The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 22
บทที่ 22 ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์
งานหมั้น พังแล้ว!
โกหกการแต่งงานงั้นเหรอ?
ทุกๆ คนต่างมีความคิดกันไปต่างๆ นานา
งานหมั้นสามสิบโต๊ะนี้ ครอบครัวของตระกูลหวางที่สนิทจริงๆ มีไม่เท่าไหร่
จางซิ่วจือเชิญทุกคนมา เพื่อหน้าตาของตัวเองทั้งนั้น
ดังนั้น เลยไม่สามารถคาดหวังว่าคนพวกนี้จะไว้หน้าตระกูลหวาง
“เป็นผู้หญิง มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่เสียใจจนถึงที่สุด คงไม่ทำแบบนี้หรอก”
“ขายหน้าจัง!ขายหน้ามากจริงๆ ต้องมาบังคับผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ฉันบอกแล้ว ว่าหลินเสว่เอ๋อดีขนาดนี้ ทำไมถึงมามองหวางเห้า ที่แท้หวางเห้าก็หลอกลวงนี่เอง!”
……
เมื่อได้ยินทุกคนซุบซิบ จางซิ่วจือกับหวางเต๋อก็อายเป็นอย่างมาก
หวางหนันหนันหันหน้าไปมองบัตรที่ถูกหลินเสว่เอ๋อโยนออกมา ในตอนนั้น เธอก็นิ่งไป และรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
“เสว่เอ๋อ ฉันจะไปหลอกอะไรคุณได้อย่างไร?”
หวางเห้าเองก็ร้อนใจ ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตแล้วลุกขึ้น ก่อนจะถามหลินเสว่เอ๋อด้วยความงุนงง
หลินเสว่เอ๋อมีสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะร้องไห้ออกมาราวกับสายฝน และพูดพลางสะอื้นว่า: “คุณยังกล้ามาถามอีกเหรอ?หวางเห้า ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”
หวางเห้าร้อนใจ: “ฉัน ฉันทำอะไรผิดไปเหรอ?”
เพี๊ยะ!
หลินเสว่เอ๋อยกมือขึ้นมาตบหน้าของหวางเห้า จนทำให้หวางเห้ามึนไปจริงๆ เลย
“เห้อ หลินเสว่เอ๋อ มาตบเสี่ยวเห้าได้อย่างไร?”
เมื่อจางซิ่วจือเห็นฉากนั้น ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาเหมือนกัน
เธอเองก็ไม่สนแล้วว่าจะเสียหน้าไหม เลยผละหวางเต๋อออกก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวที
ในตอนนั้นเอง หลินเสว่เอ๋อชี้หวางเห้าพลางร้องไห้แล้วพูดว่า: “คุยกันเอาไว้ว่าสินสอดห้าแสน ทำไมถึงให้ฉันมาแค่สี่แสนล่ะ?หวางเห้า สินสอดนี้ไม่ใช่ว่าฉันจะเอาไป นะฉันจะเอาไปให้พ่อแม่ของฉันเป็นการตอบแทน!พวกเขาเลี้ยงฉันมาจนโต ฉันมาแต่งงานกับคุณตั้งไกล ห้าแสนนี้ต้องเอาไว้ใช้ตอนแก่ไงล่ะ”
“ทำไมคุณถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ เงินก้อนนี้ ยังต้องมาโกหกฉัน แล้วหักเงินออกงั้นเหรอ?”
ผ่าง!
ทุกคนในงานต่างพากันตกใจ
ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป
จัดงานหมั้นแล้ว แต่เงินสินสอดยังหามาให้ครบไม่ได้ ยังคิดจะจัดงานหมั้นอีกงั้นเหรอ?
“เห้อ โชคร้ายห่วยแตกจริงๆ นี่มันหลอกผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”
“ตระกูลหวางไม่มีคุณธรรมเลย จัดงานหมั้นหรูหราอลังการขนาดนี้ แต่เงินสินสอดกลับหามาให้ครบไม่ได้”
“หลินเสว่เอ๋ออยู่ตั้งไกล มาแต่งงานกับลูกของหวางเห้า ก็ต้องเอาสินสอดไปให้พ่อแม่ในการเลี้ยงดู ว่ากันตามความจริงแล้วเงินแค่ห้าแสนตระกูลหวางยังโกงเลย หน้าด้านเกินไปหรือเปล่า?”
