The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 392 เหนือคนเลวย่อมมีคนที่เลวกว่า
หวางหนันหนันหน้าซีดเผือด
เมื่อต้องประจันหน้ากับจางซิ่วจือที่กำลังเดือดดาล เธอก็ลุกขึ้นถอยหลังหนี
และในตอนนั้นเอง
มีฝ่ามือหนึ่งยื่นออกมาขวางจางซิ่วจือเอาไว้ แล้วออกแรงดันจางซิ่วจือกลับไปยืนยันตำแหน่งเดิม
“ปัดโถ่ ไสหัวไปเลยนะ ฉันจะตีลูกสาวตัวเอง แกยังมีหน้ามาขวางอีกเหรอ?”
จางซิ่วจือเดือดดาลชี้หน้าด่าอู๋จุนหาวอย่างหัวร้อน “อย่ามาขวางทางฉันนะ เรื่องในบ้านคนนอกอย่ายุ่ง ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
“เจ้านายครับ”
อู๋จุนหาวยังไม่ได้วางมือลง แต่กลับมองไปที่หลินหลิ่งตงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ตบปาก!”
หลินหลิ่งตงนั่นอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ แล้วเอ่ยสองคำนี้ออกมาอย่างไร้ความรู้สึก
ประโยคนี้ทำให้หวางหนันหนันตกใจ
จางซิ่วจือชะงักไปก่อนที่จะเบิกตาจ้องเขม็ง “แกเป็นใคร ฉันจะตีลูกสาวตัวเอง เกี่ยวอะไรกับแก…”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือของอู๋จุนหาวกระทบบนใบหน้าของจางซิ่วจือ
อย่างรุนแรง
จนในหูเกิดเสียงดังวิ้งๆ ขึ้น
เมื่อจางซิ่วจือโดนตบอย่างกะทันหัน ร่างกายก็เสียสมดุลจนเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างมึนงง
ฝ่ามือเมื่อครู่นั้น
ทำให้หวางหนันหนันตกใจจนยกมือขึ้นมาปิดปากตนเองไว้
ตอนนี้สีหน้าของหวางเต๋อเปลี่ยนไป
หลังจากที่หวางเห้าหายตกใจแล้ว เขาก็พุ่งเข้าใส่อย่างอู๋จุนหาวอย่างเดือดดาล
“มึงกล้าดียังไงมาตบแม่กู วันนี้กูกับมึงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”
และในตอนที่หวางเห้าพุ่งตัวเข้าใส่อู๋จุนหาวนั้น
หลินหลิ่งตงก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “อย่าหยุด!”
ริมฝีปากของอู๋จุนหาวปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็น ราวกับสัตว์ร้ายแล้วพุ่งเข้าใส่หวางเห้าอย่างไม่ลังเล
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ลูกน้องของอู๋จุนหาวที่อยู่ตรงปากประตูก็เข้ามาล้อมหวางเห้าเอาไว้
ส่วนหวางเห้านั้นเดิมทีก็ไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ ตอนนั้นจึงอาศัยเพียงความกล้าหาญของตัวเองแต่เพียงอย่างเดียว จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของอู๋จุนหาวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเริ่มเผชิญหน้ากัน
เกิดเสียงเพี๊ยะดังขึ้น
หวางเห้าโดนอู๋จุนหาวตบคว่ำลงไปกองอยู่บนพื้น
และไม่รอให้หวางเห้าได้ทันลุกขึ้น ลูกน้องที่ตามเข้ามาก็พากันเข้าไปล้อมหวางเห้าเอาไว้แล้วรุมกระทืบ
เสียงร้องโอดครวญดังสะท้อนไปทั่วบริเวณห้อง
“หยุดนะ พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
จางซิ่วจือตกใจจนหน้าถอดสีไม่เหลือร่องรอยของการหาเรื่องอย่างในตอนแรก เธอคลานเข้าไปหาคนกลุ่มนี้อย่างร้อนรนด้วยความอยากปกป้องลูกชายตนเอง จึงเอาตัวไปนอนขวางอยู่บนตัวหวางเห้า
ฝ่ามือและฝ่าเท้าที่พุ่งสู่หวางเห้า ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปรุมกระทืบลงบนร่างของจางซิ่วจือแทน
สองแม่ลูกร้องโอดโอย ราวกับหมูถูกเชือด
หวางหนันหนันมองภาพที่น่าหวาดกลัวนี้ด้วยใบหน้าซีดเผือด
เธอไม่คิดเลยว่าหลินหลิ่งตงจะใช้วิธีที่เด็ดขาดขนาดนี้
ใบหน้าของหวางเห้ากับจางซิ่วจือฟกช้ำ หวางเห้าหนักกว่าตรงที่มีเลือดไหลกลบปาก
หวางหนันหนันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จึงก้าวเข้ายืนอยู่ข้างๆ หลินหลิ่งตง
เธอกำลังจะเอ่ยปาก
หลินหลิ่งตงกลับหันมามองหวางหนันหนัน “คุณเลือกผม!”
