The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 291 เพื่อคุณแล้ว ฉันไม่ลังเลเลย
เฉินตงผงะไปครู่หนึ่ง
เขาหันกลับไปมองกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ในสภาพเหนื่อยล้า แล้วรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที
ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้หลับพักผ่อน แล้วกู้ชิงหยิ่งจะต่างกันได้อย่างไร ?
ลมพายุในครั้งนี้ คนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นกู้ชิงหยิ่ง
ฝั่งหนึ่งเธอต้องแบกรับกับอารมณ์ของตนเอง ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เธอก็ต้องอดทนต่อความกดดันจากโลกไซเบอร์
ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาจากทั้งสองฝั่ง สิ่งที่กู้ชิงหยิ่งต้องแบกรับเอาไว้ทั้งหมดนั้น มากมายกว่าเขาหลายเท่านัก
“เสี่ยวหยิ่ง ไม่เป็นไรนะ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และจะอธิบายให้คุณฟัง” เฉินตงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่ต้องการให้คุณอธิบาย ฉันเชื่อใจคุณ”
กู้ชิงหยิ่งหันหลังกลับไปด้วยใบหน้าที่หมองเศร้า แล้วเดินลงบันไดไป : “คุณเป็นสามีของฉัน ไม่ว่าจะช่วงเวลาใดก็ตาม ฉันก็ควรจะคอยสนับสนุนคุณอยู่ด้านหลัง”
เฉินตงหันไปมองแผ่นหลังอันบอบบาง แววตาของเขาสั่นเครือ และดวงตาของเขาค่อยๆ แดงก่ำ
คำพูดประโยคนี้ จะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดมากแค่ไหน ถึงจะพูดออกมาได้ ?
เผียะ !
เฉินตงตบหน้าตัวเองอย่างแรง
ท่านหลงตกใจจนหน้าถอดสี และรีบเดินเข้าไปหาทันที : “คุณชาย คุณเป็นอะไรไปครับ ?”
“ฉันรับปากว่าจะทำให้เสี่ยวหยิ่งมีความสุข เธอใช้ทั้งชีวิตของเธอเพื่อเดิมพัน แล้วฉันล่ะ ?”
เฉินตงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างโศกเศร้า แล้วยิ้มออกมาอย่างหดหู่ : “งานแต่งงานก็ไม่สมบูรณ์แบบ มิหนำซ้ำยังมีร่องรอยการตายของแม่ฉันปรากฏอยู่ด้วย นี่เพิ่งจะผ่านมานานเท่าไหร่กัน ? ฉันกลับดึงเธอมายืนอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้ด้วยกัน แต่สิ่งเดียวที่เธอตำหนิฉันกลับเป็นเรื่องที่ฉันขาดการติดต่อไปเมื่อคืนนั้น ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วง”
เฉิงตงเคยผ่านการมีชีวิตคู่มา
ดังนั้นเขาจึงยิ่งเห็นคุณค่าของความรู้สึกอันแสนล้ำค่าของกู้ชิงหยิ่ง
การใช้ชีวิตร่วมกับหวางหนันหนันตลอดสามปีเป็นเหมือนกับฝันร้าย
เธอเมื่อกู้ชิงหยิ่งกลับมาอยู่ข้างกายเขา เขากลับรู้สึกถึงความสุขที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
ถ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นหวางหนันหนันแล้วล่ะก็ บ้านคงจะลุกเป็นไฟไปเรียบร้อยแล้ว ?
“ดังนั้นคุณชายก็ควรจะยิ่งฮึดสู้ !” ท่านหลงกัดฟันแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิงอดทนเพื่อคุณชายขนาดนี้แล้ว ถ้าหากคุณชายยอมแพ้ล่ะก็ จะสู้หน้าคุณผู้หญิงได้อย่างไร ?”
“คงไม่กล้าสู้หน้าแน่นอน !”
