The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 375 ลูกพี่เปียว
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของฮั่นจงและคนอื่นๆเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงรู้สึกทั้งหวาดกลัวทั้งอับอาย แววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ แต่พวกเขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย
ไม่ต้องพูดถึงจำนวนคนที่ตอนนี้ฝั่งของจี้เฟิงมีกัน5 คน ส่วนพวกเขาเหลือกันเพียง 2 คนเท่านั้น ลำพังแค่ฉากที่จี้เฟิงเตะเว่ยเฉียงจนกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งสองคนตกตะลึงและหวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะต่อต้านอีก
จี้เฟิงกวาดสายตามองเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงอย่างเย็นชาภายในใจคุกรุ่นไปด้วยจิตสังหาร บทสนทนาระหว่างเว่ยเฉียงและหัวหน้าฉินทำให้จี้เฟิงโกรธมาก ถ้าไม่ใช่เพราะการที่นี่คือที่สาธารณะ จี้เฟิงคงไม่สามารถระงับเจตนาที่จะฆ่าและกำจัดคนกลุ่มนี้ทั้งหมดให้สิ้นซากได้! แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องละทิ้งความคิดนี้ไปไม่ใช่แค่เพราะว่า รปภ.ของโรงแรมน่าจะใกล้มาถึงแล้ว แต่ที่สำคัญกว่านั้นจี้เฟิงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงมือด้วยตัวเองจนเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเขาเองกับเพื่อนๆต้องเดือดร้อน เพราะข้อมูลที่เว่ยเฉียงพรั่งพรูออกมาด้วยความกลัวเมื่อครู่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พ่อของเขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้
ต่อให้เป็นประธานบริษัทในเครือใหญ่ๆก็ไม่มีทางที่จะหาเงินได้มากมายขนาดนั้น คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเงินพวกนี้เป็นเงินที่ได้มาจากธุรกิจสีเทา มันต้องได้มาจากการทำผิดกฎหมายแน่นอน!
จี้เฟิงหันหน้าไปมองจางเล่ยฝ่ายหลังยิ้มเหมือนรู้ว่าจี้เฟิงจะถามอะไรเขาจึงพูดว่า ฉันโทรไปแล้ว ตอนนี้น้าสองของฉันส่งคนไปแล้ว ฉันเดาว่าอีกไม่นานเดี๋ยวก็คงโทรกลับมาแล้วล่ะ!
แล้วเหตุผลคืออะไร จี้เฟิงอดถามไม่ได้ แม้ว่าน้าชายคนที่สองของจางเล่ยจะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแต่เขาก็ไม่สามารถจับคนได้ตามใจชอบ และไม่สามารถบุกรุกเข้าไปค้นข้าวของภายในบ้านของคนอื่นได้โดยไม่มีหมายค้น ยิ่งไปกว่านั้นเว่ยฮั่นเซิงยังเป็นรองประธานบริษัทของรัฐวิสาหกิจ แน่นอนว่าจะต้องมีเส้นสายหรือผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลังอยู่
นอกจากนี้เว่ยฮั่นเซิงนั้นไม่ใช่คนเจียงโจวตำแหน่งงานและบ้านเกิดของเขาอยู่ที่เขตเป๋าต่ามณฑลเจียงซู หากน้าสองของจางเล่ยลงมือทำอะไรบุ่มบ่าม อาจเกิดความเสียหายในเรื่องของการก้าวล้ำหน้าที่ของคนในสายงานเดียวกันและอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
แม้ว่าในอินเทอร์เน็ตจะมีข่าวเกี่ยวกับการสืบค้นคดีข้ามจังหวัดกันอยู่บ่อยๆแต่ผู้ที่เป็นผู้ต้องหาส่วนมากจะเป็นเพียงแค่รายเล็กๆ แต่จี้เฟิงก็ไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นภายใต้จมูกของเขา เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้มีคนมากมายคอยจับตามองการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ทุกฝีก้าว
ไม่เพียงแค่ญาติจากสาขารองของเขาเท่านั้นแต่ก่อนหน้านี้ในงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นโดยนายน้อยเหอหงเหว่ย การกระทำของเขาได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก จี้เฟิงจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นให้กับพ่อและคุณปู่ของเขาเพราะการกระทำที่ประมาทของเขา !