……
เสียงวิจารณ์ต่างๆ ด่าทอไปที่ตระกูลหวาง
ไม่มีใครคิดว่าการที่หลินเสว่เอ๋อก่อเรื่องในงานหมั้นนั้นมันผิดแปลกอะไรเลย
หญิงจากที่ห่างไกลคนหนึ่ง มาแต่งงานกับหวางเห้า สินสอดก็ถูกหักออก เป็นใครใครก็รับไม่ได้หรอก?
ในสถานการณ์แบบนี้ คนที่รู้เรื่องราวระหว่างหลินเสว่เอ๋อกับหวางเห้า ก็รู้อยู่แก่ใจดี หลินเสว่เอ๋อต้องแต่งกับหวางเห้าอยู่แล้ว นี่มันจัดการเอาไว้หมดแล้ว!
ตามความรู้สึกและเหตุผล การที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งถูกบังคับจนมาก่อเรื่องในงานหมั้น มันทำให้ตระกูลหวางเสียหน้าเปล่าๆ !
ปั่ก!
หวางหนันหนันนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว ในตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนเลือดหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง
เสียงต่อว่าของพี่น้องทุกคนรอบๆ มันเหมือนกับเป็นเสียงจากปีศาจที่สนเสียนอยู่ในหู จนทำให้เธอมึนงงไปเลย
ความวุ่นวายนี้ ภาพลักษณ์ของพวกเธอตระกูลหวาง มันสูญเสียไปต่อหน้าญาติพี่น้องทั้งหมดแล้ว!
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ไม่ใช่แบบนี้เลย!”
จางซิ่วจือแทบบ้า เธอเชิญแขกมากว่าสามสิบโต๊ะก็เพราะภาพลักษณ์ และอยากจะโอ้อวดอย่างเห็นได้ชัด
แต่ตอนนี้ เพื่อนพี่น้องจำนวนสามสิบโต๊ะกลับกำลังหัวเราะเยาะและต่อว่า มันทำให้เธอรู้สึกอยากตาย
“หรือว่าเด็กจากทางไกลอย่างหลินเสว่เอ๋อ จะมาโกหกหลอกลวงต่อหน้าพวกเรางั้นเหรอ?”
มีคนหนึ่งในกลุ่ม พูดขึ้นมา: “พวกคุณตระกูลหวางก็ได้ ไม่มีปัญญาแต่งงานก็ไม่ต้องแต่ง อย่ามากลั่นแกล้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสิ!”
จางซิ่วจือตัวสั่นเทา ก่อนจะหันไปมอง ก็พบว่าแขกทุกคนยืนขึ้นมา จนไม่รู้เลยว่าคนที่พูดนั้นคือใคร
ดวงตาของเธอแดงไปหมด ก่อนจะวิ่งไปอยู่ต่อหน้าหวางหนันหนัน
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือนั้นตบไปที่ใบหน้าของหวางหนันหนัน จนทำให้หวางหนันหนันที่กำลังเหม่ออยู่นั้นมีสติกลับมาได้
จางซิ่วจือโกรธเหมือนจะกินคนได้ทั้งตัว มือขวาก็จิ้มไปที่ขมับของหวางหนันหนัน: “ยัยบ้า คุณคุยดีแล้วไม่ใช่เหรอ?คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเสว่เอ๋อสัญญาแล้ว?ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?”
“แม่……ฉัน……”
หวางหนันหนันกำลังจะเปิดปากอธิบาย แต่เธอรู้ ว่าในตอนนั้นถึงจะชักแม่น้ำทั้งห้าสายมาก็อธิบายอะไรไม่ได้แล้ว
และยิ่งหยุดคำพูดต่างๆ นานาของคนที่มาร่วมงานได้อีกด้วย
จางซิ่วจือร้องออกมาว่า “อั้ยหยา ให้ตายเถอะ” จากนั้นก็นั่งลงกับพื้น ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง โดยที่ไม่เหลือความสง่างามเหมือนก่อนอีกต่อไปแล้ว
หวางเต๋อเองก็ทำอะไรไม่ถูก เขาคิดไม่ถึงเลยว่างานหมั้นดีๆ แบบนี้ จู่ๆ มันจะทำให้พวกเขาตระกูลหวาง มีแต่คนหัวเราะเยาะใส่ และขายหน้าขนาดนี้
มีเสียงดังขึ้น
หวางเต๋อนั่งลงบนเก้าอี้อย่างจัง เอาสองมือปิดหน้า เพราะไม่มีทางจะสู้หน้าญาติๆ ได้แล้ว
“พี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”
บนเวที หวางเห้าร้อนใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก: “คุณช่วยอะไรไม่ได้ ก็อย่ามาทำร้ายฉัน!”
