The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 413 ท่านหลงร้องไห้
บนโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
หงหุ้ยดำรงอยู่มากว่าสองร้อยปี ไม่มีทางที่จะโง่เขลาถึงขนาด จู่ๆ จะเชิญบรรพบุรุษจากที่อื่นเข้ามากราบไหว้ได้ง่ายๆ
แน่นอนว่าจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
ไม่ว่าจะมาช้าหรือเร็ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนเช่นไรเท่านั้น
เรื่องนี้ เฉินตงรู้ดีแก่ใจ
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาไม่เลือกก็คงไม่ได้
ฉินเย่เป็นพี่น้องของเขา และเป็นคนที่ควบคุมดูแลเงินหมื่นล้านหยวนของเขา
มหาอำนาจทั้งห้าแห่งร่วมมือกันเล่นงาน ถ้าปล่อยให้หงหุ้ยใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี ฉินเย่ไม่มีทางที่จะรับมือได้แน่นอน
นี่เกี่ยวพันถึงฉินเย่ และเกี่ยวพันถึงการส่งกระดาษคำตอบของเขาให้ตระกูลเฉิน ในอีกหนึ่งปีให้หลังนี้ด้วย
เขาไม่กล้าเดิมพัน หากเดิมพันแพ้ ทุกอย่างก็ต้องจบสิ้นทั้งหมด
ดังนั้น จึงเลือกได้เพียงแค่ยอมเข้าร่วม เพื่อหาหนทางรอดให้กับฉินเย่
หากมมีการโจมตีจากหงหุ้ย โอกาสที่ฉินเย่จะพลิกสถานการณ์นั้น ก็จะยิ่งมากขึ้น
เมื่อกลับไปถึงเขตวิลล่าเขาเทียนซาน ก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว
หลังจากเฉินตงจอดรถเสร็จเรียบร้อย และเดินเข้าไปในการ ก็พบเข้ากับกู้ชิงหยิ่ง
“เปลี่ยนรถตั้งแต่เมื่อไหร่?”
กู้ชิงหยิ่งขยับจมูก และเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ยืมคนอื่นมา เมื่อครู่เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” เฉินตงกำลังกังวลเรื่องหงหุ้ย จึงพูดอธิบายผ่านๆ ออกมาหนึ่งประโยค จากนั้นจึงเรียกท่านหลงขึ้นไปบนดาดฟ้า
กู้ชิงหยิ่งหยุดยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าดูซับซ้อน แล้วพึมพำด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “กลิ่นของผู้หญิง……เป็นกลิ่นหอมธรรมชาติที่ละเอียดอ่อนมาก”
ในขณะที่พึมพำอยู่นั้น เธอก็ค่อยๆ เหลือบตาไปมองรถบีเอ็มดับเบิลยู i8 ที่อยู่ในโรงจอดรถด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง
ความอ่อนไหวของผู้หญิง ทำให้เธอวิเคราะห์ออกมาได้ทันที
ด้วยภูมิหลังทางครอบครัวของเธอ ทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า กลิ่นหอมที่ติดอยู่บนตัวของเฉินตงนั้น หมายถึงอะไร
น้ำหอมธรรมดาๆ ไม่มีทางส่งกลิ่นหอมในลักษณะนี้ได้
ต่อให้เป็นน้ำหอมชั้นดี ก็ไม่มีทางเป็นไปได้
มีเพียงอย่างเดียวคือการผสมผสานกลิ่นของธรรมชาติที่พิถีพิถันเท่านั้น
บนดาดฟ้า
ตุ้บ!
เฉินตงโยนป้ายหงหุ้ยลงบนโต๊ะ
เมื่อท่านหลงเห็นป้าย ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงในทันที
“คุณชาย นี่คือป้ายหงหุ้ย! คุณ คุณมีมันได้อย่างไร?”
“หงหุ้ยมอบป้ายให้คุณหรือ?” ท่านหลงตกใจเป็นอย่างมาก
เฉินตงบุ้ยปาก “นายลองดูอีกด้านหนึ่งสิ”
ท่านหลงสูดหายใจเข้าเพื่อระงับความตกใจ แล้วค่อยๆ หยิบป้ายขึ้นมา พลิกดูอีกด้านหนึ่ง
เปรี้ยง!
