The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 90
บทที่ 90 อุบัติเหตุทางรถยนต์? เด็กคนนั้น!
บนโต๊ะ ทุกอย่างดูราบรื่นมาก
ชนแก้วกัน บรรยากาศดูครึกครืน
สิ่งนี้ทำให้ทั้งเฉินตงและกูหลังต่างประหลาดใจ
ชื่อเสียงที่เกรี้ยวกราดของโจวจุนหลง เห็นชัดว่าเขาไม่มีทางปล่อยความโกรธแค้นในคืนนั้นไปได้ แต่บนโต๊ะนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และชนแก้วกับเฉินตงบ่อยครั้ง
อาหารครั้งนี้นานเกินกว่าชั่วโมง
ถึงตอนที่เฉินตงเดินออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนพร้อมกับกูหลัง เขายังไม่มีสติอยู่บ้าง
“พี่ตง…ฉันไม่เข้าใจว่าคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น”
กูหลังเมามาก อันที่จริงเหล้าของเฉินตงส่วนใหญ่เป็นเขาดื่มแทนจนหมด
เฉินตงถูใบหน้าของเขา ทำให้ตัวเองมีสติขึ้นมาหน่อย
ดวงตาของเขานิ่งลึก มีความคิดบางอย่าง “ฉันก็ไม่เข้าใจ คนอย่างโจวจุนหลงแน่นอนว่าเขาอยากแก้แค้น ไม่มีทางเป็นเพราโจวเย่นชิวถึงจะยอม แถมฐานะของฉัน ยิ่งแล้วใหญ่”
“มันแปลกจริง…” กูหลังพึมพำเดินโซเซและล้มไปอยู่ในอ้อมแขนของเฉินตง
เฉินตงยิ้มเศร้า จากนั้นมองไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่ตึกยู่ฉวน “พี่ชาย คุณช่วยพาเราไปส่งได้ไหม ที่นี่เรียกแท็กซี่ไม่ได้”
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะซื้อรถ
รอจนเฉินตงและกูหลังนั่งรถออกไปจากหมู่ตึกยู่ฉวน
รถMaybachสีดำก็ขับออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนอย่างช้า ๆ
บนรถ ใบหน้าโจวจุนหลงไร้รอยยิ้ม เขาจ้องไปนอกหน้าต่างอย่างเศร้า
และคนที่นั่งข้าง ๆ เขาก็คือโจวเห้า
ในคืนนี้โจวเห้ามากับโจวจุนหลง
โจวจุนหลงเรียกเขามาด้วยกัน แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาฟังเรื่องการไกล่เกลี่ยของโจวเย่นชิว
ในเมืองนี้มีเพียงโจวจุนหลงเขาเท่านั้นที่ขอให้คนอื่นไกล่เกลี่ยกันได้ ยังไม่มีใครให้เขาทำแบบนี้ได้!
แต่หลังจากมาถึงบ้านพัก โจวจุนหลงได้รับโทรศัพท์พอดีกับที่เขาขึ้นมานั่งบนรถและเดินทางไปที่เทียนเก๋อ
“พี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เท้าของโจวเห้ายังคงใส่เฝือกอยู่ นั่งมาต้องนานแน่นอนเขาต้องปวดขาต้องแต่ช่วงแรก ๆ แล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะถาม พี่จะยอมไกล่เกลี่ยกับเฉินตงจริง ๆ เหรอ?”
“ไร้สาระ!”
โจวจุนหลงเปิดหน้าต่างคายเสมหะจากการดื่มเหล้าออกมาและพูดอย่างเย็นชา “ถ้าฉันจะไกล่เกลี่ยกับมัน ฉันจะพานายมาด้วยเพื่ออะไร? พานายมาก็เพื่อมาแก้แค้นแทนนาย!”
ดวงตาของโจวเห้าแคบลง “แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงเปลี่ยนใจล่ะ?”
โจวจุนหลงทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง เสียงของเขาเบาลง “มีคนอื่นอยู่ในเทียนเก๋อ!”
“ใคร?!”
ท่าทางของโจวเห้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
ในเมืองนี้ แม้ว่าจะเป็นโจวเย่นชิวก็ไม่กล้าที่แข็งกร้าวกับพี่ขนาดนี้ เขาคิดไม่ออกจริง ๆ มีใครอยู่ในเทียนเก๋อ ที่ทำให้พี่เขาเปลี่ยนความคิด
“อย่าถามมาก!”
