The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 272 กำหนดเวลาสามวัน
บทที่ 272 กำหนดเวลาสามวัน
พรวด……
เสียงเหล้าที่ถูกเทลงบนพื้นดังชัดเจน
สีหน้าของแขกทุกคนในงานเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน แต่กลับอวยพรให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินไปสู่สุคติอย่างนั้นหรือ ?
ต้องมีความแค้นต่อกันมากขนาดไหนกัน ? ต้องมีความเกลียดชังต่อกันมากขนาดไหนกัน ?
ฉินเสี่ยวเชียนตัวสั่นเทา เธอหันไปมองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ
ส่วนฉินเย่ที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งกลับตบไหล่เธอเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เธออยู่เฉยๆ
ภายในห้องโถงด้านหน้า
ดูเหมือนบรรยากาศภายในห้องจะเย็นยะเยือกจนถึงจุดเยือกแข็ง
ตอนนี้ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงความอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง
เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ยโสโอหัง และเผด็จการ
เป็นท่าทีที่แสดงออกอย่างชัดเจน
มือทั้งสองข้างของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินถือขวดเหล้าเอาไว้แน่น ใบหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง แววตาของเขากำลังปั่นป่วน ราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะกินคน
“เฉินตง คุณไม่เห็นหรือว่าที่นี่คือที่ไหน !”
ฉินเห้อเหนียนตะคอกออกมาด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาบูดบึ้งอย่างที่สุด : “ต่อให้เป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ก็ไม่กล้าดูถูกเหยียดหยามตระกูลฉินของเราขนาดนี้ !”
ทันใดนั้นเอง
บรรดาทายาทตระกูลฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ก็ค่อยๆ เดินล้มวงเข้ามาหาพวกของเฉินตง ด้วยท่าทีราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังกระหายเลือด
เมื่อประโยคที่ว่า “ขอให้ไปสู่สุคติถูกพูดออกไป”
ทำให้ตระกูลฉินไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?
ตระกูลฉินเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ ตระกูลใหญ่ต่างนับหน้าถือตา จะปล่อยให้ดุถูกกันเช่นนี้ไม่ได้ !
แทบจะในเวลาเดียวกัน
คุนหลุนค่อยๆ ลุกขึ้น เขาเหลือบไปมองบรรดาทายาทของตระกูลฉินด้วยสายตาอำมหิต
เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้บรรดาทายาทของตระกูลฉินต่างรู้สึกหวาดกลัว และถอยร่นไป
ส่วนเฉินทงเองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน และหันมองรอบข้างอย่างระมัดระวัง
“เห้อเหนียน……”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหน้าถอดสี เขากำลังจะดื่มเหล้าให้หมดในทันที
แต่ฉินเห้อเหนียนกลับก้าวเข้าไป แล้วยื่นมือไปคว้าแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะ และโยนลงบนพื้นอย่างแรง
เพล้ง !
เสียงแก้วเหล้าแตกกระจัดกระจายบนพื้น
ทันใดนั้น
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกห้องโถง เฉินซวนพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สวมใส่ชุดสูทเดินบุกเข้ามาจำนวนสิบกว่าคน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความโกลาหลขึ้นมาทันที
“ตีให้พิการ แล้วจับโยนออกไป !”
ฉินซวนอยู่ในท่าทีดุร้าย เมื่อเขาเข้ามาในห้องโถง ก็ชี้นิ้วไปทางพวกของเฉินตงและตะโกนสั่งการด้วยความโกรธทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคน ค่อยๆ พุ่งตรงเข้าไปหาพวกของเฉินตง
“หา !”
ฉินเสี่ยวเชียนตกใจจนหน้าถอดสี
เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ทำให้เธอรู้สึกตกใจจนถึงขีดสุด
จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ยื่นมาคว้าเธอเข้าไปในอ้อมกอด เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง : “พี่เย่”
“อยู่นิ่งๆ ตรงนี้ อย่าขยับ !”
