The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 340 ขัดขวาง
ทางตอนเหนือของเมืองหลวง
เป็นแนวเทือกเขา
ตั้งแต่สมัยโบราณ ภูเขาแห่งนี้ ถือเป็นแนวป้องกันที่ยิ่งใหญ่ของประชาชน
เมื่อเวลาผ่านไป
แนวแม่น้ำตามธรรมชาติ ก็ค่อยๆ หมดประโยชน์
ทิวเขาเต็มไปด้วยความเงียบสงบและสันโดษ ผืนป่าเขียวขจีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปกคลุมภูเขาทั้งลูกเอาไว้ราวกับเป็นเสื้อคลุมที่ลึกลับ
ในช่วงเช้าตรู่จะมีหมอกหนาแน่น
มีไม่กี่คนที่รู้ว่า ภายในภูเขาใหญ่โตลูกนี้ มีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้แอบซ่อนอยู่
ดูราวกับสรวงสวรรค์ที่แยกออกมาจากโลกมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นที่ที่เหล่าบรรดาตระกูลมั่งคั่งต่างใฝ่หา
ทุกวัน จะมีเครื่องบินทะยานอยู่เหนือท้องฟ้าไม่ขาดสาย จะบินมาตามภูเขาและทำลายความเงียบสงบภายในภูเขา และลงจอดบนที่ราบนี้
อีกทั้งบนพื้นที่ราบ ยังมีคฤหาสน์ขนาดหนึ่งหมื่นเอเคอร์ตั้งอยู่ ซึ่งถือเป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่าบรรดาตระกูลมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่
คฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่หนึ่งหมื่นเอเคอร์ ตั้งอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่ก็ยังคงเปล่งประกายความงดงามออกมา ราวกับดวงจันทร์และดวงดาวที่ส่องแสงในยามค่ำคืน เผยให้เห็นถึงเอกลักษณ์และความสง่างามของคฤหาสน์
ด้านหน้าประตูคฤหาสน์ มีการสร้างซุ้มประตูที่มีโล่ประกาศเกียรติคุณประดับเอาไว้
มีตัวอักษรที่วิจิตรและประณีตงดงามสองตัวประดับเอาไว้อยู่อย่างสง่างาม——จวนเฉิน !
และด้านนอกคฤหาสน์ มีลานบินสามลู่สำหรับเครื่องบิน และมีพื้นที่ว่างสำหรับขึ้นและลงเฮลิคอปเตอร์ ดูราวกับสนามบินขนาดเล็ก
เครื่องบินลงจอด เบรก และหยุด
“คุณชาย ถึงตระกูลเฉินแล้วครับ”
เฉินตงถูกท่านหลงปลุกให้ตื่นจากความฝัน
เฉินตงค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นในทันที แต่กลับมองผ่านหน้าต่างออกไปด้านนอก
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นี่ทำให้เฉินตงใจลอยไปครู่หนึ่ง
ฟ่านลู่เองก็ตกตะลึงจนอึ้งไปเช่นเดียวกัน
คฤหาสน์และปราสาท ใช่ว่าไม่เคยเห็น
คฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่ในเมืองหลวง ตอนนั้นก็ทำให้เฉินตงรู้สึกตื่นตะลึงไม่น้อย
แต่คฤหาสน์พื้นที่หนึ่งหมื่นเอเคอร์ที่อยู่ตรงหน้า ปราสาทเก่าแก่ของตระกูลหลี่ไม่อาจเทียบได้เลย เรียกได้ว่าเป็นเหมือนยักษ์ใหญ่กับยักษ์เล็กจริงๆ
ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะสามารถจินตนาการได้ว่าตระกูลจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟูถึงเพียงนี้ ?
หลังจากนิ่งอึ้งไปเกือบหนึ่งนาที
เฉินตงก็ตั้งสติกลับมาได้ เขาลูบจมูก จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “ไปกันเถอะ”
ลงจากเครื่องบินแล้ว
มีรถคันหนึ่งมาจอดรอรับอยู่ด้านข้าง
ท่านหลงและคุนหลุนเดินนำไปก่อน
เด็กหนุ่มที่ขับรถมีความเคารพเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อเฉินตงและฟ่านลู่เดินไปจนเกือบจะถึง เด็กหนุ่มกลับมองเฉินตงด้วยแววตาที่แปลกประหลาด และมีท่าทีที่ดูซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
ท่านหลงแสดงท่าทีเข้มงวดออกมา : “เป็นแค่คนรับใช้เล็กๆ เจอคุณชายยังไม่รู้จักทำความเคารพอีกเหรอ?”
