The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 267 คืนที่งดงามที่สุด
ฟิ้ว !
ลมพัดแรง
เฉินเต้าหลินยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน และไม่คิดจะหลบหลีกแม้แต่น้อย
แต่หมัดของเฉินตงกลับไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา
จากนั้นก็ค่อยๆ ลดมือลง
ใบหน้าของเฉินตงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แววตาที่ลึกซึ้งของเขาแสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างถึงที่สุด
“ทำไมถึงไม่ต่อยพ่อ ?”
เฉินเต้าหลินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เอารู้สึกอ้างว้างอย่างที่สุด : “ผมสมควรจะต่อย”
ภาพนี้ถ้าให้คนอื่นมาเห็นเขา คงต้องตกใจจนอ้าปากค้าง
เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้สง่างามและมั่งคั่งที่สุดในโลก กลับมีท่าทีที่หดหู่เช่นนี้ ?
“ต่อยพ่อแล้ว แม่จะกลับมาได้ไหม ?”
เฉินตงหันหลังกลับ จากนั้นจึงมองทัศนียภาพยามค่ำคืนของเขาเทียนซานที่อยู่ไกลๆ จากนั้นจึงพึมพำกับตัวเองว่า : “ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว คนเราต้องมองไปด้านหน้า ไม่ใช่หรือ ?”
เฉินเต้าหลินยืนนิ่งไม่พูดอะไร ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาอาศัยแผนการของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เพื่อถือโอกาสฝึกฝนเฉินตง
แต่การที่โจวสวนสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมา เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา
แต่กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้หลี่หลานต้องถึงแก่ความตาย
สิ่งนี้กลายเป็นปมที่ติดอยู่ในใจของเขา
เมื่อก่อนเขาไม่อาจรับรองชะตากรรมของเฉินตงและหลี่หลานได้ ดังนั้นจึงยอมถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่ละทิ้งครอบครัว แล้วกลับไปยังตระกูลเฉิน
แต่มาวันนี้ ต่อให้เขาเป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้ว เขาก็ยังไม่อาจรักษาชีวิตของคนที่เขารักเอาไว้ได้อยู่ดี
ความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดนี้ ทำให้เฉินเต้าหลินไม่อาจปล่องวางได้
แต่เมื่อเทียบกับเฉินตงแล้ว เขายังสามารถเก็บซ่อนความรู้สึกได้ดีกว่า เขาเก็บซ่อนความรู้สึกผิดและความคับข้องใจเอาไว้ลึกๆ ในใจเขา
“ตอนนั้นพ่อเป็นคนส่งลุงเต้าจูนเข้าคุกมืด แล้วทำไมเขากลับช่วยผมให้ออกมาจากคุณมืดนั่นล่ะ ?” จู่ๆ เฉินตงก็ถามขึ้นมา
แววตาของเฉินเต้าหลินลึกซึ้งขึ้นทันที จากนั้นเอาจึงยิ้มออกมาอย่างเป็นนัย
“ตระกูลเฉินมีลำดับชั้นที่ซับซ้อน ผู้สืบทอดมรดกจะคอยควบคุมแต่ละฝ่าย และคอยต่อสู้กัน จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงการมีความแค้นต่อกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร”
ศัตรูของศัตรู ?
