The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 338 สมเหตุสมผลมีหลักฐานที่ยอมรับได้
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 338 สมเหตุสมผลมีหลักฐานที่ยอมรับได้
ใบหน้าของจี้เส้าโหยวเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเหมือนกับคนที่เสียสติส่วนหลี่เยี่ยนถิงที่อยู่ข้างๆก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ดีไปกว่ากันเลย ใบหน้าของเธอซีดเผือดราวกับจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ท่ามกลางสายตาที่เย็นชาของจี้เฟิง พวกเขารีบลุกและวิ่งไปข้างถนนที่รถของพวกเขาจอดเอาไว้
เอี๊ยดดดด~!
เสียงยางรถบดกับพื้นดังลั่นจี้เส้าโหยวขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ ดูจากสถานการณ์แล้วเหมือนคนที่กำลังหนีตายซึ่งมันทำให้เขาดูน่าสมเพช
เมื่อเห็นจี้เส้าโหยวขับรถออกไปจี้ช่าวเหลยก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วขึ้นมาให้จี้เฟิงและไม่สามารถที่จะแอบยิ้มได้อีกต่อไปถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาหัวเราะออกมามากกว่า “น้องสามนายนี่ร้ายจริงๆ นายทำแบบนี้ไม่ต่างจากลากจี้เส้าโหยวไปตบกลางสี่แยกไฟแดงเลยนะเนี่ย! ฮ่าฮ่า~! ป่านนี้คงขับรถไปหน้าร้อนผ่าวไป สงสัยว่าเรื่องนี้คงเอาไว้พูดได้อีกหลายปีเลย!”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ผมรู้สึกว่าการตบครั้งนี้มันยังเบาเกินไป อืม…หรือต้องบอกว่าคนที่โดนตบยังไม่มีน้ำหนักพอ!”
จี้ช่าวเหลยยิ้มอย่างขมขื่น“เจ้าเด็กเหลือขอนี่… หรือว่าคนที่ต้องโดนควรจะเป็นจี้เส้าหงนายถึงจะพอใจ นี่น้องชายฉันเกรงว่าถ้าคนที่โดนตบหน้าเป็นจี้เส้าหงหละก็ ผู้อาวุโสในตระกูลคงต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยล่ะ ยังไงซะเขาก็เป็นถึงผู้นำรุ่นที่สามของสายรองเลยนี่นะ ฮ่าๆๆ!”
จี้เฟิงเองก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างโง่งมเขาอาจจะคิดน้อยไปก็ได้แม้ว่าการตบครั้งนี้จะทำให้จี้เส้าโหยวกับแฟนของเขารู้สึกอับอายขายหน้ากลับไป แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ญาติสายรองทุกคนต่างตกตะลึงกับเรื่องนี้ด้วย ส่วนใครที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
ที่สำคัญการตบของจี้เฟิงในครั้งนี้นั้นรุนแรงมากและเป็นอีกฝ่ายเองที่เริ่มก่อนพวกเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
โดนตบจนฟันหักแต่สุดท้ายก็ได้แต่กลืนฟันลงท้องไป
จู่ๆจี้ช่าวเหลยก็ถามขึ้นว่า“น้องสามเมื่อกี้ตอนที่ฉันเสนอทางเลือกให้นาย ทำไมนายถึงไม่เลือกทางนี้ล่ะ หรือเป็นเพราะนายรู้ว่าสุดท้ายแล้วเสี่ยวหยูก็จะห้ามนายอยู่ดี?”
“ฮ่าๆเสี่ยวหยูจะห้ามผมหรือไม่ จริงๆมันก็ไม่สำคัญหรอก…” จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หันกลับมาจับมือเล็กๆของจี้เสี่ยวหยูและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวหยูเราเข้าไปหาคุณปู่กันเถอะ ให้เพื่อนของเธอไปพักผ่อนที่ห้องรับแขกก่อน เดี๋ยวเสร็จจากที่นี่เราไปให้พี่รองเลี้ยงข้าวกัน!”
“พี่สามคะเมื่อกี้พี่สามเก่งมากๆเลยผู้หญิงคนนั้นนิสัยไม่ดีแล้วก็หยิ่งยโสสุดๆ หนูคิดไม่ถึงว่าพอพี่สามมาผู้หญิงคนนั้นก็หนีเหมือน.. เหมือนคนขี้แพ้เลย คิกคิก~!” จี้เสี่ยวหยูมีความสุขมากจนไม่รู้จะพูดยังไง ใบหน้าน้อยๆของเธอแสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง ก่อนหน้านี้เธอถูกผู้หญิงที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิงรังแก และแม้แต่ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ถูกผู้หญิงคนนี้พูดจาไม่ดีใส่ เธอรู้สึกคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้
พี่สามเก่งกาจที่สุดแม้แต่ทหารยามของคุณปู่พี่สามก็ยังสั่งการได้!
