The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 377 ไม่ว่าจะเป็นใคร จุดจบก็ไม่แตกต่าง
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 377 ไม่ว่าจะเป็นใคร จุดจบก็ไม่แตกต่าง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเว่ยเฉียงจางเล่ยก็ถลึงตาใส่เขาและพูดอย่างเย็นชาว่า ถ้ามึงยังทำตัวบ้าๆและพูดจากพล่อยๆแบบนี้อยู่อีกล่ะก็ มึงได้ตายจริงๆแน่!
…. เสียงตะโกนที่บ้าคลั่งของเว่ยเฉียงหยุดลงทันที ดวงตาฉายแววตื่นตระหนก ดูเหมือนว่าเขากำลังนึกถึงความโหดร้ายและความน่ากลัวของจางเล่ยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ความหวาดกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจของเว่ยเฉียงก็พลุ่งพล่านออกมาอีกครั้ง แม้ว่าจะมีตำรวจอยู่ใกล้ๆ เว่ยเฉียงก็ไม่กล้าเสี่ยง ใครจะรู้ถ้าจู่ๆผู้ชายคนนี้เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง….
ในตอนนั้นเองตำรวจที่จับเว่ยเฉียงอยู่ก็ดึงแขนเขาเพื่อจะพาออกไปจู่ๆเว่ยเฉียงก็ว่าง่าย เขาเดินตามตำรวจไปอย่างเงียบๆ
แม่งเอ๊ย!ต้องโตมายังไงถึงจะเลวยันเงาได้ขนาดนี้! จางเล่ยอดสบถออกมาไม่ได้ คนอื่นผิดนี่เรื่องใหญ่ ตัวเองผิดกลับมองไม่เห็น จะจีบผู้หญิงยังใช้วิธีที่ขี้ขลาด! ถ้าฉันเป็นแบบนี้ ฉันขอฆ่าตัวตายดีกว่า!
จี้เฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า คนเรามันก็แบบนี้แหละร้อยพ่อพันแม่ เติบโตมาจากสิ่งแวดล้อมที่ต่างกันก็มีนิสัยต่างกันเป็นธรรมดา นายไม่สามารถบงการให้ใครมีชีวิตอย่างที่นายต้องการได้ทุกคนหรอกนะ คนขี้ขลาดก็ใช้ชีวิตอย่างคนขี้ขลาด และคนที่กล้าหาญก็มีวิถีชีวิตที่กล้าหาญเช่นกัน!
ที่จี้เฟิงพูดนั้นถูกต้องแล้ว!ผมเองยังเป็นคนที่ขี้อายเลยครับ จ้าวไคพูดอย่างจริงจังหลังจากนั้นเขาก็ดันแว่นขึ้นเบาๆตามความเคยชิน
ตู้เส้าเฟิงรีบขยับเข้าไปใกล้จ้าวไคและถามอย่างสงสัยว่า เหล่าจ้าว ฉันมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ปกตินายจะดันแว่นทุกครั้งที่พูดหนึ่งประโยค แล้วถ้าในอนาคตนายต้องเข้าสังคมและได้พูดคุยกับผู้คนเยอะๆ หรือได้งานที่ต้องอาศัยการพูดเป็นหลัก… นายคิดว่าจมูกของนายจะแบนเพราะถูกดันด้วยแว่นตาตลอดเวลารึเปล่า
ไสหัวไป! จ้าวไคพูดอย่างจริงจัง
จี้เฟิงและคนอื่นๆก็ยิ้มออกมาทันทีแม้ว่าตู้เส้าเฟิงจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมา แต่เพราะเขาเป็นแบบนี้ เวลาที่พูดจากตลกๆ จึงทำให้พวกเขาหัวเราะได้ทุกครั้งไป
ในขณะที่กลุ่มของจี้เฟิงกำลังพูดคุยและหัวเราะในที่สุดเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงก็ถูกนำตัวออกไปจากห้องอาหารส่วนตัวของภัตตาคารเจียงหนานซีฟู้ด
เมื่อเทียบกับอาการของเว่ยเฉียงที่แสดงความบ้าคลั่งออกมาเมื่อต้องถูกจับเว่ยเฉินหลิงกลับแค่มีสีหน้าที่ซีดเผือดราวกับคนที่กำลังสิ้นหวัง
อันที่จริงเว่ยเฉินหลิงนั้นฉลาดกว่าเว่ยเฉียงมากเขารู้ว่าต่อให้เขาถูกตำรวจจับ เขาก็จะไม่เป็นอะไร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเขาไม่เคยทำอะไรที่เป็นการละเมิดกฎหมายเลย อย่างมากก็แค่ใช้ชื่อเสียงของครอบครัวของเว่ยเฉียงไปข่มขู่หรือรังแกคนอื่นนิดๆหน่อยๆเท่านั้น เรื่องแค่นี้ไม่เพียงพอที่จะถูกเรียกว่าเป็นการก่ออาชญากรรมอย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่เว่ยเฉินหลิงรู้ดีกว่าใครๆแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะต้องแพร่สะพัดออกไปอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไม่มีตำแหน่งใดในมหาวิทยาลัยอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งรองประธานสภานักศึกษา แม้ว่าตำแหน่งนี้จะไม่ใหญ่นัก แต่คนที่จ้องจะคว้าตำแหน่งนี้ก็มีไม่น้อยเลย!