โจวจุนหลงจ้องไปที่โจวเห้าอย่างดุ ทำให้โจวเห้าหน้าซีดกลัวที่จะถาม
จากนั้นโจวจุนหลงก็มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด
อันที่จริง เขาไม่รู้ว่ามีใครอีกบ้างที่อยู่ในเทียนเก๋อ
สายเข้าเมื่อกี้เป็นของโจวเย่นชิวโทรหาเขา การโทรครั้งนี้ยังเป็นเชิงสั่งให้เขาไม่ต้องแก้แค้น
ถึงพูดว่ามาไกล่เกลี่ย แต่อันที่จริงแค่ต้องการหาข้ออ้างให้เฉินตงมาที่เทียนเก๋อให้คน ๆ นั้นดู
แน่นอนในเวลาปกติแล้วโจวจุนหลงจะไม่สนคำพูดของโจวเย่นชิวและก็จะปล่อยมันผ่านไปเหมือนผายลม
แต่คำพูดประโยคหนึ่งของโจวเย่นชิวทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“ถ้านายอยากตายก็ลงมือต่อหน้าเขาคนนั้น ถ้าเขาโกรธ แม้แต่ประมุขของเมืองนี้ก็ช่วยนายให้เดินออกจากเทียนเก๋อไม่ได้!”
คำพูดเพียงคำเดียว โจวจุนหลงลังเลและในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้น
และเขาก็รู้ด้วยว่าโจวเย่นชิวเปิดเทียนเก๋อในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขาหรือเพราะเฉินตงหรือเพราะการไกล่เกลี่ยที่ไร้สาระเช่นนี้
เทียนเก๋อถูกเปิดขึ้นเพราะคนในเทียนเก๋อคนนั้น!
“เหอะ!”
ทันใดนั้นโจวจุนหลงก็ยิ้มและเลิกคิ้วมองโจวเห้า “เป็นไปไม่ได้ เฉินตงใช่ว่าอยู่ข้างหน้าเราใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว เจ้านั้นเป็นคนแปลกจริง เป็นถึงเจ้าของไท่ติงแต่กลับไม่มีรถ ตอนที่อยู่หน้าประตู ฉันก็เห็นเขาขอให้คนจากหมู่ตึกยู่ฉวนไปส่งเขา” โจวเห้าดูไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง
โจวจุนหลงลูบหัวล้านของเขา ยิ้มพูดว่า “รถของฉันไม่ได้เกิดอุบัติเหตุมานานแล้ว!”
หลังจากพูดจบเขาก็ถีบเบาะหลังคนขับ “ขับเร็วกว่านี้ จนเกิดอุบัติเหตุ!”
“รับทราบ พี่หลง”
ดวงตาของโจวเห้าสว่างขึ้น เขามองไปที่โจวจุนหลงอย่างตื่นเต้น “พี่ พี่วางแผนที่จะล้างแค้นให้ฉันใช่ไหม?”
โจวจุนหลงตบหัวเสียงดังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “แก้แค้นอะไรกัน? นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกะทันหันก็เท่านั้น”
“ใช่ ใช่ มันเป็นอุบัติเหตุ อุบัติเหตุที่มีความรุนแรงมาก ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่” ดวงตาของโจวเห้ากลอกไปมา เขาก็ตอบอย่างมีความสุข
Maybachสีดำส่งเสียงคำราม ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายและพุ่งไปด้านหน้าทันที
ในเวลาเดียวกัน
หมู่ตึกยู่ฉวนภายในเทียนเก๋อ
โจวเย่นชิวพิงตัวบนเก้าอี้ ถือชาอุ่น ๆ ไว้ในมือ
เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงเขาดื่มเหล้าจำนวนมาก
แต่จากปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ เขาเมาแค่เล็กน้อย
หลังจากดื่มชาสร่างเมาแล้ว เขาก็ฟื้นตัวได้ไม่น้อย
เขาถอดแว่นกรอบทอง ยกมือขึ้นนวดบริเวณดวงตาและจมูก
จากนั้นโจวเย่นชิวก็ยิ้มและถาม “รู้สึกยังไงบ้าง?”