และตอนนี้หากฝ่ายจี้เฟิงรีบเร่งตรวจสอบอาจจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกก็เป็นได้
จางเล่ยยิ้มอย่างชั่วร้ายและกล่าวว่า ทางสถานีตำรวจได้รับรายงานมาว่ามีโจรบุกเข้าบ้านของเว่ยฮั่นเซิง แต่โจรได้เข้ามามอบตัวและแจ้งว่าเงินที่พบภายในบ้านของเว่ยฮั่นเซิงนั้นมีมากเกินปกติ ทางสำนักงานกลางแห่งเทศบาลนครเจียงโจวให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงมีคำสั่งดำเนินมาตรการหลายอย่าง และเข้าตรวจค้นทันที!
เยี่ยมมาก! จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย การจะส่งคนเข้าไปตรวจสอบหลักฐานในที่อยู่อาศัยของผู้อื่น อย่างน้อยจะต้องมีเหตุผลอันสมควรและเป็นวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย และจะช่วยให้ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้ในภายหลัง!
นอกจากนี้เนื่องจากเว่ยฮั่นเซิงถูกจับในเจียงโจวก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะหนีรอด!
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างจี้เฟิงกับจางเล่ยเว่ยเฉินหลิงและเว่ยเฉียงก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าครั้งนี้พวกเขานั้นจบสิ้นจริงๆแล้ว!
เมื่อเว่ยฮั่นเซิงถูกตำรวจจับอย่าว่าแต่เรื่องที่เว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงเคยทำอะไรมาบ้าง ลำพังแค่เรื่องเงินก้อนใหญ่ที่อยู่ในตู้เซฟและบัตรเงินสดเว่ยฮั่นเซิงก็ไม่สามารถอธิบายถึงที่มาที่ไปได้แล้ว หรือต่อให้อธิบายได้เขาก็คงไม่กล้าพอที่จะปริปากอธิบายออกมาอย่างเด็ดขาด!
ไหนจะสมุดบัญชีที่อยู่ในตู้นิรภัยของธนาคารอีก
ดังนั้นทั้งเว่ยเฉินหลิงและเว่ยเฉียงจึงรู้ดีว่าลำพังแค่สมุดบัญชีที่อยู่ในนั้นอาจทำให้เว่ยฮั่นเซิงถูกยิงเป็นร้อยครั้ง…
ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาในตอนนี้คือคนที่เกี่ยวพันกับสมุดบัญชีในตู้นิรภัยของธนาคารจะใช้อิทธิพลของเขาเพื่อปกป้องเว่ยฮั่นเซิงมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงจะสามารถรอดพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้
ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอคอยอยู่สำหรับทั้งสองคนจะมีเพียงจุดจบการล่มสลายของตระกูลและถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย!
ตุ้บ!ตุ้บ!ตุ้บ!
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งก็ดังขึ้นเมื่อเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงได้ยินเสียงนี้ พวกเขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที นี่คงเป็นเสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมแน่นอน! พวกเขาคงได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจึงมาตรวจสอบดู!
รอดแล้ว! ทั้งสองรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่และกำลังจะได้รับชีวิตอันปกติสุขที่เหลือกลับคืนมาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจี้เฟิงและพรรคพวกของเขา เว่ยเฉินหลิงและเว่ยเฉียงรู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ตกลงไปอยู่ในขุมนรก และไม่อยากที่จะอยู่แบบนี้ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว!
