไฟฟ้าชีวภาพแบบเร่งรัดนั้นง่ายมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้กันอย่างแพร่หลายในกาแล็กซีแกมมา
แต่ถึงแม้จะเป็นสูตรที่ง่ายแต่จี้เฟิงก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่ความชำนาญ หลังจากที่จี้เฟิงมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำงาน ทำให้เขาไม่ทันได้ล่วงรู้เวลาว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ด้วยประสิทธิภาพร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา เขาจึงไม่รู้สึกเหนื่อยเกินไปแม้ว่าจะทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
ว้าว!
เมื่อยาเม็ดชุดแรกออกมาจากเครื่องสังเคราะห์ดวงตาของจี้เฟิงก็เป็นประกาย เขารีบหยิบขวดยาที่เตรียมไว้แล้วขึ้นมาและเก็บยาทั้งหมดใส่ลงไปในขวดเหลือทิ้งไว้เพียงเม็ดเดียวเท่านั้น และเขากำลังจะลองทดสอบยา… ถ้าแม้แต่เขายังไม่กล้ากิน เขาจะเอามันไปใช้กับผู้อาวุโสได้ยังไง!
พวกนายช่วยทำความสะอาดห้องแล็บให้ด้วย… จี้เฟิงพูดขึ้นทันทีพร้อมกับหันศีรษะไปหาพนักงาน แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักระหว่างที่ยังพูดไม่จบดี จี้เฟิงรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่พบว่าพนักงานเหล่านั้นหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หลับกันไปซะแล้ว.. จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ยิ้มและพึมพำกับตัวเอง นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วล่ะเนี่ย
แต่ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้เวลาเพราะนอกจากสมาธิที่จดจ่ออยู่กับการทำงานแล้ว ในตอนที่เขาฆ่าเชื้อ โทรศัพท์มือถือและนาฬิกาข้อมือของจี้เฟิงก็ถูกเก็บไว้ในห้องรับรองทั้งหมด
เฮ้อ..งั้นก็ช่างมัน ฉันทำเองน่าจะไวกว่า! จี้เฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และรีบทำความสะอาดห้องแล็บ จนถึงตอนที่เขากำลังพ่นยาฆ่าเชื้อ พนักงานสองสามคนก็ตื่นขึ้นและรีบคว้าอุปกรณ์ทำความสะอาดมาจากมือของจี้เฟิง และทำความสะอาดอย่างแข็งขันทันที
เอาจริงดิ!ในขณะที่เจ้านายทำงาน พวกเขากลับนั่งหลับ แถมยังหลับแบบจริงจังซะด้วย ถ้าเรื่องนี้ทำให้จี้เฟิงไม่พอใจ พวกเขาจะตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะตกงานได้ทุกเมื่อ ดังนั้นถ้าพวกเขาไม่ประหม่าจนลนลานก็คงแปลกแล้ว!
แต่จี้เฟิงกลับไม่พูดอะไรเขายิ้มน้อยๆและเดินออกไป เขาเดินไปที่ห้องรับรองเพื่อเก็บข้าวของทั้งหมด เขาตกตะลึงทันทีเมื่อมองดูเวลาบนนาฬิกา
ตีสี่แล้วเหรอเนี่ย! จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พนักงานทุกคนจะพากันนั่งหลับ สำหรับเขาเหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงชั่วพริบตา แต่มันกลับผ่านไปเกือบหนึ่งคืน!
เมื่อจี้เฟิงกลับมาที่สำนักงานเขาก็เห็นหยางเต๋อจ้าวนอนอยู่บนโซฟา แน่นอนว่าเขาหลับไปแล้วเรียบร้อย นอกจากโรงผลิตที่ยังมีเสียงและแสงไฟ ทั่วทั้งโรงงานก็เงียบสงัด
จี้เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถภายในเขตโรงงานนอกจากยามลาดตระเวนแล้วก็ไม่มีใครเดินผ่านมาอีก
เขาไปนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับจี้เฟิงหยิบยากระแสไฟฟ้าแบบเร่งรัดสูตรเรียบง่ายที่เหลืออยู่ออกมา และกำลังจะอ้าปากกลืน
มาสเตอร์โปรดอย่าเพิ่งใจร้อน! เสียงของสมองหมายเลข 1 ดังชึ้นในหัวของจี้เฟิง
เขาตกตะลึงทันที ทำไม มีอะไรผิดปกติเหรอ?