ฉินเย่พาฉินเสี่ยวเชียนเข้าไปหลบที่มุม จากนั้นจึงหันหลังกลับมาแสยะยิ้มหนึ่งครั้ง แล้วพุ่งตรงเข้าไปหากลุ่มคน
ในขณะเดียวกัน
เฉินตง คุนหลุน และเฉินทงก็ตรงเข้าต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนนั้น
คุนหลุนอาศัยร่างกายที่กำยำแข็งแกร่ง ผลักโต๊ะให้ลอยออกไปในอากาศ เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถอยร่นไป เข้าก็ดึงเก้าอี้สองตัวขึ้นมา แล้ววิ่งเข้าไปในวงล้อมเพื่อต่อสู้รอบทิศทางทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฝีมือดี เมื่ออยู่ต่อหน้าคุนหลุน กลับถูกโจมตีจนล้มลงไปพร้อมกันสามคนในคราวเดียว
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหน้าถอดสี เขาทุบอกและกระทืบเท้าด้วยความโมโห
แต่เวลานี้การต่อสู้เป็นไปอย่างโกลาหล บรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างวิ่งหนีกันอุตลุด สถานการณ์ในตอนนี้ยากที่จะควบคุมได้
“พ่อครับ หากพวกเรายอมทนต่อการดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ ต่อไปพวกเราจะมีหน้าอยู่ในซีสู่ได้อย่างไร ?”
ใบหน้าของฉินเห้อเหนียนเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและดุร้ายจนถึงขีดสุด
เขารู้ดีว่าแขกผู้มาเยือนนั้นไม่ได้มาดี แต่ตระกูลฉินเองก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ
เฉินตงสามารถจัดการกับตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงได้
แต่ตระกูลหลี่เป็นพวกหัวโบราณคร่ำครึ ไม่เหมือนตระกูลฉินของเขาที่เจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า
“คุณปู่ วางใจเถอะครับ พวกเขากล้ามาดูถูกคุณปู่เช่นนี้ วันนี้พวกเขาจะต้องถูกจับโยนออกไปทีละคนๆ !” ฉินซวนพูดอย่างภาคภูมิใจ
ทันทีที่พูดจบ
แววตาของเขาก็แสดงออกถึงความตกใจทันที
สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
มีร่างร่างหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน แล้วตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ
ดูเหมือนอยู่นอกระยะประชิด
เป็นการเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง
แต่ทว่ากลับมีรังสีของความอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขาจนทำให้ฉินซวนรู้สึกใจเต้นระส่ำ
เฉินตงค่อยๆ เดินตรงมาข้างหน้า ไม่ว่าบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะพยายามโจมตีมาจากทุกทิศทางเช่นไร ก็ถูกคุนหลุนและฉินเย่สกัดเอาไว้ด้านนอกทั้งหมด
เขาแสยะยิ้มแล้วค่อยๆ หรี่ตาลง
แต่ในสมอง กลับปรากฏภาพในวันที่แม่ของเขาต้องตายอย่างน่าอนาถขึ้นมา
ทำให้เจตนาฆ่าพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรง
เขาหรี่ตาลง มีเส้นเลือดสีแดงก่ำค่อยๆ ปรากฏขึ้นเต็มดวงตาของเขา
ในฐานะที่เป็นลูก การที่แม่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถ หากเขาไม่ลงมือแก้แค้น เขาก็คงไม่ใช่คนอีกต่อไป !
“ขวางเขาเอาไว้ ขวางเขาเอาไว้เดี๋ยวนี้ !”
ฉินซวนเดินโซเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
ในขณะเดียวกัน สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลฉินเองก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
ตอนนี้ สำหรับพวกเขาแล้ว การเผชิญหน้ากับเฉินตง ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก
ทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่ว
สีหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหมองคล้ำลงทันที
เขารู้ดีว่าวันนี้คงจะต้องเกิดเรื่องร้ายขึ้น เขาจึงพยายามวางตัวให้นอบน้อมที่สุด เพื่อลดผลกระทบลงให้ได้มากที่สุด
แต่เฉินตงกลับไม่ให้โอกาสแก่เขา
มิหนำซ้ำยังจ่อมีดมาที่คอของเขาอย่างหยาบคาย
ฉีกหน้าตระกูลฉินต่อหน้าแขกทุกคน
ตุ้บตุ้บตุ้บ……
เสียงของการต่อสู้ดังก้อง พร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ดังเสียดแทงเข้ามาในหู
ไม่ว่าฉินซวนจะตะโกนเช่นไร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ไม่อาจเข้าใกล้เฉินตงได้
เมื่อเห็นเฉินตงค่อยๆ เดินเข้ามา
แววตาของฉินซวนก็เผยให้เห็นถึงความเกลียดชังปรากฏขึ้นมา
เขาตะโกนออกมา แล้วหยิบขวดเหล้าทุบลงกับพื้น จากนั้นจึงถือเศษขวดเหล้าที่แตกเอาไว้แน่น แล้วพุ่งตรงเข้าไปหาเฉินตง
“แกตายซะเถอะ !”
ตุ้บ !
เฉินตงยื่นมือออกไปทุบแขนของฉินซวน
กรอบ !
