The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 369 มาตรการตอบโต้
จี้เฟิงเดินเข้าไปในวิลล่าอย่างไม่ลังเลถ้าเป็นคนอื่นเมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้เข้า อาจจะทำให้พวกเขาคิดไปไกลเกี่ยวกับสิ่งไม่ดี แต่จี้เฟิงไม่เป็นเช่นนั้น นั่นเพราะเขาเชื่อมั่นในตัวหยูซวนกับเล่ยเล่ย เหมือนกับที่พวกเธอเชื่อมั่นในตัวเขา
เมื่อจี้เฟิงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเขาก็เห็นเซียวหยูซวนกับถงเล่ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ และคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันคือจางเล่ยกับฮั่นจง สีหน้าของพวกเขาก็ดูไม่ดีนัก บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างตึงเครียด
เกิดอะไรขึ้นพวกเธอไม่พอใจที่ฉันกลับมางั้นเหรอ จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนหันไปมองทันทีและเมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นจี้เฟิง ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นทันที เซียวหยูซวนและถงเล่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
เจ้าบ้าในที่สุดนายก็กลับมาได้ซักทีนะ! ฉันคิดว่านายจะลืมเจียงโจวไปซะแล้ว! จางเล่ยพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายลงมาก
ฮั่นจงและคนอื่นๆก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกันบรรยากาศในห้องนั่งเล่นเปลี่ยนไปทันที
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนที่จี้เฟิงไม่อยู่ ทุกคนรู้สึกเหมือนขาดกำลังใจ มันเหมือนกับมีบางอย่างในที่ชีวิตที่ขาดหายไป และเมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเขารู้สึกหมดหนทางและไร้ทางแก้ไขอย่างบอกไม่ถูก
แต่ตอนนี้เมื่อจี้เฟิงปรากฏตัวอารมณ์ของทุกคนก็ดีขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ราวกับว่าจู่ๆพวกเขาก็มีพลังขึ้นมา แม้ว่าจะต้องเจอเรื่องใหญ่แค่ไหน แต่ในใจของพวกเขาก็ไม่มีความตื่นตระหนกอีกต่อไป
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอหน้ากับจี้เฟิงนานหลายวันแต่ตราบใดที่รู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ ทุกคนก็จะไม่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
ทุกคนพลันตระหนักได้ว่าจี้เฟิงกลายเป็นแกนนำหลักของพวกเขาโดยไม่รู้ตัวถ้าให้พูดอย่างจริงจังกว่านั้น จี้เฟิงเป็นเหมือนผู้นำทางจิตวิญญาณ แม้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลย แต่ตราบใดที่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกสบายใจ
จี้เฟิงยิ้มบางๆ เรื่องที่หยานจิงค่อนข้างยุ่งยาก เลยเสียเวลานานกว่าที่คิด… แล้วนี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกล่ะ ฉันได้ยินแว่วๆเหมือนพวกนายกำลังถกเถียงอะไรกันอยู่
จี้เฟิงพูดพลางวางสัมภาระไว้ข้างหลังโซฟาแล้วนั่งลงด้วยรอยยิ้ม
ไม่ได้เถียงอะไรกันหรอก! จางเล่ยดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับบัตรรับรองที่พักของเล่ยเล่ยน่ะ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยได้มีการตรวจสอบนักศึกษาที่ไม่ได้กลับหอพักในตอนกลางคืน ผลก็คือมีนายกับเล่ยเล่ยนั่นแหละที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ ก็อย่างที่นายรู้มีคนบางคนต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อสร้างปัญหาบางอย่าง ดังนั้น…
อ้าวแล้วนายไม่ได้แสดงบัตรรับรองที่พักให้กับพวกเขาดูเหรอ จี้เฟิงถามทันที เพราะก่อนที่เขาจะออกจากเจียงโจว เขาได้ทำบัตรรับรองที่พักไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะ เพราะรู้ว่ามีบางคนพยายามที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างปัญหาให้กับถงเล่ย แต่ตอนนี้กลับมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น จึงทำให้จี้เฟิงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
บัตรรับรองมีปัญหา! สีหน้าของจางเล่ยดูไม่ดีนัก เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เล่ยเล่ยเอาบัตรให้สมาชิกสภานักศึกษาดู แต่พวกมันกลับบอกว่าบัตรรับรองที่พักนี้เป็นของปลอม เพราะไม่มีข้อมูลการรับรองในเอกสารของทางมหาวิทยาลัยเลย… น่าโมโหชิบหาย!