คำพูดที่เรียบง่ายนี้กลับคล้ายเป็นใบมีดคมปลาบ ที่ทำให้หวางหนันหนันไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากพูดอะไรออกไป
สีหน้าของหวางเต๋อหม่นหมองและซีดเผือด
เมื่อเห็นหวางเห้ากับจางซิ่วจือโดนทำร้ายเช่นนี้กลับไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาไร้อารมณ์
“ไปตายซะ ทำร้ายกันปางตายแบบนี้ นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนไร้กฎหมาย…”
จางซิ่วจือร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วร้องออกมาอย่างโหยหวน “หวางเต๋อ แกมันตายด้านไปแล้ว เมียกับลูกจะโดนกระทืบตายอยู่แล้ว ยังไม่คิดจะช่วยกันอีก?”
แววตาของหวางเต๋อเริ่มวิบไหว สุดท้ายจึงได้สติกลับคืนมา
เขาเดินเข้าไปหาหลินหลิ่งตงกับหวางหนันหนัน
เขาเหลือบไปมองหวางหนันหนันก่อน ก่อนที่จะหันไปมองหลินหลิ่งตง
“ขอโทษด้วยครับคุณหลิน พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตลูกเมียของผมด้วย”
“ไว้ชีวิต?”
หลินหลิ่งตงแค่นหัวเราะเย้ยหยัน “ตอนที่พวกคุณพูดให้ผมเสื่อมเสีย เคยคิดด้วยหรือว่าจะยังมีชีวิตรอดต่อไป?”
หลินหลิ่งตงเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมา “ก็ได้ ถ้ายังไม่อยากตาย ก็คุกเข่าขอร้องสิ!”
ดวงตาของหวางหนันหนันกระตุก คำพูดจุกอยู่ข้างใน
หวางเต๋อยิ้มอย่างสลดใจ แล้วเหลียวกลับไปมองหวางเห้ากับจางซิ่วจือที่ถูกรุมทำร้ายและกำลังร้องโอดโอย
สุดท้าย ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเทาก่อนที่จะคุกเข่าลงไปกับพื้น
“พ่อ!”
หวางหนันหนันก้าวอาดออกมาแล้วพยุงหวางเต๋อเอาไว้ เธอหันไปร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วเอ่ยกับหลินหลิ่งตงว่า “หลิ่งตง เขาเป็นพ่อของฉัน ได้โปรดอย่าทำให้เขาต้องลำบากใจเลย”
“คุณไม่ได้ตัดขาดกับเขาแล้วหรือ” แววตาของหลินหลิ่งตงปรากฏความน่าขนหัวลุกออกมา
หวางหนันหนันพูดไม่ออก เธอกัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันยังไม่ได้ตัดขาดกับพ่อค่ะ เขายังคงเห็นฉันเป็นลูกสาวอยู่”
“อ้อ?”
หลินหลิ่งตงอุทานออกมาอย่างแปลกใจ แล้วมองหวางเต๋ออย่างห่างเหิน
จากนั้นเขาจึงยกมือขวาขึ้นโบก “จุนหาว พอก่อน”
อู๋จุนหาวกับลูกน้องต่างหยุดการลงมือแล้วถอยหลังออกไป
ทิ้งให้หวางเห้ากลับจางซิ่วจือนอนใบหน้าฟกช้ำ เลือดกบปากอยู่บนพื้น
ผมเผ้าของจางซิ่วจือยุ่งเหยิง สายตาของเธอเลื่อนลอย
เห็นได้อย่างชัดเจนว่ายังไม่หายจากความหวาดกลัวที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่
“แม่ เสี่ยวเห้า”
หวางเต๋อดันตัวเองออกมาจากการประคองของหวางหนันหนัน แล้วเดินโซเซไปยังจางซิ่วจือกับหวางเห้า
เสียงร้องเรียกนี้เองที่ทำให้จางซิ่วจือคล้ายถูกไฟช้อตจนได้สติกลับคืนมา
ทันใดนั้นเอง
“อ้า! หวางเต๋อ ไอคนไร้ประโยชน์!”
จางซิ่วจือแผดเสียงออกมาแล้วกระชากคอเสื้อของหวางเต๋อเอาไว้ เธอร้องไห้ มือเท้าทุบตีไปที่หวางเต๋อ
“ไร้ประโยชน์ ลูกเมียโดนทำร้ายแบบนี้ยังยืนมองหน้าตาเฉย ไปตายซะ!”
“เวรกรรมแท้ๆ ทำไมฉันถึงซวยขนาดนี้ ทำไมเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย?”
