The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 368 กลับสู่เจียงโจว
สองพี่น้องจี้เฟิงกับจี้ช่าวเหลยขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังซื่อเหอหยวนของผู้อาวุโสเฒ่า
ก่อนออกจากหยานจิงแน่นอนว่าพวกเขาต้องไปทักทายคุณปู่ของพวกเขาก่อน
เมื่อทั้งสองมาถึงลานบ้านผู้อาวุโสเฒ่ากำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนรายการที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้เป็นรายการข่าวเช้า เพราะปกติแล้วนอกเหนือจากข่าวตอนเช้าแล้วผู้อาวุโสเฒ่าจะไม่ดูรายการอื่นๆในเวลานี้
จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยนั่งลงข้างๆผู้อาวุโสเฒ่าพวกเขาก็นั่งดูรายการข่าวเช้าไปพร้อมๆกับเขาจนจบรายการ จากนั้นผู้อาวุโสเฒ่าจึงได้ละสายตาจากทีวี ผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆ รีบปิดทีวีและนำถ้วยชาร้อนมาให้ผู้อาวุโสเฒ่า
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้วผู้อาวุโสเฒ่าจึงสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายมาได้สักพักแล้ว แม้ว่าพลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพจะถูกกระตุ้นเปิดใช้งานโดยจี้เฟิง แต่ด้วยวัยที่แก่ชรามากแล้วพลังในร่างกายของเขาไม่สามารถเทียบได้กับคนหนุ่มสาว
“จะไปกันแล้วสินะ”เมื่อผู้อาวุโสเฒ่าเห็นหลานชายทั้งสองมาหาเขาพร้อมกัน เขาก็เข้าใจจุดประสงค์ทันที เขาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างอ่อนโยนว่า “คนวัยหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้า ต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ผ่านลมผ่านฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้ให้มากๆ และเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้จะสร้างความแตกต่างให้กับพวกเจ้า ไปเถอะ!”
“พวกเราจะจำคำของคุณปู่ไว้ให้ดีครับ!”จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยแต่ก่อนจะจากไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณปู่ครับ ร่างกายของคุณปู่เป็นยังไงบ้าง มีอะไรผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าครับ”
ยังไงก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิธีนี้รักษาปู่ของเขา แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะช่วยชีวิตผู้เฒ่าถังบนรถไฟไปและได้สะสมประสบการณ์บางอย่างมาเล็กน้อย แต่สภาพร่างกายของผู้เฒ่าถังกับปู่ของเขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้เฒ่าถังมีหัวใจที่ไม่ค่อยดี แต่คุณปู่ของเขาเป็นในด้านของสมรรถภาพของร่างกายที่เสื่อมถอย
แต่ผู้อาวุโสเฒ่ากลับโบกมือเล็กน้อยและกล่าวว่า“เจ้าลิงน้อย ไม่จำเป็นต้องห่วงตาแก่อย่างข้า ร่างกายของข้า ข้ารู้ดีที่สุดว่าไม่มีปัญหาอะไร เจ้าออกไปผจญภัยได้อย่างสบายใจ จำเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้านั้นมีปู่คอยหนุนหลังเจ้าอยู่!”
จี้ช่าวเหลยที่อยู่ข้างๆรีบพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ท่านปู่ครับ แล้วผมล่ะครับ ถ้าเกิดผมไปก่อเรื่องข้างนอก คุณปู่ก็จะช่วยสนับสนุนผมด้วยเหมือนกันใช่มั้ยครับ?”
“เจ้าเด็กเหลือขอ!”
ผู้อาวุโสเฒ่าถลึงตาใส่เขาและพ่นลมออกจมูก“ข้าให้เจ้าลิงน้อยออกไปเผชิญโลกภายนอก ไม่ใช่ให้เขาไปก่อเรื่อง เจ้าเองก็เหมือนกัน!”
จี้ช่าวเหลยหัวเราะคิกคักแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ที่จริงจี้ช่าวเหลยเป็นคนอารมณ์ดีมีนิสัยร่าเริงชอบพูดจาหยอกล้อเมื่อเห็นว่าปู่ของเขาดูกลุ้มใจอยู่บ้าง เขาถึงได้จงใจพูดจากวนประสาท ทำให้อารมณ์ของผู้อาวุโสเฒ่าดีขึ้น
จี้เฟิงเองก็รู้จุดประสงค์ของพี่ชายคนที่สองของเขาดีเขาจึงอดยิ้มไม่ได้ และถามเสียงเบาว่า “คุณปู่ครับ คุณปู่ไม่ได้สูบบุหรี่มานานแล้วใช่มั้ยครับ”
ผู้อาวุโสเฒ่าแค่นเสียงดุทันที“เจ้าลิงน้อย นี่เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวโดยการยั่วโมโหตาแก่อย่างข้างั้นรึ! คนติดบุหรี่อย่างข้าแต่กลับสูบมันไม่ได้ เจ้ายังจงใจถามเรื่องนี้อีก สงสัยต้องโดนทุบซักทีสองที เอาให้เข็ดหลาบ!”
