The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 383 บางทีฉันอาจจะช่วยคุณได้จริงๆ
อู๋จุนหาวตกใจจนไม่กล้าพูด
แต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมหลินหลิ่งตงถึงมีความแน่วแน่ที่อยากจะเป็นเพื่อนกับเฉินตงขนาดนี้ มันเพราะอะไรกันแน่?
เขาได้ตรวจสอบประวัติของเฉินตงแล้ว
เป็นบุคคลที่สำคัญจริง!
แต่แล้วจะยังไง?
คนอื่นไม่ให้เกียรติ ราชาใต้ดินผู้สง่างาม ถึงกับต้องทิ้งหน้าลงบนพื้น ให้คนเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่าเหรอ?
ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ในหลิ่งตง เป็นราชาใต้ดิน นี่มันยังไม่พอเหรอ?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าถาม เพราะว่าเขาเข้าใจนิสัยของหลินหลิ่งตง
หากถามในเวลานี้ เป็นการเติมเชื้อเพลิงบนกองไฟ
สิ่งที่จะถูกเผา ก็คือตัวเขาเอง
หลินหลิ่งตงกลับไปที่คฤหาสน์
หวางหนันหนันกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่ง กำลังดูทีวี สวมชุดนอนลายลูกไม้สีดำ นั่งไขว่ห้างบนโซฟา ผมยาวสลวยที่เปียก และถือจานผลไม้อยู่ในมือ
ภาพนี้ ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน
ทำให้หลินหลิ่งตงที่กำลังหงุดหงิดเห็นเข้านั้น อดไม่ได้ที่จะมีความพึงพอใจ
“กลับมาแล้วเหรอ?”
หวางหนันหนันเห็นหลินหลิ่งตง ก็ยิ้มอย่างอ่อนหวาน ชูจานผลไม้ขึ้นมา “แม่บ้านปอกผลไม้ให้เยอะเลย มาทานหน่อยสิ”
หลินหลิ่งตงรู้สึกเพียงปากแห้ง ส่ายหัว นั่งไปยังข้างกายหวางหนันหนัน
กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้ดวงตาของหลินหลิ่งตงลุกเป็นไฟ
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “หนันหนัน คืนนี้เรานอนห้องเดียวกันได้มั้ย?”
ใช่แล้ว คืนนั้นหลังจากที่หวางหนันหนันเข้ามาในคฤหาสน์ สุดท้ายทั้งสองคนก็แยกกันนอน
มันคือความต้องการของหวางหนันหนัน หลินหลิ่งตงเคารพการตัดสินใจของเขา
เพียงแต่ เวลานี้เขาเหมือนทนไม่ค่อยจะไหวแล้ว
“หลิ่งตง……..”
หวางหนันหนันลังเลเล็กน้อย วางจานผลไม้ลง เม้มริมฝีปากแน่น ค่อยๆ กล่าวขึ้น “เรา เรายังไม่ถึงเวลา”
“หนันหนัน………,
หลินหลิ่งตงยังอยากจะพูด
หวางหนันหนันลุกขึ้นมาแล้ว โน้มตัวจูบไปที่ริมฝีปากของหลินหลิ่งตง
สัมผัสแล้วก็ผลักออกมาทันที “หวางหนันหนันกล่าวอย่างจริงจัง หลิ่งตง เชื่อฉัน ช้าหรือเร็วฉันต้องเป็นของคุณ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันยังเตรียมตัวไม่พร้อม พักผ่อนเร็วๆ ล่ะ ฉันไปนอนก่อนแล้ว”
เมื่อมองไปแผ่นหลังที่อรชรของหวางหนันหนัน หลินหลิ่งตงที่มึนงงเล็กน้อย
ยกมือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและสัมผัสริมฝีปากที่ยังมีความอุ่นเหลืออยู่ ความเครียดก่อนหน้านี้ เวลานี้ได้สงบลงมาแล้ว มุมปากอดไม่ได้ที่โค้งขึ้น แล้วยิ้ม
“ได้ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ คุณได้ถูกลิขิตมาเป็นผู้หญิงของผมหลินหลิ่งตงแล้ว”
……
ความมุ่งมั่นในการเชิญของหลินหลิ่งตง เกินความคาดหมายของเฉินตงโดยสิ้นเชิง
บัตรเชิญถูกส่งมาตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เฉินตงไม่แม้กระทั่งจะมองเลย โยนลงถังขยะโดยตรง
เดิมคิดว่าไม่น่าจะเกินสามครั้ง ต่อให้เกินสามครั้ง ก็คงทำต่อไปได้ไม่นาน
อย่างไรก็ตาม เรื่องบัตรเชิญ ทุกวันบัตรเชิญที่เหมือนกันจะถูกกูหลังนำมาวางบนโต๊ะทำงานของเฉินตงในเวลาเดียวกัน
การส่งนี้ ก็ปาไปครึ่งเดือน!
