The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 391 ทางเลือกของหวางหนันหนัน
ร่างกายบอบบางของหวางหนันหนันสั่นไหว หัวใจเต้นระส่ำ
เธอรับรู้ถึงความหนาวสะท้านกระดูกที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหลินหลิ่งตงที่อยู่ตรงหน้า
นี่ทำให้เธอรู้สึกราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็ง
“ฮู่…”
หลินหลิ่งตงพ่นลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม
ทว่าเขาปล่อยหวางหนันหนันที่กำลังตกใจและยิ้มออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น จากนั้นจึงมองไปที่อู๋จุนหาว “จุนหาว ไปเชิญพวกเขาเข้ามา ฉันอยากพบพวกเขา”
“ครับ”
อู๋จุนหาวพยักหน้าแล้วหันตัวเดินห่างออกไป
สุดท้ายหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอจึงร้องไห้แล้วเอ่ยว่า “หลิ่งตง คุณฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ เรื่องนี้มัน…”
ยังไม่ทันพูดจบ หลินหลิ่งตงพลันเอ่ยแทรกเสียงแข็งออกมา “ผมเชื่อคุณ ดังนั้นผมจะช่วยคุณแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง”
เปรี้ยง!
หวางหนันหนันรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า เธอยืนนิ่งไม่ไหวติง
แก้ปัญหา?
แก้ปัญหายังไง?
เธอรู้ดีว่าหลินหลิ่งตงเป็นใคร ดังนั้นคำว่า “แก้ปัญหา” ของเขาทำให้เธอเกิดความรู้สึกพรั่นพรึงพุ่งปรี๊ดเข้ามาในหัวของเธอในทันที
ความหนาวสะท้านไล่ขึ้นมาจากฝ่าเท้าของเธอจนถึงหัวกะโหลก
“ตอนนี้ คุณต้องอธิบายเรื่องราวที่ผ่านมาให้ผมฟัง”
หลินหลิ่งตงกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งด้วยท่าทางที่สูงส่งห่างไกล
เขาได้สั่งให้อู๋จุนหาวสืบอดีตของหวางหนันหนัน ทว่าตอนนี้ยังไม่ทันจะสืบอดีตของเธอได้เรียบร้อย พ่อแม่และน้องชายก็โผล่ออกมาพูดจาสาดโคลนให้ร้าย ทำให้คนทั้งเมืองต่างพากันเข้าใจผิดไปหมด
ความอดทนของหลินหลิ่งตงจึงหมดลง เขาจึงตัดสินใจถามหวางหนันหนันโดยตรง
หวางหนันหนันมีสีหน้าสับสน มือทั้งสองของเธอประสานเข้าด้วยกันแน่น
ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนที่เธอจะค่อยๆ เอ่ยปากเล่าเรื่องราวออกมา
เวลาผ่านไปราวสายน้ำไหล
หลินหลิ่งตงคอยฟังอยู่เงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่หว่างคิ้วของเขาค่อยๆ ปรากฏรอยย่นลึกขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนทางด้านหวางหนันหนัน ระหว่างที่เธอกำลังเล่าเรื่องราวอยู่นั้นก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของหลินหลิ่งตงอยู่ตลอด
ชีวิตของเธอเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง เมื่อได้พบกับหลินหลิ่งตง เธอก็เกิดความรู้สึกนับถือในตัวเขาและหลังจากที่ทดสอบเขาเรียบร้อย เธอก็ยอมรับในตัวหลินหลิ่งตง
แต่การเคลื่อนไหวเช่นนี้ของพ่อแม่และน้องชาย กลับกำลังจะทำให้ความฝันแสนหวานของเธอกำลังจะพังทลายลง
นี่ไม่ใช่ฝันหวานที่เธอคิดหวังจะคบแต่กับคนรวยเหมือนอย่างเมื่อก่อน
เธอเพียงฝันจะมีใครสักคนที่จะแต่งงานมีลูกและอยู่ด้วยกันกับเธอไปจนแก่เฒ่า
แต่ยิ่งรอยย่นตรงหว่างคิ้วของหลินหลิ่งตงลึกมากขึ้นเท่าไร ฝันหวานของหวางหนันหนันก็ยิ่งบินห่างออกไปไกลมากเท่านั้น
เมื่อหวางหนันหนันเล่าเรื่องราวทั้งหมดจนจบ
หลินหลิ่งตงก็เงียบขรึมไป
เป็นเช่นนี้อยู่กว่าหนึ่งนาทีกว่าหลินหลิ่งตงจะเอ่ยออกมาว่า “ดังนั้นการที่คุณหย่ากับเฉินตง สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะพ่อแม่และน้องชายของคุณ?”