จี้ช่าวเหลยหัวเราะและรีบพูดด้วยเสียงกระซิบว่า“คุณปู่ ผมจะไปคุยกับน้าหงให้นะครับ เอ… บุหรี่ของคุณปู่…”
เขารู้ว่าบุหรี่ของผู้อาวุโสเฒ่าในเดือนนี้น่าจะมาถึงแล้วเขาจึงมีความคิดที่จะไปเอาบุหรี่ติดไม้ติดมือกลับไปเจียงโจวเพิ่มอีกสักหน่อย “ไสหัวไป!”ถึงกับถูกหลานชายพูดขู่จะขโมยบุหรี่ ผู้อาวุโสเฒ่าโมโหจนแทบจะเอาไม้เท้าตีจี้ช่าวเหลย จนทำให้อีกฝ่ายตกใจและรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
จี้เฟิงมองและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยใจ
เมื่อเห็นว่าจี้ช่าวเหลยวิ่งออกไปแล้วผู้อาวุโสเฒ่าก็โบกมือไล่พนักงานที่อยู่ในห้องนั่งเล่นให้ออกไปด้วย จี้เฟิงรีบส่งบุหรี่ให้ปู่ของเขาทันที และพร้อมกันนั้นเขาก็หยิบบุหรี่สำหรับตัวเองขึ้นมาหนึ่งมวน ชายชราและเด็กหนุ่มต่างนั่งสูบบุหรี่และเริ่มพ่นควันออกมาทันที
“เจ้าลิงน้อยร่างกายของข้าฟื้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลายคนพอจะเดาได้ว่าเป็นเพราะเจ้า พวกเขาก็เลยมาถามข้าอยู่หลายครั้ง แต่ข้าก็หาเหตุผลอื่นมาทำให้พวกเขาคลายความสงสัยไปได้” ผู้อาวุโสเฒ่าสูบบุหรี่ไปอีกสองสามทีและพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เจ้าช่วยอาของเจ้าฝึกทหาร ไม่สามารถปิดบังได้ เจ้าต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม!” จี้เฟิงตกใจ“เตรียมตัว เตรียมตัวสำหรับอะไรเหรอครับ?”
“หลานคนโตของตระกูลจี้มีความสามารถรอบด้านขนาดนี้ถ้ามีคนยินดีก็ย่อมมีคนอิจฉา โดยเฉพาะคนเบื้องบน พวกเขาอาจจะเพ่งเล็งเจ้าเป็นพิเศษ แต่ตราบใดที่มีตาแก่อย่างข้าอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเจ้าจะต้องพบปะติดต่อกับลูกหลานของตระกูลอื่นๆ เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้มาก!” ผู้อาวุโสเฒ่ากำชับ “แล้วก็เรื่องยาพิเศษของเจ้านั้น มีหลายคนให้ความสนใจอย่างมาก ไม่นานจะต้องมีคนมาคุยกับเจ้าเรื่องนี้แน่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เจ้าจะขายสูตรยาเลยก็ได้ แต่ถ้าจะทำธุรกิจด้วยตัวเอง ก็สามารถร่วมมือกับคนอื่นได้!”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยเขาค่อยๆซึมซับคำพูดทุกคำของผู้อาวุโสเฒ่าอย่างระมัดระวัง แต่ในใจของเขานั้นแอบตกใจอยู่ไม่น้อย เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นความลับมากกว่านี้ อย่างเรื่องที่จู่ๆคุณปู่ก็กลับมามีสุขภาพแข็งแรงอย่างกะทันหัน คนอื่นๆก็ยังคิดว่าเป็นเพราะเขา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของยาพิเศษนั่นด้วย… ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เขาทำยานี้ เขายังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับยานี้นอกจากคนที่จำเป็นอย่างเช่นคุณปู่ อาสามแล้วก็ผู้เฒ่าถัง นอกจากนั้นก็ไม่น่าจะมีใครรู้อีก
แต่ฟังจากน้ำเสียงของคุณปู่ในตอนนี้นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดีแล้ว….
จี้เฟิงอดถอนหายใจไม่ได้หยานจิงนี่เก็บความลับอะไรได้ยากจริงๆ!
