The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 428 กลับ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นที่แผ่ออกมา
แม้แต่เย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลงเองก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
หลังจากคุนหลุนกับฟ่านลู่ห่างออกไปแล้ว
สองปู่หลานยังคงตกอยู่ในภวังค์ครู่ใหญ่
คำพูดประโยคสุดท้ายของฟ่านลู่ราวกับเสียงระฆังใบใหญ่ที่ดังก้องกังวานอยู่ในหูของคนทั้งสองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และในเวลาเดียวกันนี้เอง
เฉินตงที่บริษัทไท่ติ่งได้รับสายจากคุนหลุนพอดี
เมื่อคุนหลุนเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบ
มือขวาของเฉินตงพลันอ่อนปวกเปียก
ตุ้บ…
มือถือหลุดลื่นหล่นจากมือลงสู่พื้น
ร่างกายของเขาชา ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ทำไม…ถึงเป็นแบบนี้ได้?
หลายวินาทีผ่านไปกว่าสายตาของเฉินตงจะปรับโฟกัสกลับมา
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว ดวงตาของเขากลับกลายเป็นสีเลือด
ในตอนนั้นเฉินตงคล้ายแปรเปลี่ยนกลายเป็นสัตว์กระหายเลือด
“ทำไม ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ สมควรตาย ไปตายซะ!”
เขากัดฟันแน่น มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่นส่งเสียงดังก็อบ
ความรู้สึกโมโหและเกลียดชังที่มีต่อกู้ชิงหยิ่งพลุ่งพล่านถึงขีดสุด
ความเข้าใจผิดครั้งนี้เป็นเพราะการบังเอิญเจอแค่ครั้งเดียว และจู่ๆ เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปเสียดื้อๆ
ในความเดือดดาลนั้น เฉินตงรีบควานหาโทรศัพท์อย่างลนลาน
ลมหายใจของเขาถี่รัว มือทั้งสองของเขาสั่นระริก
เมื่อหาเบอร์ของกู้ชิงหยิ่งเจอ ก็รีบต่อสาย
ทว่าปลายสายกลับแจ้งเสียงปิดเครื่องที่ทำให้เขารู้สึกหมดหวัง
เฉินตงไม่ยอมหยุด
ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม…
เสียงตอบรับเหมือนกันเช่นเดิม ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้ง
แม้กระทั่งเบอร์โทรของกู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงเขาก็ลองโทรไป
แต่สุดท้ายปลายสายก็ปิดเครื่องเช่นกัน
ความวิตกและผิดหวังถาโถมราวกับน้ำป่าที่ไหลซัดใส่เฉินตง
สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมความหวาดหวั่นของเฉินตงคือเขารู้สึกหายใจติดขัดราวกับกำลังจะจมน้ำ
เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่รีบแก้ความเข้าใจผิดครั้งนี้ให้ได้โดยเร็ว
สุดท้ายเขา…จะสูญเสีย…
ต่อให้กู้ชิงหยิ่งไม่ให้โอกาสเขาในการอธิบายอีก เขาก็ไม่สามารถรอได้แล้ว!
“กูหลัง เตรียมออกรถไปสนามบิน!”
เฉินตงตะโกนเสียงดัง
ในโทรศัพท์เมื่อครู่นี้คุนหลุนรายงานว่า หลังจากที่เขากับฟ่านลู่ลงจากภูเขาซี่สุ่ยก็ตามหากู้ชิงหยิ่งกับพ่อแม่ไม่เจอ
และในคำพูดของหลี่หวั่นชิง ก็บอกเอาไว้ชัดเจนว่าปลายทางของพวกเขาคือที่ไหน
เฉินตงคิดว่าคนทั้งสามจะต้องกลับไปเก็บของที่วิลล่าก่อน
แต่หากตามกลับไปตอนนี้ คงจะตามไม่ทัน
เขาคิดอยากจะให้ท่านหลงรั้งคนทั้งสามเอาไว้ก่อน แต่ก็หักห้ามความคิดบุ่มบ่ามนี้เอาไว้
เพราะคนที่จะสามารถรั้งกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ได้ในเวลานี้คือตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ระหว่างทาง
เสียงรถยนต์คำรามลั่น ราวกับกำลังเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเต็มสูบ
กูหลังรู้สึกหนักอึ้ง เขารู้สึกหวั่นใจ
เขาแอบมองเฉินตงอยู่เป็นพักๆ
และรู้สึกถึงความน่าสยดสยองที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเฉินตง
ส่วนเฉินตงกำลังจ้องไปด้านหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ สุดท้ายจึงเอ่ยปากเร่งกูหลัง “เร็วหน่อย ช่วยเหยียบเร็วกว่านี้หน่อย!”
