The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 397 ความบ้าคลั่งของจางซิ่วจือ
เขตชานเมือง
บนถนนรกร้างสายหนึ่ง
รถแท็กซี่คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วจี๋
เอี๊ยด!
รถหยุดลง
“ไสหัวลงไป!”
จางซิ่วจือกับหวางเต๋อถูกผลักลงรถอย่างไม่ไยดี
คนทั้งสองกลิ้งอยู่หลายตลบบนพื้น ก่อนจะหยุดกลิ้งลงบริเวณพงหญ้ารกร้างข้างถนน
พยายามอยู่พักใหญ่กว่าจะแกะเชือกที่มัดมือเอาไว้อย่างไม่แน่นนักออกได้
เมื่อจางซิ่วจือพลิกตัวขึ้นมาได้ก็เริ่มก่นด่าขึ้นอีก “ไม่ตายดีแน่ พวกแกทุกคนไม่ได้ตายดีแน่! ถ้าฉันโดนพวกทวงหนี้ฆ่าตาย พวกแกทุกคนจะกลายเป็นผู้ร่วมมือ!”
หวางเต๋อนั่งอยู่บนพงหญ้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดวงตาของเขาสิ้นหวัง
ผู้ร่วมมือ?
น่าหัวเราะ!
ภัยพิบัติยังสามารถหลีกพ้น แต่บาปกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นไม่มีทางหนีพ้น
เขากับจางซิ่วจือร่วมหัวจมท้ายกันมากว่าสิบปี ตอนนี้กลับรู้สึกว่าภรรยาของตนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความคิดอ่านทุกอย่างพังทลายไปหมด
เงินหลายสิบล้านอยู่ในมือ หากใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็สามารถอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ไปได้ตลอดชีวิต
แต่สำหรับจางซิ่วจือแล้ว จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน?
ใช้เงินหลายสิบล้านอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนหมดเกลี้ยง แถมยังติดหนี้อีกหลายแสน
บาปกรรมที่ตนเองก่อเช่นนี้ จะไปโทษคนอื่นได้อย่างไร?
ตุ้บ!
จางซิ่วจือที่กำลังเดือดดาลสุดขีดยกขาถีบหวางเต๋อเต็มแรง “คนเฮงซวย ทำไมแกไม่ตายๆ ไปซะ เป็นผู้ชายทั้งแท่ง ทำไมถึงสู้ผู้หญิงอย่างฉันไม่ได้ เมื่อกี้ทำไมไม่รู้จักลงมือสู้กับพวกมันบ้าง?”
หวางเต๋อหัวเราะ
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด และน้ำตา
เขายืนขึ้นช้าๆ
เขามองจางซิ่วจืออย่างสลดใจและสิ้นหวัง หัวใจของเขาราวกับถูกฉีกสลายไปเป็นเสี่ยงๆ
“พอแล้ว! พอได้แล้ว!”
หวางเต๋อร้องไห้ พลางแผดเสียงสูง “เธอทำลายครอบครัวเราพังหมดแล้ว พังทลายด้วยมือของเธอคนเดียว ลูกสาวแต่งงานมีครอบครัวที่ดี แต่เป็นเพราะเธอที่ลำเอียงหวังแต่จะช่วยเสี่ยวเห้า และเอาแต่ใช้ให้หนันหนันขอเงินเฉินตงตลอด ไม่สนใจไยดีความเป็นตายของแม่เขา ตั้งแต่เล็กยันโตเธอสอนลูกสาวและบีบบังคับแบบนี้มาตลอด ตอนนี้ทุกอย่างมาเอาคืนเธอแล้ว!”
ระหว่างที่แผดเสียง ดวงตาของหวางเต๋อเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
อารมณ์ของเขาเริ่มฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นความดุร้ายที่ยากจะได้เห็น
เพี๊ยะ!
หวางเต๋อยกมือขึ้นตบหน้าจางซิ่วจือเต็มแรง
พละกำลังรุนแรง ทำเอาจางซิ่วจือซวนเซไปด้านหลังจนแทบจะล้มลงกับพื้น หน้าครึ่งซีกของเธอบวมช้ำ
“เธอมันเสียสติ ครอบครัวอยู่กันดีๆ เธอกลับทำลายทุกอย่างจนพัง! ตอนนี้เธอยังจะเอาหน้าที่ไหนมามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก? ทำไมเธอไม่ตายไปให้พ้นๆ สักที?”