จี้เสี่ยวหยูชื่นชมด้วยจิตใจที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์เธอคิดเพียงแค่ว่าพี่สามของเธอนั้นเก่งมากที่สั่งทหารยามของผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ได้ แต่เธอไม่ได้รู้เลยว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากขนาดไหน!
เมื่อได้ยินจี้เสี่ยวหยูที่ปกติจะเป็นเด็กสาวที่สงบนิ่งเรียบร้อยพูดจาเจื้อยแจ้วอย่างร่าเริงจี้เฟิงก็พลันยิ้มตามและจูงมือเธอเข้าประตูไปสู่ลานบ้านของคุณปู่อย่างช้าๆ
ในเวลานี้จี้ช่าวเหลยยังคงรู้สึกค้างคาใจกับสิ่งที่จี้เฟิงเพิ่งพูดไปเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาฉายแววตกตะลึง เขาหันหน้ามองจี้เฟิงที่หายลับเข้าไปในประตูบ้านแล้ว ปากของเขาอ้าค้างราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้
“หรือว่าเมื่อกี้น้องสาม…”จี้ช่าวเหลยพึมพำกับตัวเอง “เขาคิดจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นจริงๆไม่ใช่แค่การแสดง!”
“เสี่ยวหยูจะห้ามหรือไม่ก็ไม่สำคัญ…”ในที่สุดจี้ช่าวเหลยก็เข้าใจสิ่งที่จี้เฟิงพูดเมื่อครู่
เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี้ตั้งใจจะทำอย่างที่พูดจริงๆไม่ใช่แค่ขู่ให้กลัวเฉยๆ เขาถึงได้ไม่สนใจในตอนที่ฉันแกล้งเสนอให้เปลี่ยนที่ยิง! เขาแค่อยากจะฆ่าผู้หญิงที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิง!
ส่วนเหตุผลน่ะเหรอไม่ยากเลย… ไม่มีใครทนดูคนที่ดูถูกแม่ของตัวเองยืนอวดดีอยู่ตรงหน้าแล้วไม่คิดที่จะทำอะไรหรอก!
จี้ช่าวเหลยได้ยินเรื่องที่ผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นมาทำตัวอวดดีที่บ้านใหญ่มาระยะหนึ่งแล้วและแม้แต่คุณป้าใหญ่ก็ถูกพูดจาเหน็บแนมใส่ เขาแทบจะถือมีดไปแทงไอ้สารพวกนั้นให้รู้แล้วรู้รอด!
แต่สติก็ช่วยหยุดเขาเอาไว้เพราะเมื่อไหร่ที่เขาทำเช่นนั้นเรื่องมันจะไม่จบเพียงแค่ยอมรับผิด
แต่จี้ช่าวเหลยก็คิดไม่ถึงว่าจี้เฟิงจะโหดเหี้ยมกว่าเขาและก็ฉลาดกว่า…
เจ้าเด็กคนนี้จับเหตุผลที่ว่า‘บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แอบอ้างชื่อตระกูลจี้และมีแนวโน้มจะทำอันตรายต่อคนในตระกูล แถมยังเป็นหน้าเคหสถานสำคัญของผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้’ เป็นโอกาสเพื่อที่จะลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นได้อย่างเปิดเผย แถมยังเป็นการฆ่าที่ยุติธรรมสมเหตุสมผล!
“เจ้าเด็กคนนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”จี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนหัวลุก แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็สงสัยว่า “ทำไมในตอนท้ายถึงได้เปลี่ยนใจ หรือเป็นเพราะเสี่ยวหยูขอร้องไว้จริงๆ?”
จี้ช่าวเหลยส่ายหัวคิดไปก็คงไม่ได้คำตอบดังนั้นเขาจึงเลิกคิดเพราะถ้าอยากรู้จริงๆก็ไปถามเจ้าเด็กนั่นตรงๆไม่ง่ายกว่าเหรอ
เขาหันไปหาบอดี้การ์ดของเสี่ยวหยูและกล่าวว่า“ช่วยพาเพื่อนของเสี่ยวหยูไปรอที่ห้องรับแขกด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราจะตามไปทีหลัง!”
“ครับ!”คำตอบของพวกเขายังคงกระชับและแข็งแรงเสมอ
จี้ช่าวเหลยยิ้มเล็กน้อยและรีบเดินตามจี้เฟิงเข้าไปถ้าเขาไม่ได้รู้แผนการที่แท้จริงของจี้เฟิง เขาคงจะนอนไม่หลับไปหลายวัน
จี้ช่าวเหลยไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเว่ยซินที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงเธอตกใจจนลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดจากการที่ถูกตบเมื่อครู่ไปแล้ว เธอได้แต่จ้องมองอย่างว่างเปล่าไปยังทิศทางที่จี้เฟิงเพิ่งเดินหายวับไปพร้อมกับความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่ในแววตาของเธอ
เพียงแค่ประโยคง่ายๆไม่กี่ประโยคก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตของคนๆหนึ่งได้ว่าจะให้เขาอยู่หรือตาย! เธอได้เห็นหญิงสาวที่หยิ่งยโสตบเธอโดยไม่พูดไม่จาต้องมาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างน่าสมเพช!ในเวลานั้นเว่ยซินไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือโกรธแค้นใดๆเลย แต่เธอสัมผัสได้ถึงความเหนือกว่าและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เดือดพล่านอยู่ในร่างกายและจิตใจของเธอ
คนอย่างเธอก็มีวันนี้ได้!
รสชาติของสิทธิพิเศษอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่และอำนาจนี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
นี่เป็นความรู้สึกที่น่าจดจำและฝังลึกลงไปในหัวใจของเหวินเว่ยซินหลังจากฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
หนึ่งประโยคทำให้คนตกจากสวรรค์สู่นรกหนึ่งท่าทางทำให้คนกลับจากนรกสู่สวรรค์ และการมองเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
พลังแห่งอำนาจ!
จากเหตุการณ์นี้พลังอำนาจคือสิ่งที่เว่ยซินสัมผัสมันได้อย่างชัดเจนมากที่สุด แม้ว่าตระกูลของเธอเองก็ไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ แต่เธอก็ไม่เคยได้พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แม้แต่ปู่ของเธอผู้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลก็ยังไม่กล้าตัดสินชี้ชะตาความเป็นความตายของคนๆหนึ่งด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว!
ภาพเหตุการณ์ที่เธอได้เห็นและได้สัมผัสมาในวันนี้เปลี่ยนแนวทางความคิดของเธอไปอย่างสิ้นเชิงและภาพลักษณ์ของจี้เฟิงในทัศนคติของเธอก็พลันสูงขึ้นทันที
เมื่อนึกถึงคำพูดที่เธอได้พูดกับจี้เฟิงเมื่อก่อนหน้านี้ที่เจียงโจวความกลัวก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของเธออย่างห้ามไม่ได้ เธอกลัวว่าถ้าจี้เฟิงต้องการให้เธอตาย เขาก็คงจะใช้คำพูดเพียงประโยคเดียวเหมือนกันใช่มั้ย
ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันจะต้องจับผู้ชายคนนี้ให้ได้! เหวินเว่ยซินกัดฟันแน่นและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ต่อให้เขาจะมีแฟนอยู่แล้วสองคน เธอก็มั่นใจว่าเธอสามารถเข้าไปแทนที่และเขี่ยผู้หญิงสองคนนั้นทิ้งไปได้!
ฉันคือนายหญิงแห่งตระกูลจี้ในอนาคต!ในดวงตาของเว่ยซินเต็มไปด้วยแสงแห่งความมุ่งมั่นและปรารถนา
………………
“ตอนแรกเสี่ยวหยูไม่รู้จะทำยังไงแล้วจู่ๆพี่รองก็ปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นก็คุณปู่กับพี่สามก็มาจัดการแก้แค้นคนไม่ดีสองคนนั้นให้เสี่ยวหยู พี่สามของเสี่ยวหยูเท่มากๆเลย วันนี้เสี่ยวหยูมีความสุขที่สุด!” ตลอดทางที่จะเดินไปยังตัวบ้าน จี้เสี่ยวหยูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด แต่จี้เฟิงกลับไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด เขายิ้มและรับฟังเธออย่างเงียบๆ
“เสี่ยวหยูต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครกล้ารังแกเธออีก” จี้เฟิงยิ้มเขาบีบมือเล็กๆของเสี่ยวหยูเบาๆ และกำชับว่า “เสี่ยวหยูเมื่อกี้เธอเห็นมั้ย พี่สามพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยค ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจจนต้องคุกเข่าลง พี่สามของเสี่ยวหยูเก่งมั้ย?” “เก่งที่สุดเลยค่ะพี่สามของเสี่ยวหยูเท่สุดๆ!” จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าทันที
“แล้วเธอรู้มั้ยว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนั้นได้”จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“อืม…เพราะพี่สามเป็นคนที่เก่งมาก!” จี้เสี่ยวหยูยิ้มกว้าง “พอพี่สามสั่ง พวกทหารยามของคุณปู่จึงทำตามและเล็งปืนไปที่สองคนนั้น พวกเขาก็เลยกลัวมาก!”
