The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 72
บทที่ 72 อดีตของคุนหลุน
เป็นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ
ค่ำคืนที่เงียบสงบ
เฉินตงยังไม่ได้เข้านอน
เขานั่งรับลมเย็นยามค่ำคืนบนระเบียงคนเดียว
“คุณชาย ไม่สบายเหรอ?”
เสียงของคุนหลุนดังมาจากด้านหลัง
เฉินตงมองไปที่ไกลสุดลูกหูลูกตา จากตำแหน่งของระเบียง เขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมืองภายใต้ภูเขาเทียนซานได้
เขาไม่ได้ตอบคำถามของคุนหลุน
จนกระทั่งคุนหลุนนั่งลงข้างเขา
“มีบุหรี่ไหม?” เฉินตงถาม
คุนหลุนพยักหน้าแล้วหยิบบุหรี่ออกมาจากซองหนึ่งม้วนแล้วยื่นให้เขา
เฉินตงเป็นคนไม่สูบบุหรี่ แต่ ณ ตอนนี้เขาอยากลองจริงๆ
เขารับไฟแช็กจากคุนหลุนแล้วจุดบุหรี่ม้วนนั้น
ทันใดที่สูบ ควันฉุนก็พวยพุ่งเข้าปอด ทำให้เขาสำลักไออย่างรุนแรงและมีน้ำตาไหลออกมา
เมื่อมองไปที่บุหรี่ เฉินตงก็โยนมันลงบนพื้นและยิ้มพูดอย่างขมขื่น “ผมไม่สูบดีกว่า”
“มันไม่จำเป็นหรอกนะ ที่จริงคุณบอกผมได้”
คุนหลุนส่ายหัว เขารู้ว่าเฉินตงมีความในใจอยู่
จากนั้นเฉินตงนอนเอนลงไปที่เก้าอี้พับแล้วสองมือวางไว้ข้างหลังศีรษะและมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า “จู่ ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับพ่อดี”
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าพ่อของเขานั้นเป็นคนที่ทอดทิ้งครอบครัวเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งมาตลอด
กระทั่งการปรากฏตัวของท่านหลงทำให้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป
สำหรับพ่อที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน นอกจากความขุ่นเคืองแล้วไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเขาอีกเลย
แต่สิ่งที่แม่พูดมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกหวั่นไหว
ถ้าการจากไปของพ่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ทุกคนต้องตาย
แล้ว……เกิดอะไรขั้นกับตระกูลเฉินในวันนั้น?
เขาอยากรู้เรื่องในอดีตมาก
แต่น่าเสียดายที่แม่รู้ไม่มาก ถ้าอยากจะรู้มากกว่านี้ เห็นทีว่าต้องไปเจอพ่ออย่างเดียวแล้ว
“อันที่จริง คุณท่านดีมากเลยนะครับ”
คุนหลุนถอนหายใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายแวววาว “เขาเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่ผมเคยเห็นเลยนะครับ”
เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้มถามเขา “จริงสิ คุณเคยเป็นทหารรับจ้าง ทำไมคุณถึงเลือกที่จะติดตามเขา?”
คุนหลุนจุดบุหรี่ให้ตัวเองแล้วสูบมัน “ตอนนั้นผมรุ่งเรืองในวงการทหารรับจ้าง ผมมีลูกน้องมากกว่าร้อยคน ถ้าอยู่ในสนามรบเราก็เสมือนปลาได้น้ำ”
“นั่นมันไม่ดีเหรอ?” เฉินตงยิ้มถาม
“ดี?” คุนหลุนส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ทุกวันเราต้องผูกติดกับหัวเข็มขัด วิ่งอยู่ท่ามกลางห่ากระสุน อันที่จริงผมเบื่อมันมานานแล้ว”
“ดังนั้น ถึงได้มาติดตามพ่อของผมเหรอ?”
“พ่อของคุณช่วยชีวิตผมไว้”
คุนหลุนส่ายหัว ดวงตาที่ลึกซึ้งดูเหมือนกำลังนึกถึงอดีต
“ตอนนั้นผมปฏิบัติภารกิจหนึ่ง เป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากคุณพ่อของคุณเพื่อช่วยตัวประกันที่สนามรบทะเลทรายในประเทศแห่งหนึ่ง”
“น่าเสียดายที่ภารกิจครั้งนั้นเราล้มเหลว พี่น้องของเรา 100 กว่าคนต้องเสียชีวิตไปถึง 90 กว่าคน ส่วนคนที่เหลือก็ถูกจับไปพร้อมกับผมด้วย”
“ในวันประหารนั้น เป็นวันที่ผมไม่มีวันลืมมันได้ตลอดไป”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ คุนหลุนมองไปที่เฉินตงแล้วพูดอย่างซาบซึ้ง “คุณชายครับ นักธุรกิจตัวจริง เขาย่อมให้ความสำคัญกับลูกจ้างมากกว่าผลกำไร คุณรู้อยู่ใช่ไหมครับ?”
