The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 357 อุบัติเหตุ?
สาม!
จี้ช่าวเหลยเริ่มนับถอยหลัง!
ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นซีดเผือดยิ่งกว่าเดิมแน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าผลที่ตามมาจากความโกรธของจี้ช่าวเหลยนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทนได้อย่างแน่นอน
อันที่จริงชายหนุ่มคนนี้ไม่เคยคิดที่จะแบกรับผลที่ตามมาแต่แรกแล้วเพราะเฉียวเจียไคได้บอกกับเขาไว้ว่า จี้ช่าวเหลยนั้นชอบเซียงยี่โหรว ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ถ้ามีเซียงยี่โหรวอยู่ จี้ช่าวเหลยจะต้องพยายามรักษาความเป็นสุภาพบุรุษให้ดีที่สุด และจะไม่โกรธเคืองแน่นอน
แต่ชายหนุ่มคนนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจี้ช่าวเหลยจะโกรธจริงๆแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกช็อกที่สุดนั่นก็คือ เฉียวเจียไคบอกเขาด้วยความมั่นใจว่า ถ้าจี้ช่าวเหลยโกรธขึ้นมาจริงๆ เฉียวเจียไคจะไม่ปล่อยให้เขาเป็นอันตรายอะไรอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเฉียวเจียไคเขี่ยเขาทิ้งภายในพริบตา ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเขาเลยสักนิด
สอง! จี้ช่าวเหลยนับถอยหลังด้วยเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาดุดัน
อ่า… ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกหน้าชาร่างกายของเขาเริ่มสั่น เขาอ้าปากเพื่ออ้อนวอนแต่ก็พูดอะไรไม่ออก แววตาของจี้ช่าวเหลยนั้นน่ากลัวมาก แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มคนนี้และหนุ่มสาวคนอื่นๆ รู้สึกกลัวยิ่งกว่าคือชื่อเสียงอันโด่งดังของจี้ช่าวเหลยเมื่อสองสามปีก่อน เขาไม่ใช่คนที่จะใจดีกับคนอื่น!
หนึ่ง! เสียงอันเย็นชาของจี้ช่าวเหลยดังขึ้น ดี! ในเมื่อเลือกแบบนี้…
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบเขาก็ได้ยินเสียงที่ไพเราะดังขึ้น คุณชายจี้ ฉันว่าเรื่องนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ พอแค่นี้ดีกว่ามั้ย
ทุกคนต่างผงะไปพร้อมๆกันคนที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาคือเซียงยี่โหรวที่ยืนดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จี้ช่าวเหลยก็ผงะไปเช่นกันแต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็อดยิ้มไม่ได้ ยี่โหรว เธอก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุเหรอ
แล้วไม่ใช่เหรอ เซียวยี่โหรวยิ้มหวาน รอยยิ้มของเธองดงามราวกับดอกไม้กำลังผลิบาน มันทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคลิบเคลิ้มและหัวใจเต้นแรง
มีเพียงจี้ช่าวเหลยคนเดียวที่ไม่มีท่าทีตอบสนองราวกับว่ารอยยิ้มของเซียงยี่โหรวไม่มีผลต่อเขาเลยแม้ต่อน้อย
คุณชายจี้การทำให้ลูกคนรวยที่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่งต้องอับอายและอับจนหนทาง มันก็ไม่ได้ช่วยแสดงความแข็งแกร่งของคุณได้! เซียงยี่โหรวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ลืมเรื่องนี้ไปไม่ได้เหรอ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนถูกไล่ออกเหมือนครั้งที่แล้วเลย!
ถ้าฉันไม่ต้องการก็อย่าหวังว่าจะมีใครไล่ฉันออกไปได้ พวกมันไม่มีความสามารถมากพอ! จี้ช่าวเหลยยิ้มจางๆ แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ทั่วทั้งหยานจิง ไม่มีใครที่มีความสามารถพอจะไล่ตระกูลจี้ออกไปได้!
แต่สิ่งที่เจ้าพูดมาก็ถูกต้องมาเสียอารมณ์กับไอ้ลูกคุณหนูระดับล่างไร้ประโยชน์แบบนี้มันเสียเวลาเปล่าจริงๆ! จี้ช่าวเหลยแสยะยิ้ม แต่คนอย่างฉันไม่เคยถูกใครกวนส้นตีนแล้วไม่ตอบโต้ แต่นั่นมันก็เมื่อก่อน ตอนนี้ไม่ใช่ แต่วันหน้าก็ไม่แน่!
ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปเขากัดฟันและตะคอกอย่างเย็นชา ไสหัวไป!
ขอบคุณคุณชายจี้ขอบคุณคุณชายจี้! ชายคนนั้นรีบก้มหัวโค้งคำนับราวกับคนที่ได้รับการอภัยโทษ
จี้ช่าวเหลยโบกมือส่งๆชายคนนั้นเห็นดังนั้นจึงรีบถอยหลังออกไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าถ้ามัวชักช้าแล้วจี้ช่าวเหลยเปลี่ยนใจ เมื่อถึงตอนนั้นก็สายเกินไปแล้วที่จะมานั่งเสียใจ
คุณชายจี้ดูเหมือนว่าความอารมณ์ร้อนของคุณจะแย่กว่าเมื่อก่อนเสียอีกนะ! เซียงยี่โหรวหัวเราะเบาๆ
จี้ช่าวเหลยโบกมือและยิ้ม ฉันก็เป็นคนอารมณ์ร้อนแบบนี้อยู่เสมอแหละ เว้นเสียแต่ว่าอยู่ต่อหน้าคุณ…. มาใกล้ๆหน่อยสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย!
เขาพูดพลางหัวเราะพร้อมกับกางแขนออกและพยายามที่จะกอดเซียงยี่โหรว
ฟึ่บ—!
เซียงยี่โหรวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเธอดึงชุดราตรีขึ้นและเตะขาข้างหนึ่งออกไป
ขาที่เรียวยาวและขาวราวกับหิมะของเธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับหอกยาวปลายเท้าของเธอจ่ออยู่ที่ต้นคอของจี้ช่าวเหลย ถ้านายก้าวเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ฉันไม่ขอรับประกันนะว่าลูกเตะนี้จะโดนนายรึเปล่า!
จี้ช่าวเหลยยิ้มเจ้าเล่ห์ ถ้าต้องโดนเตะ แล้วได้อยู่ในมุมนี้ฉันก็ยอมนะ!
อ๊ะ! ใบหน้าสวยของเซียงยี่โหรวแดงขึ้นทันที เธอรีบดึงขากลับ แต่จี้ช่าวเหลยกลับหัวเราะ ระวัง! ขณะที่พูดจี้ช่าวเหลยก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน มือซ้ายของเขาโอบเอวของเซียงยี่โหรวไว้ ส่วนมือขวาของเขาก็จับขาของเธอและค่อยๆวางมันลง
เหอๆ… จี้เฟิงที่อยู่ข้างๆได้แต่ยืนหัวเราะอย่างเซ่อๆ พี่รองนี่ช่าง…
ส่วนเฉียวเจียไคที่ยืนอยู่ข้างๆแสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมาพร้อมกับมีแสงเย็นวาบฉายออกมาจากดวงตาของเขา และทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและงอเข่าเล็กน้อยแถวๆขาของจี้ช่าวเหลย
หวืดดด——!
ทันใดนั้นเสียงวัตถุชิ้นใหญ่แหวกอากาศก็ดังขึ้นทุกคนตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นร่างร่างหนึ่งลอยออกไป
โครม—!!
เพล้ง—!
และร่างที่ลอยออกไปนั้นก็กระแทกเข้ากับโต๊ะสำหรับวางอาหารและเครื่องดื่มต่างๆที่อยู่ไม่ไกลนัก ทันใดนั้นจานก็ตกลงบนพื้น อาหารหกระเนระนาด เหล้าสาดกระเซ็น เสียงโต๊ะกับเก้าอี้ที่ล้มลงกับพื้นดังจนแสบแก้วหู ทำให้ทุกคนยืนตาค้างด้วยความตกตะลึง
ความโกลาหลนี้ทำให้จี้ช่าวเหลยและเซียงยี่โหรวตกใจ
เซียงยี่โหรวรีบดึงขากลับใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเธอถลึงตาใส่จี้ช่าวเหลย นายล่วงเกินฉันอีกแล้ว ฉันเอาคืนนายแน่!
จี้ช่าวเหลยหัวเราะเจ้าเล่ห์แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกกลัวภัยคุกคามของเธอ เขาหันไปมองจี้เฟิงและถามด้วยรอยยิ้มว่า น้องสาม เกิดอะไรขึ้น
จี้เฟิงยักไหล่ ไม่รู้สิ! บางทีไอ้หมอนี่อาจจะรีบกลับบ้าน เลยเดินเร็วไปหน่อย จนเผลอมาสะดุดเท้าผม… ตอนที่ผมจะยกเท้าหนี เขาก็กระเด็นออกไปเฉยเลย!
