The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 415 ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง
นัยน์ตาหมองหม่นของท่านหลง เป็นประกายขึ้นมาทันที
เขารีบไปยืนอยู่ด้านหลังของเฉินตง แล้วมองไปยังจุดที่เฉินตงกำลังชี้นิ้วอยู่
ส่วนเฉินตงเอง ก็เผยแววตาที่เฉียบคมขึ้นมา
ข้อมูลเพียงสั้นๆ ถ้าหากไม่ได้อ่านอย่างถี่ถ้วนทีละคำ ไม่มีทางสังเกตเห็นได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อความนี้เป็นข้อความที่ธรรมดามาก
เนื้อหาคือ จุนหลิน กรุ๊ปเคยร่วมมือกับบริษัทในเครือของตระกูลเฉิน เปิดเหมืองแร่ขนาดเล็กเป็นเวลาหนึ่งปี สุดท้ายความร่วมมือก็สิ้นสุดลงเพราะจำนวนแร่มีน้อยเกินไป
“เวลาหนึ่งปี นี่เป็นเพียงแค่รายงานความร่วมมือธรรมดาๆ” ท่านหลงขมวดคิ้วแน่น
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ข้อมูลนี้ไม่มีความสำคัญ
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างมีนัยแล้วพูดว่า “อันที่จริงแล้วเป็นเพียงแค่รายงานความร่วมมือธรรมดาๆ ถึงขั้นไม่อาจกล่าวว่าเป็นความร่วมมือที่น่ายินดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้ แต่ตอนนี้จุนหลิน กรุ๊ปยื่นมือเข้ามา ท่านหลงไม่รู้สึกว่าข้อมูลนี้ดูแปลกประหลาดบ้างเลยหรือ?”
ใบหน้าของท่านหลงเคร่งขรึม ยังคงไม่เข้าใจ
“คุณชาย คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?”
เฉินตงไม่ได้รีบร้อน เขาค่อยๆ อธิบายทีละขั้นว่า “บริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง จะเอาเงินจำนวนมหาศาลจากที่ไหนมาเข้าร่วมโจมตีฉินเย่ในครั้งนี้? แล้วจะเอาความกล้ามาจากไหน ที่จะทำเรื่องที่แม้แต่ท่านหลงเองก็ยังไม่กล้าทำ?”
ขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปที่เนื้อหาเรื่องนี้ที่อยู่ในข้อมูล
“ถ้าหากใช้การร่วมมือนี้เป็นแหล่งข้อมูล แล้วหยิบยกมาเป็นสถานการณ์สมมุติ แล้วค่อยใส่แรงจูงใจของจุนหลิน กรุ๊ปล่ะ?”
ท่านหลงตัวสั่น ด้วยประสบการณ์ของเขา การสมมุติสถานการณ์ของเฉินตงในครั้งนี้ ทำให้ปรากฏเส้นทางที่ชัดเจนขึ้นมาหนึ่งเส้นทาง อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้อีกด้วย
“นายท่าน?!”
ท่านหลงโพล่งออกมา
เฉินตงยิ้มร่าออกมา และพูดด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง “ไม่แน่ว่า รอให้เหตุการณ์ของฉินเย่สงบลงแล้ว พวกเราอาจจะไปโม่เป่ยกันสักครั้ง”
ถ้าหากหยิบยกเรื่องความร่วมมือขึ้นมาสมมุติเป็นเส้นทางหนึ่ง นี่ก็คงจะเป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างจุนหลิน กรุ๊ป และตระกูลเฉิน
ตอนนี้พ่อหายตัวไป
ลำพังแค่จุนหลิน กรุ๊ป เฉินตงไม่เชื่อว่าพวกเขาจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้
แต่ถ้าหากมีพ่อเข้าไปร่วมในนั้นด้วย ด้วยความชำนาญของพ่อ เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป
“ใช่ใช่ใช่ ต้องไป ต้องไปให้ได้”
แววตาของท่านหลงเป็นประกายเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ แววตาที่มองเฉินตงก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจยิ่งขึ้น “สถานการณ์สมมุติของคุณชายดูสมเหตุสมผลจริงๆ ถ้าหากใช้ความชำนาญของนายท่าน ทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปได้ ต้อให้มีโอกาสเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ พวกเราก็ควรที่จะไปโม่เป่ยสักครั้งจริงๆ”
“ขอแค่ค้นหาตัวนายท่านกลับมาได้ ได้รับการคุ้มครองจากนายท่าน การพัฒนาของคุณชายก็ไม่ต้องติดขัดอีกต่อไป สามารถกำจัดสถานการณ์ที่ลำบากอยู่ในปัจจุบัน ออกไปได้จนหมดสิ้น”
แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง และแสยะยิ้มออกมา
ถ้าหากหาพ่อเจอ ก็อาจทำให้รู้ได้ว่า ที่เขาหายตัวไปนั้น เป็นเพราะกลัวอะไรกันแน่
ในเวลาเดียวกันนี้
ที่ตระกูลเฉิน
ภายในลานเล็กแห่งหนึ่ง
สายน้ำไหลริน
เฉินเทียนหย่าง เฉินเทียนเซิงและเฉินหยู่เฟยนั่งรวมตัวกันอยู่
“ครั้งนี้ลูกสวะเฉินตง จะต้องจบเห่แน่ๆ”
เฉินเทียนหย่างนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ “หรือพวกเราจะเติมเชื้อไฟลงไปอีกสักหน่อย ให้ลูกสวะนั่นแพ้อย่างราบคาบไปเลย?”