ปรากฏคำว่า “หยวน” ขึ้นอย่างชัดเจน ราวกับค้อนที่ทุบเข้ามาที่ดวงตาของเขาอย่างจังในทันที
ทันใดนั้น ท่านหลงก็เหม่อลอยและยืนนิ่งไป
“หยวน ป้ายหยวน……นี่หมายถึงรุ่นหยวนของหงหุ้ย”
ท่านหลงตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง เขาพูดด้วยปากที่สั่นเทา “เป็นไปไม่ได้ หงหุ้ยไม่มีทางมอบป้ายรุ่นหยวนให้คุณชายเป็นอันขาด พวกเขามีการรับสมาชิกใหม่อย่างเป็นระบบ อีกทั้งไม่ใช่ด้วยความสมัครใจ ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางมอบให้เด็ดขาด ยิ่งเป็นป้ายหยวนด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางมอบให้”
“หงหุ้ยมีอักษรรุ่นแรกยี่สิบสี่ตัว และอักษรรุ่นหลังอีกยี่สิบสี่ตัว รวมแล้วมีทั้งหมดสี่สิบแปดตัว ด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของพวกเขา อาจมีการข้ามรุ่นได้หนึ่งขั้นในการจัดอันดับรุ่น แต่นั่นก็ต้องเป็นผู้ที่ทำประโยชน์อย่างมากให้แก่หงหุ้ย”
“รุ่นหยวน ตอนนี้ในหงหุ้ยมีเพียงแค่คนเดียว และนั่นถือเป็นบุคคลที่เป็นผู้อาวุโสของหงหุ้ยจริงๆ แม้แต่หลงโถวของหงหุ้ย ยังต้องยอมก้มหัวให้”
คำพูดที่ร่ายยาวออกมาเป็นชุด แสดงให้เห็นชัดเจนว่าในใจของท่านหลงตอนนี้ เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
เฉินตงหัวเราะตัวเอง และยักไหล่ “ถ้าเช่นนั้นท่านหลงก็โชคดีมากทีเดียว เพราะตอนนี้ได้เห็นจู่เหลารุ่นหยวนคนที่สองของหงหุ้ยแล้ว”
เกิดเสียงดัง “เปรี้ยง” ขึ้นในหัวของท่านหลง
ตอนนี้ เขาถึงขั้นรู้สึกตกใจจนเจ็บแก้วหู
ดวงตาของเขาเบิกโพลงราวกับเห็นผี และมองเฉินตงด้วยท่าทีหวาดกลัว
“คุณ คุณชายไม่เพียงแต่เข้าร่วมในหงหุ้ย แต่ยังถูกพวกเขาจัดอันดับอยู่ในรุ่นหยวนด้วย?”
เฉินตงพยักหน้า “เหมือนความฝันใช่หรือไม่?”
จากคำบอกเล่าของเย่หยวนชิวและเย่หลิงหลง เขารู้ดีว่ารุ่นหยวนนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน
เป็นตำแหน่งที่สูงส่งเหนือใคร
มีเพียงคนเดียวก็คือ เย่หยวนชิวเท่านั้น เมื่อเทียบกับคุณรุ่นเดียวกัน สิ่งที่แตกต่างก็คือคุณสมบัติ
อีกทั้งตำแหน่งที่สูงส่งนั้น หมายถึงการอยู่เหนือหงหุ้ยทั้งสามพันหกร้อยแห่ง รวมไปถึงหลงโถวด้วย
ท่านหลงไม่คิดที่จะปิดบังความตื่นตระหนกเอาไว้ ไม่สิ ต้องพูดว่าไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? คนของหงหุ้ยเสียสติไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ป้ายรุ่นหยวน หงหุ้ยไม่มีทางมอบให้เด็ดขาด หลงโถวไม่มีทางยอมเด็ดขาด ชายชรารุ่นหยวนคนนั้นก็ไม่มีวันยอมเด็ดขาด หงหุ้ยอีกสามพันหกร้อยแห่งก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด”
สติสัมปชัญญะที่ท่านหลงมีอยู่ในตอนนี้ เพียงพอแค่ควบคุมสติของตนเองไม่ให้กรีดร้องออกมาเท่านั้น
“แต่พวกเขาก็มอบให้แล้ว เมื่อครู่นี่เอง”
ใบหน้าของเฉินตงเต็มไปด้วยความสงสัยและช่วยไม่ได้ “อีกทั้ง คนที่มองป้ายนี้ให้กับฉัน คือชายชรารุ่นหยวนที่ท่านหลงพูดถึง เย่หยวนชิว”
ท่านหลงอึ้งไป
อึ้งอย่างถึงที่สึกจริงๆ
เฉินตงคาดเดาปฏิกิริยาของท่านหลงเอาไว้แล้ว
อันที่จริงแล้ว เรื่องนี้ หากให้ใครสักคนในหงหุ้ยรู้เข้า ก็คงมีปฏิกิริยาไม่ต่างไปจากท่านหลงในตอนนี้นัก
เขาพูดต่อว่า “อีกทั้ง นายเชื่อไหมว่า ฉันไม่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนใดๆ ก็ให้ฉันเข้าร่วมได้แล้ว อีกทั้งยังยกย่องให้ฉันเป็นบรรพชนอีกด้วย”