“มาอีกแล้ว?”
เห็นกูหลังเดินเข้ามา เฉินตงก็ถามตามสัญชาตญาณ
กูหลังพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “คุณเฉิน เขามีความพยายามขนาดนี้ ก็ตกลงไปสักครั้งมั้ย? คนที่ต้องรับหน้าทุกวันก็เบื่อเหมือนกัน”
“ไม่ไป” เฉินตงหยิบบัตรเชิญขึ้นมา โยนไปในถังขยะทันที
กูหลังทำอะไรไม่ได้ หันหลังเดินจากไป
ใต้ตึกไท่ติ่ง
อู๋จุนหาวที่ถูฝ่ามือไปมา รอคอยอย่างกระวนกระวาย
เขารับผิดชอบส่งบัตรเชิญมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว
ด้วยความพยายามในการส่งบัตรเชิญ การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวที่เขาได้รับ ก็คือกูหลังที่จะสามารถบอกเขาได้โดยตรงว่าเฉินตงจะไปงานเลี้ยงหรือเปล่า
มันทำให้อู๋จุนหาวอายมาก
เพราะก่อนหน้านี้ เพราะเรื่องแย่งที่ดิน เขายังเคยทำร้ายกูหลัง
ตอนนี้ กลับต้องโค้งตัวเพื่อประจบกูหลัง ขอร้องให้กูหลังเปิดเผยความรู้สึกของเฉินตง
เพราะมันเกี่ยวกับหลินหลิ่งตง เขาไม่กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจออกมาแม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้น อู๋จุนหาวตาสว่าง
รีบเดินเข้าไป พี่กูหลัง “ประธานเฉินว่าอย่างไร?”
กูหลังส่ายหัว “กลับไปเถอะ ไม่ไป”
“นี่……….” อู๋จุนหาวร้อนใจแล้ว รีบกล่าว พี่กูหลังพี่ไปช่วยผมพูดหน่อยได้มั้ย หลังจากที่เรื่องสำเร็จ น้องคนนี้ต้องขอบคุณพี่อย่างหนักเลย”
คำพูดประจบประแจง ก้มหน้าก้มตาดูไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย
ทำให้กูหลังยังรู้สึกเลยว่าอู๋จุนหาวในตอนนี้ ราวกับว่าไม่ใช่คนเก่า
กูหลังแบมือยักไหล่อย่างช่วยอะไรไม่ได้ “ฉันเป็นเพียงทีมบอดี้การ์ดในบริษัทของคุณเฉินเท่านั้น สามารถได้คำตอบเรื่องไปหรือไม่ไปงานเลี้ยงจากคุณเฉินมันคือขีดจำกัดที่สูงสุดแล้ว ฉันจะเอาสิทธิ์อะไรไปช่วยนายพูด นายกลับไปเถอะ”
พูดจบ เขาก็ไม่ได้สนใจอู๋จุนหาวอีก หันหลังเดินกลับเข้าไปในบริษัท
อู๋จุนหาวยืนอึ้งอยู่ที่เดิม แววตาเต็มไปด้วยความแค้น
แม่งเอ๊ย……..หน้าใหญ่เกินไปแล้วมั้ง?
อยู่ในเมืองหลิ่งตง ยังไม่มีใครต้องให้เจ้านายฉันเรียนเชิญแบบนี้มาก่อนเลย!