แววตาที่มืดมนของเฉินตงค่อยๆ เป็นประกายราวกับมีไฟลุกโชนขึ้น มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดไว้แน่น แล้วพูดออกมาอย่างแน่วแน่ว่า : “ฉันไม่มีทางยอมให้เธอแพ้เด็ดขาด หากมีเธออยู่ ถ้ายังไม่ตายก็ยังไม่ถือว่าฉันแพ้”
ตอนนี้ เฉินตงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาดูกระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
แม้กระทั่งท่านหลงเอง ก็อดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกแปลกใจ
“คงจะต้องลองคิดหาวิธีอื่นแล้ว”
แววตาของเฉินตงดูลึกซึ้ง เขาพึมพำออกมาอย่างเยือกเย็น : “กระแสสังคมถือเป็นอาวุธอันร้ายกาจของเธอ ฉันไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำได้ แต่กระแสสังคมก็เป็นอาวุธที่ทุกคนสามารถดึงมาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน หากใช้อย่างถูกวิธีก็จะจัดการกับศัตรูได้อย่างราบคาบ แต่ถ้าหากใช้ไม่ดี มันก็จะย้อนกลับมาทำลายตนเองเช่นกัน”
แววตาของท่านหลงสั่นไหว ราบกับมีความคิดอะไรบางอย่าง
รอจนเขาตั้งสติได้ เฉินตงก็เดินลงไปชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว
“ท่านหลง ทำอะไรให้ฉันกินหน่อยได้ไหม ? ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษากับฉินเย่และฉู่เจียนเจียสักหน่อย”
“ได้ครับคุณชาย !” ท่านหลงขานรับอย่างยินดี
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ
ความมืดมิดจางหาย แสงสว่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นแทนที่
เฉินตงที่เข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอกับฉินเย่และฉู่เจียนเจียมาตลอดครึ่งคืนนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ แล้วหันมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าอยู่ที่ไกลๆ เขากลับไม่ปรากฏความอ่อนล้าเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำกลับมีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของเขา
ตลอดระยะเวลาสามวันมานี้ เขาได้แต่หวังว่าฟ้าจะไม่สว่างขึ้นมา เพราะเขารู้ดีว่า หลังจากฟ้าสาง จะมีความคิดเห็นที่ดุเดือดของประชาชนโหมกระหน่ำเขามาระลอกใหญ่
การบดขยี้อย่างโหดเหี้ยมและรุนแรง ทำให้บริษัทที่อยู่ในมือของเฉินตง ได้รับผลกระทบอย่างหนักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายในระยะเวลาเพียงแค่สามวันสั้นๆ
แต่ทว่าตอนนี้ เฉินตงกลับรอคอยให้ฟ้าสางเร็วๆ
เขาไม่สนใจว่ากู้ชิงหยิ่งจะใช้วิธีไหนในการช่วยเหลือเขา เมื่อเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาก็มีความคิดอยู่ในหัวคร่าวๆ เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่เขาประชุมผ่านวิดีโอกับฉินเย่และฉู่เจียนเจียอยู่พักใหญ่ ภายใต้การวางแผนของผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมบันเทิงอย่าฉู่เจียนเจีย แผนการทั้งหมดก็ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
บวกกับมีฉินเย่ซึ่งมีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในตัว รวมไปถึงวิธีการที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลของเขา
เขาเชื่อว่า วันนี้ จะต้องเกิดคลื่นความเห็นของประชาชนขึ้นอย่างแน่นอน !
“เฉินหยู่เฟย เธอคิดที่จะทำลายชื่อเสียงของฉันให้ป่นปี้ ฉันไม่ว่า แต่ถ้าเธอคิดจะทำลายชีวิตคู่ของฉัน คิดที่จะทำร้ายเสี่ยวหยิ่ง ก็อย่าโทษที่ฉันเล่นกันถึงตายก็แล้วกัน”
เฉินตงพึมพำเบาๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล
“คุณชาย !”
จู่ ๆ เสียงที่ฟังดูร้อนรนของท่านหลงก็ดังขึ้นมาทางด้านหลัง
เฉินตงหันหลังกลับไปในทันที ท่านหลงที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีใบหน้าที่แดงก่ำ ดวงตาลุกวาว แววตาของเขาสั่นคลอนและดูสับสน เอาแต่จับจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือ
“คุณชาย คุณ คุณรีบดูในเว่ยป๋อเร็วเข้า !”
น้ำเสียงของท่านหลงสั่นเครืออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาหันไปพูดกับเฉินตงอย่างมีนัย : “คุณผู้หญิงทุ่มเทช่วยเหลือคุณอย่างไม่สนใจอะไรแล้วจริงๆ !”
เฉินตงรีบรับโทรศัพท์มือถือมา เมื่อเห็นเนื้อหาที่ปรากฏอยู่ในเว่ยป๋อ เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขาก็ปูดโปนขึ้นมาทันที
หัวข้อยอดนิยมอันดับหนึ่งในการค้นหาบนเว่ยป๋อก็คือ : ภรรยาสาวแสนสวยของเฉินตงบุกไปให้กำลังใจเขากลางดึก !