“สามพันล้านยังไม่พออีกหรือ?”
เฉินเทียนเซิงเลิกคิ้วพูดว่า “เทียนหย่าง นายมักประมาทอยู่เรื่อย นายรู้ไหมว่าการติดต่อกับเงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวา ต้องอาศัยบุญคุณของพวกเรามากมายขนาดไหน? ยังมีRothschildอีก ครั้งนี้ฉันใช้หนี้บุญคุณครั้งสุดท้ายไปจนหมดสิ้นแล้ว”
เงินนั้นมีมูลค่า แต่บุญคุณนั้นประเมินค่าไม่ได้
แต่ระหว่างตระกูลมั่งคั่งด้วยกัน บุญคุณก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องตอบแทนซึ่งกันและกัน ทุกคนล้วนคิดบัญชีออกมาอย่างชัดเจน
“ใช้แล้วเทียนหย่าง พี่เทียนเซิงพูดถูก พวกเขาอยากเล่นงานบริษัทการเงินของเฉินตง จึงอัดฉีดเงินสามพันล้านเข้าไป ตอนที่เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาดำเนินการ ก็ได้ลงทุนทรัพย์สินของพวกเขาลงไปด้วย หากพวกเราคิดจะลงทุนเพิ่ม คาดว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมรับอีกแล้ว”
ใบหน้าอันงดงามของเฉินหยู่เฟยเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “พี่เทียนเซิงเองยังใช้หนี้บุญคุณที่มีต่อRothschild เพียงครั้งเดียวไปจนหมดสิ้นแล้ว หากลงทุนเพิ่มอีกล่ะก็ พวกเขาคงไม่สนใจพวกเราแล้ว”
“ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ ต่อให้มีลูกอกตัญญูที่ฆ่าพ่อของตัวเองอย่างฉินเย่คอยควบคุมอยู่ ก็ไม่มีทางที่จะต้านเอาไว้ได้”
เฉินเทียนหย่างยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ เพียงแต่แววตาของเขากลับดูมืดหม่น และแสดงออกถึงความเกลียดชัง จ้องมองไปที่เท้าทั้งสองข้างของเขา
ได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลาร้อยวัน จนกระทั่งตอนนี้เขายังต้องนั่งอยู่บนรถเข็น
อีกทั้ง นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว!
“ครั้งนี้สวรรค์เข้าข้างเราแล้ว เดิมทีมีเพียงแค่สามมหาอำนาจที่โจมตีลูกสวะนั่น คิดไม่ถึงเลยว่าหงหุ้ยจะเข้าร่วมด้วย ดูเหมือนจะอยากได้เนื้อชิ้นใหญ่เช่นเดียวกัน แต่จุนหลิน กรุ๊ปที่อยู่โม่เป่ยเองก็น่าสนใจไม่น้อย ฝูงหมาป่ากำลังกินเนื้อ พวกเขาก็ยังกล้าที่จะเข้ามาแย่งซุป”
เฉินเทียนหย่างนั่งพิงรถเข็น “ดูเหมือนหลายวันนี้ลูกสวะเฉินตงนั่นคงจะปวดหัวน่าดู? ส่วนเจ้าอันธพาลฉินเย่เองก็ไม่อาจหาทางรับมือได้ วันนี้ฉันขี้เกียจจะเข้าไปดูในตลาดหุ้นเสียด้วยซ้ำ”
“ฉันเองก็ไม่ได้ดู”
“ฉันก็ด้วย”
เฉินเทียนเซิงและเฉินหยู่เฟยหันมองหน้ากันแล้วยิ้ม
สถานการณ์ที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว จึงมีเพียงแค่ช่วงสองวันก่อนเท่านั้น ที่ยังพอดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ แต่ตอนนี้ ตอนจบได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ดูไปก็เสียเวลาเปล่า
“แต่ว่า สิ่งที่พวกเราทำ จะทำให้คุณย่าและเหล่าบรรดาผู้อาวุโสรู้สึกไม่พอใจหรือไม่?”
