The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 310 เค้าลางเมฆหมอกที่น่าสงสัย
“ไอ้เดรัจฉาน แกยังมีหน้าโทรมาอีกเหรอ?”
ทันทีที่รับสาย อีกฝั่งก็แผดเสียงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที
ขณะที่ฟังเสียงก่นด่าของหลี่เต๋อซาน
เฉินตงไม่สนใจ พวกตระกูลหลี่ต่างก็คิดว่าเขาฆ่าคุณท่านใหญ่หลี่ การที่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว
เมื่อเทียบกับคำสั่งฆ่าขององค์กรนักฆ่าอำพราง The Hidden Killer ในดาร์กเว็บแล้ว ความโกรธแค่นี้ไม่ใช่ก็อะไรใหญ่โต เป็นได้แค่เศษละอองฝนเท่านั้น
เฉินตงพูดอย่างใจเย็น: “การตายของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ฮะๆ ไม่เกี่ยวงั้นเรอะ? นี่แกตั้งใจมาเล่นตลกรึไง?
เสียงของหลี่เต๋อซานเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว: “เมื่อคืนนั้น ทุกคำพูดที่แกพูดตรงหน้าประตูวิลล่าเขาเทียนซาน ฉันได้ยินมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ! แกจะมาบอกฉันว่าแกไม่เกี่ยวแค่ประโยคเดียว แกคิดจริง ๆ เหรอว่ามันจะทำให้พ่อของฉันที่ไปยังปรโลกแล้วนอนตายตาหลับได้ ? ถุย!! ไม่ใช่ว่าแกเย่อหยิ่งทะนงตัวมากหรอกเหรอ ? ไม่ใช่ว่าชอบวางอำนาจบาตรใหญ่นักรึไง? ทำไมตอนนี้ถึงได้พลิกลิ้นมาพูดอะไรแบบนี้ซะแล้วล่ะวะ?”
ในคำพูดนั้น จู่ ๆ ก็กลายเป็นวางตนสูงส่งและดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเฉยๆ
หลี่เต๋อซานพูดต่ออีกว่า: “อ๋อ ฉันรู้แล้ว เดรัจฉานอย่างแกคงรู้เรื่ององค์กรนักฆ่าอำพราง The Hidden Killer ในดาร์กเว็บแล้วล่ะสิท่า? รู้จักกลัวขึ้นมาแล้วรึไง ? เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแล้วงั้นสิ ? มันสายเกินไปแล้วโว้ย ! นับตั้งแต่ตอนที่แกลงมือฆ่าตาของแกด้วยมือของแกเองต่อให้ตระกูลหลี่ต้องล้มละลายบ้านแตกสาแหรกขาด หมดสิ้นความมั่งคั่ง ฉันก็จะให้แกต้องถูกฝังไปพร้อมกับพ่อของฉัน!”
ชุดคำถามเชิงโวหารที่ย้อนมา แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของหลี่เต๋อซานว่าตัวเองนั้นสูงส่งเหนือกว่า
สถานะมหาเศรษฐีผู้เย่อหยิ่งอวดดีประจำตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง ซึ่งใช้เผชิญหน้ากับเฉินตงในเวลานี้ ท้ายที่สุดก็หวนกลับมาเหมือนเดิมแล้ว
“ไอ้โง่บัดซบเอ๊ย!”
เฉินตงด่าออกไปประโยคหนึ่ง จึงกดวางสาย
เฉินตงขยี้ผมอย่างหงุดหงิด รู้สึกอารมณ์เสียที่จู่ ๆ ก็ดันคิดวิธีแก้เบื่อแบบนี้ออกมาซะได้
อันที่จริง เขาแค่อยากจะช่วยเตือนสติให้คนตระกูลหลี่ได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง
แต่สุดท้าย กลายเป็นว่าเขาดันมองข้ามเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งไป
นั่นคือ คนตระกูลหลี่ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ต่างก็โง่บัดซบเหมือนกันหมดทั้งตระกูล!
