The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 116
บทที่ 116 เรื่องเล็ก
ตอนที่เฉินตงไปถึงโรงพยาบาล
ท่านหลงก็มารออยู่ที่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเฉินตง ท่านหลงก็หรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากนัก เฉินตงที่ใบหน้าซีดเผือดก็ถูกส่งตัวเข้าห้องไอซียู
ตุบ !
ท่านหลงหันกลับไปแล้วกำหมัดต่อยเข้าที่หน้าอกของคุนหลุนด้วยความโกรธอย่างรุนแรง
“ ไอ้โง่เอ๋ย ! ฉันให้แกจับตาดูคุณชายเอาไว้ให้ดี แล้วแกดูแบบนี้นะหรือ ?”
คุนหลุนถอนใจออกมาอย่างหดหู่ แล้วก้มหน้าก้มตายืนนิ่ง
“ท่านหลง……” กูหลังอยากจะพูดอธิบาย
เผียะ !
ท่านหลงใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หน้าของกูหลังฉาดใหญ่
แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่บูดบึ้ง : “แกไม่มีสิทธพูดอะไรทั้งนั้น !”
กูหลังผงะไป จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตายืนนิ่ง
“ท่านหลง เป็นความผิดของผมกับกูหลังเองที่ไม่ได้ดูแลคุณชายให้ดี” คุนหลุนพูดออกมาด้วยท่าทีสงบ
เป็นเพราะคอยติดตามนายท่านมานาน ฐานะของท่านหลงจึงเหนือกว่าเขามาก ถือได้ว่าเป็นคนสนิทที่แท้จริงของนายท่านเลยก็ว่าได้
อีกทั้งท่านหลง เป็นคนที่ทำสิ่งต่างๆ อย่างใจเย็น ดังนั้นการที่เขาระเบิดอารมณ์โกรธขึ้นมาในตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาคงจะโมโหจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ !
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เฉินตงได้รับบาดเจ็บจริงๆ
ในฐานะที่เป็นผู้ติดตาม บางครั้งไม่เกี่ยวว่าจะถูกหรือจะผิด ขอเพียงแค่คนที่เขาติดตามได้รับบาดเจ็บ ต่อให้ผู้ติดตามไม่ผิดก็ถือว่ามีความผิดอยู่ดี !
สักพัก
ท่านหลงที่กำลังโมโหได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา จากนั้นจึงพูดอย่างสงบว่า : “ลองพูดมาซิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
คุนหลุนเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวิลล่าออกมาอย่างละเอียดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
สีหน้าของท่านหลงค่อยๆ เปลี่ยนไป ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น
แม้กระทั่งตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะใช้วิธีนี้ในการแก้แค้น
ยอมเจ็บตัวไปพร้อมกับศัตรู !
คนที่จะใช้วิธีเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นคนที่ใจร้ายกับตัวเองมากพอ ?
และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ นี่เป็นวิธีที่จะสามารถชนะได้ทั้งสองทาง !
“เฮ้อ……”
ใบหน้าของท่านหลงเต็มไปด้วยความตกใจที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้ จนในที่สุดเขาถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า : “หลายปีมานี้ต้องลำบากคุณชายไม่น้อยจริงๆ”
ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์ที่มีมาตั้งแต่เด็ก ท่านหลงคงคิดไม่ออกเลยว่า คนที่อายุอย่างเช่นเฉินตง จะโหดเหี้ยมกับตนเองได้ถึงเพียงนี้ !
“ท่านหลง จะต้องทำอย่างไรต่อไป ?”คุนหลุนถามอย่างจริงจัง
“คุณชายได้เหลือทางออกสำหรับเรื่องนี้เอาไว้ให้นายท่านแล้ว หลังจากนี้นายท่านจะเป็นผู้ตัดสินเอง”
แววตาของท่านหลงดูลึกซึ้ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความออกไป
รอเพียงไม่กี่วินาทีก็ได้รับข้อความตอบกลับมา
เมื่อเห็นข้อความแล้ว ท่านหลงก็แสยะยิ้มออกมาในทันที : “เฉินเทียนเซิงมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจริงๆ”
“เกิดอะไรขึ้น ?” คุนหลุนเอ่ยถาม
กูหลังเองก็หันมองท่านหลงด้วยความอยากรู้
“เฉินเทียนเซิงนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไปที่ตระกูลเรียบร้อยแล้ว” ท่านหลงพูด
คุนหลุนหน้าถอดสี : “เขาทำเช่นนี้เพราะตั้งใจที่จะกลับไปร้องเรียนที่ตระกูลก่อนใช่หรือไม่ ?”