กระดูกหักในทันที ข้อต่อกระดูกสีขาวโผล่ทะลุออกมาอยู่ภายนอกผิวหนัง
“อ้า !”
ฉินซวนส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดออกมา สีหน้าของเขาซีดเผือด หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย !”
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้แขกที่มาร่วมงานต่างรู้สึกตกใจโดยพร้อมเพรียงกัน
เมื่อได้เห็นแววตาของเฉินตง ก็รู้สึกหวาดกลัวจนถึงขีดสุด
อีกทั้ง
ตั้งแต่ต้นจนจบ แววตาของเฉินตงไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
แต่กลับยิ่งดูเย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เขาใช้มือขวาของเขา จับลงบนใบหน้าของฉินซวน จากนั้นจึงกดฉินซวนลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นต่อหน้าเขา
“แค่สุนัขรับใช้ กล้าอวดดีหรือ ?”
น้ำเสียงเย็นชาที่ฟังดูราวกับดังขึ้นมาจากนรก
ทำให้ทุกคนในตระกูลฉินรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียนหน้าถอดสีทันที
ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะอ้าปากพูด
เฉินตงก็เดินเข้าไปในระยะประชิด
“แก แกจะทำอะไร……”
น้ำเสียงของฉินเห้อเหนียนสั่นเครือ สีหน้าซีดเผือด
ทำไมตระกูลฉินที่สูงส่ง จึงถูกรังแกถึงขนาดนี้ได้ ?
สิ่งที่น่าอับอายและคาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ ในอาณาเขตของตระกูลฉิน พวกเขาเกณฑ์ทายาทตระกูลฉินมามากมาย แต่กลับต้องพ่ายให้กับคนเพียงไม่กี่คนเช่นนี้ !
เผียะ !
เฉินตงตบหน้าฉินเห้อเหนียนจนบวมเป่งและคอเอียงกระอักเลือดออกมา
“ก็จัดการกับตระกูลฉินนะสิ !”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้ทุกคนตกใจจนหน้าถอดสี รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า
คุณท่านใหญ่ตระกูลเฉินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เขาอยู่ในฐานะที่สูงส่งมานาน การที่เขาต้องมาเผชิญหน้ากับปีศาจอย่างเฉินตง ทำให้เขายังสามารถควบคุมสติได้อยู่บ้าง
เขากัดฟัน : “เฉินตง ! นายคิดว่าตระกูลเฉินเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า สามารถกุมทุกอย่างเอาไว้ได้ในกำมือจริงๆ หรือ ? ความแค้นในวันนี้ ฉันไม่เพียงจะทำให้นายต้องสูญเสียตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกไปเท่นั้น แต่ฉันจะทำให้นายต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถอีกด้วย !”
เฉินตงหยุดชะงักทันที
เขาแสยะยิ้มออกมา
“ตระกูลฉินมีความหมายอะไรกัน ?”
“นาย……” ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินแดงก่ำ
ดวงตาของเฉินตงเบิกโพลงขึ้น ตอนนี้ บรรยากาศราวกับกำลังมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามา
“ความแค้นที่ถูกฆ่าแม่นั้นใหญ่หลวงนัก แม้แต่อำนาจตระกูลฉินของพวกแก ก็เทียบไม่ได้กับความโกรธแค้นอันยิ่งใหญ่ที่ฉันมีได้ !”
“วันนี้ ฉันมามอบของขวัญด้วยตัวเอง ก็เพื่อประกาศให้ตระกูลฉินของแกได้รู้ว่า ภายในสามวัน ฉันต้องการให้พวกแกไปคารวะแม่ของฉันที่หลุมศพ และคุณท่านใหญ่ตระกูลเฉินจะต้องถือดาบยาวสามฟุตมาที่ประตูบ้านของฉัน แล้วโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอโทษ !”
ปัง !
หลังจากพูดจบ
เฉินตงก็ใช้หมัดทุบลงไปบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ
เสียงดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าผ่า
โต๊ะไม่แตกออกเป็นรูจนเสียงดังสนั่น เศษไม้ลอยกระจัดกระจายไปทั่ว
ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกใจ
ความหวาดกลัวค่อยๆ แผ่ซ่าน
ในเวลาเดียวกันนี้
การต่อสู้ของพวกคุนหลุนก็สิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน
ฉินเย่จัดเนคไทที่หน้าอกให้เข้าที่ แล้วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย : “เสี่ยวเชียน เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ไปกับพี่ ที่สกปรกอย่างตระกูลฉิน อยู่ไปก็มีแต่จะทำให้เธอทุกข์ใจเสียเปล่าๆ !”