ไม่อย่างนั้น ในตระกูลที่ให้ความสำคัญแต่กับลูกชาย ละเลยลูกสาวอย่างตระกูลหลี่ คุณท่านใหญ่หลี่ที่ใกล้จะลงโลงเต็มที จะกัดฟันพกพาหัวใจอันดำมืดมาอ้อนวอนขอร้องเขา ซึ่งเป็นหลานที่ใช้แซ่ของตระกูลอื่นคนหนึ่ง ให้ขึ้นไปเป็นเจ้าบ้านตระกูลหลี่แบบนี้ได้ยังไงล่ะ?
เดาได้ว่าคุณท่านใหญ่หลี่เองก็เข้าใจดีว่า ทุกคนในตระกูลหลี่ที่เหลือเป็นยังไง ดังนั้นจึงได้มาขอให้เขาช่วยเป็นกรณีฉุกเฉิน วางแผนที่จะใช้เขาเป็นสะพานข้าม เป็นเครื่องช่วยกอบกู้ตระกูลหลี่รุ่นต่อไปล่ะสิท่า?
หลังสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง เฉินตงก็เล่นโทรศัพท์มือถืออย่างเบื่อหน่าย
งานในบริษัท คงทำได้เพียงควบคุมจากระยะไกลเท่านั้นแล้ว เมื่อเช้าตอนที่ไปส่งกู้ชิงหยิ่งกับฟ่านลู่ที่สนามบินพร้อมคุนหลุน เขาก็ได้เตรียมจัดการเรื่องงานของไท่ติ่งเอาไว้หมดแล้ว
บริษัทการเงินมีฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียน ช่วยควบคุมดูแลจากทางไกล
ส่วนบริษัทบันเทิงทางนั้น มีฉู่เจียนเจียกับตระกูลจางช่วยจัดการให้
ในทางตรงกันข้าม กลายเป็นว่าเขาเองนี่แหละ ที่เป็นคนเกียจคร้านว่างงานที่สุด
ก๊อกๆ!
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณชายครับ ได้เวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว”
“ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เฉินตงลุกขึ้น ลงไปกินข้าวเที่ยงกับคุนหลุนที่ชั้นล่าง
สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับเฉินตงคือ ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ไม่รู้ว่าคุนหลุนไปได้เครื่องมือตรวจสอบมาจากไหน เอามาวางไว้ข้างห้องอาหารแล้วเรียบร้อย
“คุณชาย นี่คือเครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัย นับจากนี้ไป อาหารสามมื้อของคุณในแต่ละวัน แม้กระทั่งน้ำดื่ม ล้วนจะต้องได้รับการตรวจสอบยืนยันด้วยเครื่องมือนี้เสียก่อน จึงจะสามารถกินได้”
คุนหลุนเตือนว่า: “นี่คือสิ่งที่ผมสั่งให้คนที่ดูแลงานทั่วไปในตระกูลเฉิน เอามาให้เมื่อกี้นี้เองครับ ในช่วงเวลาที่ต้องระวังเป็นพิเศษแบบนี้ ทุกอย่างต้องระแวดระวังอย่างถึงที่สุด”
นี่ไม่ใช่การดูแลความปลอดภัยให้แก่ฮ่องเต้ในสมัยก่อนหรอกเหรอ?