พี่!ถ้าพูดคำหยาบอีกครั้งล่ะก็นะ…! ถงเล่ยถลึงตาใส่จางเล่ยอย่างไม่พอใจ
จางเล่ยแค้นจึงได้แต่แค่นเสียงแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อได้ยินเรื่องนี้จี้เฟิงก็ถึงกับขมวดคิ้ว ไม่มีข้อมูล ไม่มีเอกสารการรับรองจากทางมหาวิทยาลัย?
สายตาของจี้เฟิงจับจ้องไปที่ฮั่นจงอย่างช่วยไม่ได้ตอนนั้นคนที่ดำเนินการเรื่องบัตรรับรองที่พักเป็นฝีมือของฮั่นจงและโจวหลี่ฮุ่ย ตอนนั้นจี้เฟิงได้รับเป็นหนังสือรับรองชั่วคราว เรื่องนี้ฮั่นจงเองก็รู้ดี!
เมื่อจี้เฟิงมองมาที่เขาฮั่นจงก็รีบพูดทันทีว่า ตอนที่ฉันกับโจวหลี่ไปที่สำนักงาน คนของฝ่ายจัดการก็บอกว่ายื่นเรื่องให้เรียบร้อยแล้ว จริงๆตอนนี้ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
จี้เฟิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นและถามว่า แล้วพวกนายไม่ได้ไปตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้งเหรอ
เหมือนจี้เฟิงจะพูดเข้าประเด็นที่พวกเขากำลังพูดค้างกันอยู่พอดีจางเล่ยดูโมโหขึ้นมาเล็กน้อยและพูดด้วยอารมณ์โมโหว่า ใครบอกว่าพวกฉันไม่ได้ไป! แต่ปัญหาคือไอ้คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้มันออกมาขวางทาง พวกมันบอกว่าพวกเราไม่มีคุณสมบัติที่จะตรวจสอบ! และทั้งหมดนี่ก็เป็นฝีมือของไอ้เฉินหลิงอะไรนั่น มันใช้เส้นสายของมันในมหาวิทยาลัยสั่งลูกน้องที่ทำตัวไม่ต่างจากหมาเชื่องๆ คอยขัดขวางพวกเราไว้ ฉันล่ะอยากจะกระทืบมันซักสองสามทีหรือไม่ก็หักขาพวกมันแล้วโยนลงแม่น้ำให้เป็นอาหารปลาแม่งซะเลย! แล้วมาดูกันซิว่ายังจะทำตัวอวดเก่งเบ่งอำนาจได้อยู่อีกรึเปล่า เป็นแค่รองประธานสภานักศึกษาตัวเล็กๆ แต่กลับทำตัวอวดดี ฉันแทบจะไม่รู้จักนามสกุลมันด้วยซ้ำ!