มาสเตอร์ด้วยระดับพลังกระแสไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของมาสเตอร์มาสเตอร์สามารถตรวจจับส่วนประกอบและประสิทธิภาพภายในยาเม็ดนี้ได้อย่างสมบูรณ์! สมองหมายเลข 1 กล่าว
จี้เฟิงตกใจจนแทบจะกัดลิ้นตัวเองเขาหลับตาลงเล็กน้อยและตั้งสมาธิเพื่อเข้าสู่จิตใต้สำนึก คุณสมองคุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่มั้ย! กระแสไฟฟ้าชีวภาพก็สามารถใช้ตรวจสอบส่วนผสมของยาได้จริงๆเหรอ?
สมองหมายเลข1 ไม่มีการล้อเล่นมันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบอย่างเคยว่า ได้ครับมาสเตอร์ กระแสไฟฟ้าชีวภาพมีความผันผวนมันสามารถใช้เป็นที่ตรวจจับได้ สุดยอดสายลับที่ยอดเยี่ยมสามารถใช้ไฟฟ้าชีวภาพเพื่อตรวจจับพืชและต้นไม้ภายในรัศมีหลายพันเมตรจากจุดที่ตัวโฮสต์อยู่ นอกจากนี้บนดาวโลกก็มีสิ่งมีชีวิตบางประเภทที่ใช้ความผันผวนในการตรวจจับสภาพแวดล้อมภายนอกได้อีกด้วย
สิ่งมีชีวิต…อะไรอ่ะ แต่จี้เฟิงก็นึกออกได้ในทันที ค้างคาว?!
ใช่ครับมาสเตอร์ สมองหมายเลข 1กล่าว มาสเตอร์สามารถใช้หลักการเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตบนดาวโลกที่เรียกว่าค้างคาวในการตรวจหาส่วนผสมของยา
จี้เฟิงประหลาดใจเขากล่าวอย่างลังเล ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองดู!
เขาถอนสมาธิออกมาจากจิตใต้สำนึกของเขาทันทีโดยที่ยังถือยากระแสไฟฟ้าแบบเร่งรัดสูตรเรียบง่ายอยู่ เขาค่อยๆกระตุ้นกระแสไฟฟ้าชีวภาพที่อยู่ในร่างกายของเขา….
ทันใดนั้นความรู้สึกที่ลึกลับก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาเหมือนกับว่ากระแสไฟฟ้าชีวภาพได้เจอกับสิ่งกีดขวางบางอย่างที่อยู่ที่นี่ และกระแสไฟฟ้าก็พุ่งผ่านสิ่งกีดขวางนั้นไป…
เมื่อจี้เฟิงลืมตาขึ้นอีกครั้งในหัวของเขาก็จำได้อย่างชัดเจนถึงตำแหน่งของสิ่งกีดขวางและลักษณะของพวกมัน!
สิ่งกีดขวางเหล่านั้นเป็นส่วนผสมที่แตกต่างกันในยา! มาสเตอร์สามารถใช้วิธีการเดียวกันนี้เพื่อตรวจสอบยาเม็ดอื่นๆได้ตราบใดที่ข้อผิดพลาดอยู่ในขอบเขตที่ได้รับอนุญาต มันจะพิสูจน์ให้เห็นว่ายาเม็ดอื่นๆนั้นเหมือนกับยาเม็ดนี้ที่อยู่ในมือของมาสเตอร์หรือไม่! เสียงของสมองหมายเลข 1 ดังขึ้นอีกครั้ง
จี้เฟิงเข้าใจในทันทียาชุดนี้เขาทำมันขึ้นมาด้วยมือครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่จากอุปกรณ์ที่มีความแม่นยำทั้งหมด 100% หากลองแค่ครั้งเดียวก็คงยากที่จะรับประกันได้ว่ายาเม็ดอื่นๆจะมีฤทธิ์ยาแบบเดียวกันหรือไม่ แต่ถ้าตรวจพบส่วนผสมของยาเม็ดอื่นได้ ปัญหานี้ก็จะได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย
ทันทีที่คิดได้เขาก็ตรวจสอบยาเม็ดอื่นๆทั้งหมดทันที และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดีมาก ส่วนผสมของยาแต่ละเม็ดแม้จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ตามที่สมองหมายเลข 1 บอก มันยังเป็นข้อผิดพลาดที่อยู่ในขอบเขตที่ได้รับการอนุญาต!