เฉินตงหัวเราะเยาะตัวเอง ไม่สิ ท่าทางจะเข้มงวดเสียยิ่งกว่าฮ่องเต้เลยด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่ฮ่องเต้ยังใช้แค่เข็มเงินในการทดสอบอาหารเท่านั้น
หลังจากนั่งลงแล้ว เฉินตงกับคุนหลุนก็กินข้าวพร้อมกัน
บนโต๊ะอาหารอันใหญ่โต มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น อาหารก็เป็นเพียงอาหารง่าย ๆ แค่สามอย่างกับซุปอีกหนึ่ง วางอยู่ตรงหน้าพวกเขาที่มุมโต๊ะมุมหนึ่ง
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน บ้านในวันนี้ ดูเย็นเยียบเปลี่ยวเหงาและว่างเปล่ากว่าเดิมลงไปมาก
แต่เฉินตงรู้ดีว่า มีเพียงความเย็นเยียบว่างเปล่าแบบนี้เท่านั้น ที่จะสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้มากที่สุด
จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบสิ้นลง ทั้งหมดที่ทำได้มีเพียงต้องอดทนเท่านั้น
“คุณชาย คาดว่าทีมรักษาความปลอดภัยคงจะมาถึงที่นี่ในตอนค่ำวันนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้พวกเขาวางกำลัง ทั้งภายในและภายนอกคฤหาสน์โดยรอบ”
คุนหลุนพูดอย่างใจเย็นว่า: “หลังจากจัดวางกำลังเสร็จแล้ว คฤหาสน์นี้ก็นับได้ว่าเป็นถังเหล็กแห่งหนึ่ง คุณชายไม่ต้องกังวล สามารถนอนหลับฝันดีได้แล้วนะครับ”
“แล้วถ้าจะออกไปข้างนอกล่ะ?” เฉินตงถาม
คุนหลุนเผยสีหน้าจนใจ: “คงต้องพึ่งพาความร่วมมือจากทีมการ์ดเท่านั้นแล้วล่ะครับ”
เขารู้แก่ใจดี ว่าในบ้านเขาสามารถนอนหลับฝันดีได้ แต่นั่นมันก็เป็นแค่เพียงแง่มุมเดียว
แต่ไม่ว่าใคร ก็ไม่มีทางจะขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านตลอดไปได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่ออกไปข้างนอก ความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ รวมถึงเหตุไม่คาดฝันที่ไม่สามารถคาดเดาได้ก็มีสิทธิ์จะเกิดขึ้นได้เสมอ
“ฉันจะพยายามลดการออกไปข้างนอกให้มากที่สุดก็แล้วกัน” เฉินตงเริ่มรู้สึกว่าลิ้นไม่รู้รสอาหารขึ้นมาซะแล้ว
หลังจากกินอาหารอย่างจืดชืดไปได้สองคำ เขาก็วางชามกับตะเกียบลง
“คุณชาย ผมทำไม่อร่อยอย่างนั้นเหรอครับ?” คุนหลุนรีบเอ่ยถาม
“ไม่ได้ใส่เกลือ”
คุนหลุน : “…..”
เขาทำอาหารไม่เป็นจริงๆ แต่ตอนนี้ในบ้านมีแค่เขากับเฉินตงสองคน จะยังไงก็ปล่อยให้คุณชายเป็นคนลงมือทำอาหารให้เขาไม่ได้หรอกมั้ง ?
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงซะแค่คิดเรื่องถูกลอบฆ่านี่แล้ว ฉันก็ไม่มีความอยากอาหารสักเท่าไหร่แล้วล่ะ”
เฉินตงเอนกายลงบนเก้าอี้ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาหนุนไว้ที่ด้านหลังศีรษะ: “คุนหลุน อันที่จริง ฉันมีเรื่องที่คิดตั้งแต่เมื่อกี้ระหว่างทางกลับมาจนถึงตอนนี้ คิดอยากจะถามนายมาตลอดเลย ตอนนี้พอดียังมีเวลาอยู่บ้าง ก็คุยกับนายสักหน่อยแล้วกัน”
“เชิญคุณชายพูดมาเถอะครับ”
คุนหลุนกินไปพลาง คุยไปพลาง
เฉินตงถูจมูกที่เริ่มบวมน้อย ๆ แล้วพูดว่า “ดาร์กเว็บไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้ ทำไมคนแก่ที่เราไปเจอมาเมื่อกี้นี้ สภาพเขาดูยากจนข้นแค้นถึงขนาดนั้นแท้ ๆ ถึงสามารถเข้าไปในดาร์กเว็บ แล้วเห็นภารกิจลอบฆ่าฉันที่ประกาศโดยองค์กรนักฆ่าอำพราง The Hiidden Killer ได้ล่ะ?”