ทุกคนได้แต่ตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดจะเป็นความจริงหรือไม่ แต่เรื่องที่เฉียวเจียไคกระเด็นลอยไปนั้นเป็นความจริงแน่นอน การจะทำให้คนคนหนึ่งกระเด็นลอยออกไปได้แบบนี้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่ดี นอกจากนี้มือที่ว่างเปล่าของจี้เฟิงก็พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้มีเครื่องทุ่นแรงใดๆเลย
นั่นก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเตะเฉียวเจียไคจนกระเด็นออกไปได้ในลูกเตะเดียว!
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่เตะคนทั้งคนจนกระเด็น… เจ้าเด็กนี่เป็นซูเปอร์แมนหรือยังไง!
บางคนเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้จี้ช่าวเหลยถูกสาดเหล้าใส่โดยที่อีกฝ่ายให้เหตุผลว่าจี้ช่าวเหลยรีบร้อนจนไปสะดุดเท้าของเขาเข้า…
ตอนนี้สีหน้าของทุกคนดูแปลกไปพวกเขาเพิ่งใช้วิธีสกปรกเพื่อทำให้จี้ช่าวเหลยต้องขายหน้า แล้วในตอนนี้… เฉียวเจียไคเพิ่งถูกชายหนุ่มคนนี้เตะจนกระเด็นออกไป และเหตุผลที่ชายหนุ่มคนนี้ใช้ก็เหมือนกับที่อีกฝ่ายใช้… นี่เป็นการตบหน้าที่ดังและโหดร้ายมากจริงๆ
ตบหน้าของคุณด้วยวิธีการของคุณเอง!ฝ่ามือนี้เจ็บมาก!
ทุกคนเหมือนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าข้างกายของจี้ช่าวเหลยมีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พอๆกับจี้ช่าวเหลยยืนอยู่ด้วยเพียงแต่ชายหนุ่มคนนี้มีสีหน้าที่แน่วแน่และเด็ดเดี่ยวมากกว่า คิ้วและโครงหน้าบางส่วนของเขาคล้ายกับจี้ช่าวเหลยอยู่ไม่น้อย สองคนนี้น่าจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแน่นอน!
เซียวยี่โหรวมองจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจเจ้าเด็กนี่อารมณ์ร้ายกว่าจี้ช่าวเหลยซะอีกมั้งเนี่ย… เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่กลับลงมือโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นเองพนักงานของว่านหลี่คลับก็ส่งเสียงโอดครวญโดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานที่รับผิดชอบการลงทะเบียน ฉันว่าแล้ว ไม่มีใครที่ไหนกล้าพอที่จะมาสร้างปัญหาที่นี่ แต่คนของตระกูลจี้… เฮ้อ! โชคดีที่แจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยไว้ล่วงหน้า! มีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นที่นี่แต่ไม่มีพนักงานบริการคนไหนกล้าเข้ามาห้าม เพราะพนักงานทุกคนรู้ดีว่าผู้คนที่มารวมตัวกันที่นี่ล้วนเป็นลูกหลานจากตระกูลใหญ่หรือไม่ก็เป็นลูกหลานของคนมีอำนาจทั้งนั้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แม้แต่เจ้าของคลับยังไม่กล้าที่จะเข้ามาหยุดสุ่มสี่สุ่มห้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพนักงานตัวน้อยๆอย่างพวกเขาเลย
แปะ!แปะ! แปะ! จู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น ทุกคนหันไปมองตามเสียงปรบมือนั้นก็เห็นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ 32 – 33 ปีกำลังเดินออกมาจากห้องโถง ที่เดินตามมาด้านหลังเขาเป็นหนุ่มน้อยอีกคนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน พวกเขาน่าจะเป็นพี่น้องกัน
ชายหนุ่มที่ปรบมือและเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ
ช่าวเหลยนายยังเป็นคนอารมณ์ร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่ก็ลงมือโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น! ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ลืมใช่มั้ยว่าครั้งสุดท้ายที่ถูกไล่ออกจากที่นี่ไปเพราะอะไร
จี้ช่าวเหลยตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า ช่วยไม่ได้นี่นะ ความใจร้อนมันคงเป็นนิสัยของฉันไปแล้วน่ะ แล้วยิ่งมาเจอคนกวนส้นตีนแบบนี้เลยยิ่งควบคุมอารมณ์ไม่ได้ใหญ่เลย!