ตำแหน่งรองประธานสภานักศึกษาอาจจะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับเขาเมื่อเขาต้องการหางานทำในอนาคตหลังจากที่เรียนจบเพราะมันจะถูกบันทึกลงในโปรไฟล์ แต่ต่อให้คนอย่างเขาไม่มีตำแหน่งนี้ เขาก็มั่นใจว่าความสามารถของเขาโดดเด่นกว่านักศึกษาคนอื่นๆทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลในเรื่องนี้นัก
แต่คำถามคือในเมื่อจี้เฟิงและพรรคพวกมีนิสัยโหดเหี้ยมแถมยังโกรธแค้นเขากับเว่ยเฉียงมากขนาดนั้นแล้วจี้เฟิงกับพรรคพวกจะยอมปล่อยให้เขาได้อยู่ในมหาวิทยาลัยอย่างปกติสุขต่อไปได้อย่างไร
เว่ยเฉินหลิงไม่ต้องคิดอะไรให้มากเขาก็รู้ว่าถ้าหากลองเปลี่ยนสถานะของตัวเขาเองในตอนนี้กับจี้เฟิงอย่างน้อยเขาก็จะไม่ปล่อยให้จี้เฟิงและพรรคพวกได้อยู่ในมหาวิทยาลัยต่อไปอย่างแน่นอน หรือไม่ก็จะต้องหาเหตุผลอะไรสักอย่างที่จะกำจัดพวกเขาจนไม่สามารถพลิกตัวกลับมาได้อีก!
พอนึกถึงจุดจบที่กำลังจะมาถึงแววตาของเว่ยเฉินหลิงก็พลันฉายแววไม่เต็มใจที่จะต้องพบเจอกับจุดจบที่น่าเศร้าแบบนั้น…
ฟึ่บ—!
ไม่รู้ว่าเว่ยเฉินหลิงไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเขาสะบัดมือตำรวจออก และวิ่งกลับไปที่ห้องอาหารส่วนตัวและคุกเข่าลงตรงหน้าของจี้เฟิง จากนั้นก็ตะโกนว่า จี้เฟิง! เว่ยเฉียงทำเรื่องไม่ดีมากมาย ฉันรู้ทุกอย่าง เรื่องที่ผิดกฎหมายฉันก็รู้ ถ้านายปล่อยฉันไป ฉันจะบอกนายทุกอย่างเลย!
เว่ยเฉินหลิงนายกล้าดียังไง! เว่ยเฉียงตะโกนถามด้วยความโมโห เดิมทีเว่ยเฉียงถูกนำตัวออกจากห้องไปแล้ว แต่เสียงของเว่ยเฉินหลิงที่ตะโกนขอร้องอ้อนวอนจี้เฟิงด้วยความร้อนรนนั้นดังมาก จึงไม่แปลกที่เว่ยเฉียงจะได้ยิน
เว่ยเฉียงโกรธจัดและตะคอกเสียงดัง เว่ยเฉินหลิง ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของฉันคอยช่วยเหลือครอบครัวของนาย ลำพังนายที่มีพ่อเป็นแค่ชาวนาจนๆ คงอดตายไปนานแล้ว แม้แต่เงินที่จ่ายค่าเทอมให้นายได้ไปเรียนมหาลัย ก็เป็นเงินของพ่อฉันทั้งนั้น แต่ตอนนี้นายกลับมาขายฉันเพื่อเอาตัวรอดคนเดียวแบบนี้เนี่ยนะ! นายนี่มันระยำจริงๆ!