จี้เฟิงและคนอื่นๆขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมคลี่คลายแล้ว สิ่งที่รอคือคำตอบจากน้าชายคนที่สองของจางเล่ย อะไรที่นอกเหนือจากนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะช่วยเว่ยเฉียงกับเว่ยเฉินหลิงหรือไม่จี้เฟิงไม่ได้สนใจ สำหรับไอ้สองคนนี้ จี้เฟิงจะไม่มีทางใจดีด้วยอย่างเด็ดขาด หากว่าที่นี่ไม่ใช่โรงแรม เขาคงส่งไอ้สารเลวสองคนนี้ไปพบยมบาลแล้ว!
ไม่กี่วินาทีต่อมารปภ.เจ็ดแปดคนก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็นชายวัยกลางคน เขาสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง และเมื่อเหล่ารปภ.เห็นสภาพที่อยู่ในห้องอาหารส่วนตัวก็ถึงกับตกตะลึงในทันที
แม้แต่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็แปลกใจมากเช่นกันตอนที่พวกเขาอยู่ชั้นล่างและได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมมาจากชั้นบน พวกเขาก็นึกว่าเป็นเพราะแขกที่เมามายทำตัวไร้มารยาทส่งเสียงดังและโยนข้าวของบางอย่างที่เคยมีมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่จากสภาพที่เห็นในตอนนี้ดูท่าแล้วคงจะไม่ใช่อย่างนั้น!
ชายวัยกลางคนที่ยังคงตกตะลึงแต่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่เขาจึงถามด้วยสีหน้าแปลกๆว่า ทุกๆท่าน ผมเป็นผู้จัดการของโรงแรมนี้ พวกคุณพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ฮั่นจงหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่หยอกล้อกันนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางโรงแรม ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ มีคนจ่ายให้อย่างแน่นอน!
จี้เฟิงไม่ได้พูดอะไรเขายังคงจ้องมองไปที่เว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิง ในหัวกำลังครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรเพื่อที่จะไม่ให้สองคนนี้มีโอกาสหลุดรอดจากเรื่องนี้ไปได้!
จะตีงูก็ต้องตีให้ตายถ้าไม่ตายก็ต้องตีให้หลังหัก จะได้ไม่มีโอกาสมาแว้งกัดได้อีก!
ปกติแล้วจี้เฟิงไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยโหดร้ายขนาดนั้นแต่การกระทำของเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงทำให้จี้เฟิงทนไม่ได้จริงๆ
นอกจากนี้จี้เฟิงยังสังเกตเห็นถึงแววตาของเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงที่แสดงถึงความโกรธเคืองฉายออกมาอยู่เป็นครั้งคราว
ในเมื่ออีกฝ่ายเต็มไปด้วยความแค้นและพวกเขาก็แสดงตัวเป็นศัตรูต่อกันอย่างชัดเจนดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่คิดที่จะทิ้งปัญหาไว้ให้ตัวเองในภายหลังอย่างแน่นอน ใครจะรู้ว่าถ้าสองคนนี้พลิกตัวขึ้นมาได้จะกลับมาแว้งกัดเขาเมื่อไหร่!
ผู้จัดการโรงแรมกระแอมไอเบาๆแล้วกล่าวว่า ทุกๆท่าน ไม่ใช่ว่าพวกผมอยากจะยุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกนะครับ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นภายในโรงแรมของเรา แล้วถ้าเกิดมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับลูกค้า โดยที่พนักงานของโรงแรมยังคงเมินเฉย พวกเราคงไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นเอาเอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ ให้ทางเราพาคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาลก่อน แล้วถ้าเกิดมีอะไรพวกคุณค่อยไปเคลียกันเป็นการส่วนตัว
ตอนนี้ผมคงให้พวกคุณทำอย่างนั้นไม่ได้! จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย ผมกำลังรอโทรศัพท์สายสำคัญอยู่
ผู้จัดการเหยียนรีบโทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า!พวกบ้าพวกนี้มันจะฆ่าพวกเรา อย่ามัวชักช้ารีบโทรเดี๋ยวนี้เลย! เมื่อเว่ยเฉียงเห็นรปภ.กับผู้จัดการของโรงแรมมาถึง เขาก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันทีและไม่รู้ว่าเขาเอาแรงมาจากไหน เขาถึงได้พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาและโกนเสียงดังขนาดนี้ได้
เพี๊ยะ—!