แค้นส่วนแค้น สุดท้ายอู๋จุนหาวก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ขึ้นรถจากไป
หมู่ตึกหลิ่งตง
ในห้องหนังสือขนาดใหญ่ หอมไปด้วยกลิ่นไม้จันทน์
หลินหลิ่งตงกำลังวาดรูป ใจจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่
ด้านข้างยืนอยู่ด้วยหวางหนันหนันที่สวมชุดเดรสสีดำ เผยให้เห็นถึงความสง่างาม จิบนิ้วเหมือนดอกกล้วยไม้ ช่วยหลินหลิ่งตงฝนหมึกอย่างตั้งใจ ด้วยระดับของเธอ ย่อมไม่สามารถเข้าใจแนวความคิดทางศิลปะที่ลึกซึ้งในภาพวาดของหลินหลิ่งตง
อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเธอที่จะยืนอยู่ตรงหน้าหลินหลิ่งตง แสดงออกอย่างความชื่นชมยินดี
อู๋จุนหาวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
หลินหลิ่งตงไม่ทันสังเกต ยังคงตั้งใจวาดภาพ
แต่เป็นหวางหนันหนันที่ทำท่าเงียบให้กับอู๋จุนหาว
อู๋จุนหาวพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ รออย่างเงียบๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
หลินหลิ่งตงถอนหายใจยาว เก็บพู่กัน รับตราประทับมาจากมือของหวางหนันหนัน ประทับชื่อของตัวเองลงบนภาพอย่างพึงพอใจ
“ภาพวาดนี้ เริ่มมีแนวความคิดทางศิลปะบ้างแล้ว”
“งั้นก็ใส่กรอบ” หวางหนันหันพูด
หลินหลิ่งตงยิ้มกำลังจะตอบ กลับเห็นอู๋จุนหาวที่ยืนรอนานแล้ว
“จุนหาว เป็นอย่างไรบ้าง?”
อู๋จุนหาวยิ้มเจื่อนๆ “เจ้านาย เขายังคงไม่ตอบรับ”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินหลิ่งตงก็หายไปหมดเลย หน้าเศร้าถึงขีดสุด
พู่กันในมือ ก็ร่วงหล่นลงบนรูปภาพที่เพิ่งจะวาดเสร็จ
“ไอ้หยา หลิ่งตงคุณทำอะไรน่ะ? ใช้ทั้งแรงกายแรงใจกว่าจะวาดภาพที่สวยงามแบบนี้ออกมาได้ มาพังเสียแบบนี้!”
หวางหนันหนันใบหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจ รีบหยิบพู่กันออก เก็บภาพวาดขึ้นมา
หลินหลิ่งตงกลับไม่สนใจเลย นั่งลงบนเก้าอี้อย่างเศร้าใจ เกาหัวแล้วกล่าว “ทำไมเขาถึงไม่ตอบรับคำเชิญ หรือว่าฉันหลินหลิ่งตงไม่เข้าตาเขาขนาดนี้นั้นเหรอ?”
“เจ้านาย………”
อู๋จุนหาวอยากจะปลอบ กลับถูกสายตาของหวางหนันหนันสั่งระงับเอาไว้
จากนั้น หวางหนันหนันก็วางภาพวาดในมือลง
เดินไปด้านหลังของหลินหลิ่งตง ช่วยหลินหลิ่งตงนวดขมับ ถามอย่างอ่อนโยน
“ช่วงนี้คุณเป็นอะไร? ทำไมดูวิตกกังวลตลอดเวลา ไม่เหมือนกับหลินหลิ่งตงที่ฉันเคยรู้จักเลย มีเรื่องอะไรคะ สามารถเล่าให้ฉันฟังมั้ย? ฉันสามารถช่วยคุณได้นะ!”
“คุณช่วยไม่ได้หรอก” หลินหลิ่งตงโบกมือ เผชิญหน้ากับหวางหนันหนันเขาไม่อยากแสดงอารณ์ที่ไม่ดี
อู๋จุนหาวกลับพูดอย่างอดไม่ได้ “อาซ้อ ก็เฉินตงประธานของไท่ติ่งที่อยู่เมืองด้านข้างไง เจ้านายให้เกียรติเขา อยากจะเชิญเขามาพูดคุย ได้ส่งบัตรเชิญไปครั้งแล้วครั้งเล่า สิบกว่าครั้งแล้ว เฉินตงคนนั้นไม่เห็นคนอื่นในสายตาเลย ปฏิเสธเจ้านายครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้านายกลุ้มเพราะเรื่องนี้แหละ”
“เฉินตง……..”
ร่างอันบอบบางหวางหนันหนันสั่นสะท้าน มือที่นวดขมับอยู่ก็หยุดลง
ขณะนี้ ในใจเต็มไปด้วยความเศร้า ท่าทางของเธอก็ไม่ธรรมชาติแล้ว
ภาพนี้ ถูกหลินหลิ่งตงเห็นเข้า
เขาโบกมืออย่างหดหู่ “เรื่องนี้คุณช่วยผมไม่ได้หรอก เอาล่ะ อย่าถามเลย เรื่องของผู้ชายให้ผู้ชายจัดการก็พอแล้ว คุณก็อย่ามากังวลเลย”
หวางหนันหนันแววตาสั่นไหว
มองหลินหลิ่งตงที่กำลังเครียด ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้น
“บางที ฉันอาจจะช่วยคุณได้จริงๆ นะ!”