ใบหน้าของเว่ยเฉินหลิงที่เดิมทีซีดมากอยู่แล้วก็ยิ่งซีดเผือดมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำด่าของเว่ยเฉียงแต่เพื่ออนาคตของเขา เขาทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขารู้ว่าชีวิตของเว่ยเฉียงนั้นจบสิ้นแล้ว เขาไม่อยากให้ชีวิตของเขาต้องจบไปกับเว่ยเฉียง!
จี้เฟิงและจางเล่ยหันมามองหน้ากันพวกเขาทั้งสองคนต่างเห็นความประหลาดใจในสายตาของกันและกัน
ฉากที่เดิมทีเป็นเพียงในนิยายแต่ตอนนี้กลับปรากฏต่อหน้าพวกเขาเข้าจริงๆ เมื่อถึงคราวที่ยากลำบาก คนเราก็จะเผยธาตุแท้และทรยศหักหลังกันอย่างหน้าด้านๆ นี่มัน…
ชั่วขณะหนึ่งหัวใจของจี้เฟิงรู้สึกหนาวสั่นอย่างช่วยไม่ได้เว่ยเฉียงที่ยอมคุกเข่าขอร้องอย่างน่าสมเพช แต่เมื่อไม่ได้ตามต้องการก็พร้อมจะแว้งกัดทันที ส่วนเว่ยเฉินหลิงยิ่งแล้วใหญ่ แม้แต่ลุงของเขาที่คอยช่วยเหลือก็ยังสามารถทรยศได้อย่างหน้าด้านๆ คนแบบนี้ยังมีอะไรที่ไม่กล้าทำอีก
คนคนนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับโอกาสให้ลุกขึ้นมาได้โดยเด็ดขาด! จี้เฟิงและจางเล่ยเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายทันที จางเล่ยส่งสายตาให้ตำรวจที่อยู่ด้านหลังพวกนั้นพาตัวสองคนนั้นออกไป
จี้เฟิง!ฉันรู้เรื่องไม่ดีของเว่ยเฉียงเยอะมากเลยนะ ฉันรู้จริงๆนะอย่างตอนอยู่ม.ปลาย เขาเคยทำผู้หญิงท้องแล้วบังคับให้เธอไป… อั่ก! ก่อนที่เว่ยเฉินหลิงจะทันได้พูดจนจบ เว่ยเฉียงก็กระโจนเข้าใส่ เปิดเกมด้วยการใช้เท้าถีบอย่างแรง แล้วทั้งสองคนก็ต่อสู้กันทันที
ตำรวจสองสามนายตกใจรีบเข้าไปแยกพวกเขาและรีบพาพวกเขาออกไป
จี้เฟิงและคนอื่นๆได้แต่ยืนมองอย่างตกตะลึง
จางเล่ยพูดอย่างประหลาดใจว่า ไม่ใช่ว่าไอ้เว่ยเฉียงมันหมดแรงแล้วหรอกเหรอ อยู่ๆก็เก่งขึ้นมาเฉยเลยวุ้ย!
ในตอนที่พวกเขาตบตีเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงสองคนนั้นไม่กล้าตอบโต้แม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้พวกเขาสองคนกลับต่อยตีกันเองอย่างดุเดือด… ไอ้คนประเภทนี้นี่พอต้องต่อสู้กับคนของตัวเองล่ะเก่งกล้าขึ้นมาเลยแต่ถ้าให้ไปสู้กับคนนอกกลับหดหัวเป็นเต่าในกระดอง… เฮ้อ! จี้เฟิงเบะปากอย่างสมเพช ดวงตาของเขาฉายแววดูแคลนอย่างที่สุด แต่ในใจของเขากลับนึกถึงญาติสายรองของเขาขึ้นมา คนพวกนั้นกับเว่ยเฉียงนี่เหมือนกันมากจริงๆ!