เฉินตงพยักหน้า
“ผมจำได้ว่าวันนั้นแดดแรงมาก ตอนนั้นผมคุกเข่าอยู่บนเวทีประหารที่มีคนดูนับหมื่นคน”
คุนหลุนยิ้มจางๆ แล้วเล่าต่อ “เพื่อป้องกันนักโทษประหารหลบหนี ศัตรูจึงเอารถถังและรถหุ้มเกราะจอดอยู่เต็มหน้าลานประหาร แต่เวลานั้น คุณพ่อของคุณก็มาจนได้”
เขายกนิ้วชี้ขึ้นแล้วพูดต่อ “เขามาคนเดียวโดยขับรถจี๊ปแล้วพุ่งตรงเข้ามาที่ลานประหาร”
มุมตาของเฉินตงกระตุกเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
แม้คำพูดของคุนหลุนจะฟังพูดผ่อนคลาย
แต่ฉากในตอนนั้นต้องอันตรายมากอย่างแน่นอน
เมื่อต้องเผชิญกับการประหารชีวิตต่อหน้าผู้คนนับหมื่น นั่นไม่ใช่กำลังของคนคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
แต่พ่อของเขากล้าไป นั่นหมายความว่าเขากล้าแลกด้วยชีวิต
“น่าแปลกใจใช่ไหมครับ?”
คุนหลุนยิ้มถาม จากนั้นพูดต่อโดยที่ไม่รอเฉินตงตอบ “อันที่จริงผมก็รู้สึกตกใจมาก แต่คุณพ่อของคุณมาคนเดียวจริงๆ เขาขับรถฝ่าเข้ามาในลานประหาร จากนั้นลงจากรถอย่างใจเย็นและใช้ภาษาพื้นเมืองที่คล่องแคล่วทักทายทุกคนที่มาร่วมงานด้วยรอยยิ้ม”
เมื่อพูดถึกจุดนี้ คุนหลุนอดไม่ได้ที่จะยกย่องเขา “พูดตามความจริงนะ ผมอยู่ในสนามรบมานานหลายปี พวกนายจ้างหรือผู้บังคับบัญชา เมื่อต้องเผชิญกับความตาย ไม่มีใครไม่หวาดกลัวหรอก แต่สำหรับคนอย่างคุณพ่อของคุณผมไม่เคยเจอจริงๆ”
จากนั้นเขามองไปที่เฉินตงแล้วพูดต่อ “คุณคล้ายกับเขามานะ แต่ยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าคุณจะไปถึงในจุดที่เขายืนอยู่”
เฉินตงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แล้วยังไงต่อ?”
คุนหลุนเล่าต่อ “จากนั้นเขาใช้เงิน 1 หมื่นล้านมอบให้กับคนในพื้นที่เพื่อแลกกับชีวิตของผม”
“เงิน 1 หมื่นล้าน……กับชีวิตของคุณ? ไม่แปลกใจเลยที่คุณติดตามเขาไม่ยอมไปไหน” เฉินตงยิ้มพูด
“ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาก็ได้” คุนหลุนยิ้มตอบ จากนั้นแสงในดวงตาก็สว่างขึ้น “แต่ความกล้าของเขาในตอนนั้นทำให้ผมตายใจมากกว่า ผมเคยเป็นทหารรับจ้าง ผมเคยยิ่งใหญ่มาก่อน แน่นอนว่าผมเคยชินกับการมีชื่อเสียง แต่พ่อของคุณทำให้ผมเปลี่ยนไป”
เฉินตงยิ้มพูด “ก้อนเมฆมันต้องเปิดออกเมื่อมังกรมันบินผ่าน น้ำทะเลมันก็ต้องเกิดคลื่นเมื่อเรือยักษ์มันขับผ่าน ว่าไหมครับ?”