“ส่วนหนึ่งฉันก็ผิดด้วย” หวางหนันหนันไม่โยนความผิดให้คนอื่น
“คุณก็ผิดจริง”
หลินหลิ่งตงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ไม่สนความผิดถูกเอาแต่ปกป้องมาตลอด คุณคิดว่าคุณกำลังช่วย แต่ในสายตาของพวกเขา คุณก็เป็นแค่คนที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไร ไม่สิ สำคัญตรงที่เป็นแหล่งขุดทองยังไงล่ะ”
แม้จะเอ่ยเบาๆ แต่คำพูดกลับไม่ไว้หน้า
หัวใจของหวางหนันหนันกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง สีหน้าของเธอเริ่มแปรเปลี่ยน
หลินหลิ่งตงค่อยๆ นั่งยืดตัวขึ้น “นับว่าคุณเฉินใจดีมากแล้ว ถ้าเป็นผมน่ะหรือ เหอะๆ…”
เสียงหัวเราะเย็นๆ ทำให้อุณหภูมิในห้องตกวูบลงสู่ความเหน็บหนาว
หวางหนันหนันตกใจจนหน้าถอดสี
หลินหลิ่งตงยกมือขึ้นมาถูใบหน้าของตน “ตอนที่แม่ของคุณวางแผนหลอกเอาเงินของคุณเฉินไปมากขนาดนั้น พอครอบครัวของคุณแยกตัวออกไปแล้ว พวกคุณตัดขาดกันได้ยังไง?”
หลินหลิ่งตงไม่ใช่คนโง่
แม้ว่าเมื่อครู่นี้หวางหนันหนันจะพยายามอธิบายอย่างละเอียด แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าในคำพูดของหวางหนันหนันมีบางตอนที่ขาดหายไป
และแน่นอนว่า หวางหนันหนันไม่ได้เล่าเรื่องราวบางส่วนออกมาจริงๆ
เช่นเรื่องของเฉินเทียนเซิง!
“หลังจากที่ออกจากเมืองนั้นมาแล้ว ฉันก็ผิดหวังกับครอบครัวของฉันมาก”
สีหน้าของหวางหนันหนันหมดอาลัยตายอยาก “ฉันไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่พวกเขาได้เงินมาจากเฉินตงและกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืนแล้ว พวกเขาจะเปลี่ยนไป แม่ของฉันเริ่มกลายเป็นผีพนัน ยิ่งเล่นก็ยิ่งถลำลึก น้องชายของฉันเที่ยวเสเพลไปตามสถานบันเทิงทั้งวัน ส่วนพ่อดีกว่าคนอื่นหน่อย แต่ก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรแม้ว่าครอบครัวจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหนก็ตาม”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำตาของหวางหนันหนันก็เอ่อทะลักออกมาไม่หยุด
“ผมเข้าใจดีว่าครอบครัวนั่นเละเทะและไร้ทางเยียวยาแค่ไหน ผมเองก็คงไม่อยากให้พ่อแม่และน้องชายของตัวเองทวงบุญคุณบังคับให้ทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ ให้เราไปคบคนรวยๆ เพื่อให้เป็นแหล่งสมบัติของพวกเขา และพอเราบาดเจ็บ พวกเขาก็หาแต่ความสุขใส่ตัว ครอบครัวแบบนั้นเคยรักกันที่ไหน”
หวางหนันหนันเงยหน้ามองตาของหลินหลิ่งตง เธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา “ดังนั้น ฉันเลยตัดขาดทุกอย่างกับพวกเขา และออกจากเมืองที่พวกเขาอยู่ จากนั้นจึงมาที่เมืองหลิ่งตงแล้วรู้จักกับคุณ”
“หึหึ อย่างนั้นก็คงเป็นโชคดีของผม”
หลินหลิ่งตงแค่นหัวเราะ มือทั้งสองถูหน้าของตนอย่างแรง “จริงๆ เป็นโชคดีจริงๆ”
หวางหนันหนันก้มหน้าแล้วแอบเช็ดน้ำตา น้ำตาของเธอเปรอะไปทั่วหน้า
เธอฟังออกว่าหลินหลิ่งตงกำลังเยาะเย้ย และเพราะเสียงเยาะเย้ยนี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
ทันใดนั้น
ฝ่ามือใหญ่ๆ สัมผัสบนไหล่ของหวางหนันหนัน
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงต้องพูดสาดโคลนอีก”
“อะไรนะคะ?” ดวงตาที่หวางหนันหนันมองหลินหลิ่งตงมีม่านน้ำตาบดบัง
“ไม่มีเงินแล้วน่ะสิ”
ริมฝีปากของหลินหลิ่งตงหยักยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ผมขอถามคำถามคุณข้อเดียว คุณจะเลือกผมหรือเลือกพวกเขา ถ้าเลือกผม ต่อไปไม่ว่าจะจัดการอย่างไรผมจะไม่ถามคุณ แต่ถ้าเลือกพวกเขา ต่อไปผมจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจ และคุณก็ไปกับพวกเขาซะ”
หวางหนันหนันชะงักงัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลินหลิ่งตงจะตัดสินใจได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
เลือกหนึ่งในสอง จะเลือกอย่างไรดี?