พวกคุณในนี้คนไหนที่เป็นคู่กรณีและพยาน เมื่อเห็นว่าเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงถูกนำตัวไปแล้ว ตำรวจที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำก็เข้ามาถาม
ก่อนที่จางเล่ยจะทันได้พูดอะไรจี้เฟิงก็ยิ้มและพูดว่า เขา เขา เขา พวกเขาทั้งสามคนเป็นคู่กรณี ส่วนผมกับผู้ชายผิวดำตัวใหญ่คนนั้นเพิ่งตามมาทีหลัง ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเอง เพียงแต่ฟังพวกเขาบอกมา
ถุย!
รปภ.หลายคนที่อยู่ข้างประตูถ่มน้ำลายออกมาพร้อมกันนายเนี่ยนะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
แต่เนื่องจากการมีตำรวจอยู่ที่นี่ผู้จัดการเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไร รปภ.คนอื่นๆจึงไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
จางเล่ยเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีเขาหันไปพูดกับจี้เฟิงแล้วถามว่า เจ้าบ้า นายคิดจะทำอะไร…. นายต้องการจะอยู่รอเปียวเกออะไรนั่นใช่มั้ย
ในประโยคสุดท้ายจางเล่ยตั้งใจลดเสียงลงและไปกระซิบที่ข้างหูของจี้เฟิง
จางเล่ยรู้จักนิสัยของจี้เฟิงดีเจ้าหมอนี่ตั้งใจผลักไสพวกเขาสามคนให้ออกไปจากที่นี่ เขาจงใจเลือกตู้เส้าเฟิงที่แข็งแรงที่สุดให้อยู่กับเขาที่นี่ จางเล่ยก็รู้ได้ทันทีว่าจี้เฟิงตั้งใจจะทำอะไร
เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อรอการมาถึงของเปียวเกอ!
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าเขาไม่ได้ปฏิเสธ
งั้นนายนั่นแหละไปที่สถานีตำรวจกับพวกเขาฉันจะอยู่ที่นี่กับเหล่าตู้เอง! จางเล่ยไม่พอใจทันที ทำไมเรื่องสนุกๆแบบนี้เขาถึงไม่ได้เข้าร่วมล่ะ เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี่เลือกปฏิบัติระหว่างคนมีวิชากังฟูกับคนที่ไม่มี!
จี้เฟิงถลึงตาใส่ทันที แล้วใครจะไปส่งหยูซวนกับเล่ยเล่ยกลับบ้านล่ะห๊ะ!
จางเล่ยผงะและตบหน้าผากของตัวเองทันที ลืมพวกเธอไปซะสนิทเลย!
รีบไปเดี๋ยวนี้เลย! จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ เขาหันไปหาตู้เส้าเฟิงและพูดว่า เหล่าตู้ รบกวนนายไปส่งสองสาวให้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยทีนะ!
ตู้เส้าเฟิงอึ้งไปทันที ฉัน
ไม่อยากทำ จี้เฟิงแค่นเสียง จะไปดีๆ หรือจะให้ฉันเป็นคนส่งนาย!
ได้ๆฉันไปเองๆ! ตู้เส้าเฟิงรีบพยักหน้าทันทีเมื่อเห็นจี้เฟิงยกขาขึ้นและกำลังจะถีบเข้ามา เขารีบหันหลังและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว… จางเล่ยหัวเราะจากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า ระวังตัวด้วย!
