The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 353 ใครเห็นด้วย? ใครคัดค้าน?
หลังจากเสียงเรียก “เจ้าบ้าน” ที่ดังขึ้นต่อเนื่อง
ภายในห้องอภิปรายก็เงียบสงัดลง
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด และดูเหมือนทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง
เฉินตงขมวดคิ้วติดกันเป็นปม เขายืนอยู่ด้านหลังเฉินเต้าหลิน ในหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าจงใจร่วมมือกันบีบบังคับ
โดยไม่เหลือทางออกให้พ่อเลยแม้แต่น้อย
เมื่อนึกถึงสิ่งพ่อกำชับเอาไว้ก่อนเข้าห้องอภิปรายเมื่อครู่ เฉินตงก็กัดฟันกรอด ด้วยความโมโหอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น
เฉินเต้าหลินก็หัวเราะออกมา
ห้องอภิปรายที่เงียบสงัด มีเสียงหัวเราะดังก้องกังวาน
ทุกคนต่างหันไปมอง และมีท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันที
“ดี ดีมาก! แต่ละคนล้วนแล้วแต่ไม่เห็นเจ้าบ้านคนนี้อยู่ในสายตา คิดที่จะร่วมมือกันบีบบังคับใช่ไหม?”
เฉินเต้าหลินพูดพลางหัวเราะ “ใช่แล้ว ตงเอ๋อของฉันใช้มีดกับคุณน้าสาม ถือว่าทำผิดกฎของตระกูลจริงๆ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังทำร้ายเทียนเซิงและเทียนหย่างสองพี่น้องด้วย ซึ่งถือว่าผิดกฎของตระกูลเช่นกัน”
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
เจ้าบ้านเริ่มเห็นด้วยอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?
ทุกคนต่างจ้องตาเขม็ง
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิง แววตายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
ทันทีที่พูดจบ
จู่ๆ เฉินเต้าชินก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ถือว่านายยังรู้จักหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดี ในเมื่อต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าลูกชายของนายทำผิดกฎระเบียบ เช่นนั้น ยังจำเป็นจะต้องให้พวกเราบอกอีกหรือว่าควรจะทำเช่นไร?”
“เฉินเต้าชิน นายพูดมากเกินไปหรือเปล่า?”
เฉินเต้าหลินแสยะยิ้มแล้วหันมองเฉินเต้าชิน “หรือจะพูดว่า นายคิดว่าตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถเข็น จะจัดการอะไรนายไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“นาย……” เฉินเต้าชินโกรธจนหน้าแดง เขากัดฟันแล้วข่มความโกรธเอาไว้
เขามองเฉินเต้าหลินด้วยความกลัวแล้วก้มหน้าก้มตา
วิธีการของเฉินเต้าหลิน ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในตอนนั้น เขาเองก็รับรู้อย่างลึกซึ้ง
ไม่สิ!
แต่เป็นทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก และเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในตอนนั้น ต่างก็รู้ดีว่าเฉินเต้าหลินดุร้ายแค่ไหน
เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างสูง แต่ก็มีท่าทีที่สงบ
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่นำมาอธิบายตัวตนของเฉินเต้าหลินได้ดีที่สุด
หลังจากนั้น เฉินเต้าหลินก็ค่อยๆ กวาดสายตามองดูทุกคน
จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าฉันไม่เห็นด้วย พวกนายคิดจะทำยังไง?”
เขาแสยะยิ้ม แล้วเหลือบมองทุกๆ คน
ทำราวกับว่าไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตา
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินขมวดคิ้ว มือทั้งสองข้างจับพนักแขนเอาไว้แน่น
ทุกคนทั้งตกใจและโกรธ
การละเมิดกฎของตระกูลอย่างโจ่งแจ้ง การพยายามปกป้องอย่างโจ่งแจ้ง นี่เท่ากับว่าไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาแล้วหรือ?
แค่ลูกสวะคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากขนาดนี้?
ถือสิทธิ์ที่เป็นลูกชายของเฉินเต้าหลินอย่างนั้นหรือ?
แต่คำพูดก่นด่าเหล่านี้ ทุกทนได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจเท่านั้น ทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“เจ้าบ้านทำเช่นนี้ มันจะมากเกินไปหน่อยหรือไม่?”
เฉินเต้าผิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าหากเจ้าบ้านทำเช่นนี้ ต่อไปตระกูลเฉินจะบริหารปกครองกันได้อย่างไร? เพราะเฉินตงเป็นลูกของนาย จึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้นะหรือ? เช่นนั้นต่อไป ตระกูลเฉินไม่กลายเป็นที่เขตหวงห้ามเฉพาะของนายสองพ่อลูกหรอกหรือ หากเฉินตงอยากจะฆ่าใคร ก็สามารถทำได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นสิ?”
“เกินไปอย่างนั้นหรือ? ได้ ถ้าอย่างนั้น เต้าผิง ไหนนายลองเสนอวิธีจัดการมาซิ?”
เฉินเต้าหลินนั่งอยู่บนรถเข็น เขามองเฉินเต้าผิงด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แววตาเฉียบแหลมราวกับมีด
เฉินเต้าผิงเองก็จ้องตาเขม็งโดยไม่ยอมแพ้ แววตาเต็มไปด้วยความดุดันเช่นเดียวกัน
บรรยากาศน่ากลัวและกดดันที่มองไม่เห็น เกิดขึ้นทั่วทั้งห้องอภิปราย
ทุกคนต่างปิดปากเงียบ และมองดูด้วยความหวาดกลัว
ทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างเจ้าบ้านและเฉินเต้าผิง
“ฮ่าๆ!”
จู่ๆ เฉินเต้าผิงก็หลุดขำออกมา “ในเมื่อเจ้าบ้านถามแล้ว เช่นนั้นฉันก็จะขอพูดสักหน่อย เพื่อเห็นแก่หน้าเจ้าบ้าน ยกเลิกตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของลูกคนนี้ซะ และไม่ถือว่าเป็นคนตระกูลเฉินอีกต่อไป เรื่องนี้ก็จะถือว่าจบสิ้นลง!”
เฉินตงรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุด
มือทั้งสองข้างจับรถเข็นแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปนขึ้นมา
ความโกรธแค้นที่อยู่ในใจ ดูเหมือนตอนนี้จะคุกรุ่นจนถึงขีดสุด จนแทบจะระเบิดออกมา
แต่ขาด้านขวากลับถูกมือใหญ่กดเอาไว้ เฉินตงจึงสามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้
เขาหันไปมองพ่อ แล้วหันไปมองเฉินเต้าผิงด้วยความโกรธแค้น
คนที่สามารถต่อกรกับพ่อได้ถึงขั้นนี้ ภูมิหลังของคนผู้นี้ในตระกูลเฉิน เกรงว่าจะไม่ได้พึ่งพิงเพียงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ใครเห็นด้วย? ใครคัดค้าน?”
เฉินเต้าหลินเอ่ยปากด้วยท่าทีที่สงบ
ภายในห้องอภิปรายเงียบสงัด
ทุกคนสีหน้าเรียบเฉย
แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้อง
“ดูเหมือนว่า ทุกคนจะเห็นด้วย?”
เฉินเต้าหลินลูบจมูก แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ แต่แววตาของเขากลับค่อยๆ ดุดันขึ้น
ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากพูด
เฉินเต้าชินก็ตะโกนขึ้นมาว่า “นี่ถือเป็นบทลงโทษที่เบาที่สุดสำหรับลูกชายของนายแล้ว”
“ดี!”
เฉินเต้าหลินไม่แสดงความโกรธออกมา แต่กลับหัวเราะ
หลังจากนั้น เขาก็จ้องเขม็งไปที่เฉินเต้าชิน สายตาดูราวกับสามารถปล่อยกระแสไฟออกมาได้
“เฉินเต้าชิน นายมันไร้ซึ่งคุณธรรม คนในตระกูลเฉินต่างรู้ดี นายละโมบโลภมาก แอบยักยอกเงินหลายพันล้านจากบริษัทการเงินของตระกูลเฉินจนหมด นี่ถือว่าทำผิดกฎของตระกูลด้วยหรือไม่?”
คำพูดราวกับเสียงฟ้าผ่า
เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที
เฉินเต้าชิงหน้าซีดราวกับไก่ต้ม
ริมฝีปากของเขาขยับ แล้วพูดออกมาด้วยความตกใจ “นาย นายรู้ได้อย่างไร?”
ตอนที่เอ่ยถามประโยคนี้ออกมา เฉินเต้าชินก็รู้สึกหวาดกลัวจนเสียวสันหลัง เรื่องนี้เขาปิดเป็นความลับสุดยอด ไม่มีทางที่จะมีใครล่วงรู้ได้!
เฉินเต้าหลินหัวเราะเยาะออกมา
จากนั้นจึงหันไปมองเฉินเต้าผิง “เฉินเต้าผิง นายควบคุมสำนักงานของตระกูลเฉินในต่างประเทศ คอยติดต่อกับสมาชิกตระกูลในต่างประเทศ คิดไม่ซื่อกับตระกูลเฉิน แอบใช้ประโยชน์จากฐานะของตนเอง โอนทรัพย์สินของตระกูลเฉินในต่างประเทศให้ผู้อื่น แล้วกอบโกยผลกำไร นี่ถือว่าผิดกฎของตระกูลหรือไม่?”
น้ำเสียงเรียบเฉย
แต่เมื่อได้ยินไปถึงหูของทุกคน กลับเป็นเหมือนเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่น และสั่นสะเทือนไปทั่ว
เสียงของความโกลาหลดังขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาเพียงข้างเดียวของเฉินเต้าผิงฉายแววของความโกรธแค้นออกมา เขากัดฟันและกำหมัดแน่น
แต่เฉินเต้าหลินกลับไม่สนใจ
ยังคงค่อยๆ กวาดสายตามองทุกๆ คน และค่อยๆ หยุดมองทีละคนๆ ราวกับกำลังพูดเรื่องที่ทุกคนต่างก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี
“นาย อาศัยชื่อของตระกูลเฉิน ใช่เล่ห์กลในการฉ้อฉล มีภรรยาทั้งในบ้านและนอกบ้านอยู่นับไม่ถ้วน แม้แต่ลูกนอกกฎหมายก็มีอยู่จำนวนหลายสิบคน เรื่องนี้ ถือว่าผิดกฎของตระกูลหรือไม่?”
“นาย อาศัยชื่อของตระกูลเฉิน วางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอก เดือนที่แล้ว นายออกหน้าหญิงแพศยาคนหนึ่ง ทำลายตระกูลมั่งคั่งเล็กๆ ตระกูลหนึ่งในเมืองหลวง โศกนาฏกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เรื่องนี้ถือว่าผิดกฎของตระกูลด้วยหรือไม่?”
……
วาทศิลป์ที่ชัดเจน แต่กลับแฝงไปด้วยความสงบอย่างแปลกประหลาด
แต่ทุกๆ สายตา ทุกๆ คำพูด ล้วนแล้วแต่ทำให้คนในตระกูลเฉินต่างรู้สึกขนลุก และหวาดกลัว
เฉินตงมองด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนเข้าไปในจิตใจอย่างรุนแรง
นี่คือไม้ตายสุดท้ายของพ่ออย่างนั้นหรือ?
เขาจดจำความผิดเหล่านี้เอาไว้ในใจอย่างชัดเจน และถือโอกาสนี้พูดออกมา เพื่อให้ทุกคนตกที่นั่งลำบาก?
ในที่สุด สายตาของเฉินเต้าหลินก็ไปหยุดอยู่ที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน
“นาย นายมองฉันทำไม?”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินรู้สึกตื่นตระหนกอยู่นานแล้ว หากถูกเฉินเต้าหลินเปิดเผยความผิดต่อหน้าทุกคนโดยไม่กล้าโต้แย้ง นั่นเท่ากับว่าเป็นเรื่องจริง
อีกทั้งตอนนี้ เฉินเต้าหลินกำลังจ้องมองเธอ เช่นนั้นความผิด……
“คุณน้าสาม คุณเป็นคนสกุลอื่น ทุกคนต่างให้ความเคารพต่อคุณ เพราะคุณอายุมาก และเป็นเพราะคุณมีคุณูปการต่อตระกูลเฉินในด้านคลอดลูกอบรมสั่งสอนลูก”
เฉินเต้าหลินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่สิ่งที่พูดออกมากลับทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินหน้าถอดสี “แต่คุณกลับไม่เคารพตัวเอง มีฐานะที่สูงส่งอยู่ในตระกูลเฉิน แต่กลับอาศัยฐานะนี้กอบโกยผลประโยชน์ แสวงหากำไรให้กับครอบครัวของตนเอง ผมพยายามมองข้ามเรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้คุณน้าสามช่วยสอนผมหน่อยซิว่า เรื่องนี้ถือว่าผิดกฎของตระกูลหรือไม่?”
“นาย……”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโกรธจนหน้าเขียว เธอลุกขึ้นด้วยความโกรธ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก จากนั้นจึงทิ้งตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง
ตอนนี้ คุณหญิงใหญ่ไม่มีท่าที่หยิ่งยโสอย่างเช่นเมื่อครู่อีกแล้ว แต่กลับดูซึมเศร้าและอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
“เหอะ!”
เฉินเต้าหลินนั่งพิงลงไปบนเก้าอี้ด้วยท่าทีที่น่าเกรงขาม
“ตอนนี้ฉันขอถามอีกครั้ง ใครเห็นด้วย? ใครคัดค้าน?”