ฝ่ามือของจางเล่ยตบไปที่ใบหน้าของเว่ยเฉียงอย่างแรงทันใดนั้นรอยแดงเป็นรูปฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเว่ยเฉียง
จางเล่ยชักมือกลับและตะคอกอย่างเย็นชา หุบปาก! ถ้ามึงยังแหกปากโวยวายอีกล่ะก็ กูจะฆ่ามึงเดี๋ยวนี้แหละ!
สีหน้าของผู้จัดการเหยียนดูเคร่งขรึมขึ้นทันทีนี่ขนาดอยู่ต่อหน้าเขา คนเหล่านี้ยังกล้าทำร้ายร่างกายคนอื่นอย่างเปิดเผย นี่เท่ากับว่าคนพวกนี้ไม่ได้สนใจการดำรงอยู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธมาก
แต่การทำธุรกิจก็มีหลักการของมันเขาเข้าใจดีว่าการจะรักษาธุรกิจให้ดำรงอยู่ได้ตลอดรอดฝั่งการใส่ใจต่อผู้มีฐานะและมีอำนาจเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาทำตามใจได้ทุกอย่าง!
ผู้จัดการเหยียนสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า ในเมื่อพวกคุณเมินเฉยคำแนะนำของผมและยังยืนยันที่จะก่อเรื่องที่นี่ ผมก็คงไม่สามารถนั่งดูเฉยๆได้… เขาหันหน้าไปหา รปภ.คนหนึ่งแล้วพูดว่า โทรแจ้งตำรวจ!
จี้เฟิงพูดเสียงเรียบว่า ไม่ต้องโทร พวกเราโทรไปแจ้งให้เรียบร้อยแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าพวกเรากำลังรอโทรศัพท์สายสำคัญอยู่ คุณผู้จัดการเหยียนไม่เข้าใจเหรอครับ
ถ้าเว่ยเฉียงกับเว่ยเฉินหลิงตกไปอยู่ในมือของตำรวจคนอื่นบางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็น ‘เหยื่อ’ ในการทุจริตไม่จบไม่สิ้น จี้เฟิงจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะแน่ใจว่าเว่ยฮั่นเซิงถูกจับเรียบร้อยแล้ว!
ก่อนที่ผู้จัดการเหยียนจะตอบรปภ.ที่อยู่ข้างหลังเขาก็สบถออกมาทันที แม่งเอ๊ย! แกคิดว่าแกเป็นใครวะ ถึงได้กล้ามาพูดจาอวดดีใส่พี่เหยียน แกไม่รู้เหรอว่าที่นี่มีลูกพี่เปียวคุ้มครองอยู่!
ทำให้เขาหุบปาก! จี้เฟิงพูดเบาๆ
ฟึ่บ—!
รปภ.รู้สึกเพียงว่ามีลมพัดแรงมากจากนั้นภาพข้างหน้าก็ดำมืดไป
ผั้วะ—!
เสียงตบดังกึกก้องไปยังหูของทุกคนที่อยู่ที่นี่วินาทีถัดมารปภ.คนนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้าอย่างรุนแรง จู่ๆก็เหมือนกับว่าขาของเขาไร้เรี่ยวแรงจนล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความมึนงง
ตู้เส้าเฟิงเบิกตากว้างอย่างโกรธเคืองเขาจ้องเขม็งไปที่รปภ.คนนั้นอย่างเย็นชา ถ้าปากเน่าๆของแกยังเห่าหอนขึ้นมาอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกซะ! ฉันไม่สนหรอกว่าลูกพี่เปียวของแกจะเป็นใคร ต่อให้เป็นราชาแห่งสวรรค์มาด้วยตัวเอง ขอเพียงปากไม่สะอาด ฉันนี่แหละจะเป็นคนล้างปากมันด้วยฝ่ามือของฉันเอง!