ผู้หญิงมีความคิดที่ละเอียดอ่อน เฉินหยู่เฟยกล่าวตักเตือนเบาๆ “อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้สืบทอดมรดกนะ?”
เป็นเพราะเรื่องในคราวก่อน ตอนนี้เธอเป็นคนที่แย่ที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ต้องสูญเสียรากฐานในวงการบันเทิงไป จึงหมดหวังแล้วในการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้”
ถ้าหากยังประมาทอีกครั้ง อาจทำให้ทุกสิ่งที่มีอยู่ในมือตอนนี้ หายวับไปกับตา
“เชอะ หยู่เฟยกลัวจนหัวหดเสียแล้วหรือ?”
เฉินเทียนหย่างยักไหล่ “ช่วงนี้คุณย่ากำลังวุ่นอยู่กับการออกตรมหาเจ้าบ้าน เรื่องที่พวกเราสามคนทำ ถูกปิดเป็นความลับขนาดนี้ พวกเขาไม่มีทางรู้เด็ดขาด ต่อให้รู้ ไม่แน่ว่าพวกคุณย่าอาจเห็นดีเห็นงามด้วยก็เป็นได้ อย่าลืมสิว่านั่นคือลูกสวะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าบ้านออกแรงปกป้องอย่างสุดชีวิต เขาจะมีค่าอะไรกัน”
เรื่องในครั้งนี้ พวกเขาทั้งสามลอบทำอย่างลับๆ ความลับในครั้งนี้ มีเพียงแค่พวกเขาสามคนและผู้นำของทั้งสามบริษัทเงินทุนเท่านั้นที่รู้
เฉินเทียนเซิงพยักหน้า และพูดเสริมว่า “หยู่เฟยอย่าคิดมากไปเลย นี่คือการต่อสู้ของผู้สืบทอดมรดกอย่างพวกเรา ไม่ได้ละเมิดกฎของตระกูลเสียหน่อย อีกอย่าง ลูกสวะนั่นยังแหกกฎของตระกูลได้ ทำไมพวกเราจะทำบ้างไม่ได้?”
“พี่ชายของฉันพูดถูก!”
เฉินเทียนหย่างยิ้มและพยักหน้า จากนั้นจึงเผยแววตาชั่วร้ายออกมา และกัดฟันพูดว่า “หยู่เฟยเอ๋ย ตอนนี้การขึ้นเป็นเจ้าบ้านของพวกเรานั้นหมดหวังแล้ว โอกาสของพี่ชายฉันยังเหลืออยู่มาก หากพวกเรากำจัดลูกสวะเฉินตงได้ แล้วร่วมมือกันช่วยพี่ชายฉันกำจัดผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ แล้วทำให้พี่ชายของฉันได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้าน ถึงตอนนั้นพวกเราจะไม่สุขสบายได้อย่างไร?”
เฉินหยู่เฟยแววตาเป็นประกาย
เธอพยักหน้าสนับสนุนเฉินเทียนหย่าง “ถูกต้อง ตระกูลเฉินนี้ ใครจะขึ้นเป็นเจ้าบ้านก็ได้ ยกเว้นลูกสวะเฉินตงที่จะขึ้นเป็นนั่งในตำแหน่งนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากทำลายบริษัทเงินทุนของเขาได้ ก็เท่ากับตัดแขนข้างหนึ่งของเขา หนึ่งปีหลังจากนี้ ก็ปล่อยให้เขารอความตายไปเถอะ”
เมื่อได้ยิน
ทั้งสามคนก็หัวเราะออกมา
ใบหน้าของเฉินเทียนเซิงแดงก่ำ เต็มไปด้วยความสะใจ
เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ ถือเป็นหัวหน้าของบรรดาหัวกะทิในตระกูลเฉิน แผนการในครั้งนี้เขาเป็นคนวางขึ้นเช่นกัน
อย่างที่เฉินหยู่เฟยพูด ใครจะขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินก็ได้ ต่อให้ท้ายที่สุดคนที่ขึ้นเป็นเจ้าบ้านจะไม่ใช่เขา แต่เขาก็ไม่มีวันปล่อยให้ลูกสวะได้ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งเจ้าบ้านเด็ดขาด
ทว่า
จู่ๆ ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหาเฉินเทียนเซิง
เมื่อเฉินเทียนเซิงรับโทรศัพท์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ไม่หลงเหลือความภูมิใจเมื่อครู่อีก มีเหลือก็เพียงความหมองหม่นเท่านั้น