ราวกับว่าผู้อาวุโสเฒ่าอ่านความสงสัยที่อยู่ในใจของหลานชายของเขาออกเขาจึงพูดขึ้นว่า “ข้าบอกอาของเจ้าเกี่ยวกับยาพิเศษของเจ้า จู่ๆตาแก่ใกล้ตายอย่างข้าก็ฟื้นคืนขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันก็ต้องมีคำอธิบายสักหน่อยใช่ไหมล่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง!”จี้เฟิงเข้าใจแล้ว
“จำเอาไว้ให้ดีไม่ว่าเจ้าจะทำการสิ่งใด ข้ามีข้อกำหนดที่ต้องการให้เจ้ารักษาไว้แค่สามข้อเท่านั้น” จู่ๆ ผู้อาวุโสเฒ่าก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จี้เฟิงรีบพยักหน้าทันทีและตั้งใจฟัง“ขอแค่คุณปู่บอกมา ผมจะทำตามอย่างแน่นอนครับ!”
“ประการแรกอย่าทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติและสังคม เจ้าจะต้องมีมโนธรรม!” ผู้อาวุโสจี้พูดช้ากว่าเมื่อครู่ แต่คำพูดของเขาทำให้คนฟังไม่อาจปฏิเสธได้ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง! “ประการที่สอง เด็ดขาดแต่ไม่โหดเหี้ยม และประการที่สาม จงมีเมตตาและความชอบธรรม สิ่งเหล่านี้ควรค่าแก่มิตรและคนรอบข้างของเจ้า!”
จี้เฟิงยืนขึ้นเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “คำสอนของคุณปู่ หลานชายคนนี้จะจำไปจนตาย!”
“ดีมาก!”ใบหน้าสีแดงของผู้อาวุโสเฒ่าเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจ ในบรรดาหลานชาย จี้เฟิงเป็นคนที่เขาพึงพอใจมากที่สุด
ก่อนที่จี้ช่าวเหลยจะกลับมาผู้อาวุโสเฒ่าและจี้เฟิงก็สูบบุหรี่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ดับก้นบุหรี่ จี้เฟิงก็แอบหยิบใส่ถุงพลาสติกและนำมันออกมาด้วย
เมื่อจี้เฟิงกำลังจะจากไปผู้อาวุโสเฒ่าตามไปส่งเขาที่ลานที่สอง ซึ่งเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยาก เขายืนเอามือไพล่หลังและเฝ้าดูหลานชายของเขาหายไปจากสายตา
เมื่อกลับมาที่รถอีกครั้งจี้เฟิงก็ต้องตกตะลึงทันที มีถุงกระดาษใบใหญ่วางอยู่ที่เบาะหลังรถ ในนั้นมีบุหรี่ชนิดพิเศษอยู่ 4-5 คอตตอน
ส่วนจี้ช่าวเหลยพี่ชายคนที่สองกำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างเอาเป็นเอาตายราวกับว่าบุหรี่ได้สร้างความโกรธแค้นให้กับเขา
“พี่รองพี่จะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าคุณปู่รู้ คราวนี้เขาได้โกรธพี่จริงๆแน่!”
จู่ๆจี้ช่าวเหลยก็ทำหน้าสลด“น้องสาม ครั้งนี้นายก็พูดจาใส่ร้ายฉันเกินไป ตอนแรกฉันอยากได้แค่สองสามซองเท่านั้น แต่ป้าหงก็ดันเอาบุหรี่ที่คุณปู่ซ่อนเอาไว้ เอาออกมาให้ฉันหมดเลย…”
“….”จี้เฟิงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขารู้สึกนับถือป้าหงมาก เธอปฏิบัติต่อคุณปู่ในฐานะพ่อจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ยอมเสี่ยงทำเรื่องที่อาจจะทำทำให้คุณปู่โกรธอย่างนี้แน่นอน
จี้เฟิงรู้สึกโล่งใจที่มีคนเช่นนี้อยู่ข้างกายปู่ของเขา
“จริงสิน้องสาม มีเรื่องบางอย่างที่…” จี้ช่าวเหลยสูบบุหรี่เข้าไปอีกสองสามครั้งก่อนจะพูดอย่างลังเล
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“พี่รอง นี่ไม่ใช่พี่นะ จะพูดอะไรก็พูด ทำเป็นพิธีรีตองไปได้!”