“ลูกสาวก็มาหนีไป ลืมแม่แท้ๆ ของตัวเอง สามีก็ทำตัวไร้น้ำยาแบบนี้อีก”
เธอแผดเสียงสนั่นและทุบตีอย่างคลุ้มคลั่ง
สีหน้าของอู๋จุนหาวกับลูกน้องไม่มีความรู้สึกใดๆ
แต่หลินหลิ่งตงกลับหัวเราะอย่างเหยียดหยาม เขาใช้มือขวาทุบโต๊ะเพื่อขัดจังหวะเสียงร้องโหวกเหวกของจางซิ่วจือ
“จำเอาไว้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนันหนันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกแกอีก ถ้ายังสร้างเรื่องรนหาที่อีก คนอย่างหลินหลิ่งตงจะฝังพวกแกเอง”
ความอำมหิตเช่นนี้ ทำให้อุณหภูมิในห้องลดฮวบไปจนถึงจุดเยือกแข็ง
สีหน้าของจางซิ่วจือเปลี่ยนไป ใบหน้าของเธอเริ่มปรากฏความตื่นตระหนก
“แม่…”
หวางเห้าเจ็บหนัก ตอนนี้จึงดึงจางซิ่วจือเอาไว้อย่างหวาดกลัว
ทันใดนั้นเอง
สายตาของจางซิ่วจือก็เบนไปที่หวางหนันหนัน แววตาของนางปรากฏความคลุ้มคลั่งขึ้นมา
“หวางหนันหนัน แกเต็มใจเป็นนกน้อยในกรงทองก็เรื่องของแก แกเป็นแค่ของที่เอาไว้แลกเงิน ฉันไม่สนใจแกหรอก!”
จางซิ่วจือเอ่ยอย่างจริงจัง เธอแผดเสียงแหลม “แต่ฉันเป็นแม่ของแก เป็นแม่ที่เลี้ยงดูแกมาจนโต ตอนนี้แกจะปล่อยให้พวกเราไปตายแบบนี้เหรอ?”
“พวกแกไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว!”
หลินหลิ่งตงแผดเสียงตวาด
“เหลวไหล!”
จางซิ่วจือเริ่มเสียสติ มือขวาของเธอโบกไปมา “ตัดขาดบ้าอะไร เลือดเนื้อในตัวของหวางหนันหนันมีเลือดแม่อยู่ด้วย ถ้าคิดจะตัดขาดกันจริง ต้องมานอนตายอยู่ตรงหน้าฉันก่อน”
ร่างบอบบางของหวางหนันหนันสั่นไหว เธออดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกจึงร้องไห้ออกมา
แต่เธอก็กัดฟันเอาไว้ ไม่ยอมให้เสียงเล็ดลอดออกมา
ตึ้ง!
จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่น
หลินหลิ่งตงเอามือตบโต๊ะพลางลุกขึ้นยืน เขาแผดเสียงตวาดที่น่าขนหัวลุกออกมา “ยายแก่ แกคิดว่าราชาใต้ดินเมืองหลิ่งตงทนเห็นการหลั่งเลือดไม่ได้หรือไง”
หวางเห้ากับหวางเต๋อพากันสะดุ้งตกใจและปิดปากเงียบสนิท
แต่จางซิ่วจือกลับชูคออย่างไม่กลัวตายแล้วเถียงออกไปอย่างเสียสติ “งั้นแกก็ฆ่าฉันเลยสิ ยังไงอีแก่คนนี้ก็เป็นหนี้เขาอยู่หลายแสนอยู่แล้ว แกฆ่าฉัน ปัญหาทุกอย่างก็ถือว่าจบลงเสียที”
สีหน้าของหลินหลิ่งตงหม่นหมองอย่างถึงที่สุด
“เจ้านาย…” อู๋จุนหาวมองไปที่หลินหลิ่งตนอย่างไร้ความรู้สึกใดเพื่อสอบถาม
หากราชาใต้ดินต้องการชีวิตของคนสักสองคน ก็ง่ายเพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้น
แต่หลินหลิ่งตงไม่ทันตอบ
จางซิ่วจือที่นอนกองอยู่บนพื้นก็เริ่มแผดเสียงออกมาอีก
“ถ้าแกอยากให้ฉันตัดขาดกับแม่ตัวแลกเงินนี่ก็ได้ แต่ต้องเอามาสิบล้าน! แล้วตระกูลหวางของพวกเราจะไม่ข้องเกี่ยวกับนังเด็กนี่ไปอีกตลอดชีวิต!”
“สิบล้าน?” หลินหลิ่งตงหรี่ตา
“มากไปเหรอ? แกเป็นถึงราชาใต้ดินเมืองหลิ่งตง เงินแค่นี้คงไม่มากเกินไปหรอกมั้ง”
จางซิ่วจือแยกเขี้ยวยิ้มอย่างได้ใจ “ฉันจะได้เอาเงินสิบล้านนี้แบ่งไปใช้หนี้สักสองสามแสน ส่วนเงินที่เหลือจะได้เก็บเอาไว้ใช้ในงานแต่งของลูกชายฉัน ขาดไปแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็อย่าหวังว่าเรื่องจะจบง่ายๆ”
“หึหึ…ผมนับถือคุณจริงๆ ที่กล้าขู่ผม!”
หลินหลิ่งตงขมวดคิ้วแน่น ดวงตาหรี่เล็กของเขาพุ่งตรงไปยังหวางเห้า จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก “จุนหาว ตัดขาลูกชายของมันทั้งสองข้างแล้วเอาไปโยนทิ้งซะ ถ้าต่อไปยังกล้ามาต่อปากต่อคำหรือมาวุ่นวายกับหนันหนันอีก เจอหนึ่งครั้งเท่ากับตัดขาหนึ่งข้าง!”