เด็กหนุ่มผงะไป แล้วรีบโค้งคำนับ : “สวัสดีครับคุณชาย”
เฉินตงขานรับด้วยท่าทีที่สงบ จากนั้นจึงขึ้นรถพร้อมกับพวกท่านหลง
ถึงแม้ท่านหลงจะเป็นคนรับใช้ แต่เมื่อพบกับพวกเฉินเทียนเซิง ก็ไม่จำเป็นจะต้องแสดงความเคารพออกมามากนัก ดังนั้นการที่จะตำหนิคนรับใช้เล็กๆ สักคน จึงถือเป็นเรื่องปกติ
ตลอดทาง เฉินตงเห็นรถวิ่งไปมาระหว่างสนามบินและคฤหาสน์อยู่เป็นระยะๆ
แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ รถที่มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฉินนั้น ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ภายในรถ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
แต่รถที่แล่นออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเฉิน ใบหน้าของผู้คนกลับมีทั้งคนที่ตื่นเต้นยินดี และคนที่โศกเศร้า
“คุณชาย เมื่อก่อนพ่อตาของคุณก็ไม่ต่างกับคนเหล่านี้เลย”
ท่านหลงยิ้มแล้วชี้ไปที่รถโดยสาร แววตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง : “ที่นี่ถูกกำหนดขึ้นด้วยฐานะของตระกูลเฉิน และเป็นที่ที่สมาชิกทุกคนในตระกูลเฉินต่างภาคภูมิใจ แต่ทว่าความแตกต่างอยู่ตรงที่ คนบางคน แม้กระทั่งประตูใหญ่ของคฤหาสน์ก็ยังไม่มีโอกาสได้เหยียบเข้าไป ก็ถูกคนรับใช้ขับไล่ออกมาเสียแล้ว หรือไม่ ถ้าหากเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเฉินแล้ว ก็ถูกคนรับใช้ที่ฐานะสูงสักหน่อยขับไล่ออกมา”
“ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จ จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกรุ่นเยาว์ที่เป็นหัวกะทิของตระกูล และตกลงในสิ่งที่พวกเขาร้องขอ
“ตามที่นายพูดมา คนที่จะสามารถเข้าพบผู้ที่มีอำนาจของตระกูลเฉินได้นั้น มีอยู่น้อยมาก ยิ่งโอกาสที่จะได้พบพ่อของฉันด้วยแล้ว คือหนึ่งในล้าน?” เฉินตงถาม
“ประมาณนี้ครับ”
ท่านหลงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แล้วพูดต่อว่า : “ส่วนพ่อตาของคุณ เมื่อก่อนกระผมเป็นคนต้อนรับ นี่ถือเป็นการต้อนรับระดับสูงจากตระกูลเฉินแล้ว ถึงว่าสูงกว่าการต้อนรับของสมาชิกหัวกะทิรุ่นเยาว์”
ต่อให้พ่อตาจะถือเป็นผู้นำของกลุ่มบริษัทข้ามชาติ หรือแม้แต่โจวเย่นชิวซึ่งถือเป็นผู้นำชั้นแนวหน้าของห้างสรรพสินค้า เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
การได้รับการต้อนรับจากท่านหลง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เฉินตงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่กลับรู้สึกประหลาดใจกับลำดับชั้นที่เข้มงวดของตระกูลเฉิน
แม้แต่การต้อนรับแขกที่มาจากภายนอก ก็ยังมีการแบ่งระดับการต้อนรับอย่างเข้มงวด สิ่งนี้หากอยู่ในตระกูลมั่งคั่งตระกูลอื่น ต่อให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งอย่างตระกูลหลี่และตระกูลฉิน ก็ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน
เมื่อมองดูคนที่นั่งอยู่บนรถที่แล่นผ่านไปคันแล้วคันเล่า เฉินตงก็รู้สึกหดหู่ขึ้นเล็กน้อย
นี่คงเป็นการยืนยันคำพูดที่ว่า “ของบางอย่างเพียงแค่เกิดมาก็มี หรือไม่ก็อาจไม่มีไปตลอดชีวิต” ?
คนเหล่านี้พยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะให้ได้เหยียบเข้าไปในตระกูลเฉิน แต่ฉันกลับสามารถเข้าไปได้ โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากใคร
เรื่องของชาติกำเนิด สามารถกดขี่คนได้จริงๆ !
ทว่า
เมื่อรถแล่นไปถึงใต้ซุ้มประตูทางเข้าของคฤหาสน์ตระกูลเฉิน กลับถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉินกลุ่มหนึ่งเข้ามาขวางเอาไว้
“หลีกไป ใครกล้าขวางรถของฉัน?”
ท่านหลงพูดขึ้นเสียงดังด้วยความโมโห
คุนหลุนเองก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธเคือง : “แค่สุนัขรับใช้ฝูงหนึ่ง ยังไม่รีบหลีกทางไปอีก ?”
คนหนึ่งเป็นคนสนิทของเจ้าบ้าน ส่วนอีกคนเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของเจ้าบ้าน และเป็นอาจารย์ของทายาทระดับหัวกะทิ
ด้วยฐานะแล้ว ถือว่าห่างไกลจากคนรับใช้มาก
ถึงแม้จะได้รับความยำเกรงจากทายาทระดับหัวกะทิ
แต่ทว่าตอนนี้ กลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้คนขวางเอาไว้ !
ใบหน้าของคนรับใช้วัยหนุ่มหลายคน แสดงความหวาดกลัวออกมา
หนึ่งในนั้นมีคนที่เป็นหัวหน้า เขารวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาว่า : “ท่านหลง พี่คุนหลุนสามารถเข้าไปได้ แต่คนนอกอีกสองคนที่มีฐานะไม่ชัดเจน ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้”
ใบหน้าของเฉินตงเคร่งขรึมลงทันที และรู้สึกขำขึ้นมา
คนนอกที่มีฐานะไม่ชัดเจน ไม่สามารถเข้าไปได้ ?
คำพูดเช่นนี้ ดูเหมือนจะเกินจริงไปหน่อย ?
“หลีกไป! คนที่ฉันกับคุนหลุนพามา จะเป็นคนนอกที่มีฐานะไม่ชัดเจนได้อย่างไร ?
ท่านหลงสีหน้าบึ้งตึง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว : “ต่อให้ต้องสอบถาม ก็ควรให้คนในตระกูลเฉินมาสอบถาม จะให้พวกแกเข้ามาขวางง่ายๆ แบบนี้ได้เหรอ? ใครเป็นคนใช้ให้พวกแกทำเช่นนี้ ?”
น่าเกรงขาม
เอ่ยถามอย่างตรงประเด็น
แม้กระทั่งการต้อนรับแขกก็มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด ถ้าหากไม่ได้รับคำสั่งมา แค่คนรับใช้ที่เฝ้าประตูไม่กี่คน ไม่มีทางกล้าทำเรื่องที่อุกอาจเช่นนี้แน่นอน ?
สีหน้าของคนรับใช้วัยหนุ่มเหล่านี้เปลี่ยนไปพร้อมกันในทันที เพราะรู้สึกหวาดกลัวคำตำหนิที่รุนแรงของท่านหลง
เด็กหนุ่มที่เป็นหัวหน้าแววตาสั่นเครือ เขาเงียบไปสักพัก แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองท่านหลง
“ท่านหลง ต้องขออภัยด้วย เนื่องจากเจ้าบ้านถูกลอบทำร้ายเมื่อไม่นานมานี้ การรักษาความปลอดภัยในตระกูลเฉิน จึงมีการยกระดับไปถึงระดับสูงสุด ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัด”
เผียะ !
ท่านหลงตบหน้าของคนรับใช้หนุ่ม
“เหลวไหล! เป็นแค่สุนัขรับใช้ คิดที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับฉันอย่างนั้นเหรอ?”
น้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ทำให้คนรับใช้วัยหนุ่มเหงื่อกาฬไหลชุ่มเต็มหน้าผาก และมีท่าทีหวาดกลัว
สิ่งนี้ทำให้บรรดาแขกที่อยู่รอบๆ ต่างแสดงความตกใจออกมา
ยังไม่มีใครกล้าอวดดีต่อหน้าคฤหาสน์ตระกูลเฉินเช่นนี้ !
ราวกับทุกสิ่งหยุดชะงักลงไปชั่วขณะ
เฉินตงยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ภายในรถ แล้วปล่อยให้ท่านหลงกับคุนหลุนเป็นคนจัดการ ส่วนตนเองก็มีเพียงแค่รอยยิ้มที่เย็นชาปรากฏขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าเท่านั้น
หากมีท่านหลงและคุนหลุนคอยนำทาง คนรับใช้ที่เฝ้าประตูเพียงแค่ไม่กี่คน ไม่มีทางขัดขวางได้สำเร็จอย่างแน่นอน
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า มีคนที่คอยแอบออกคำสั่งอยู่
“นี่เพิ่งจะมาถึงตระกูลเฉิน ก็ปล่อยสุนัขรับใช้วองสามตัวมากัดฉันแล้วเหรอ?”
เฉินตงแอบคิดอยู่ในใจ แล้วจู่ๆ เขาก็หรี่ตาลง
มองเห็นร่างร่างหนึ่ง กำลังเดินตรงมาจากซุ้มประตูของคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
“เฉินเทียนหย่าง!”
จู่ๆ ใบหน้าเย็นชาของเฉินตง ก็รู้สึกราวกับถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งทันที
และในตอนนี้เอง
ใบหน้าอันชั่วร้ายของเฉินเทียนหย่าง ก็แสยะยิ้มออกมา
“มาตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าประตูตระกูลเฉิน ไม่รู้สึกว่าทำให้ตระกูลเฉินต้องขายหน้าหรือยังไง? ท่านหลง ในฐานะที่นายเป็นคนรับใช้ของตระกูลเฉิน นายไม่รู้กฎที่ว่า ลูกสวะ ไม่สามารถเข้ามาในตระกูลเฉินได้หรือยังไง ?