หลังจากพูดจบเขาก็เดินตามตำรวจไปจางเล่ยกับคนอื่นๆรู้ดีว่าเมื่อจี้เฟิงตัดสินใจไปแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนใจเขา ยิ่งไปกว่านั้นจางเล่ยได้เห็นความสามารถในการต่อสู้ของจี้เฟิงแล้ว แม้แต่กลุ่มนักเลงที่มีฝีมือก็ถูกจี้เฟิงจัดการจนราบเป็นหน้ากลอง ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้วห้องส่วนตัวก็เงียบสงัดลงทันที คนที่ยังอยู่เหลือเพียงแค่จี้เฟิงและกลุ่มรปภ.ของผู้จัดการเหยียนที่ยังคงรออยู่อย่างเงียบๆ
จี้เฟิงดึงเก้าอี้และนั่งลงรอการมาถึงของคนที่ถูกเรียกว่าเปียวเกอ
เหตุผลที่เขายังอยู่ที่นี่ต่อไม่ใช่เพราะเขาต้องการทำตัวเป็นคนดีหรือเป็นฮีโร่ที่ต้องคอยมาลงทัณฑ์เหล่าคนชั่วแต่เป็นเพราะภัตตาคารเจียงหนานซีฟู้ดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสหพันธ์มหาวิทยาลัยมากนัก และจากที่ฟังมาดูเหมือนว่าในเขตเมืองมหาวิทยาลัยจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเปียวเกอ
แล้วถ้าหากไม่จัดการทุกๆอย่างให้เรียบร้อยภายในวันนี้บางทีจางเล่ยกับคนอื่นๆอาจจะเจอปัญหาเข้าสักวัน จี้เฟิงไม่คุ้นเคยกับการทิ้งปัญหาที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นในอนาคตไว้ให้ตัวเอง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้ให้จบๆไปภายในวันนี้เลย
อย่างไรก็ตามทางฝั่งของผู้จัดการเหยียนเมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเหลือตัวคนเดียวแล้วแต่กลับสงบนิ่งได้ขนาดนี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาเขาย่อมมองออกว่าตำรวจเหล่านั้นถูกวัยรุ่นกลุ่มนี้โทรเรียกมาอย่างแน่นอน ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขากับตำรวจต้องไม่ธรรมดาแน่! ไหนจะบุคลิกที่ไม่ธรรมดาของจี้เฟิง ทั้งหมดนี้ทำให้หัวใจของผู้จัดการเหยียนเต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
‘ฉันคงไม่ได้ไปมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรจะยุ่งด้วยหรอกใช่มั้ย’แม้สีหน้าของผู้จัดการเหยียนยังคงสงบนิ่งอยู่ แต่ภายในใจของเขากลับรู้สึกกังวลมากขึ้นทุกที ยิ่งคิดไตร่ตรองยิ่งคาดเดาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นน่าจะถูกต้อง
ลมหายใจของเขาถี่เร็วขึ้นเล็กน้อยเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะฝืนใจถาม นาย! เอ่อ… น้องชาย จะให้ฉันเรียกน้องชายว่ายังไงดี บางทีเรื่องวันนี้อาจจะเป็นความเข้าใจผิดกันก็ได้ คนเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา เลิกแล้วต่อกันไปก็น่าจะดีต่อเราทั้งสองฝ่าย หรือน้องชายว่ายังไง?
จี้เฟิงยิ้ม ผมไม่คิดแบบนั้นน่ะ ยังไงก็เถอะ ผมว่ารอให้ลูกพี่เปียวของพวกคุณมาก่อน แล้วค่อยว่ากัน!
ความกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจของผู้จัดการเหยียนมากขึ้นเรื่อยๆชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีความมั่นใจมากขนาดนี้ เขาไม่เห็นเปียวเกออยู่ในสายตาเลย เห็นได้ชัดว่าคนที่หนุนหลังชายหนุ่มคนนี้อยู่ต้องยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน!
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งผู้จัดการเหยียนก็ไม่กล้าเสี่ยง แม้ว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นแค่ลางสังหรณ์ของเขาเท่านั้น เขารีบออกไปนอกห้องและโทรหาเปียวเกอทันที เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เปียวเกอฟังอย่างละเอียด
การถูกเปียวเกอด่าไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ถ้าสร้างปัญหาให้กับเปียวเกอ นี่สิถึงจะเรียกว่าเรื่องใหญ่ของจริง!
เมื่อเห็นผู้จัดการเหยียนเดินออกไปจากห้องอาหารส่วนตัวจี้เฟิงไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ
ไม่ว่าคนที่กำลังมาจะเป็นใครจี้เฟิงก็ตัดสินใจไปแล้วว่าวันนี้เขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ดังนั้นไม่ว่าใครจะมา จุดจบมันก็จะไม่ต่างออกไป!