เฉินตงกระพริบตาปริบๆ เขารู้จักตระกูลเฉินน้องมากจริงๆ
ตระกูลเฉินไม่ได้มีผู้สืบทอดมรดกที่เป็นทายาทโดยตรงเหมือนตระกูลมั่งคั่งตระกูลอื่นๆ เท่านั้น เพราะหากเป็นเช่นนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจตระกูลเฉิน
แต่ตระกูลเฉินใช้วิธีคนเก่งคือผู้ชนะ ส่วนคนแพ้ก็ต้องถูกคัดทิ้ง คนชนะจะได้ขึ้นเป็นราชา
ไม่แน่ว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเฉินอยู่ค้ำฟ้ามาจนถึงทุกวันนี้
เพราะมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับหน้าที่ดูแลตระกูล
เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงไม่ได้พยายามเอ่ยถามถึงความลับที่ซ่อนอยู่ภายในคุกมืดอีก
เขาหันหน้ากลับมามองเฉินเต้าหลิน : “พ่อครับ พ่อบอกผมหน่อยว่า จะสามารถฆ่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้ไหม ?”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชาและเจตนาฆ่าที่รุนแรง
เวลาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ถึงจะพูดว่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานศพของแม่
แต่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ยังอยู่ที่ตระกูลเฉิน ถ้าพอมีความคิดจริงๆ ก็คงจัดการกับเธอไปเรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้ยังไม่ได้”
เฉินเต้าหลินส่ายหัว มีความโกรธแค้นปรากฏขึ้นในแววตาของเขา เขาพยายามระงับเจตนาฆ่าเอาไว้ : “ตระกูลเฉินไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ลูกคิด เธอเป็นผู้อาวุโส ถึงแม้จะเรียกเธอเพียงแค่น้าสาม แต่ถ้าหากสามารถฆ่าเธอได้ง่ายดายจริงๆ แล้วพ่อจะต้องทนรอมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปีหรือ ?
“ครับ !”
เฉินตงพยักหน้าแล้วขานรับอย่างเย็นชา : “ถ้าอย่างนั้นผมจะขอฆ่าล้างตระกูลฉิน เพื่อสังเวยให้แม่ผม !”
หางตาของเฉินเต้าหลินกระตุก แต่ก็ไม่แสดงท่าทีแปลกใจออกมามากนัก
เรื่องทั้งหมดนี่ อยู่ในการคาดการณ์ของเขา
เพียงแต่วิธีจัดการอย่างเด็ดขาดของเฉินตง ทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ได้ !”
เฉินเต้าหลินไม่พูดอะไรมาก น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาเหมือนกับน้ำแข็ง : “บัญชีเลือดในครั้งนี้ ต้องมีคนสังเวยให้แม่ของเธอ”
“ขอบคุณครับ”
เฉินตงตอบกลับมาอย่างสงบหนึ่งคำ จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับลงไปชั้นล่าง
ตัวของเฉินเต้าหลินสั่นเทาอยู่ครู่หนึ่ง
เขาหันมองเฉินตงที่เดินจากไป ใบหน้าของเขาถอดสี
คำพูดขอบคุณเพียงประโยคเดียว ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนแปลกหน้า ในใจรู้สึกว่างเปล่า
ในห้องรับแขก
พวกขอกู้ชิงหยิ่งกำลังนั่งรออยู่อย่างเงียบๆ
ตอนที่เฉินตงเดินเข้าไปในห้องรับแขก เขากลับมองตรงไปที่ฉินเย่
“อยากกลับตระกูลฉินไหม ?”
ฉินเย่ผงะ แล้วถามว่า : “ฉันไม่ใช่คนตระกูลฉินแล้ว จะกลับไปทำไมอีก ?”
“แก้แค้น !”
คำพูดที่เฉินตงโพล่งออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย
ทำให้บรรยากาศภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
พวกของท่านหลงและกู้โก๋ฮั๋วต่างรู้สึกตกใจ
กู้ชิงหยิ่งขยับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา
แม้กระทั่งฉินเย่เองก็คาดไม่ถึง
แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา แต่ไม่ช้า ก็ดูหดหู่ลงอีกครั้ง : “ตอนนี้เรายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลฉิ””
อย่างไรเสียอูฐที่ผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลฉินไม่ได้เป็นอูฐที่หิวโซ แต่เป็นอูฐที่แข็งแกร่งเต็มวัย !
ตระกูลที่มั่งคั่งเช่นนี้ ไม่มีทางที่ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงจะเทียบได้
“เกี่ยวกันไหม ?”
เฉินตงลิกคิ้วแล้วยิ้ม ความบ้าดีเดือดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา : “ในนามของตระกูลเฉิน จะต้องล้างตระกูลฉินด้วยเลือด ความแค้นของแม่ จะต้องมีคนชดใช้ !”
“ดี !”
ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยมและตอบกลับอย่างเด็ดขาด
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่นอยู่
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง
กู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยากลับไปได้สักพักใหญ่แล้ว
ภายในห้องนอน แสงไฟสลัวๆ
เฉินตงนั่งอยู่ที่หัวเตียง ฟังเสียงน้ำที่ดังลอดออกมาจากห้องน้ำ ท่าทีของเขาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
เขามองดูห้องที่ฟ่านลู่เพิ่งจะทำความสะอาดเสร็จเมื่อครู่ ทั้งห้องยังคมเต็มไปด้วยของขวัญในวันแต่งงานวันนั้น
เพียงแค่อาทิตย์เดียว ทุกอย่างกลับถูกเขาทำให้กลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ
และด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับงานแต่งงาน ทำให้การแต่งงานของเขาและกู้ชิงหยิ่ง เต็มไปด้วยความผิดหวัง
การจากไปของแม่ เป็นสิ่งที่เขายากเกินจะรับไหว
แต่สำหรับกู้ชิงหยิ่งแล้ว เฉินตงเองก็รู้สึกผิดในใจเป็นอย่างมาก
งานแต่งงานที่งดงาม กลายเป็นงานศพของแม่ และความสุขที่กู้ชิงหยิ่งควรจะได้รับในวันแต่งงาน กลับกลายเป็นความโศกเศร้าเสียใจเข้ามาแทนที่
แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้านี้ กู้ชิงหยิ่งกลับไม่เคยที่จะเอ่ยปากบ่นเลยสักคำ แต่กลับคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด แต่พยายามชี้ทางสว่างให้แก่เขา
สำหรับกู้ชิงหยิ่งแล้ว นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับเธอเอาเสียเลย
แอ๊ด !
ประตูห้องน้ำเปิดออก
ไอน้ำลอยออกมา
เฉินตงหันไปมองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหม่อลอยไป
ภายใต้แสงสว่างของโคมไฟ กู้ชิงหยิ่งห่อตัวด้วยผ้าขนหนูแล้วค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ ด้านล่างเผยให้เห็นขาอันเรียวงามของเธอ
ผมที่เปียกโชก และไหล่ที่ขาวนวลเนียนของเธอยังมีหยดน้ำเกาะอยู่
ใบหน้าที่งดงามของเธอ แดงระเรื่อเพราะอุณหภูมิของน้ำ
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเฉินตง กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกเขินจนก้มหน้าก้มตา จากนั้นจึงหันไปพูดอย่าเขินอายว่า : “มองอะไร ?”
“มานี่สิ”
เฉินตงพูดเบาๆ
กู้ชิงหยิ่งตัวสั่น เธอกัดริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉินตง จากนั้นจึงนั่งลง
เฉินตงโอบไหล่ของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ กลิ่นหอมลอยเตะจมูกของเขา เขาให้กู้ชิงหยิ่งค่อยๆ พิงตัวลงมาบนไหล่ของเขา
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า : “ช่วงที่ผ่านมา ต้องลำบากคุณแล้ว”
“คนโง่ พูดอะไรกัน ? ฉันลำบากอะไร ?”
กู้ชิงหยิ่งเงยหน้าขึ้น เธอจ้องมองเฉินตงด้วยแววตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า แล้วพูดกับเฉินตงด้วยท่าทีจริงจังว่า : “การจากไปของคุณแม่ พวกเราทุกคนต่างโศกเศร้าเสียใจ แต่สภาพของคุณในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พวกเรารู้สึกตกใจอย่างมาก รับปากฉันนะ ต่อไป ห้ามอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว”
“คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว คุณยังมีฉัน ฉันเป็นภรรยาของคุณ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันก็จะขอต่อสู้ไปพร้อมกับคุณ แต่ช่วงที่ผ่านมา แม้กระทั่งฉันคุณเองก็ไม่ยอมพูดด้วยสักคำ ถ้าหากต้องรู้สึกลำบาก นี่แหละคือความลำบากที่ฉันเจอ คุณทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ”
เฉินตงผงะไป เขารู้สึกมีความอบอุ่นวนเวียนอยู่ในใจของเขา
“ผมรับปากคุณ ! ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“ค่ะ”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มเล็กน้อย เธอชี้ไปที่ห้องน้ำ : “ไปอาบน้ำเถอะค่ะ”
จากนั้น เธอก็เข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเฉินตง : “คืนนี้ เป็นคืนที่งดงามที่สุด !