จี้ช่าวเหลยไม่โต้เถียงใดๆแต่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณปู่ เมื่อกี้น้าหงแอบบอกกับฉันว่า สาเหตุที่คุณปู่ล้มป่วยอย่ากะทันหันเป็นเพราะปู่รองทะเลาะกับคุณปู่ของเราหนักมาก ดูเหมือนว่าเขาจะพูดเรื่องน่าเกลียด เรื่องไม่ดีมากมาย… จนทำให้คุณปู่โกรธมากจนถึงกับล้มป่วย!” จี้เฟิงที่กำลังยิ้มจู่ๆ รอยยิ้มนั้นก็แข็งทื่อไปและค่อยๆ หุบลง เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ความโกรธที่ไม่สามารถระงับได้ผุดขึ้นมาในใจของเขา
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพึมพำกับตัวเองว่า “ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณปู่ถึงไม่ยอมพูด พ่อกับอาสามก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย พวกเขาคงกลัวว่าฉันจะทนไม่ไหวแล้วตรงไปจัดการกับพวกคนสายรองสินะ!”
จี้ช่าวเหลยตกใจขึ้นมาทันที“นายพูดอะไรน่ะ!”
เอ้อเหย่…น้องชายของคุณปู่นี่เองนี่เป็นตัวการของเรื่องนี้…
“ซักวัน…จะต้องมีโอกาสแน่นอน ซักวัน!” ราวกับว่าจี้เฟิงหูหนวกไปอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้ยินคำถามของจี้ช่าวเหลย แต่กำหมัดแน่นพร้อมกับมีแสงเย็นวาบออกมาจากแววตาของเขา “รอฉันกลับมาที่หยานจิงอีกครั้ง ฉันจะทำให้ได้รู้ว่า ปากที่พูดแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็สามารถทำให้ตัวเองเดือดร้อนได้เหมือนกัน!!”
จี้ช่าวเหลยกลัวว่าจี้เฟิงจะโมโหจนขาดสติแล้วไปทำเรื่องที่เลวร้ายเกินกว่าจะแก้ไขได้เขาจึงรีบสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่งตรงดิ่งสู่สนามบินทันที
.. . . . . . . .
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ววว!”จี้ช่าวเหลยพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย เขากับจี้เฟิงยืนอยู่ที่ทางออกของสนามบินนานาชาติเจียงโจว จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา สองชั่วโมงในการนั่งเครื่องบินทำให้อารมณ์ของเขาสงบลงอย่างสมบูรณ์ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลืม เขาเพียงแค่เก็บมันไว้ในใจก่อนเท่านั้น
“พี่รองเราแยกกันตรงนี้เลยก็แล้วกัน เดี๋ยวไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ผมจะไปเยี่ยมอารองที่บ้าน” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืมก็ดีเหมือนกัน ฉันก็ว่าจะแวะไปที่บริษัทก่อน ฉันหายไปนานขนาดนี้คงมีงานกองรอจนเป็นภูเขาแน่ๆ !” จี้ช่าวเหลยพยักหน้าเล็กน้อย และแบ่งถุงกระดาษหนึ่งถุงยื่นให้จี้เฟิง “มีบุหรี่ของคุณปู่ทั้งหมดสิบสองคอตตอน นายไม่ค่อยสูบบุหรี่ เพราะงั้นเอาไปห้าคอตตอนพอ ฉันเอาไปเจ็ด โอเค๊!”
แน่นอนว่าจี้เฟิงไม่ได้สนใจว่าจี้ช่าวเหลยจะแบ่งบุหรี่ยังไงเขาแค่พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “พี่รอง เรื่องเซียงยี่โหรวพี่อย่าได้ชะล่าใจ ถ้าเกิดชักช้ายืดหยาด ได้เสร็จหนุ่มๆที่หยานจิงแน่ ดูเหมือนว่ามีคนต้องการจะจีบเธอเพียบเลย!”