แหม่!ฉันล่ะชอบจริงๆเลย คนตรงไปตรงมาอย่างนายเนี่ย! ฮ่าฮ่า~! ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ท่าทางของเขานั้นดูดีและมีความสุภาพมาก มันทำให้ผู้คนที่มองมารู้สึกประทับใจได้ตั้งแต่แรกเห็น แล้วพี่ชายของนายเป็นยังไงบ้างล่ะ สบายดีใช่มั้ย ครั้งล่าสุดที่ฉันได้เจอเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นตอนที่เขามาประชุมที่หยานจิง ถ้าลองนับเวลาคร่าวๆ ก็น่าจะสามสี่ปีได้แล้วมั้งที่ฉันไม่ได้เจอเขา!
ขอบใจที่เป็นห่วงพี่ชายฉันสบายดี! จี้ช่าวเหลยยิ้มน้อยๆ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เขาทำงานสายราชการ คงไม่ได้มีชีวิตที่สะดวกสบายเหมือนอย่างนายน้อยเหอหรอก! หัวใจของจี้เฟิงกระตุกเล็กน้อยชายหนุ่มคนนี้คือนายน้อยตระกูลเหอ หรือว่าจะเป็นเหอหงเหว่ย?
ปากของนายนี่ยังชอบพูดจาไร้สาระไปเรื่อยอยู่เหมือนเดิมเลยนะเอาล่ะในเมื่อเจ้าก็มาที่นี่แล้ว ยังไงก็ไว้หน้าฉันหน่อยแล้วกัน ถ้ามีอะไรก็อดทนเอาไว้ก่อน รอให้งานเลี้ยงผ่านพ้นไปแล้วค่อยไปเคลียกันทีหลัง เหอหงเหว่ยโบกมือ ท่าทางของเขาดูน่าเกรงขามมาก ดูเหมือนว่ารัศมีความเป็นผู้นำของเขาจะกลบจี้ช่าวเหลยให้หมองลงได้พอสมควรเลย
ทุกท่านที่วันนี้ผมจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นมาก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการพบปะพูดคุยทำความรู้จักรวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างทุกๆท่านๆ อย่างไรก็ตาม หยานจิงเป็นเมืองใหญ่ พวกท่านคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วว่า เมืองใหญ่เช่นนี้ก็มักจะมีเรื่องสนุกตื่นเต้นมาให้พบเห็นกันอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วหยานจิงก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีระบบการดูแลความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นทุกคนจึงสบายใจได้! เหอหงเหว่ยยิ้มเล็กน้อย มีทั้งความอ่อนโยนและสง่างาม เขาเหมือนกับคนที่เกิดมาเพื่อทำให้ผู้คนไม่สามารถรู้สึกโกรธเคืองเขาได้
‘สำหรับพี่ใหญ่จี้ช่าวตงแล้วผู้ชายคนนี้ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก!’ จี้เฟิงแอบพยักหน้าสองสามครั้ง สมแล้วที่เป็นนายน้อยของตระกูลเหอ
ในเวลานี้ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเหอหงเหว่ยเดินถือแก้วไวน์และเดินเข้าไปหาเซียงยี่โหรวพร้อมกับรอยยิ้ม ยี่โหรว ฉันดีใจมากที่ได้พบเธอ คืนนี้เธอสวยมาก!
คุณชายรองชมเกินไปแล้ว! เซียงยี่โหรวพูดเบาๆ เธอยกแก้วขึ้นและชนกับชายหนุ่ม
นี่คือเหอหงเฉียงคุณชายรองแห่งตระกูลเหอสินะ จี้เฟิงขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นท่าทางที่สง่างามและมีเสน่ห์ของเซียงยี่โหรวดวงตาของเหอหงเฉียงก็ฉายแววละโมบและความตื่นเต้น จี้เฟิงพอจะปะติดปะต่อได้แล้วว่าสาเหตุที่อาสามโทรมาเตือนเขาเป็นพิเศษและที่คุณปู่กำชับเขาในตอนที่นั่งกินข้าวเช้าด้วยกันที่บอกว่าให้ช่วยพี่รอง…
ตอนนี้จี้เฟิงเข้าใจแล้วเหอหงเฉียง คุณชายรองแห่งตระกูลเหอก็ชอบเซียงยี่โหรวเหมือนกัน!