จางซิ่วจือไม่เข้าใจอะไรเลย
ที่ผ่านมาหวางเต๋อเชื่อฟังคำสั่งเธอมาตลอด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เธอคิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นได้
ชะงักงันไปหลายวินาที
จางซิ่วจือกลับแผดเสียงแหลมขึ้นมาอีก “แกตบฉันหรอ แกว่าฉันหรอ แถมยังไล่ให้ฉันไปตายอีก? หวางเต๋อ แกยังเป็นผู้ชายอยู่อีกไหม ครอบครัวเป็นแบบนี้แต่แกกลับไล่เมียไปตาย แล้วทำไมแกไม่ไปตายเองล่ะ คนที่สมควรตายคือแก!”
ระหว่างที่ตะโกนด่า ท่าทางของจางซิ่วจือราวกับคนเสียสติ เธอพุ่งเข้าใส่หวางเต๋อแล้วโบกมือเปะปะข่วนหน้าของเขา
สีหน้าของเธอเดือดดาลขบฟันแน่น
“ฉันทนมาพอแล้ว!”
หวางเต๋อผลักจางซิ่วจือออก “เราหย่ากัน!”
ประโยคที่เย็นชา แสดงถึงความสิ้นหวังอย่างถึงขีดสุด
เมื่อพูดจบ หวางเต๋อก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่หยุดฝีเท้า
จางซิ่วจือรู้สึกเลอะเลือน
เธอยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ เหม่อมองหวางเต๋อที่เดินห่างออกไปอย่างไม่ไยดี
“หย่า” คำเดียวสั้นๆ ที่ดังวนเวียนอยู่ในหูของเธอราวเสียงปีศาจ
สีหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นความวุ่นวาย หวาดกลัว
หย่าเหรอ?
อยู่กันมาตั้งหลายปีแล้ว จะหย่ากันได้ยังไง?
แต่ด้วยนิสัยชอบข่มเหงของเธอ ก็ยังคงทำให้เธอยกนิ้วชี้หวางเต๋อพลางตะโกนด่า “หวางเต๋อ แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย แกคิดจะหย่ากับฉันหรอ ฝันไปเถอะ ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ หย่ากับฉัน แกจะได้ไม่ต้องแบกภาระหนี้หลายแสนใช่ไหม แกอยากให้ฉันแบกทุกอย่างเอาไว้คนเดียว ไอ้เวร! ต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะเอาแกฝังลงหลุมไปด้วยกัน!”
“เห๊อะ…”
พอหวางเต๋อได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเย้ยออกมาด้วยสีหน้าหมองหม่น
เมื่อความเศร้าสลดทำเอาหัวใจตายด้าน ความทรงจำครั้งสุดท้ายถูกแผดเผาไม่เหลือชิ้นดี เรื่องราวทั้งหมดจึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีค่าให้จดจำ
“กลับมาเดี๋ยวนี้ แกไม่ได้ตายดีแน่ กลับมาเดี๋ยวนี้!”
จางซิ่วจือคุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาเอ่อทะลักออกมา เธอกัดริมฝีปากแน่น “ฉันทำอะไรผิด? ถ้าฉันไม่ทำเพื่อครอบครัว แกคิดว่าฉันอยากทำหรือไง ต้องโทษคนเส็งเคร็งปลิ้นปล้อนอย่างเฉินตงสิ! ปากก็บอกว่าแม่ของมันตายแล้ว แล้วสุดท้ายล่ะ?”
ร้องไห้จนถึงที่สุด ดวงตาของจางซิ่วจือพลันเปล่งประกาย
เธอยิ้มขึ้นมาราวคนเสียสติโดนผีสิง
“ใช่แล้ว ยังมีแม่ของมัน! นางแพศยาหลี่หลาน ควรตายแต่ไม่ยอมตาย ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ถึงฉันจะไม่ได้เจอเฉินตง แต่ก็คงจะมีทางเจอนังแพศยาหลี่หลานนั่นได้นี่?”
“ที่ครอบครัวของฉันเป็นแบบนี้เป็นเพราะฝีมือของเฉินตง คนที่นางหลี่หลานสอนมาเองกับมือ รอให้ฉันได้เจอนางหลี่หลานก่อนเถอะ เงินก้อนนี้ก็คงจะเหมาะสมแล้ว!”
จางซิ่วจือคล้ายคว้าหมากตัวสุดท้ายที่จะสามารถช่วยชีวิตตนเอาไว้ได้
อารมณ์ที่เศร้าหมองของเธอกลับมาสดใสอีกครั้ง
เธอเช็ดน้ำตาออกอย่างรุนแรง แล้วมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมือง
เธอรู้ดีว่าเฉินตงกตัญญูต่อหลี่หลานที่สุด ถ้าบีบบังคับเฉินตงไม่ได้ ก็แค่ไปบีบบังคับหลี่หลาน แน่นอนว่าต้องหาเงินได้อย่างแน่นอน!