ถ้าเกิดว่าหวางหนันหนันคุยกับหลินเสว่เอ๋อให้เสร็จก่อน ตามที่เขารู้จักหลินเสว่เอ๋อ ในตอนนั้นหลินเสว่เอ๋อคงจะไม่มีทางก่อเรื่องขึ้นต่อหน้าคนอื่นแบบนี้!
“ฉัน……” ปากแดงๆ ของหวางหนันหนันพึมพำ ด้วยความน้อยใจสุดขีด ก่อนจะมีน้ำตาไหลรินออกมา
ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนแก่ก็ค่อยๆ เริ่มเดินออกมา
ไล่กันตามอายุ คนแก่ชี้ไปที่หวางเต๋อและจางซิ่วจือ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก: “หวางเต๋อ ซิ่วจือ เรื่องที่พวกคุณก่อขึ้นมันทำให้พวกเราตระกูลหวางเสียหน้ากันหมด งานหมั้นในวันนี้ใหญ่โตมาก แต่เงินกลับออกเงินไม่เท่าไหร่งั้นเหรอ?พวกคุณยังไปโกหกเด็กสาวนั่นอีกงั้นเหรอ?”
หลังจากตำหนิเสร็จ คนแก่ก็หันไปพูดกับทุกๆ คนในงาน: “ทุกคนแยกย้ายกันเถอะๆ งานหมั้นนี้มันล่มแล้ว”
คนนานตำหนิดุด่า ก่อนจะออกจากงานไป
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด กลับถูกหลินเสว่เอ๋อใช้โทรศัพท์ถ่ายเอาไว้หมดแล้ว และส่งให้เฉินตงผ่านwechat
เมื่อทุกคนแยกย้าย หลินเสว่เอ๋อก็เช็ดน้ำตา พลางพูดกับหวางเห้าด้วยท่าทีน้อยใจ: “หวางเห้า ถ้าคุณรักฉันจริง อยากจะแต่งกับฉัน ก็เอาสินสอดมาให้ครบ งานหมั้นนี้ คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก”
เมื่อพูดจบเธอก็หันตัวเดินออกไป
“เสว่เอ๋อ เสว่เอ๋อ……” หวางเห้าร่ำร้องขอให้กลับมา
แต่หลินเสว่เอ๋อลงจากเวที แล้วก็ไปเลย
เมื่อเห็นภาพแบบนี้ จางซิ่วจือที่ร้องห่มร้องไห้ ก็รู้สึกปวดหน้าอก หน้าแดงขึ้น จากนั้นก็ร้องโอ้ยดังขึ้นมา
ปัง!
จางซิ่วจือล้มลงกับพื้น
หวางเต๋อกับหวางหนันหนัน และหวางเห้าต่างตกใจกันหมด
“ไม่ได้การแล้ว รีบไปส่งโรงพยาบาล อาการโรคหัวใจของแม่พวกคุณกำเริบแล้ว!” หวางเต๋อมีสีหน้าซีดเซียว พลางร้องเสียงดัง
บริษัทไท่ติ่ง
เฉินตงค่อยๆ เลื่อนดูโทรศัพท์ ก่อนจะดูคลิปที่หลินเสว่เอ๋อส่งมาให้จนจบ มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น: “หลินเสว่เอ๋อไม่เลวเลย งานหมั้นงานนี้ทำให้คนในงานต่างดุด่าว่ากล่าวไปเลยล่ะ”
เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่หลินเสว่เอ๋อส่งมาล่าสุด “คืนนี้ว่างไหม?” ก่อนจะทำงานต่อไป
ติ๊ง!
จู่ๆ หวางหนันหนันก็ส่งข้อความมา: “เฉินตง แม่ของฉันอาการโรคหัวใจกำเริบอยู่โรงพยาบาล ที่โรงพยาบาลลี่จิง”
เฉินตงตอบกลับไปด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์: “แม่ของฉันป่วยนานแล้ว”
วางโทรศัพท์ลง เขาเลิกคิ้วขึ้น จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่สำคัญขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง เลยลุกเดินออกไปข้างนอก