“ฉลาดมาก!”
จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม“แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะพี่เก่งหรอกนะ แต่เพราะคุณปู่เป็นคุณปู่ของพวกเรา! และที่นี่ก็คือบ้านของพวกเรา! เสี่ยวหยูเธอต้องจำไว้เสมอว่าเธอเป็นเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจี้ เธอมีคุณปู่คอยสนับสนุนและปกป้องอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นเธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัว และห้ามให้ใครมารังแกเธอได้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำให้คุณปู่ต้องขายหน้าไปด้วย จำได้ใช่มั้ย”
จี้เสี่ยวหยูนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง“อื้ม เสี่ยวหยูจะจำไว้ค่ะพี่สามถ้ามีใครรังแกเสี่ยวหยู ก็เท่ากับว่ากำลังรังแกคุณปู่ด้วย เสี่ยวหยูจะไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณปู่หรอก แต่ถ้ามีใครกล้ามารังแกเสี่ยวหยู เสี่ยวหยูจะกลับมาฟ้องคุณปู่ให้คุณปู่ปกป้องเสี่ยวหยู!”
จี้เฟิงหัวเราะออกมาอย่างว่างเปล่า“ที่พูดไปตอนแรกก็ถูกต้องอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ตอนหลังนี่…เอาเป็นว่า ถ้ามีใครกล้ามารังแกเธออีก ให้เธอพูดไปว่า เธอเป็นเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลจี้ ถ้ายังอยากเห็นแสงเดือนแสงตะวันอยู่ละก็ ขอโทษมาเดี๋ยวนี้!”
“อ๊า!” จี้เสี่ยวหยูอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เผยสีหน้าลำบากใจออกมา “พี่สามจะให้เสี่ยวหยูพูดแบบนั้น…. มันจะดีเหรอ”
“ถ้าไม่อยากพูดก็ตามใจนะแต่มันจะเท่ากับว่าเสี่ยวหยูทำให้คุณปู่ต้องขายหน้า!” จี้เฟิงยิ้ม
จี้เสี่ยวหยูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง “อื้ม เสี่ยวหยูจะพูดค่ะ!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าให้เสี่ยวหยูเล็กน้อยที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขากลายเป็นคนบ้าอำนาจของตระกูล แต่เป็นเพราะนิสัยของเสี่ยวหยูอ่อนแอเกินไป เกรงว่าถ้าออกไปเผชิญโลกภายนอกก็คงจะมีแต่ถูกรังแกอยู่ร่ำไป เขาต้องทำให้จี้เสี่ยวหยูแข็งแกร่งขึ้น และรู้วิธีใช้อำนาจที่อยู่ในมือเพื่อปกป้องตัวเอง!
ทั้งสองคนพูดคุยกันพลางเดินเข้าไปในลานบ้านเห็นผู้อาวุโสเฒ่ายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่หน้าประตู กำลังมองดูพวกเขาสองคน
“เจ้าลิงน้อยเจ้าสอนน้องสาวของเจ้าเช่นนี้หรือ” ผู้อาวุโสเฒ่ามีใบหน้าที่เคร่งขรึม แต่ด้วยตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมาก แต่เขาต้องการที่จะทำให้หลานชายของเขากลัว
“คุณปู่…”จี้เสี่ยวหยูมองคุณปู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึงเพราะคิดว่าเขากำลังจะดุจี้เฟิงเธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหยูขอให้พี่สามสอนเสี่ยวหยูเองค่ะ!”
จี้เฟิงกลับหัวเราะคิกคัก“แม้จะมีคุณปู่คอยปกป้อง แต่ก็ต้องทำให้เสี่ยวหยูแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่อย่างนั้นต่อไปคงมีแต่จะถูกคนอื่นรังแก คนของตระกูลจี้จะไม่รังแกคนอื่นก่อน แต่พวกเราก็จะไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกพวกเราอย่างเด็ดขาด!”
ผู้อาวุโสเฒ่ายิ้มอย่างสบายใจเขาพยักหน้าและพูดว่า “เสี่ยวหยูเจ้าจำสิ่งที่พี่ชายสามของเจ้าพูดได้หรือไม่”
“อื้มเสี่ยวหยูจำได้ค่ะ!” เมื่อจี้เสี่ยวหยูเห็นว่าคุณปู่ไม่ได้ต่อว่าอะไรจึงรีบพยักหน้า
ผู้เฒ่าจี้หัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดต่อว่า“เจ้าลิงน้อยการกระทำของเจ้าเมื่อครู่น่าประทับใจมาก! มีเหตุ มีผล มีหลักฐานและความถูกต้อง และที่สำคัญมีความยับยั้งชั่งใจที่ดี ทำได้ดีมาก!”