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและถามด้วยรอยยิ้มจางๆว่า อ่อ… มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วสภานักศึกษามีแผนจะจัดการเรื่องนี้ยังไง
จะยังไงซะอีกก็ลงโทษยังไงล่ะให้โพสต์ประกาศขอโทษและชี้แจงความผิดลงบอร์ดมหาลัยด้วย แม่งเอ๊ย! จางเล่ยแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ แม้ว่าถงเล่ยจะจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาดุๆ แต่เขาก็ยังคงพูดสบถอย่างไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าในใจของจางเล่ยนั้นกำลังโกรธมาก
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามว่า อ้อ! ตอนที่ฉันเพิ่งกลับมาถึง ฉันได้ยินเหมือนหยูซวนกำลังโกรธอยู่ มันเรื่องอะไรกันล่ะ
เมื่อจี้เฟิงถามคำถามนี้ออกมาสีหน้าของหลายๆคนได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับเกิดความลังเลขึ้นมา
จี้เฟิงเหลือบมองพวกเขาทีละคนและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เกิดอะไรขึ้น ฉันไปที่หยานจิงนานขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมทุกอย่างดูเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ มีอะไรเราไม่พูดคุยกันตรงๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วเหรอ? มัวลีลาอะไรกันอยู่ได้ เหล่าตู้ พูดมา!
ในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่ตู้เส้าเฟิงเป็นคนที่ตรงไปตรงมาที่สุดไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย เขาเชื่อว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ลำบากใจ แต่ถ้าจี้เฟิงถามตรงๆ ตู้เส้าเฟิงก็จะเล่าอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบังเขาอย่างแน่นอน
แม้แต่ตู้เส้าเฟิงก็ยังแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ เว่ยเฉียงคนนั้น… ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปเอาเบอร์โทรศัพท์ของถงเล่ยมาจากไหน เขาโทรชวนเธอให้ออกไป เขาบอกว่าเขาช่วยแก้ปัญหาเรื่องบัตรรับรองที่พักได้…
จี้เฟิงพยักหน้าอย่างใจเย็นแล้วถามว่า แล้วเมื่อกี้พวกนายทะเลาะกันเรื่องอะไร
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกใจทำไมจี้เฟิงยังนิ่งเฉยอยู่ได้ทั้งๆที่ได้ยินเรื่องราวแล้ว เขาไม่เข้าใจเหรอว่าจุดประสงค์ของเว่ยเฉียงคืออะไร หรือเขาหูไม่ดี เลยฟังที่ตู้เส้าเฟิงพูดไม่ถนัด?
สีหน้าของตู้เส้าเฟิงมืดครึ้มขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี ฉันกับจางเล่ยคิดว่า จะให้ถงเล่ยถามที่อยู่ของไอ้บ้านั่นมาให้ละเอียด แล้วพวกเราจะไปสั่งสอนมันซักหน่อย อย่างน้อยก็หักขามันซักข้าง เพื่อให้มันรู้ว่าการบีบบังคับผู้หญิงด้วยวิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้จะต้องถูกลงโทษ! แต่อาจารย์เซียวกับเล่ยเล่ยไม่เห็นด้วยจ้าวไคกับฮั่นจงก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ก็เลยตกลงกันไม่ได้… เฮ้อ! จางเล่ยส่ายหัวเล็กน้อยและพูด เจ้าบ้า เล่ยเล่ยเป็นแฟนนาย ตอนนี้นายก็อยู่ที่นี่และรับรู้ทุกอย่างแล้ว นายเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน!
ทุกคนมองไปที่จี้เฟิงพวกเขารู้ว่าไม่ว่าจี้เฟิงจะตัดสินใจยังไง แต่ถ้าเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว จะไม่มีใครสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้
เซียวหยูซวนกลัวว่าจี้เฟิงจะโกรธจนทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลเธอจึงรีบพูดขึ้นมาว่า จี้เฟิง นายอย่าหุนหันพลันแล่น เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง
ถงเล่ยพยักหน้าเห็นด้วยทันที ใช่! จี้เฟิง ถ้านายใช้ความรุนแรงกับเว่ยเฉียง ผลที่ตามมามันอาจจะใหญ่โตกว่าที่คิดก็ได้ อาจจะถึงขั้นถูกไล่ออก แบบนี้ไม่ดีแน่!
จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ ในความคิดพวกเธอ คิดว่าฉันเป็นคนหุนหันพลันแล่นขนาดนั้นเลยเหรอ
งั้นนายจะยอมง่ายๆแบบนี้เหรอนายจะปล่อยให้แฟนนายถูกลงโทษแบบไม่มีเหตุผลเนี่ยนะ? เหล่าจี้ ตอนที่นายสั่งสอนหมีดำในการฝึกทหาร นายไม่ได้มีนิสัยแบบนี้นะ! ตู้เส้าเฟิงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที เดิมทีเขาก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว และตอนนี้พอมาได้ยินว่าจี้เฟิงไม่คิดที่จะไปจัดการเว่ยเฉียง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลขึ้นมา ถ้านายไม่คิดที่จะไปจัดการไอ้เวรเว่ยเฉียงนั่น นายก็ปล่อยฉันไป ฉันไม่กลัวว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะลูบหน้าผากและยิ้มอย่างขมขื่น เหล่าตู้ นายนี่น๊า…
จางเล่ยก็ไม่สามารถระงับความโมโหได้อีกต่อไปเขาถามทันทีว่า เจ้าบ้า นายคิดจะทำยังไงกันแน่ จะไปหรือไม่ไป? ตอบมาให้ชัดๆ!
ไม่ใช่ว่าไม่ไปแต่ไม่จำเป็นต้องไป! จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ เล่ยซือ ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ นายไม่ได้มีเรื่องมีราวมานานแล้ว คงคันไม้คันมือแย่แล้วสินะ ดังนั้นเลยจะใช้โอกาสนี้ไประบายอารมณ์สักหน่อยใช่มั้ย
ตู้เส้าเฟิงเป็นคนหุนหันพลันแล่นด้วยที่เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและอารมณ์ร้อน ดังนั้นเมื่อโมโหและเจอเรื่องไม่ถูกต้อง เขาก็อยากจัดการมันด้วยกำลังทันที แต่จางเล่ยนั้นแตกต่างออกไป
จี้เฟิงรู้จักจางเล่ยดีแม้ว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเล่ยเล่ยมาก แต่เขาไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่นทำอะไรโดยไม่คิดแน่นอน เขาฉลาดกว่าใครๆ
ดังนั้นจี้เฟิงแทบจะไม่ต้องคิดอะไรให้มากเลยเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเหตุผลที่จางเล่ยดูกระตือรือร้นและตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นแบบนี้เพราะเขาต้องการใช้โอกาสนี้ไปต่อสู้กับคนอื่น
จางเล่ยหัวเราะแก้เก้อเล็กน้อยและรีบพูดว่า ไม่ใช่ซักหน่อย! ฉันแค่อยากจะไปสั่งสอนหมอนั่นที่มันกล้ามาสร้างปัญหาให้เล่ยเล่ยต่างหาก…
ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็ถูกสายตาดุดันของเซียวหยูซวนและถงเล่ยจ้องมองมา และเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ฮั่นจงอดไม่ได้ที่จะถามว่า จี้เฟิง แล้วนายจะทำยังไง
จี้เฟิงไม่ได้รีบร้อนตอบเขามองไปที่จ้าวไคและถามด้วยรอยยิ้ม เหล่าจ้าว ฉันว่าถึงเวลาที่นายจะช่วยเสนอไอเดียบ้างนะ
ในบรรดาคนเหล่านี้จ้าวไคเป็นคนที่ใจเย็นและเงียบที่สุด แต่จี้เฟิงรู้ว่าภายในของผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ใสสะอาดซื่อตรง แม้ว่าในสายตาของตู้เส้าเฟิงกับฮั่นจงจะบอกว่าจ้าวไคเป็นผู้ชายใส่แว่นที่ปากร้ายและน่าเบื่อสุดๆก็ตาม
แต่จี้เฟิงกลับชื่นชอบและเห็นด้วยกับคำพูดที่แทงจี้จุดของจ้าวไคมาก
จ้าวไคตู้เส้าเฟิง และจางเล่ย ทั้งสามคนมีบุคลิกที่แตกต่างกันไปคนละแบบ จ้าวไคมีสติปัญหา เยือกเย็นและเงียบขรึม เขาชอบใช้สมองจัดการกับศัตรู ตู้เส้าเฟิงเป็นคนตรงไปตรงมา อารมณ์ร้อน มุทะลุ ชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหา
สองคนนี้เป็นอะไรที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
แต่จางเล่ยนั้นเหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างพวกเขาจางเล่ยมีทั้งความใจร้อน ชอบใช้กำลัง แต่มีไหวพริบไม่ขาดสติปัญญา และในเวลาเดียวกันเขาก็ยังมีความอ่อนโยนรักพวกพ้องและความกล้าหาญในแบบของลูกผู้ชาย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากจี้เฟิงตัดสินใจที่จะไม่ใช้กำลังจัดการในเรื่องนี้ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าข้อเสนอของจ้าวไคนั้นน่าจะมีประโยชน์มากกว่า
ตอนนี้จางเล่ยอยู่ในฝั่งเดียวกับตู้เส้าเฟิงพวกเขาต้องการไปรุมกระทืบเว่ยเฉียง ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่คิดจะขอความเห็นจากเขาอีก
จ้าวไคดันแว่นของเขาขึ้นตามความเคยชินและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า ที่จริงแล้วคุณจี้เฟิงก็น่าจะวางแผนไว้แล้ว แต่ในเมื่อคุณถามผม ผมก็จะขอพูดเกี่ยวกับความคิดเห็นของผมก็แล้วกันนะครับ
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งเขาก็ดันแว่นขึ้นอีกครั้งก่อนจะพูดต่อว่า สำหรับเรื่องนี้ ขอแค่เราแก้ปัญหาได้เพียงข้อเดียว นั่นก็คือเรื่องความชอบธรรมของบัตรรับรองที่พัก… หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ เราต้องทำให้เรื่องการทำบัตรรับรองที่พักนั้นถูกต้องตามความเป็นจริง!
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจี้เฟิงเขาหันไปมองที่ฮั่นจง
ฮั่นจงเข้าในใจทันทีเขาตบหน้าอกตัวเองและพูดเสียงดังว่า วางใจเถอะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันจะต้องไปเอาเอกสารที่มีการรับรองอย่างถูกต้องมาอยู่ในมือได้อย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นหลักฐานที่มีอำนาจเพียงพอ!
มีอีกอย่างต้องคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของสภานักศึกษาไว้อย่างใกล้ชิดด้วยโดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของแผนกแนะแนวชีวิตนักศึกษา! จี้เฟิงกล่าวเสริมอีกว่า เราต้องรอให้พวกเขารายงานความผิดทางวินัยไปยังมหาวิทยาลัยเรื่องการออกประกาศลงโทษแต่ไม่มีการโพสต์ต่อสาธารณะ เมื่อถึงตอนนั้นเราจะนำหลักฐานออกมา!
จ้าวไคพยักหน้าทันที ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุดเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของคุณถงเล่ยก็จะไม่ได้รับผลกระทบด้วย แต่ยังไงก็ตามแต่ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้เว่ยเฉินหลิงและเว่ยเฉียงต้องหน้ามืดกันบ้าง… หึหึ ไม่แน่ว่าเว่ยเฉินหลิงอาจจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งรองประธานสภานักศึกษากับตำแหน่งหัวหน้าแผนกแนะแนวชีวิตนักศึกษาไว้ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา… แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่ใจดีปล่อยให้เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยต่อไปหรอกใช่ไหม
จี้เฟิงไม่ได้พูดตอบอะไรเขาเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย แต่แสงที่เย็นยะเยือกในดวงตาของเขาก็เพียงพอที่จะอธิบายความคิดที่แท้จริงที่อยู่ในใจของเขาได้แล้ว!