“ฉันจำเป็นจะต้องกลับไปที่ตระกูลเฉินเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้จะปล่อยให้เขาพูดอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้” ท่านหลงพูดอย่างจริงจัง
คุนหลุนรีบพูดว่า : “ท่านหลงรีบกลับไปเถอะ ส่วนเรื่องทางนี้ของคุณชาย ผมจะเป็นคนดูแลให้เอง”
เรื่องจำเป็นในตอนนี้ก็คือ จะต้องกลับถึงตระกูลเฉินให้ได้ก่อนที่เฉินเทียนเซิงจะลงมือ แล้วจัดการบิดเบือนเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เสีย
ถ้ากลับไปช้า หากมีการตัดสินเรื่องที่เฉินตงละเมิดกฎของตระกูลออกมา อย่าว่าแต่ท่านหลงเลย แม้แต่พ่อของเฉินตงเองก็ไม่อาจที่จะแก้ไขอะไรได้อีก !
……
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง
ในห้องพักผู้ป่วย มีกลิ่นฉุนของยาลอยฟุ้งไปทั่ว
เครื่องมือตรวจวัดค่อยๆ ขยับ
เฉินตงลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง เมื่อเห็นห้องพักผู้ป่วยของตนเอง ก็ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย
“คุณชาย ในที่สุดคุณก็ฟื้นสักที !”
คุนหลุนกับกูหลังรีบกรูกันเข้ามา
หลังจากที่ท่านหลงกลับไป พวกเขาทั้งสองก็เฝ้ารออยู่หน้าไอซียูตลอด
อาการบาดเจ็บของเฉินตงไม่รุนแรง แต่ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาลนั้นสูญเสียเลือดไปมาก ดังนั้นจึงต้องมีการให้เลือดจนกระทั่งถึงดึก
เมื่อเห็นท่าทีวิตกกังวลของคุนหลุนและกูหลัง เฉินตงก็ยิ้มออกมาอย่างประหลาดใจ : “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พวกนายสองตนจะกังวลไปทำไม ?”
คุนหลุนและกูหลังหันมองหน้ากัน
คุนหลุนยิ้มออกมาอย่างหดหู่ : “จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร ? ช่วงบ่ายคุณเข้าไปในห้องไอซียูได้ไม่นานก็หมดสติไป ต้องให้เลือดถึงแปดถุงจึงจะสามารถยื้อชีวิตกลับมาได้”
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมองภายในห้องแล้วขมวดคิ้ว : “ท่านหลงล่ะ ?”
“หลังจากที่พวกเราออกจากวิลล่า เฉินเทียนเซิงก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไปที่ตระกูลทันที”
คุนหลุนพูดอธิบาย : “ท่านหลงเกรงว่าไอ้สารเลวเฉินเทียนเซิงจะชิงลงมือร้องเรียนก่อน จนทำให้นายท่านเชื่อว่าคุณละเมิดกฎของตระกูล ดังนั้นจึงรีบเดินทางกลับไปที่ตระกูลทันที”
เฉินตงพยักหน้า
นี่คือเรื่องที่เขาคาดคะเนเอาไว้แล้วเช่นกัน
ที่เฉินเทียนเซิงรีบกลับตระกูลก่อน ก็เพื่อที่จะช่วงชิงความได้เปรียบ แล้วทำให้เขาถูกตัดสินว่าละเมิดกฎของตระกูล
เขาอุตส่าห์คิดทางหนีทีไล่เอาไว้ขนาดนี้แล้ว หากท่านหลงยังไม่สามารถทำได้สำเร็จอีก เช่นนั้นเขาก็คงไม่ใช่ท่านหลงแล้ว
เขาหันหน้าออกไปมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างอ่อนแรง
เฉินตงพึมพำขึ้นมาว่า : “ป่านนี้คงจะมีการตัดสินผลออกมาแล้ว ?”
คุนหลุนส่ายหัว : “ผมพยายามลองติดต่อท่านหลงอยู่ตลอด แต่โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องอยู่ตลอดเวลา”
“อืม”
เฉินตงขานรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ครั้งก่อนที่ท่านหลงกลับตระกูลเฉินก็ตัดขาดช่องทางการสื่อสาร ดังนั้นการที่ครั้งนี้กลับตระกูลเฉินแล้วตัดขาดช่องทางการสื่อสารอีกจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร
เฉินตงมองไปที่เพดาน แล้วแอบคำนวณเวลาด้วยตนเอง
แม่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลลี่จิง เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บจะให้แม่รู้ไม่ได้ ดังนั้นตอนที่ส่งเข้าห้องไอซียูจึงเป็นโรงพยาบาลคนละแห่งกัน
ตอนนี้สิ่งที่เฉินตงเป็นกังวลที่สุดก็คือเรื่องการเปิดขายตึกล่วงหน้าทั้งสามตึกในต้นเดือนหน้า
เฉินเทียนเซิงกลับไปครั้งนี้ คงจะต้องสร้างความปั่นป่วนให้แก่ตระกูลเฉินเป็นการใหญ่อย่างแน่นอน เขาเกรงว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อการเปิดขายล่วงหน้าในช่วงต้นเดือนหน้า !
ตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่รออย่างเงียบๆ ดูว่าผู้เป็นพ่อที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้น จะสามารถจัดการเรื่องวันนี้ที่บ้านตระกูลเฉินได้สำเร็จหรือไม่
ส่วนเรื่องอื่นเฉินตงไม่ได้คิดอะไรมาก
เฉินเทียนเซิงทำให้แม่ของเขาต้องเข้าโรงพยาบาล ความแค้นนี้ ในฐานะที่เขาเป็นลูกจึงจำต้องแก้แค้น แต่การที่เขายังสามารถเหลือทางหนีที่ไล่เอาไว้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
คำพูดที่ว่าทุกอย่างให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์ เขาถือว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ต้องรอดู “ลิขิต” จากพ่อและตระกูลเฉินแล้ว !
ในคืนนั้นไม่มีการพูดคุยอะไรต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินตงไม่ได้ปลุกคุนหลุนและกูหลังที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างสบายให้ตื่นขึ้น
แต่กลับพยายามติดต่อท่านหลงด้วยตัวเอง
แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวัง โทรศัพท์มือถือของท่านหลงยังคงปิดเครื่องอยู่
“คุณชาย ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้ครับ ?”
เสียงของคุนหลุนดังขึ้นเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการปลุกกูหลังจนตื่นขึ้นมา
เฉินตงยิ้มอย่างหดหู่ : “สามารถนอนหลับได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
คุนหลุนหัวเราะออกมาอย่างจนใจ แล้วจึงพูดล้อเล่นว่า : “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือครับ ?”
“กลัวมาตลอด แต่ถึงจะกลัวก็ต้องทำ” เฉินตงเลิกคิ้วแล้วพูดตอบ
ตอนนี้เอง กูหลังถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงรบกวน
เขาหันมองเฉินจงกับคุนหลุนแล้วลุกยืนขึ้น : “คุณเฉิน พี่คุนหลุน ผมจะไปซื้ออาหารเช้า”
“ไม่อยากกิน”
เฉินตงกับคุนหลุนพูดออกมาพร้อมกัน
กูหลังพยักหน้า จากนั้นจึงตัดสินใจหยิบบุหรี่ออกมา แต่หลังจากที่มองเฉินตงแล้ว เขาก็เก็บกลับเข้าไปตามเดิม
“ไม่เป็นไร สูบเถอะ”
เฉินตงยิ้มพลางพูดว่า : “เอาให้ฉันมวนหนึ่งด้วย”
กูหลังนำซองบุหรี่ออกมาใหม่ จากนั้นจึงหยิบให้เฉินตงและคุนหลุนคนละหนึ่งมวน
จากนั้นคุนหลุนและกูหลังก็จุดบุหรี่อย่างคล่องแคล่ว
ส่วนเฉินตง หลังจากจุดไฟเสร็จแล้วสูบเข้าไปหนึ่งครั้งแล้ว กลับสำลักจนตาแดงในทันที และไอออกมาอย่างรุนแรง
เขาดับบุหรี่อย่างจนใจ จากนั้นจึงโยนลงถังขยะ : “ยังไงเสียฉันก็ยังไม่สามารถใช้บุหรี่ดับความทุกข์ได้อยู่ดี”
ทันใดนั้นเอง
มีเสียงข้อความดังขึ้นในโทรศัพท์มือถือของเฉินตง
เขาหยิบออกมาดู แล้วจู่ๆ ก็นิ่งไป
คุนหลุนและกูหลังที่กำลังพ่นควันออกมา ต่างหันมองพร้อมกันด้วยความสงสัย
กูหลังถาม : “คุณเฉิน เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ?”
เฉินตงวางโทรศัพท์มือถือลง แล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “เรื่องเล็กน่ะ พ่อของฉันโอนเงินเข้ามาในบัตรธนาคารชงโคของฉันพันล้าน”
น้ำเสียงฟังดูผ่อนคลายและสงบ ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร
แต่เมื่อคำพูดนี้ดังเข้าไปในหูของคุนหลุนและกูหลัง กลับเหมือนเสียงระเบิดของฟ้าผ่า
วินาทีต่อมา
ทั้งสองต่างสำลักควันบุหรี่จนตาแดงพร้อมกัน และไอออกมาอย่างรุนแรง