“ฮ่า ๆ ๆ ……คุณชายเข้าใจผมจริงๆ” คุนหลุนยิ้มอย่างมีความสุขและยอมรับในคำพูดของเขา
เฉินตงก็รู้สึกอย่างนั้น
ถ้าเขาเป็นคุนหลุน เขาก็จะเลือกเหมือนคุนหลุนด้วยเช่นกัน
แต่……เท่าที่คุนหลุนเล่ามา มันทำให้พ่อในอุดมคติของเขาเปลี่ยนไป
ในลานประหารที่มีรถถัง รถหุ้มเกราะล้อมรอบ และยังมีคนดูนับหมื่นคน
แต่พ่อของเขาฝ่าเข้าไปด้วยตัวคนเดียว แค่ความกล้าหาญนี้ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถทำได้แล้ว
“แต่คุณชายครับ คุณท่านไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนะครับ”
เมื่อเห็นเฉินตงเงียบไป คุนหลุนก็พูดต่อ “เรื่องบางอย่าง เราที่เป็นคนรับใช้ไม่ควรพูดมากเกินไป แต่คุณท่านส่งผมมาหาคุณชายแบบนี้ เรียกได้ว่าคุณท่านให้ความสำคัญกับคุณชายมากกว่าตัวเขาเองนะครับ”
“หมายถึงอะไร?” เฉินตงถาม
“ผมเป็นบอดี้การ์ดติดตัวของคุณท่าน และเป็นบอดี้การ์ดคนเดียวที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา”
ดวงตาของคุนหลุนมีแววสังหารอย่างคลุมเครือ “ตั้งแต่ติดตามคุณท่านมา โดยเฉลี่ยแล้วผมต้องช่วยแกแก้ไขปัญหาการลอบสังหารอย่างน้อยสิบครั้งต่อปีนะครับ”
“ลอบสังหารสิบครั้ง?”
เฉินตงอดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในความคิดของตนอีกครั้ง
คุนหลุนยืนขึ้นแล้วตบไหล่เฉินตงเบาๆ และพูดว่า “ที่คุณท่านให้ผมมาหาคุณ นั่นคือการทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าในการถูกลอบสังหารทั้งสิบครั้งนั้นเลยนะครับ”
หลังจากที่เฉินตงตั้งสติได้ คุนหลุนก็จากไปแล้ว
เฉินตงได้แต่เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความงุนงง
และในเวลาเดียวกัน
ณ บ้านตระกูลหวาง
“เขตวิลล่าเขาเทียนซานจริงๆ เหรอ?” จาวซิ่วจือรู้สึกตกใจมาก จากนั้นวางสายลงด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวจาง ป้าไม่เสียแรงที่เป็นห่วงเธอเลย”
หวางเต๋อที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตกใจ “เฉินตงพักอยู่ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานจริงๆ เหรอ? ไม่มีทางหรอก ราคาบ้านที่นั่นสูงเสียดฟ้าเลยนะ!”
“หลานชายของฉันทำงานขายบ้านมือสองเชียวนะ เขาจะมั่วได้ไง?”
จาวซิ่วจือเหลือบมองไปที่หวางเต๋อแล้วพูดอย่างมีเลศนัย “พระเจ้า ลูกเขยที่ดีของฉันรวยขนาดนี้ ถ้าฉันได้อยู่วิลล่าเขาเทียนซานราคา 130 ล้านแล้วล่ะก็……”
“คุณคิดจะทำอะไร?” หวางเต๋อถามอย่างเป็นห่วง “ผมจะบอกคุณนะว่า บ้านของเราถูกคนทั้งเมืองดูถูกมามากพอแล้ว คุณอย่าทำให้มันแย่กว่านี้อีกเลย”
“คุณถึงสมควรที่จะยากจนไปตลอดชีวิตไงล่ะ”
จาวซิ่วจือจ้องหน้าหวางเต๋อแล้วพูดต่อ “ลูกเขยที่ดีคนนั้นร่ำรวยขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาต้องแต่งงานใหม่กับหนันหนันสิ ถ้าเป็นแบบนี้เราก็จะสามารถเข้าไปอยู่ในเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ลองคิดดูสิว่ามันจะมีความสุขมากแค่ไหน?”
จากนั้นสีหน้าของจาวซิ่วจือเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันแล้วบ่นว่า “เพราะยัยซื่อบื้อหนันหนันคนเดียว ไม่รู้จักดิ้นรนทั้ง ๆ ที่เกิดอยู่ในครอบครัวลำบาก แค่ให้เธอไปหาลูกเขยดีๆ ก็ทำไม่ได้ ยังต้องให้ฉันช่วยอีก”