เอี๊ยดดดด~!
เสียงยางรถบดกับพื้นดังลั่นจี้เส้าโหยวขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ ดูจากสถานการณ์แล้วเหมือนคนที่กำลังหนีตายซึ่งมันทำให้เขาดูน่าสมเพช
เมื่อเห็นจี้เส้าโหยวขับรถออกไปจี้ช่าวเหลยก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วขึ้นมาให้จี้เฟิงและไม่สามารถที่จะแอบยิ้มได้อีกต่อไปถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาหัวเราะออกมามากกว่า “น้องสามนายนี่ร้ายจริงๆ นายทำแบบนี้ไม่ต่างจากลากจี้เส้าโหยวไปตบกลางสี่แยกไฟแดงเลยนะเนี่ย! ฮ่าฮ่า~! ป่านนี้คงขับรถไปหน้าร้อนผ่าวไป สงสัยว่าเรื่องนี้คงเอาไว้พูดได้อีกหลายปีเลย!”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ผมรู้สึกว่าการตบครั้งนี้มันยังเบาเกินไป อืม…หรือต้องบอกว่าคนที่โดนตบยังไม่มีน้ำหนักพอ!”
จี้ช่าวเหลยยิ้มอย่างขมขื่น“เจ้าเด็กเหลือขอนี่… หรือว่าคนที่ต้องโดนควรจะเป็นจี้เส้าหงนายถึงจะพอใจ นี่น้องชายฉันเกรงว่าถ้าคนที่โดนตบหน้าเป็นจี้เส้าหงหละก็ ผู้อาวุโสในตระกูลคงต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยล่ะ ยังไงซะเขาก็เป็นถึงผู้นำรุ่นที่สามของสายรองเลยนี่นะ ฮ่าๆๆ!”
จี้เฟิงเองก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างโง่งมเขาอาจจะคิดน้อยไปก็ได้แม้ว่าการตบครั้งนี้จะทำให้จี้เส้าโหยวกับแฟนของเขารู้สึกอับอายขายหน้ากลับไป แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ญาติสายรองทุกคนต่างตกตะลึงกับเรื่องนี้ด้วย ส่วนใครที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
ที่สำคัญการตบของจี้เฟิงในครั้งนี้นั้นรุนแรงมากและเป็นอีกฝ่ายเองที่เริ่มก่อนพวกเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
โดนตบจนฟันหักแต่สุดท้ายก็ได้แต่กลืนฟันลงท้องไป
จู่ๆจี้ช่าวเหลยก็ถามขึ้นว่า“น้องสามเมื่อกี้ตอนที่ฉันเสนอทางเลือกให้นาย ทำไมนายถึงไม่เลือกทางนี้ล่ะ หรือเป็นเพราะนายรู้ว่าสุดท้ายแล้วเสี่ยวหยูก็จะห้ามนายอยู่ดี?”
“ฮ่าๆเสี่ยวหยูจะห้ามผมหรือไม่ จริงๆมันก็ไม่สำคัญหรอก…” จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หันกลับมาจับมือเล็กๆของจี้เสี่ยวหยูและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวหยูเราเข้าไปหาคุณปู่กันเถอะ ให้เพื่อนของเธอไปพักผ่อนที่ห้องรับแขกก่อน เดี๋ยวเสร็จจากที่นี่เราไปให้พี่รองเลี้ยงข้าวกัน!”
“พี่สามคะเมื่อกี้พี่สามเก่งมากๆเลยผู้หญิงคนนั้นนิสัยไม่ดีแล้วก็หยิ่งยโสสุดๆ หนูคิดไม่ถึงว่าพอพี่สามมาผู้หญิงคนนั้นก็หนีเหมือน.. เหมือนคนขี้แพ้เลย คิกคิก~!” จี้เสี่ยวหยูมีความสุขมากจนไม่รู้จะพูดยังไง ใบหน้าน้อยๆของเธอแสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง ก่อนหน้านี้เธอถูกผู้หญิงที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิงรังแก และแม้แต่ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ถูกผู้หญิงคนนี้พูดจาไม่ดีใส่ เธอรู้สึกคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้
พี่สามเก่งกาจที่สุดแม้แต่ทหารยามของคุณปู่พี่สามก็ยังสั่งการได้!