ยิ่งคิด จางซิ่วจือก็ยิ่งตื่นเต้น
ถึงขั้นทำให้เธอลืมเรื่องที่หวางเต๋อเอาตัวรอดทิ้งเธอไปคนเดียว
ทว่า
ความตื่นเต้นยินดีของเธอ ความหวังที่จะได้หลุดออกจากความสิ้นหวังนี้พลันมลายหายไปตอนดวงอาทิตย์ตกดิน
“ตายแล้ว? นางแพศยานั่น ตายไปได้ไง?”
จางซิ่วจือไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ได้ยินจากโทรศัพท์ ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ
เมื่อเธอกลับเข้าไปในเมือง เธอก็ขอให้เพื่อนเก่าๆ ของเธอช่วยสืบข่าวให้
แต่เนื้อหาของข้อความที่ตอบกลับมากลับทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อ
นางแพศยาหลี่หลานนั่นตายแล้ว แล้วเธอจะเอาอะไรไปบีบบังคับเฉินตงได้?
“เป็นไปไม่ได้ จะต้องมีทางออกแน่”
จางซิ่วจือเดินอย่างหมดสภาพอยู่ข้างถนน ทำให้คนที่ผ่านไปมาต่างคิดว่าเธอเป็นคนบ้า จึงพากันถอยห่าง
ทว่าจางซิ่วจือยังไม่ทันคิดวิธีได้
เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นมา
เมื่อเห็นเบอร์โทรในมือถือ จางซิ่วจือก็แทบจะเสียสติ
“ทวงหนี้! ทวงหนี้หาแม่แกสิ จะให้ฉันแขวนคอตายไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอ?”
จางซิ่วจือขบฟันแน่น แต่จำใจต้องรับสาย
“จางซิ่วจือ ฉันไม่สนใจว่าแกจะทำยังไง ต่อให้ต้องขาย ก็ต้องเอาเงินมาคืนให้ได้ภายในสิบวัน ไม่งั้นฉันจะเอาลูกสาวกับลูกชายแกไปขาย แล้วก็จับแกกับผัวฆ่าทิ้งซะ!”
ปั้ง!
ไม่รอให้จางซิ่วจือตอบกลับ อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้วด้วยความอำมหิต
และเพราะสายที่โทรเข้ามานี้เอง ทำให้สถานการณ์คล้ายดำเนินมาจนถึงฟางเส้นสุดท้ายแล้ว
ทันใดนั้นเองประสาทสัมผัสของจางซิ่วจือจึงบีบตัวเขม็งขึ้นมา
เธอไม่สนใจหวางหนันหนัน และไม่สนใจหวางเต๋ออีก
เธอสนใจแต่ความเป็นตายของตัวเอง เพราะเธอกลัวความตาย
แต่เธอสนใจหวางเห้า เพราะนั่นคือลูกของเธอ
“มีวิธี ต้องมีวิธีสิ”
ความหวาดกลัว ความบ้าระห่ำกระจุกตัวขึ้นมา มือทั้งสองข้างของจางซิ่วจือบีบมือถือแน่น เธอเดินวนไปวนมา ปากบ่นพึมพำกับตัวเอง
และตอนนั้นเอง
เธอหยุดฝีเท้าลง ความวุ่นวายในดวงตาของเธอหายไปกลายเป็นความสดใสขึ้นมาแทน
“บีบบังคับคนเป็นไม่ได้ แต่จะบีบบังคับคนตายไม่ได้เชียวเหรอ?”
เมื่อคนเราอยู่ในความจนตรอกไร้หนทาง แม้หนทางจะเสี่ยงแค่ไหนก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปซะทั้งหมด
หรืออาจจะเป็นแค่ความคิดที่คิดขึ้นมาเพียงชั่ววูบ
เขตวิลล่าเขาเทียนซาน
เฉินตงกำลังกินข้าวกับครอบครัวอย่างมีความสุข
นี่เป็นอาหารมื้อแรกหลังจากกลับมาถึงบ้าน ก่อนหน้านี้มีแต่ความมืดมน ถึงเวลาที่จะฉลองแล้ว
แต่ว่า
มือถือของเฉินตงได้รับข้อความข้อความหนึ่ง
บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์พลันหยุดชะงัก
ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเฉินตง และรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่หนาวสะท้านเข้าไปถึงกระดูก
เฉินตงหรี่ตา จ้องเขม็งไปที่มือถือไม่ไหวติง
เนื้อหาในข้อความนั้นง่ายมาก
“เฉินตง นี่จางซิ่วจือ ส่งเงินมาให้ฉันหนึ่งร้อยล้าน ไม่งั้นฉันจะขุดหลุมฝังศพของแม่แก! และเอากระดูกของแม่แกมาโปรยเป็นเถ้าถ่าน!”