สรุปว่าพวกคุณทั้งห้าคนตั้งใจมาก่อเรื่องที่นี่จริงๆใช่มั้ย สีหน้าที่เคร่งขรึมของผู้จัดการเหยียนเปลี่ยนเป็นมืดมนในทันที ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่จี้เฟิง เขารู้ได้ทันทีว่าจี้เฟิงคือหัวหน้าของคนกลุ่มนี้
ถ้าคุณต้องการจะเข้าใจแบบนั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด เหตุผลเป็นยังไงผมได้บอกคุณไปตั้งแต่แรกแล้ว! วันนี้อารมณ์ของจี้เฟิงไม่ดีมากอยู่แล้ว เขาไม่อยากจะเสียอารมณ์กับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
คนพวกนี้ต้องการข่มขู่งั้นเหรอ
เหอะ!จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยอยู่ในใจ ตั้งแต่เขามีสมองอัจฉริยะ ก็ไม่เคยมีใครที่ข่มขู่คุกคามเขาแล้วจะจบลงด้วยดี เริ่มแรกก็ซูหม่า ต่อมาก็เฉียวเจียไค เฉียวหรงและเทียนกั๋วถง มีคนไหนบ้างที่ยังยืนอยู่ได้และไม่ล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนอย่างซากหมาตาย!
เมื่อเห็นจี้เฟิงยังคงอวดดีเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงที่นอนอยู่บนพื้นก็รู้สึกยินดี แววตาแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นจางๆ พวกเขารู้สึกมีความสุขกับโชคร้ายที่กำลังจะมาเยือนจี้เฟิงและพรรคพวก!
ภัตตาคารเจียงหนานซีฟู้ดแห่งนี้หรือแม้แต่ทั่วทั้งเขตเมืองมหาวิทยาลัยทั้งหมดเป็นอาณาเขตภายใต้การปกครองดูแลของเปียวเกอผู้ที่มีชื่อเสียงบนเส้นทางนี้จี้เฟิงกับพรรคพวกกล้ามางัดข้อกับผู้จัดการเหยียนของที่นี่ ช่างอวดดีโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือจริงๆ!
เว่ยเฉียงที่จิตใจเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นกำลังคิดอยู่ในใจว่า จี้เฟิงเอ๋ยจี้เฟิง แม้ว่าฉันจะไม่สามารถทำอะไรแกได้ แต่แกกลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่าแกได้ไปล่วงเกินพี่เปียว คนที่แกไม่สมควรไปยุ่งด้วยมากที่สุดในเขตนี้ ทีนี้ฉันก็แค่รอดูว่าแกจะตายยังไง! เหอะ! ต่อให้แกปล่อยฉันไปตอนนี้ ฉันก็จะไม่ไป! ตราบใดที่ยังไม่ได้เห็นแกโดนรุมกระทืบจนต้องร้องขอชีวิตด้วยตาของตัวเอง เว่ยเฉียงคนนี้จะไม่มีทางจากไปง่ายๆอย่างแน่นอน!
ดี!ดีมาก! ผู้จัดการเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า ในย่านมหาวิทยาลัย ไม่มีใครกล้าพูดกับผมแบบนี้ และไม่มีใครกล้าเมินเปียวเกอ! ในเมื่อพวกคุณกล้าแสดงความกล้าหาญออกมาขนาดนี้ ผมคงต้องขอเชิญพี่เปียวมาพบพวกคุณทุกคนซะแล้วล่ะ!
เออๆจะทำไรก็ทำ! จางเล่ยเริ่มหงุดหงิดเขาพูดพลางโบกมือด้วยความรำคาญ พวกนายอยากจะเชิญใครก็เชิญเถอะ ขอแค่ตอนนี้อย่าเพิ่งมารบกวนพวกฉันที่นี่ จะไปไหนก็ไปป่ะ!
เมื่อได้ยินคำพูดของจางเล่ยสีหน้าของเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงก็เต็มไปด้วยความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง!