The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 367 มาตามนัด
หลังจากเข้าพักในโรงแรมแล้ว
ฉินเย่ก็หาข้ออ้างออกไปข้างนอก
เฉินตงเองไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงแค่หันไปตอบรับด้วยรอยยิ้ม
ความคิดของฉินเย่ ถูกมองออกนานแล้ว
เพียงแต่ฉินเย่ยังคงปากแข็ง เขาจึงไม่จำเป็นต้องคาดคั้น
หลังจากวางกระเป๋าเดินทางลงเรียบร้อย
ท่านหลงกับคุนหลุนเองก็รีบตามมา
หลังจากรู้ว่าฉินเย่ออกไปแล้ว ท่านหลงก็ยิ้มออกมาอย่างติดตลก “ปากของฉินเย่บอกว่าไม่ต้องการ แต่ร่างกายของเขานั้นไม่อาจโกหกได้จริงๆ”
เฉินตงและคุนหลุนเหลือบมองท่านหลงพร้อมกัน
“ท่านหลง คุณขับรถอะไร ?” คุนหลุนถามด้วยความสงสัย
ท่านหลงตั้งสติได้ ใบหน้าก็แดงก่ำ จากนั้นจึงกระแอมออกมาสองครั้ง แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“คุณชาย การประชุมแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในคืนนี้ คุณวางแผนไว้ว่าอย่างไร ?”
เฉินตงยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร
จากนั้นจึงค่อยๆ พูดออกมาหนึ่งประโยค “ทั้งบทลงโทษและรางวัล ล้วนแล้วแต่เป็นของขวัญ คงต้องขึ้นอยู่กับตระกูลหลี่แล้วว่าจะเลือกอะไร”
“ตระกูลหลี่ต้องสูญเสียเงินไปกว่าพันล้านดอลลาร์ให้กับองค์กร hidden killers ในภารกิจลอบสังหาร เมื่อไม่มีเงินหมุนเวียนก้อนนี้ ตระกูลหลี่ที่กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ ก็ยิ่งเกิดความสั่นคลอนมากยิ่งขึ้น”
ท่านหลงส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “ต่อให้พวกเขาไม่หาเรื่องคุณชาย ไม่ช้าก็ต้องถูกตระกูลมั่งคั่งของเมืองหลวงกลืนกินไปอยู่ดี การทำเช่นนี้ในตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่กำลังติดกับดัก ต่อให้ต้องตาย ก็ขอให้ได้กัดคุณชายให้เลือดกระเซ็นก่อนสักครั้ง
“ตระกูลหลี่ นอกจากคุณท่านใหญ่แล้ว ที่เหลือก็เป็นพวกโง่ทั้งนั้น” เฉินตงไม่คิดที่จะปกปิดความดูหมิ่นที่อยู่ในใจของเขาเลยแม้แต่น้อย และเปล่งเสียงออกมาด้วยความเย็นชา
……
ในเวลาเดียวกันนี้
ภายในคฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่
ตอนนี้คฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองดังเดิมอีกต่อไปแล้ว
ดูเหมือนว่าการลักพาตัวหลี่หลานมา และถูกเฉินตงและเฉินเต้าหลินกดดันด้วยเครื่องบินรบในตอนนั้น จะเป็นจุดเปลี่ยนของตระกูลหลี่ที่แท้จริง
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลหลี่ก็เริ่มพังทลายลง
ส่วนการลอบสังหาร กลับกลายเป็นเหมือนทางรอดสุดท้าย ในการมีชีวิตรอดของอูฐที่ผอมโซอย่างตระกูลหลี่ ที่สูญสลายไป
ทำให้ทั่วทั้งคฤหาสน์ปราสาทของตระกูลหลี่ เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มัวหม่น ไร้ชีวิตชีวา
ไม่มีแขกเหรื่อมาเยี่ยมเยียนอีกแล้ว
ตระกูลมั่งคั่งในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่า เวลาของตระกูลหลี่เหลือไม่มากแล้ว
แขกเหรื่อในอดีต ตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจกำลังแอบลับมีดรอเอาไว้แล้ว
ฟ้าร้องกระหน่ำ
ฝนตกโปรยปราย
ผสมผสานเข้ากับบรรยากาศมืดมิดที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้า
หลี่เต๋อซานนั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง และมองดูสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักด้านนอกหน้าต่าง
“ฝน ตกหนักจริงๆ”
จู่ๆ หลี่เต๋อซานก็พึมพำขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ้างว้างและเหนื่อยล้า “เมืองหลวงนั้นดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวที่ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ก้าวแรกอาจจะมีแดด แต่ก้าวที่ตามมาอาจจะมีพายุฝนก็เป็นได้”
ก๊อกก๊อกก๊อก !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ท่าทีเหนื่อยล้าของหลี่เต๋อซานจางหายไปทันที แปรเปลี่ยนเป็นท่าทีที่น่าเกรงขามขึ้นมา
ประตูเปิดออก
ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา
มองไปยังหลี่เต๋อซานที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง “เจ้าบ้าน จะไปจริงๆ หรือครับ ?”
“หากไม่ได้แก้แค้น ใจของนายขะสงบได้หรือ ?” หลี่เต๋อซานถามออกมาอย่างเย็นชา “พ่อตายไปได้เพียงไม่นาน นายอยากให้เขาดูถูกเอาหรือยังไง ?”
“แต่ตระกูลหลี่ของพวกเรา……” ชายวัยกลางคนพูดด้วยท่าทีเศร้าสร้อย
หลี่เต๋อซานค่อยๆ ลุกขึ้น จากนั้นจึงยิ้มและด้วยท่าทีดุร้ายว่า “เป็นเพราะไม่มีอะไรจะเสีย จึงไม่จำเป็นต้องกลัวยังไงล่ะ คนที่ฉันให้นายไปเตรียม เรียบร้อยหรือยัง ?”
ชายวัยกลางคนหันไปเผชิญหน้ากับหลี่เต๋อซาน มีความหวาดกลัวฉายออกมาจากแววตา
หลายวันมานี้ เจ้าบ้านเปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ !
ตั้งแต่ที่โกรธอย่างสุดขีด และกระอักเลือดออกมาในวันนั้น หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
บ้าระห่ำและรุนแรง
มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงปรากฏออกมาอยู่บ่อยๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดหวั่น
“เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ” ชายวัยกลางคนพยักหน้า “แต่พวกเราทำเช่นนี้ จะเป็นการทำเกินกว่าเหตุไปหน่อยหรือไม่ ?”
“เกินไป ? !” หลี่เต๋อซานยักไหล่ “ฉันกลัวว่าจะน้อยเกินไปนะสิ การประชุมแลกเปลี่ยนที่มีตระกูลจางและตระกูลฉู่เป็นหัวเรือใหญ่ ต่อให้เป็นงานเล็กๆ ก็ถือเป็นงานแลกเปลี่ยนระดับสูงในวงการบันเทิงแล้ว ในเมื่อตระกูลหลี่ของพวกเราต้องการจะไป ตระกูลจางและตระกูลฉู่ต้องเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริง และเชิญเขามาร่วมงานอย่างแน่นอน”
“ถึงตอนนั้น ก็จะเป็นเวลาที่เราจะได้แก้แค้นให้กับพ่อ !”
แววตาของชายวัยกลางคนดูซับซ้อน ดวงตาของเขากลอกไปมา จากนั้นจึงกัดฟันแล้วพูดว่า “แต่พี่ใหญ่ทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตระกูลหลี่ไม่ได้ตายดีแล้ว ยังเป็นการผลักตระกูลหลี่ลงนรกอีกด้วย ความแค้นเรื่องฆ่าพ่อระหว่างเฉินตงกับพวกเรานั้น ถึงแม้จะหยั่งรากลึกก็จริง แต่ถ้าหากลงมือในการประชุมแลกเปลี่ยนแล้วล่ะก็ ตระกูลหลี่ของพวกเราก็จะไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากอีกต่อไปแล้ว”
การแก้แค้นส่วนตัว ต้องปรากฏขึ้นต่อหน้าสาธารณชน
ผลกระทบที่จะตามมานั้น ชายวัยกลางคนไม่กล้าที่จะจินตนาการเลย
ปัง !
หลี่เต๋อซานเตะเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆ เขาจนล้ม แล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า “ใครก็ห้ามขวางฉันทั้งนั้น ! คืนนี้ฉันจะทำให้เฉินตงต้องนอนตายอยู่ที่นั่นให้ได้ ให้เขาลงไปอยู่ในนรกเป็นเพื่อนพ่อ !”
เปรี้ยง !
มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง สายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้าลงมา
ฟ้าที่ผ่าลงมา ยิ่งเป็นการเพิ่มความน่าเกรงขามของหลี่เต๋อซาน
ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจจนตัวสั่น
ชายวัยกลางคนกัดฟัน แล้วขานรับ จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
หลี่เต๋อซานหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ดวงตาของเขาแดงก่ำ กัดฟันแล้วพูดว่า “ต่อให้ต้องตายก็ต้องลากเฉินตงไปด้วย ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ เอาแต่ขอร้องอ้อนวอนเฉินตงขนาดนั้น แต่สุดท้ายแล้ว คนที่ฆ่าพ่อก็คือเจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่น ทว่าตอนนี้ ก็ต้องให้คนไร้ค่าช่วยแก้แค้นให้พ่อไม่ใช่หรือยังไง ?”
ขณะที่พูด หลี่เต๋อซานก็หัวเราะขึ้นมา
เสียงหัวเราะเยือกเย็นและดังขึ้นเรื่อยๆ และก้องกังวานไปทั่วห้องนอน
เวลากลางคืนค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
สายฝนไม่มีที่ท่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งตกกระหน่ำมากยิ่งขึ้น
เสียงฟ้าผ่าดังกระหึ่ม สายฝนตกกระหน่ำลงมา
ทำให้เมืองหลวงดูไร้ชีวิตชีวาไปไม่น้อย
ในเมืองที่สว่างไสว ผู้คนรีบวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อหลบฝน
แม้กระทั่งการจราจรบนท้องถนน ก็รวดเร็วขึ้นมาก
บนรถโรลส์-รอยซ์
เฉินตงมอออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ และไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
คุนหลุนนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านข้างคนขับ ส่วนท่านหลงนั่งอยู่ข้างๆ เฉินตง
“คุณชาย ไปตอนนี้น่าจะช้าไปสักหน่อยแล้ว” ท่านหลงพูด
“ฉู่เจียนเจียเชิญให้ฉันไปช่วยควบคุมสถานการณ์ แต่ไม่ได้บอกให้ฉันไปเร็วๆ นี่” เฉินตงตอบกลับมาหนึ่งประโยค แล้วเบะปากอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้ดีว่าการตรงต่อเวลา การติดต่อกับผู้ร่วมธุรกิจ และการรักษาเวลาที่นัดกันไว้ ถือเป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน
แต่เป็นเพราะเมื่อครู่ต้องรอฉินเย่มาพร้อมกัน เมื่อดูเวลาก็เห็นว่าไม่ทันการแล้ว สุดท้ายฉินเย่กลับโทรศัพท์มาบอกว่าเขาไปถึงจุดหมายพร้อมกัยจางหยู่หลันเรียบร้อยแล้ว
หากไม่ต้องเสียเวลาเพราะเจ้าสัตว์ร้ายนั่น จะมาสายได้อย่างไรกัน ?
“เจ้าฉินเย่นั่น จริงๆเลย เป็นผู้ชายที่ปากไม่ตรงกับใจเลยจริงๆ”
ท่านหลงเองก็รู้ดีว่าทำไมถึงมาสาย จึงอดไม่ได้ที่จะปริปากบ่นออกมา จากนั้นจึงยิ้ม “แต่ก็ดี เจ้าหมอนั่นจะได้ล่วงหน้าไปช่วยคุณชายควบคุมสถานการณ์เอาไว้ก่อน”
เฉินตงหัวเราะร่าออกมา
เขาขานรับออกมาอย่างสบายๆ จากนั้นจึงเปลี่ยนท่าทางให้ผ่อนคลายขึ้น และหลับตาพักผ่อน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
“คุณชาย ถึงแล้วครับ !”
ท่านหลงปลุกเฉินตงเบาๆ
“ลงจากรถเถอะ”
เฉินตงลุกขึ้นลงจากรถ
เงยหน้าขึ้นมองโรงแรมที่อยู่ตรงหน้าหนึ่งครั้ง
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สายฝนตกกระหน่ำ แสงไฟของโรงแรมสูงตระหง่านสว่างไสว เต็มไปด้วยความทันสมัยและดึงดูดใจ
อีกทั้ง บริเวณประตูใหญ่ของโรงแรม ถูกปูพรมแดงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
โรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ หากจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว ก็ควรที่จะมีผู้เข้าพักไม่ขาดสาย แต่คืนนี้ปริมาณรถในลานจอดรถกลับดูบางตา
“คุณชาย นี่คือหนึ่งในธุรกิจของตระกูลจาง วันนี้จึงเหมาทั้งโรงแรมแล้ว” ท่านหลงกล่าวแนะนำ
เฉินตงเข้าใจในทันที
จากนั้นจึงเดินตรงไปยังโรงแรม
คุนหลุนกางร่ม แล้วเดินตามไปติดๆ เพื่อกันฝนให้กับเฉินตง
ท่านหลงกางร่มเดินตามอยู่ข้างๆ
ฝีเท้าก้าวลงไปบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนอย่างช้าๆ
สีหน้าของเฉินตงค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น และพึมพำขึ้นมาอย่างติดตลกว่า “ตระกูลหลี่……คงไม่โง่ตั้งแต่ต้นจนจบหรอกนะ”