ประโยคที่ราบเรียบธรรมดาประโยคเดียว แต่กลับทำให้แววตาของคุนหลุนลุกวาบเป็นประกาย
อาหารที่เข้าปากไปแล้ว ถึงกับถูกพ่นกลับเข้าไปในชามเลยทีเดียว
คุนหลุนวางชามกับตะเกียบลง ขมวดคิ้วเป็นปม เผยให้เห็นถึงความสงสัยและครุ่นคิด
อย่างจริงจัง
น้อยคนนักที่จะรู้ความลับของดาร์กเว็บ
แม้กระทั่งคนอย่างเฉินตงที่มีสถานะทางสังคมในระดับนี้ ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
แล้วคนที่เป็นชาวไร่ชาวนาแก่ชราคนหนึ่ง รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
อีกทั้งยังเข้าไปได้แล้ว ยังไปเห็นภารกิจลอบฆ่าที่ประกาศโดยองค์กรนักฆ่าอำพราง The Hidden Killer ด้วย
ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือ การเข้าสู่ดาร์กเว็บนั้น จำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษในการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องพูดถึงฝีมือระดับแฮ็กเกอร์ก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่มีทักษะ รู้เรื่องทางเทคนิคการใช้คอมพิวเตอร์ในระดับหนึ่ง
แต่ชายชราคนนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีความรู้ในการสื่อสารซึ่งเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์เลย
“ ดูจากท่าทางของนาย ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ”
เฉินตงมองคุนหลุนที่กำลังขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอย่างหนัก ค่อยพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า: “ฉันสงสัยว่าภารกิจลอบฆ่าที่ว่านี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในดาร์กเว็บอีกต่อไปแล้วล่ะ”
ชายชราคนหนึ่ง ที่ไม่มีทางเข้าสู่แวดวงการสื่อสารในดาร์กเว็บ
แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น กลับรู้ภารกิจลอบฆ่า ทั้งยังกลายเป็นนักฆ่าคนแรกที่มาลอบฆ่าเขาอีกด้วย
ความลับในเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้ มีมากเกินไปแล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนจงใจชี้นำ เฉินตงคงจะเชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันได้ยากจริง ๆ แล้ว
“ มีคนนำภารกิจลอบฆ่าออกมาจากดาร์กเว็บ แล้วเผยแพร่ออกไปในโลกอินเทอร์เน็ตแล้ว” คุนหลุนสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไปเฮือกใหญ่ “สรุปแล้ว เป็นใครกันแน่นะที่คอยชี้นำอยู่ ? ”
แค่องค์กรนักฆ่าอำพราง The Hidden Killer ในดาร์กเว็บอย่างเดียว ก็น่ากลัวมากพอแล้วแท้ ๆ
หากยังมีคนธรรมดาเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างนี้ พอถึงเวลานั้นเข้าจริง ๆ เพียงแค่จัดการกับคนธรรมดาพวกนี้ก็ทำให้ปวดหัวมากพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงนักฆ่าตัวจริงที่ซ่อนเร้นพรางกายอยู่ในความมืดนั่นอีก
“ไม่ใช่ตระกูลหลี่แน่ ด้วยวิธีการโง่เง่าในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ของตระกูลหลี่ที่ผ่านมา มันเป็นไปไม่ได้ที่หลังจากประกาศภารกิจในดาร์กเว็บแล้ว จะตามด้วยการประโคมข่าวออกไปให้ใหญ่โตจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้”
เฉินตงถูจมูกพลางเลิกคิ้วยิ้มหยัน: “จะเป็นไปได้มั้ยว่า อาจเป็นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน?”
บึ้ม!
คุนหลุนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างหนัก
ริมฝีปากของเขาพะเยิบพะงาบ คิดอยากจะพูดอะไรออกมาบ้าง แต่กลับพูดไม่ออก
เพราะว่า มันมีความเป็นไปได้มากจริงๆ!
หากจะพูดว่าใครที่เกลียดเฉินตง และอยากกำจัดตระกูลหลี่ซึ่งในเวลานี้มี “หนี้ชีวิต”กับคุณชายอยู่ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินย่อมต้องมีชื่ออยู่ในอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน!
“แต่ฉันเองก็ไม่แน่ใจนะ อย่างน้อยในแง่ของการชี้นำ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็สมควรเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดแล้ว”
เฉินตงยิ้มอย่างฝืดฝืน หลังจากคิดจนได้ประเด็นสำคัญออกมาแล้ว ความวิตกกังวลและความตึงเครียดในใจกลับไม่ได้คลายลง แต่กลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปเสียอีก
เพราะที่เขาต้องเผชิญหน้าไม่ใช่ตระกูลหลี่ แต่เป็นตระกูลหลี่กับกองกำลังอื่นซึ่งไม่รู้แน่ชัด ต่อให้นั่นจะไม่ใช่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน แต่อย่างไรก็ต้องมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน
และบุคคลที่สามที่ว่านี้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า อาจจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณท่านใหญ่หลี่จริงๆ!