เทียนเก๋อที่ใหญ่โต ในเวลานี้เสียงของเปียโนได้หยุดลงแล้ว มีเพียงเสียงน้ำไหลลงมา
เห็นได้ชัดมีเพียงโจวเย่นชิวแค่คนเดียว แต่เขากำลังถาม
“อืม”
บรรยากาศที่เงียบ มีเสียงหนึ่งที่เย็นชาไม่มีใครเทียบได้ส่งออกมาจากด้านหลังม่าน
หลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดธรรมดา สูงประมาณหนึ่งเมตรเจ็บสิบเดินออกมาจากด้านหลังม่านช้า ๆ
เขาอายุประมาณสามสิบต้น ๆ หน้าตาธรรมดาสวมแว่นขอบดำ ให้ความรู้สึกถึงความสุภาพ…และซื่อสัตย์
เป็นคนที่เมื่อโยนเขาไปในกลุ่มคนก็จะกลืนกินไปจนไม่สามารถหาพบได้แบบนั้น
ดวงตาคู่เดียวภายใต้กรอบแว่นสีดำนั้นสว่างมาก สายตาแหลมคมไม่มีใครเทียบได้
ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะช้า ๆ นั่งลงมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยจานอาหารโดยไม่รังเกียจ เขาหยิบชามข้าวและยกขึ้นมากิน
“ฉันให้พวกเขาเตรียมมาให้คุณใหม่อีกครั้ง คุณกินพวกนี้มันเกินไป” โจวเย่นชิวมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เป็นไร”
ชายหนุ่มคนนี้กินข้าวอย่างช้า ๆ ทุกการเคลื่อนไหวเผยให้เห็นความรู้สึกสบาย ไม่ได้รู้สึกถึงความเชื่องช้าหรือผิดปกติ พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก
โจวเย่นชิวไม่ได้ห้าม แต่พูดด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อกี้คุณนิ่งสงบจริง ๆ ตอนที่เฉินตงสังเกตเห็นม่านนี้ ฉันคิดว่าเขาเห็นคุณแล้ว”
“ถ้าเห็นแล้วก็เห็นไป”
ชายหนุ่มมองอย่างไม่แยแส
ก่อนที่เฉินตงและคนอื่น ๆ จะเข้าไปในเทียนเก๋อ เขาก็นั่งรออยู่หลังม่านแล้ว แอบมองเขาผ่าช่องเล็ก ๆ เพื่อเขาจะได้มองเห็นทุกอย่างบนโต๊ะอาหาร
เนื่องจากตำแหน่งของม่าน ผู้คนภายนอกสามารถมองเห็นมันได้ แต่จะมองไม่เห็นความมืดที่อยู่ด้านหลังของม่านนี้ได้
ถึงแม้เฉินตงจะสังเกตเห็นม่านนี้ เขาก็ยังสามารถสบตาเฉินตงผ่านช่องว่างได้
เขาไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ในชีวิตเขาดูเหมือนว่าเขาไม่เคยเห็นความตื่นตระหนกใด ๆ และตั้งแต่ต้นจนจบเขาจะสงบนิ่งอย่างมาก
“คุณนิ่งเสียจริง โชคดีที่เมื่อกี้ฉันเร็ว ฉันถึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมใน《รูปเทพเซียนแปดสิบเจ็ดองค์》 ไม่เช่นนั้นก็คงปล่อยให้เขามองต่อไปเรื่อย ๆ เดาว่าไม่แน่อาจจะเห็นคุณเข้าได้”
โจวเย่นชิวสวมแว่นตาสีทองอีกครั้งและมองไปที่คน ๆ นั้น
จากประสบการณ์ของเขา เขาไม่เคยเห็นคนที่นิ่งได้ขนาดนี้มาก่อน
“ผู้ที่ทำการณ์ใหญ่ แม้ไท่ซานจะถล่มอยู่ตรงหน้าก็ไม่หวั่นไหว!”
ชายหนุ่มวางชามและตะเกียบลงอย่างใจเย็น จากนั้นมองโจวเย่นชิวด้วยสายตาเหมือนนกอินทรี “นายพูดกับฉันแบบนี้ ใช่ต้องการอะไรจากเรื่องนี้หรือเปล่า?”