“เป็นไปไม่ได้! เรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ผลตอบแทนเช่นนี้หาที่ไหนไม่ได้ในโลก ที่หงหุ้ยทำเช่นนี้ จะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน”
ท่านหลงโยนป้ายกลับลงไปบนโต๊ะ “คุณชาย ข้อแลกเปลี่ยนนี้พวกเราไม่อาจรับไหว จะเข้าร่วมหงหุ้ยไม่ได้ และจะรับป้ายเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ฉันเองก็คิดเช่นนี้”
เฉินตงยิ้มอย่างหดหู่ “แต่พวกเขาหยิบยกฉินเย่ขึ้นมาข่มขู่ ถ้าหากไม่เข้าร่วม ไม่รับป้าย หงหุ้ยจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการเล่นงานฉินเย่ ข้อต่อรองที่อยู่ตรงหน้านี้ ฉันเองก็ไม่อาจรับไหวเช่นกัน ดังนั้นจึงได้เก็บเรื่องข้อแลกเปลี่ยนเอไว้คิดทีหลัง”
ท่านหลงตัวสั่น โซเซไปด้านหลังหนึ่งก้าวด้วยความหวาดกลัว
คำพูดของเฉินตง ทำให้ตัวเขาเองรู้สึกว่างเปล่าและเกิดความลังเลขึ้นมา
ตัวเขาอ่อนปวกเปียก และทรุดตัวลงบนเก้าอี้
ภายใต้แสงไฟสลัวๆ
เฉินตงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ดวงตาของท่านหลงนั้นแดงก่ำ
ความหวาดกลัว ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว
เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจ กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา
อย่าว่าแต่ท่านหลงเลย แม้แต่ตัวเขาเองในตอนนี้ ก็เต็มไปด้วยไฟโกรธที่สุมทรวงอยู่
ถูกกดดันจากทุกด้าน ถูกบีบบังเข้าให้เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ฉินเย่ต้องสูญเสียในการถูกโจมตีในตอนนี้ หรือข้อแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ล้วนแล้วแต่ไม่อาจรับได้ไหวทั้งนั้น
ความรู้สึกอึดอัดเช่นนี้ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธที่สามารถเผาท้องฟ้าให้วอดวายได้
พักใหญ่
จู่ๆ ท่านหลงก็ยิ้มออกมา
แต่รอยยิ้มนี้ เต็มไปด้วยความหดหู่ ดวงตาที่แดงก่ำ ฉาบไปด้วยความหมองหม่น
เฉินตงเกรงว่าท่านหลงจะรับไม่ไหว จึงลุกขึ้นกล่าวปลอบใจ
“ท่านหลง นายทำใจให้สบายหน่อย ทุกอย่างอาจจะไม่แย่อย่างที่เราคิดก็ได้นะ? อย่างน้อยตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายของฉินเย่ก็สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งตอนนี้ฉันก็สามารถอาศัยป้ายนี้ อาศัยฐานะจู่เหลาในการออกคำสั่งกับหงหุ้ยทั้งสามพันหกร้อยแห่งได้ เป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งเหนือใครเลยนะ”
“กระผมรู้ดี กระผมเข้าใจ”
ดวงตาของท่านหลงฉาบไปด้วยน้ำตา ยิ้มด้วยความขมขื่นแล้วส่ายหน้า “โทษที่กระผมไม่ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทำให้คุณชายต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นความผิดของกระผมเอง”
พูดจบ ท่านหลงก็เดินลงไปชั้นล่าง
เพียงแต่ร่างกายของเขา ไม่ยืดตรงอย่างเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว กลับดูโก่งเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความอ่อนล้าของวัยชรา
เฉินตงยิ้มออกมาอย่าช่วยไม่ได้
แล้วหันมองพระจันทร์และดวงดาวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
แววตาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “แสร้งคิดว่าเป็นเรื่องดีเถอะ อย่างน้อยก็ดีสำหรับฉินเย่ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับฉินเย่บ้าง เมื่อมีการเปิดตลาดในวันพรุ่งนี้?”