“ฉันรีบจนไม่รู้จะรีบยังไงแล้วรอแต่นายนั่นแหละ!” จี้ช่าวเหลยพูดอย่างไม่พอใจ “นายต้องรีบสอนกังฟูให้ฉันโดยเร็วที่สุด!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าจากนั้นก็โบกรถแท็กซี่และขึ้นรถไป
เมื่อเห็นว่าเขตเมืองมหาวิทยาลัยกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆเขาก็นึกถึงหยูซวนกับเล่ยเล่ย แฟนสาวแสนสวยทั้งสองคนของเขา และทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาทันที ก่อนที่จี้เฟิงจะกลับเขาไม่ได้โทรบอกใครไว้ล่วงหน้า เพราะเขาตั้งใจจะทำให้ทั้งสองสาวประหลาดใจ
จี้เฟิงลงจากรถห่างจากวิลล่าประมาณสองสามร้อยเมตรจี้เฟิงถือกระเป๋าเดินทางตรงดิ่งไปที่วิลล่าของเขาอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลา16.00 น. และไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นทั้งสองสาวน่าจะยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย
แต่ทันทีที่จี้เฟิงเดินเข้าไปในวิลล่าเขาก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่าง และดูเหมือนจะมีเสียงที่ฟังดูโกรธของเซียวหยูซวนด้วย
ก่อนออกจากหยานจิงแน่นอนว่าพวกเขาต้องไปทักทายคุณปู่ของพวกเขาก่อน
เมื่อทั้งสองมาถึงลานบ้านผู้อาวุโสเฒ่ากำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนรายการที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้เป็นรายการข่าวเช้า เพราะปกติแล้วนอกเหนือจากข่าวตอนเช้าแล้วผู้อาวุโสเฒ่าจะไม่ดูรายการอื่นๆในเวลานี้
จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยนั่งลงข้างๆผู้อาวุโสเฒ่าพวกเขาก็นั่งดูรายการข่าวเช้าไปพร้อมๆกับเขาจนจบรายการ จากนั้นผู้อาวุโสเฒ่าจึงได้ละสายตาจากทีวี ผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆ รีบปิดทีวีและนำถ้วยชาร้อนมาให้ผู้อาวุโสเฒ่า
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้วผู้อาวุโสเฒ่าจึงสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายมาได้สักพักแล้ว แม้ว่าพลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพจะถูกกระตุ้นเปิดใช้งานโดยจี้เฟิง แต่ด้วยวัยที่แก่ชรามากแล้วพลังในร่างกายของเขาไม่สามารถเทียบได้กับคนหนุ่มสาว
“จะไปกันแล้วสินะ”เมื่อผู้อาวุโสเฒ่าเห็นหลานชายทั้งสองมาหาเขาพร้อมกัน เขาก็เข้าใจจุดประสงค์ทันที เขาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างอ่อนโยนว่า “คนวัยหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้า ต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ผ่านลมผ่านฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้ให้มากๆ และเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้จะสร้างความแตกต่างให้กับพวกเจ้า ไปเถอะ!”
“พวกเราจะจำคำของคุณปู่ไว้ให้ดีครับ!”จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยแต่ก่อนจะจากไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณปู่ครับ ร่างกายของคุณปู่เป็นยังไงบ้าง มีอะไรผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าครับ”
ยังไงก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิธีนี้รักษาปู่ของเขา แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะช่วยชีวิตผู้เฒ่าถังบนรถไฟไปและได้สะสมประสบการณ์บางอย่างมาเล็กน้อย แต่สภาพร่างกายของผู้เฒ่าถังกับปู่ของเขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้เฒ่าถังมีหัวใจที่ไม่ค่อยดี แต่คุณปู่ของเขาเป็นในด้านของสมรรถภาพของร่างกายที่เสื่อมถอย
แต่ผู้อาวุโสเฒ่ากลับโบกมือเล็กน้อยและกล่าวว่า“เจ้าลิงน้อย ไม่จำเป็นต้องห่วงตาแก่อย่างข้า ร่างกายของข้า ข้ารู้ดีที่สุดว่าไม่มีปัญหาอะไร เจ้าออกไปผจญภัยได้อย่างสบายใจ จำเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้านั้นมีปู่คอยหนุนหลังเจ้าอยู่!”
จี้ช่าวเหลยที่อยู่ข้างๆรีบพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ท่านปู่ครับ แล้วผมล่ะครับ ถ้าเกิดผมไปก่อเรื่องข้างนอก คุณปู่ก็จะช่วยสนับสนุนผมด้วยเหมือนกันใช่มั้ยครับ?”
“เจ้าเด็กเหลือขอ!”
ผู้อาวุโสเฒ่าถลึงตาใส่เขาและพ่นลมออกจมูก“ข้าให้เจ้าลิงน้อยออกไปเผชิญโลกภายนอก ไม่ใช่ให้เขาไปก่อเรื่อง เจ้าเองก็เหมือนกัน!”
จี้ช่าวเหลยหัวเราะคิกคักแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ที่จริงจี้ช่าวเหลยเป็นคนอารมณ์ดีมีนิสัยร่าเริงชอบพูดจาหยอกล้อเมื่อเห็นว่าปู่ของเขาดูกลุ้มใจอยู่บ้าง เขาถึงได้จงใจพูดจากวนประสาท ทำให้อารมณ์ของผู้อาวุโสเฒ่าดีขึ้น
จี้เฟิงเองก็รู้จุดประสงค์ของพี่ชายคนที่สองของเขาดีเขาจึงอดยิ้มไม่ได้ และถามเสียงเบาว่า “คุณปู่ครับ คุณปู่ไม่ได้สูบบุหรี่มานานแล้วใช่มั้ยครับ”
ผู้อาวุโสเฒ่าแค่นเสียงดุทันที“เจ้าลิงน้อย นี่เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวโดยการยั่วโมโหตาแก่อย่างข้างั้นรึ! คนติดบุหรี่อย่างข้าแต่กลับสูบมันไม่ได้ เจ้ายังจงใจถามเรื่องนี้อีก สงสัยต้องโดนทุบซักทีสองที เอาให้เข็ดหลาบ!”