ตอนที่เธอตัดขาดกับพ่อแม่และน้องชาย ความเจ็บปวดที่เธอสัมผัสนั้นยากที่จะหาคำพูดใดมาอธิบายได้
ทว่าตอนนี้ คำถามที่หลินหลิ่งตงโพล่งออกมา แน่นอนว่าทำให้เธอต้องสัมผัสกับความเจ็บปวดแบบในครั้งนั้นอีกครั้ง
“เลือกมา!”
น้ำเสียงของหลินหลิ่งตงเย็นชาอย่างถึงที่สุดแล้วในตอนนี้
เขาเป็นราชาใต้ดินเมืองหลิ่งตง เป็นผู้นำอย่างแท้จริง
เมื่อการโต้เถียงในใจจบลงและตัดสินใจทุกอย่างได้แล้ว ก็จะรีบถอนตัวเองออกมาโดยเร็ว นี่คือนิสัยของคนเป็นผู้นำ
คนโง่ที่ตกอยู่ในวังวนของความเห็นอกเห็นใจ ไม่มีทางเป็นผู้นำได้
ผ่านไปครู่ใหญ่
หวางหนันหนันจึงกัดริมฝีปากแดงระเรื่อแล้วเอ่ยว่า “ฉันเลือกคุณ”
“ดี!”
หลินหลิ่งตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขาก้มตัวลงจูบบนริมฝีปากของหวางหนันหนันเบาๆ “งั้นต่อจากนี้ ไม่ว่าผมจะทำอะไร คุณจะว่าผมไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแล้ว”
หวางหนันหนันเงียบไม่ตอบ
แต่ดวงตาของเธอบวมแดงยิ่งกว่าเดิม มือทั้งสองของเธอประสานกันไว้แน่น
ต่อจากนี้ หลินหลิ่งตงจะทำอะไรกับพวกเขา?
ในหัวของเธอมีคำถามนี้ลอยวนเวียนไปมาจนไม่อาจสงบจิตใจลงได้
ผ่านไปสิบนาที
ตึ้งๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
หลินหลิ่งตงเหลือบไปมองหวางหนันหนันคราหนึ่ง จากนั้นจึงนั่งลงด้วยสีหน้าเย็นชาด้านหลังโต๊ะทำงาน
หลังจากนั่งลงแล้ว ปฏิกิริยาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นปลิดทิ้ง
เขาทำหน้าราวกับกำลังจะยกภูเขา หว่างคิ้วของเขาขมวดแน่นอย่างน่าหวาดกลัว
ประตูเปิดออก
สายตาของหวางหนันหนันมองไปยังประตู
อู๋จุนหาวเดินนำเข้ามา “เจ้านาย พวกเขามาแล้วครับ”
คนที่เดินตามอู๋จุนหาวเข้ามาก็คือ หวางเต๋อ จางซิ่วจือและหวางเห้า
ทว่า
เมื่อจางซิ่วจือก้าวเข้าประตูมา แล้วเห็นหวางหนันหนัน ก็ถลึงตาใส่อย่างมาดร้าย
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอาฆาต แล้วตั้งท่าจะพุ่งตรงเข้าใส่หวางหนันหนัน “นังเด็กบ้า ฉันหาแกอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็วิ่งแจ้นมาเป็นนกน้อยในกรงทองอยู่ที่นี่เองเหรอ?”