เมื่อกดเข้าไปในการค้นหายอดนิยม เว่ยป๋อของกู้ชิงหยิ่งก็ปรากฏขึ้นมาทันที
ช่วงเวลาที่มีการเผยแพร่เนื้อหา คือช่วงราวๆ ตีห้า
และตอนนี้ ก็เพิ่งจะเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สองชั่วโมง กลับขึ้นไปอยู่ในหัวข้อยอดนิยมอันดับหนึ่งในการค้นหาได้รวดเร็วจนน่าตกใจ
เนื้อหาในทุกตัวอักษรมีคารมคมคาย มีความไพเราะสละสลวย และเต็มไปด้วยความห่างหาอาทรที่ลึกซึ้ง
แต่กลับสรุปสาระสำคัญออกมาได้เพียงความหมายเดียว
นั่นก็คือ ในฐานะที่กู้ชิงหยิ่งเป็นภรรยา เธอยินดีที่จะเชื่อมั่นในตัวเฉินตง และพร้อมสนับสนุนเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ภายใต้กระแสสังคมในครั้งนี้ !
“นี่มัน……”
เฉินตงมองดูด้วยสมองที่ว่างเปล่า ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนมีมีดเป็นพันเล่มเข้ามาทิ่มแทงเขา
ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในสมองของเขาราวกับคลื่นยักษ์
“เธอทำเช่นนี้ เท่ากับเข้ามารับกระสุนแทนเขา และดึงดูดความคิดเห็นทั้งหมดของประชาชน ให้ไปลงที่ตัวเธอ !”
เฉินตงดวงตาแดงก่ำ มือข้างขวากำโทรศัพท์เอาไว้แน่นด้วยอาการสั่นเทา
ความคิดเห็นของประชาชนยังคงถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เป็นการเข้าครอบงำบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างบ้าคลั่ง จนก่อตัวขึ้นเป็นกระแสที่รุนแรงราวกับคลื่นลูกใหญ่
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนที่ก้าวออกมาเพื่อพูดแทนเขา ล้วนแล้วแต่ต้องถูกดึงเข้าไปในคลื่นลูกนี้ด้วยทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น กู้ชิงหยิ่งเองก็เป็นภรรยาของเขาอีกด้วย
ถือเป็น “ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง” รายที่สามในเหตุการณ์ครั้งนี้ !
ตอนนี้ความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดต่างพุ่งเป้ามาที่เฉินตง แต่ทว่าตอนนี้กู้ชิงหยิ่งกลับออกรับแทนเช่นนี้ ทำให้ความคิดเห็นและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ พุ่งเป้าไปที่ตัวเธอแทน
“เพื่อคุณแล้ว เธอยอมอดทนกับความทุกข์ทรมานใจทั้งหมด” ใบหน้าของท่านหลงเจ็บไปด้วยความเจ็บปวดและสงสาร
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขารู้ดีว่า กู้ชิงหยิ่งกำลังแบกรักความกดดันและความทุกข์ใจที่หนักหนาสาหัสอยู่
และในตอนนี้ เพื่อที่จะช่วยบรรเทาความลำบากของเฉินตง เธอจึงเลือกที่จะใช้ฐานะภรรยาในการสนับสนุนเฉินตง
วิธีการเช่นนี้ จะช่วยลดทอนความลำบากในตอนนี้ของเฉินตงไปได้ไม่น้อยแน่นอน
ภายใต้สถานการณ์ที่เฉินตงถูกสังคมชี้นิ้วประณาม แต่กลับลุกขึ้นมายืนอยู่หน้าเฉินตง และออกรับการถูกชี้นิ้วประณามในครั้งนี้แทน !
สิ่งนี้……ต้องอาศัยความกล้าหาญขนาดไหนกัน ?
หรือจะพูดอีกอย่างว่า……จะต้องรักมากขนาดไหนกัน ?
เฉินตงถือโทรศัพท์เอาไว้แน่น เขาลุกขึ้นพร้อมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แล้วเดินลงไปชั้นล่าง
เขาเปิดประตูห้องนอน กู้ชิงหยิ่งยังคงเอนกายอยู่บนเตียง แต่ไม่ได้นอนหลับ ดวงตาของเธอเอาแต่จ้องเขม็งไปที่โทรศัพท์
“เสี่ยวหยิ่ง”
เฉินตงใช้แรงทั้งหมดที่มีตะโกนออกมา แต่ด้วยลำคอที่ตีบตันของเขา ทำให้เสียงที่เขาตะโกนออกมานั้นเบามาก
กู้ชิงหยิ่งเหลือบขึ้นไปมองเฉินตง ใบหน้าที่ซีดเซียวและอิดโรยของเธอเผยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นออกมา : “หวังว่าฉันจะช่วยคุณได้”
พรึ่บ !
เฉินตงดึงกู้ชิงหยิ่งเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างแรง ตอนนี้มีทั้งความรักที่อ่อนโยนและความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา
น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาที่แดงก่ำของเฉินตง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า : “ที่รัก ขอบคุณนะ”