เสียงกระตุ้นนี้ราวกับกำลังคำรามออกมา เฉินตงในเวลานี้ไม่สุขุมเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา
ขณะนั้นเสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้น
เฉินตงรับโทรศัพท์โดยไม่แม้แต่จะเหลียวมอง
“เฉินตง…”
เสียงเย่หยวนชิวดังขึ้นที่ปลายสาย
“โทรมาหาแม่แกหรอ! พวกแกยังมีหน้าโทรมาฉันอีกรึ ถ้าเมียทิ้งฉันไป ฉันจะจัดการหงหุ้ยของพวกแกให้ถึงที่สุด! จู่เหลาของคนรุ่นหยวนสวะอะไรนั่น ฉันจะเฉดหัวไปให้หมด!”
ตึ้ง!
เฉินตงที่กำลังโมโหจัดเขวี้ยงมือถือไปกระแทกคอนโซลรถแตกกระจาย
ชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปในอากาศ
กูหลังตกใจจนตัวสั่น เท้าขวาของเขาเหยียบคันเร่งจมมิด
สนามบินชานเมือง
เสียงเครื่องบินขึ้น-ลงดังสนั่นทั่ว
โถงในสนามบินมีคลื่นฝูงชนกระจายอยู่ทุกบริเวณ
รถของกูหลังยังไม่ทันจอดสนิท แต่เฉินตงกลับเปิดประตูรถและกระโดดลงไปแล้ว
เขาวิ่งปรี่เข้าไปที่โถงใหญ่ในสนามบินอย่างคลุ้มคลั่ง
การกระทำนี้ทำเอาผู้คนบริเวณรอบๆ ตกใจจนหน้าถอดสี
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินจึงเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาทางเขา
เฉินตงวิ่งไปยังเคานเตอร์ เขาจ้องถมึงไปยังพนักงานตรงนั้น “ฉันต้องการให้เครื่องบินทุกลำหยุดบินเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้นเปลี่ยนไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นท่าทางคลุ้มคลั่งของเฉินตง
และในเวลาเดียวกันนั้น
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้เข้ามาล้อมรอบตัวของเฉินตงเอาไว้
“คุณผู้ชายคะ ที่นี่คือสนามบินสาธารณะ ถ้าคุณทำอะไรที่อาจจะเป็นอันตรายต่อคนอื่น ถือว่าเป็นความผิดนะคะ!”
“บ้าเอ๊ย! ฉันต้องการให้เครื่องบินทุกลำหยุดบิน ทุกลำต้องหยุดบินออกไปทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”
เฉินตงไม่สนใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่กลับหันไปตะคอกใส่พนักงานด้านหน้าเคานเตอร์
เสียงคำรามราวเสียงฟ้าฟาด
ทำเอาผู้คนบริเวณรอบๆ มุงกันเข้ามาดูและพากันชี้มือชี้ไม้
“สงสัยจะเป็นคนบ้าล่ะมั้ง ให้เครื่องบินทั้งหมดห้ามบินออก เขาคิดว่าเขาเป็นใครหรือ”
“ต้องเป็นคนบ้าแน่ๆ คนแบบนี้อยู่ห่างๆ หน่อยก็ดี ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนลูกหลงไปด้วย”
“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็มารยาทดีเกินไปหน่อยไหม ทำไมไม่จับตัวเอาไว้ซะเลย เข้ามาก็คลุ้มคลั่งแล้ว คิดว่าสนามบินเป็นของเขาหรือยังไง”
……
“คุณผู้ชายใจเย็นก่อนนะคะ สนามบินไม่สามารถทำตามคำสั่งของคุณได้ค่ะ”
เมื่อพนักงานเคานเตอร์เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ด้วยแล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา แต่ความต้องการของเฉินตงก็ทำให้เธอไร้คำพูด แถมยังรู้สึกเหมือนคนที่มุงอยู่รอบๆว่าคนตรงหน้าเป็นบ้า
“ฉันมาตามหาเมีย สั่งเครื่องบินทุกลำให้หยุดบินออกไปเดี๋ยวนี้!”