จี้ช่าวเหลยหัวเราะและรีบพูดด้วยเสียงกระซิบว่า“คุณปู่ ผมจะไปคุยกับน้าหงให้นะครับ เอ… บุหรี่ของคุณปู่…”
เขารู้ว่าบุหรี่ของผู้อาวุโสเฒ่าในเดือนนี้น่าจะมาถึงแล้วเขาจึงมีความคิดที่จะไปเอาบุหรี่ติดไม้ติดมือกลับไปเจียงโจวเพิ่มอีกสักหน่อย “ไสหัวไป!”ถึงกับถูกหลานชายพูดขู่จะขโมยบุหรี่ ผู้อาวุโสเฒ่าโมโหจนแทบจะเอาไม้เท้าตีจี้ช่าวเหลย จนทำให้อีกฝ่ายตกใจและรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
จี้เฟิงมองและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยใจ
เมื่อเห็นว่าจี้ช่าวเหลยวิ่งออกไปแล้วผู้อาวุโสเฒ่าก็โบกมือไล่พนักงานที่อยู่ในห้องนั่งเล่นให้ออกไปด้วย จี้เฟิงรีบส่งบุหรี่ให้ปู่ของเขาทันที และพร้อมกันนั้นเขาก็หยิบบุหรี่สำหรับตัวเองขึ้นมาหนึ่งมวน ชายชราและเด็กหนุ่มต่างนั่งสูบบุหรี่และเริ่มพ่นควันออกมาทันที
“เจ้าลิงน้อยร่างกายของข้าฟื้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลายคนพอจะเดาได้ว่าเป็นเพราะเจ้า พวกเขาก็เลยมาถามข้าอยู่หลายครั้ง แต่ข้าก็หาเหตุผลอื่นมาทำให้พวกเขาคลายความสงสัยไปได้” ผู้อาวุโสเฒ่าสูบบุหรี่ไปอีกสองสามทีและพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เจ้าช่วยอาของเจ้าฝึกทหาร ไม่สามารถปิดบังได้ เจ้าต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม!” จี้เฟิงตกใจ“เตรียมตัว เตรียมตัวสำหรับอะไรเหรอครับ?”
“หลานคนโตของตระกูลจี้มีความสามารถรอบด้านขนาดนี้ถ้ามีคนยินดีก็ย่อมมีคนอิจฉา โดยเฉพาะคนเบื้องบน พวกเขาอาจจะเพ่งเล็งเจ้าเป็นพิเศษ แต่ตราบใดที่มีตาแก่อย่างข้าอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเจ้าจะต้องพบปะติดต่อกับลูกหลานของตระกูลอื่นๆ เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้มาก!” ผู้อาวุโสเฒ่ากำชับ “แล้วก็เรื่องยาพิเศษของเจ้านั้น มีหลายคนให้ความสนใจอย่างมาก ไม่นานจะต้องมีคนมาคุยกับเจ้าเรื่องนี้แน่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เจ้าจะขายสูตรยาเลยก็ได้ แต่ถ้าจะทำธุรกิจด้วยตัวเอง ก็สามารถร่วมมือกับคนอื่นได้!”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยเขาค่อยๆซึมซับคำพูดทุกคำของผู้อาวุโสเฒ่าอย่างระมัดระวัง แต่ในใจของเขานั้นแอบตกใจอยู่ไม่น้อย เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นความลับมากกว่านี้ อย่างเรื่องที่จู่ๆคุณปู่ก็กลับมามีสุขภาพแข็งแรงอย่างกะทันหัน คนอื่นๆก็ยังคิดว่าเป็นเพราะเขา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของยาพิเศษนั่นด้วย… ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เขาทำยานี้ เขายังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับยานี้นอกจากคนที่จำเป็นอย่างเช่นคุณปู่ อาสามแล้วก็ผู้เฒ่าถัง นอกจากนั้นก็ไม่น่าจะมีใครรู้อีก
แต่ฟังจากน้ำเสียงของคุณปู่ในตอนนี้นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดีแล้ว….
จี้เฟิงอดถอนหายใจไม่ได้หยานจิงนี่เก็บความลับอะไรได้ยากจริงๆ!