จี้เสี่ยวหยูชื่นชมด้วยจิตใจที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์เธอคิดเพียงแค่ว่าพี่สามของเธอนั้นเก่งมากที่สั่งทหารยามของผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ได้ แต่เธอไม่ได้รู้เลยว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากขนาดไหน!
เมื่อได้ยินจี้เสี่ยวหยูที่ปกติจะเป็นเด็กสาวที่สงบนิ่งเรียบร้อยพูดจาเจื้อยแจ้วอย่างร่าเริงจี้เฟิงก็พลันยิ้มตามและจูงมือเธอเข้าประตูไปสู่ลานบ้านของคุณปู่อย่างช้าๆ
ในเวลานี้จี้ช่าวเหลยยังคงรู้สึกค้างคาใจกับสิ่งที่จี้เฟิงเพิ่งพูดไปเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาฉายแววตกตะลึง เขาหันหน้ามองจี้เฟิงที่หายลับเข้าไปในประตูบ้านแล้ว ปากของเขาอ้าค้างราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้
“หรือว่าเมื่อกี้น้องสาม…”จี้ช่าวเหลยพึมพำกับตัวเอง “เขาคิดจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นจริงๆไม่ใช่แค่การแสดง!”
“เสี่ยวหยูจะห้ามหรือไม่ก็ไม่สำคัญ…”ในที่สุดจี้ช่าวเหลยก็เข้าใจสิ่งที่จี้เฟิงพูดเมื่อครู่
เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี้ตั้งใจจะทำอย่างที่พูดจริงๆไม่ใช่แค่ขู่ให้กลัวเฉยๆ เขาถึงได้ไม่สนใจในตอนที่ฉันแกล้งเสนอให้เปลี่ยนที่ยิง! เขาแค่อยากจะฆ่าผู้หญิงที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิง!
ส่วนเหตุผลน่ะเหรอไม่ยากเลย… ไม่มีใครทนดูคนที่ดูถูกแม่ของตัวเองยืนอวดดีอยู่ตรงหน้าแล้วไม่คิดที่จะทำอะไรหรอก!
จี้ช่าวเหลยได้ยินเรื่องที่ผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นมาทำตัวอวดดีที่บ้านใหญ่มาระยะหนึ่งแล้วและแม้แต่คุณป้าใหญ่ก็ถูกพูดจาเหน็บแนมใส่ เขาแทบจะถือมีดไปแทงไอ้สารพวกนั้นให้รู้แล้วรู้รอด!
แต่สติก็ช่วยหยุดเขาเอาไว้เพราะเมื่อไหร่ที่เขาทำเช่นนั้นเรื่องมันจะไม่จบเพียงแค่ยอมรับผิด
แต่จี้ช่าวเหลยก็คิดไม่ถึงว่าจี้เฟิงจะโหดเหี้ยมกว่าเขาและก็ฉลาดกว่า…
เจ้าเด็กคนนี้จับเหตุผลที่ว่า‘บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แอบอ้างชื่อตระกูลจี้และมีแนวโน้มจะทำอันตรายต่อคนในตระกูล แถมยังเป็นหน้าเคหสถานสำคัญของผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้’ เป็นโอกาสเพื่อที่จะลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นได้อย่างเปิดเผย แถมยังเป็นการฆ่าที่ยุติธรรมสมเหตุสมผล!
“เจ้าเด็กคนนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”จี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนหัวลุก แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็สงสัยว่า “ทำไมในตอนท้ายถึงได้เปลี่ยนใจ หรือเป็นเพราะเสี่ยวหยูขอร้องไว้จริงๆ?”
จี้ช่าวเหลยส่ายหัวคิดไปก็คงไม่ได้คำตอบดังนั้นเขาจึงเลิกคิดเพราะถ้าอยากรู้จริงๆก็ไปถามเจ้าเด็กนั่นตรงๆไม่ง่ายกว่าเหรอ
เขาหันไปหาบอดี้การ์ดของเสี่ยวหยูและกล่าวว่า“ช่วยพาเพื่อนของเสี่ยวหยูไปรอที่ห้องรับแขกด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราจะตามไปทีหลัง!”
“ครับ!”คำตอบของพวกเขายังคงกระชับและแข็งแรงเสมอ
จี้ช่าวเหลยยิ้มเล็กน้อยและรีบเดินตามจี้เฟิงเข้าไปถ้าเขาไม่ได้รู้แผนการที่แท้จริงของจี้เฟิง เขาคงจะนอนไม่หลับไปหลายวัน
จี้ช่าวเหลยไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเว่ยซินที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงเธอตกใจจนลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดจากการที่ถูกตบเมื่อครู่ไปแล้ว เธอได้แต่จ้องมองอย่างว่างเปล่าไปยังทิศทางที่จี้เฟิงเพิ่งเดินหายวับไปพร้อมกับความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่ในแววตาของเธอ
เพียงแค่ประโยคง่ายๆไม่กี่ประโยคก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตของคนๆหนึ่งได้ว่าจะให้เขาอยู่หรือตาย! เธอได้เห็นหญิงสาวที่หยิ่งยโสตบเธอโดยไม่พูดไม่จาต้องมาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างน่าสมเพช!ในเวลานั้นเว่ยซินไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือโกรธแค้นใดๆเลย แต่เธอสัมผัสได้ถึงความเหนือกว่าและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เดือดพล่านอยู่ในร่างกายและจิตใจของเธอ
คนอย่างเธอก็มีวันนี้ได้!
รสชาติของสิทธิพิเศษอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่และอำนาจนี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
นี่เป็นความรู้สึกที่น่าจดจำและฝังลึกลงไปในหัวใจของเหวินเว่ยซินหลังจากฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
หนึ่งประโยคทำให้คนตกจากสวรรค์สู่นรกหนึ่งท่าทางทำให้คนกลับจากนรกสู่สวรรค์ และการมองเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
พลังแห่งอำนาจ!
จากเหตุการณ์นี้พลังอำนาจคือสิ่งที่เว่ยซินสัมผัสมันได้อย่างชัดเจนมากที่สุด แม้ว่าตระกูลของเธอเองก็ไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ แต่เธอก็ไม่เคยได้พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แม้แต่ปู่ของเธอผู้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลก็ยังไม่กล้าตัดสินชี้ชะตาความเป็นความตายของคนๆหนึ่งด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว!
ภาพเหตุการณ์ที่เธอได้เห็นและได้สัมผัสมาในวันนี้เปลี่ยนแนวทางความคิดของเธอไปอย่างสิ้นเชิงและภาพลักษณ์ของจี้เฟิงในทัศนคติของเธอก็พลันสูงขึ้นทันที
เมื่อนึกถึงคำพูดที่เธอได้พูดกับจี้เฟิงเมื่อก่อนหน้านี้ที่เจียงโจวความกลัวก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของเธออย่างห้ามไม่ได้ เธอกลัวว่าถ้าจี้เฟิงต้องการให้เธอตาย เขาก็คงจะใช้คำพูดเพียงประโยคเดียวเหมือนกันใช่มั้ย
ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันจะต้องจับผู้ชายคนนี้ให้ได้! เหวินเว่ยซินกัดฟันแน่นและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ต่อให้เขาจะมีแฟนอยู่แล้วสองคน เธอก็มั่นใจว่าเธอสามารถเข้าไปแทนที่และเขี่ยผู้หญิงสองคนนั้นทิ้งไปได้!
ฉันคือนายหญิงแห่งตระกูลจี้ในอนาคต!ในดวงตาของเว่ยซินเต็มไปด้วยแสงแห่งความมุ่งมั่นและปรารถนา
………………
“ตอนแรกเสี่ยวหยูไม่รู้จะทำยังไงแล้วจู่ๆพี่รองก็ปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นก็คุณปู่กับพี่สามก็มาจัดการแก้แค้นคนไม่ดีสองคนนั้นให้เสี่ยวหยู พี่สามของเสี่ยวหยูเท่มากๆเลย วันนี้เสี่ยวหยูมีความสุขที่สุด!” ตลอดทางที่จะเดินไปยังตัวบ้าน จี้เสี่ยวหยูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด แต่จี้เฟิงกลับไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด เขายิ้มและรับฟังเธออย่างเงียบๆ
“เสี่ยวหยูต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครกล้ารังแกเธออีก” จี้เฟิงยิ้มเขาบีบมือเล็กๆของเสี่ยวหยูเบาๆ และกำชับว่า “เสี่ยวหยูเมื่อกี้เธอเห็นมั้ย พี่สามพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยค ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจจนต้องคุกเข่าลง พี่สามของเสี่ยวหยูเก่งมั้ย?” “เก่งที่สุดเลยค่ะพี่สามของเสี่ยวหยูเท่สุดๆ!” จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าทันที
“แล้วเธอรู้มั้ยว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนั้นได้”จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“อืม…เพราะพี่สามเป็นคนที่เก่งมาก!” จี้เสี่ยวหยูยิ้มกว้าง “พอพี่สามสั่ง พวกทหารยามของคุณปู่จึงทำตามและเล็งปืนไปที่สองคนนั้น พวกเขาก็เลยกลัวมาก!”
“ฉลาดมาก!”
จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม“แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะพี่เก่งหรอกนะ แต่เพราะคุณปู่เป็นคุณปู่ของพวกเรา! และที่นี่ก็คือบ้านของพวกเรา! เสี่ยวหยูเธอต้องจำไว้เสมอว่าเธอเป็นเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจี้ เธอมีคุณปู่คอยสนับสนุนและปกป้องอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นเธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัว และห้ามให้ใครมารังแกเธอได้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำให้คุณปู่ต้องขายหน้าไปด้วย จำได้ใช่มั้ย”
จี้เสี่ยวหยูนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง“อื้ม เสี่ยวหยูจะจำไว้ค่ะพี่สามถ้ามีใครรังแกเสี่ยวหยู ก็เท่ากับว่ากำลังรังแกคุณปู่ด้วย เสี่ยวหยูจะไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณปู่หรอก แต่ถ้ามีใครกล้ามารังแกเสี่ยวหยู เสี่ยวหยูจะกลับมาฟ้องคุณปู่ให้คุณปู่ปกป้องเสี่ยวหยู!”
จี้เฟิงหัวเราะออกมาอย่างว่างเปล่า“ที่พูดไปตอนแรกก็ถูกต้องอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ตอนหลังนี่…เอาเป็นว่า ถ้ามีใครกล้ามารังแกเธออีก ให้เธอพูดไปว่า เธอเป็นเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลจี้ ถ้ายังอยากเห็นแสงเดือนแสงตะวันอยู่ละก็ ขอโทษมาเดี๋ยวนี้!”
“อ๊า!” จี้เสี่ยวหยูอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เผยสีหน้าลำบากใจออกมา “พี่สามจะให้เสี่ยวหยูพูดแบบนั้น…. มันจะดีเหรอ”
“ถ้าไม่อยากพูดก็ตามใจนะแต่มันจะเท่ากับว่าเสี่ยวหยูทำให้คุณปู่ต้องขายหน้า!” จี้เฟิงยิ้ม
จี้เสี่ยวหยูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง “อื้ม เสี่ยวหยูจะพูดค่ะ!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าให้เสี่ยวหยูเล็กน้อยที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขากลายเป็นคนบ้าอำนาจของตระกูล แต่เป็นเพราะนิสัยของเสี่ยวหยูอ่อนแอเกินไป เกรงว่าถ้าออกไปเผชิญโลกภายนอกก็คงจะมีแต่ถูกรังแกอยู่ร่ำไป เขาต้องทำให้จี้เสี่ยวหยูแข็งแกร่งขึ้น และรู้วิธีใช้อำนาจที่อยู่ในมือเพื่อปกป้องตัวเอง!
ทั้งสองคนพูดคุยกันพลางเดินเข้าไปในลานบ้านเห็นผู้อาวุโสเฒ่ายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่หน้าประตู กำลังมองดูพวกเขาสองคน
“เจ้าลิงน้อยเจ้าสอนน้องสาวของเจ้าเช่นนี้หรือ” ผู้อาวุโสเฒ่ามีใบหน้าที่เคร่งขรึม แต่ด้วยตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมาก แต่เขาต้องการที่จะทำให้หลานชายของเขากลัว
“คุณปู่…”จี้เสี่ยวหยูมองคุณปู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึงเพราะคิดว่าเขากำลังจะดุจี้เฟิงเธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหยูขอให้พี่สามสอนเสี่ยวหยูเองค่ะ!”
จี้เฟิงกลับหัวเราะคิกคัก“แม้จะมีคุณปู่คอยปกป้อง แต่ก็ต้องทำให้เสี่ยวหยูแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่อย่างนั้นต่อไปคงมีแต่จะถูกคนอื่นรังแก คนของตระกูลจี้จะไม่รังแกคนอื่นก่อน แต่พวกเราก็จะไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกพวกเราอย่างเด็ดขาด!”
ผู้อาวุโสเฒ่ายิ้มอย่างสบายใจเขาพยักหน้าและพูดว่า “เสี่ยวหยูเจ้าจำสิ่งที่พี่ชายสามของเจ้าพูดได้หรือไม่”
“อื้มเสี่ยวหยูจำได้ค่ะ!” เมื่อจี้เสี่ยวหยูเห็นว่าคุณปู่ไม่ได้ต่อว่าอะไรจึงรีบพยักหน้า
ผู้เฒ่าจี้หัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดต่อว่า“เจ้าลิงน้อยการกระทำของเจ้าเมื่อครู่น่าประทับใจมาก! มีเหตุ มีผล มีหลักฐานและความถูกต้อง และที่สำคัญมีความยับยั้งชั่งใจที่ดี ทำได้ดีมาก!”