ท่าทางของเฉินตงราวกับโดนผีสิง เขากำหมัดแน่นแล้วทุบลงไปบนเคานเตอร์ดัง “ตึ้ง”
“จับเขาไว้!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบลงมือ
และในตอนนั้นเอง
“หยุด! ห้ามแตะต้องเขา!”
กูหลังตะโกนพลางวิ่งตะบึงเข้ามา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงหยุด
เฉินตงไม่ได้ใส่ใจ เขายังกัดฟันและจ้องเขม็งไปที่พนักงานเคานเตอร์ จากนั้นจึงชี้ไปยังฝูงคนรอบๆ “ต้องทำอย่างที่พวกเขาบอกใช่ไหม สนามบินนี้ต้องเป็นของฉันก่อนถึงจะสั่งให้หยุดบินได้?”
พนักงานยิ้มด้วยรอยยิ้มดูถูก
จะให้หยุดบินได้ยังไง?
แล้วสนามบินจะเป็นของคุณได้ยังไง?
บ้าจริงๆ!
ปั้ง!
เฉินตงโยนบัตรดำชงโค ลงตรงหน้าพนักงานเคานเตอร์
“สนามบินนี้ ฉันขอซื้อ รีบสั่งให้เครื่องหยุดบินเดี๋ยวนี้!”
ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ต่างตกอยู่ในความสับสน
ฝูงชนโดยรอบเงียบลงครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ไม่นานนักความครึกครื้นนี้ก็ดึงดูดความสนใจคนในสนามบินจำนวนมาก
เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงเห็นเฉินตงกับบัตรดำชงโค ต่างพากันตกใจจนหน้าถอดสี
บริเวณโถงในสนามบิน
เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและก่นด่าเฉินตงกันอย่างอื้ออึง
“โชคดีที่วันนี้ฉันได้บินเที่ยวบินนี้พอดี เลยได้เจอเรื่องราวสนุกๆ ”
“เด็กหนุ่มคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใครหรอถึงอยากจะซื้อสนามบิน แค่โยนบัตรออกมาใบเดียวก็คิดว่าจะซื้อได้แล้วเหรอ ตลกชะมัด!”
“บ้าบอจริงๆ ถ้าไม่บ้าจริงคงไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้หรอก”
……
ท่ามกลางเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั้น
ประกาศของสนามบินกลับดังแทรกขึ้น
“เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เที่ยวบินทุกเที่ยวในสนามบินจึงต้องเลื่อนเวลาบินออกไปชั่วคราวสิบนาที”
เปรี้ยง!
เสียงประกาศครั้งนี้ราวกับเสียงสายฟ้าฟาด
เสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ดังอื้ออึงภายในห้องโถงสนามบินพลันเงียบสงัดลงทันที
ฝูงชนต่างพากันอ้าปากค้างด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับพนักงานเคานเตอร์ที่อยู่รอบๆ ตัวเฉินตงก็ยังมีสีหน้าราวกับเห็นผี
“หาชื่อผู้โดยสารที่ชื่อว่ากู้ชิงหยิ่งให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เฉินตงเอ่ยกับพนักงานเคานเตอร์ด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันอยากรู้ว่าเธอเดินทางออกไปหรือยัง”
พนักงานได้สติกลับคืนมา ไม่กล้าอยู่เฉยอีกต่อไปจึงรีบลงมือค้นหา
ในห้องโถงใหญ่ของสนามบิน
เงียบสงัดถึงขั้นได้ยินเสียงเข็มตก
เสียงพนักงานรีบจิ้มคีย์บอร์ดดังสะท้อนก้องเข้าหูทุกคน
ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น
พนักงานคนหนึ่งกล่าวกับเฉินตงด้วยความหวาดกลัว
“คุณผู้ชายคะ เมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้ มีผู้โดยสารหญิงชื่อกู้ชิงหยิ่งโดยสารเครื่องบินออกไปแล้วค่ะ”
“ให้บินกลับมา สั่งให้บินกลับมา!” เฉินตงคล้ายกำลังจะตกลงสู่ห้วงแห่งความบ้าคลั่งและเสียสติ
พนักงานมีสีหน้าลำบากใจ
“ขอโทษด้วยค่ะ พวกเขาเดินทางด้วยเที่ยวบินส่วนตัว จึงไม่สามารถสั่งให้บินกลับมาได้ค่ะ”