ราวกับว่าผู้อาวุโสเฒ่าอ่านความสงสัยที่อยู่ในใจของหลานชายของเขาออกเขาจึงพูดขึ้นว่า “ข้าบอกอาของเจ้าเกี่ยวกับยาพิเศษของเจ้า จู่ๆตาแก่ใกล้ตายอย่างข้าก็ฟื้นคืนขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันก็ต้องมีคำอธิบายสักหน่อยใช่ไหมล่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง!”จี้เฟิงเข้าใจแล้ว
“จำเอาไว้ให้ดีไม่ว่าเจ้าจะทำการสิ่งใด ข้ามีข้อกำหนดที่ต้องการให้เจ้ารักษาไว้แค่สามข้อเท่านั้น” จู่ๆ ผู้อาวุโสเฒ่าก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จี้เฟิงรีบพยักหน้าทันทีและตั้งใจฟัง“ขอแค่คุณปู่บอกมา ผมจะทำตามอย่างแน่นอนครับ!”
“ประการแรกอย่าทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติและสังคม เจ้าจะต้องมีมโนธรรม!” ผู้อาวุโสจี้พูดช้ากว่าเมื่อครู่ แต่คำพูดของเขาทำให้คนฟังไม่อาจปฏิเสธได้ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง! “ประการที่สอง เด็ดขาดแต่ไม่โหดเหี้ยม และประการที่สาม จงมีเมตตาและความชอบธรรม สิ่งเหล่านี้ควรค่าแก่มิตรและคนรอบข้างของเจ้า!”
จี้เฟิงยืนขึ้นเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “คำสอนของคุณปู่ หลานชายคนนี้จะจำไปจนตาย!”
“ดีมาก!”ใบหน้าสีแดงของผู้อาวุโสเฒ่าเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจ ในบรรดาหลานชาย จี้เฟิงเป็นคนที่เขาพึงพอใจมากที่สุด
ก่อนที่จี้ช่าวเหลยจะกลับมาผู้อาวุโสเฒ่าและจี้เฟิงก็สูบบุหรี่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ดับก้นบุหรี่ จี้เฟิงก็แอบหยิบใส่ถุงพลาสติกและนำมันออกมาด้วย
เมื่อจี้เฟิงกำลังจะจากไปผู้อาวุโสเฒ่าตามไปส่งเขาที่ลานที่สอง ซึ่งเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยาก เขายืนเอามือไพล่หลังและเฝ้าดูหลานชายของเขาหายไปจากสายตา
เมื่อกลับมาที่รถอีกครั้งจี้เฟิงก็ต้องตกตะลึงทันที มีถุงกระดาษใบใหญ่วางอยู่ที่เบาะหลังรถ ในนั้นมีบุหรี่ชนิดพิเศษอยู่ 4-5 คอตตอน
ส่วนจี้ช่าวเหลยพี่ชายคนที่สองกำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างเอาเป็นเอาตายราวกับว่าบุหรี่ได้สร้างความโกรธแค้นให้กับเขา
“พี่รองพี่จะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าคุณปู่รู้ คราวนี้เขาได้โกรธพี่จริงๆแน่!”
จู่ๆจี้ช่าวเหลยก็ทำหน้าสลด“น้องสาม ครั้งนี้นายก็พูดจาใส่ร้ายฉันเกินไป ตอนแรกฉันอยากได้แค่สองสามซองเท่านั้น แต่ป้าหงก็ดันเอาบุหรี่ที่คุณปู่ซ่อนเอาไว้ เอาออกมาให้ฉันหมดเลย…”
“….”จี้เฟิงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขารู้สึกนับถือป้าหงมาก เธอปฏิบัติต่อคุณปู่ในฐานะพ่อจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ยอมเสี่ยงทำเรื่องที่อาจจะทำทำให้คุณปู่โกรธอย่างนี้แน่นอน
จี้เฟิงรู้สึกโล่งใจที่มีคนเช่นนี้อยู่ข้างกายปู่ของเขา
“จริงสิน้องสาม มีเรื่องบางอย่างที่…” จี้ช่าวเหลยสูบบุหรี่เข้าไปอีกสองสามครั้งก่อนจะพูดอย่างลังเล
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“พี่รอง นี่ไม่ใช่พี่นะ จะพูดอะไรก็พูด ทำเป็นพิธีรีตองไปได้!”
จี้ช่าวเหลยไม่โต้เถียงใดๆแต่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณปู่ เมื่อกี้น้าหงแอบบอกกับฉันว่า สาเหตุที่คุณปู่ล้มป่วยอย่ากะทันหันเป็นเพราะปู่รองทะเลาะกับคุณปู่ของเราหนักมาก ดูเหมือนว่าเขาจะพูดเรื่องน่าเกลียด เรื่องไม่ดีมากมาย… จนทำให้คุณปู่โกรธมากจนถึงกับล้มป่วย!” จี้เฟิงที่กำลังยิ้มจู่ๆ รอยยิ้มนั้นก็แข็งทื่อไปและค่อยๆ หุบลง เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ความโกรธที่ไม่สามารถระงับได้ผุดขึ้นมาในใจของเขา
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพึมพำกับตัวเองว่า “ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณปู่ถึงไม่ยอมพูด พ่อกับอาสามก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย พวกเขาคงกลัวว่าฉันจะทนไม่ไหวแล้วตรงไปจัดการกับพวกคนสายรองสินะ!”
จี้ช่าวเหลยตกใจขึ้นมาทันที“นายพูดอะไรน่ะ!”
เอ้อเหย่…น้องชายของคุณปู่นี่เองนี่เป็นตัวการของเรื่องนี้…
“ซักวัน…จะต้องมีโอกาสแน่นอน ซักวัน!” ราวกับว่าจี้เฟิงหูหนวกไปอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้ยินคำถามของจี้ช่าวเหลย แต่กำหมัดแน่นพร้อมกับมีแสงเย็นวาบออกมาจากแววตาของเขา “รอฉันกลับมาที่หยานจิงอีกครั้ง ฉันจะทำให้ได้รู้ว่า ปากที่พูดแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็สามารถทำให้ตัวเองเดือดร้อนได้เหมือนกัน!!”
จี้ช่าวเหลยกลัวว่าจี้เฟิงจะโมโหจนขาดสติแล้วไปทำเรื่องที่เลวร้ายเกินกว่าจะแก้ไขได้เขาจึงรีบสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่งตรงดิ่งสู่สนามบินทันที
.. . . . . . . .
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ววว!”จี้ช่าวเหลยพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย เขากับจี้เฟิงยืนอยู่ที่ทางออกของสนามบินนานาชาติเจียงโจว จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา สองชั่วโมงในการนั่งเครื่องบินทำให้อารมณ์ของเขาสงบลงอย่างสมบูรณ์ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลืม เขาเพียงแค่เก็บมันไว้ในใจก่อนเท่านั้น
“พี่รองเราแยกกันตรงนี้เลยก็แล้วกัน เดี๋ยวไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ผมจะไปเยี่ยมอารองที่บ้าน” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืมก็ดีเหมือนกัน ฉันก็ว่าจะแวะไปที่บริษัทก่อน ฉันหายไปนานขนาดนี้คงมีงานกองรอจนเป็นภูเขาแน่ๆ !” จี้ช่าวเหลยพยักหน้าเล็กน้อย และแบ่งถุงกระดาษหนึ่งถุงยื่นให้จี้เฟิง “มีบุหรี่ของคุณปู่ทั้งหมดสิบสองคอตตอน นายไม่ค่อยสูบบุหรี่ เพราะงั้นเอาไปห้าคอตตอนพอ ฉันเอาไปเจ็ด โอเค๊!”
แน่นอนว่าจี้เฟิงไม่ได้สนใจว่าจี้ช่าวเหลยจะแบ่งบุหรี่ยังไงเขาแค่พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “พี่รอง เรื่องเซียงยี่โหรวพี่อย่าได้ชะล่าใจ ถ้าเกิดชักช้ายืดหยาด ได้เสร็จหนุ่มๆที่หยานจิงแน่ ดูเหมือนว่ามีคนต้องการจะจีบเธอเพียบเลย!”
“ฉันรีบจนไม่รู้จะรีบยังไงแล้วรอแต่นายนั่นแหละ!” จี้ช่าวเหลยพูดอย่างไม่พอใจ “นายต้องรีบสอนกังฟูให้ฉันโดยเร็วที่สุด!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าจากนั้นก็โบกรถแท็กซี่และขึ้นรถไป
เมื่อเห็นว่าเขตเมืองมหาวิทยาลัยกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆเขาก็นึกถึงหยูซวนกับเล่ยเล่ย แฟนสาวแสนสวยทั้งสองคนของเขา และทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาทันที ก่อนที่จี้เฟิงจะกลับเขาไม่ได้โทรบอกใครไว้ล่วงหน้า เพราะเขาตั้งใจจะทำให้ทั้งสองสาวประหลาดใจ
จี้เฟิงลงจากรถห่างจากวิลล่าประมาณสองสามร้อยเมตรจี้เฟิงถือกระเป๋าเดินทางตรงดิ่งไปที่วิลล่าของเขาอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลา16.00 น. และไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นทั้งสองสาวน่าจะยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย
แต่ทันทีที่จี้เฟิงเดินเข้าไปในวิลล่าเขาก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่าง และดูเหมือนจะมีเสียงที่ฟังดูโกรธของเซียวหยูซวนด้วย