The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - บทที่ 436 ผู้สูงศักดิ์
เสียงของเขาดังราวฟ้าคำราม สะท้อนก้องไปทั่วทั้งโถงด้านใน
เรียกเสียงหัวเราะให้แขกที่มางาน
สีหน้าของท่านหลงกับคุนหลุนหมองคล้ำ
เฉินตงกลับยิ้มออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ไปเถอะ ไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ ประตู”
เจิ้งจุนหลินสีหน้าเขียวคล้ำ
เขารู้ว่าเฉินตงกำลังแนะนำบันไดขั้นสูงกว่าให้เขา แต่ท่าทางโอหังวางโตของพวกเจิ้งจุนเซี่ยน
ทำให้เขารู้สึกราวกับมีไฟลุกโชนสุมอยู่ในอก
เขากัดฟันอย่างโกรธแค้น เจิ้งจุนหลินผลักพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนออก แล้วรีบเดินตามเฉินตงไปอย่างรวดเร็ว
“เจิ้งจุนหลิน งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว แกจะไปไหน”
ชายสูงวัยที่ถูกเรียกว่าคุณปู่สามกล่าวเสียงแข็ง
เจิ้งจุนเซี่ยนกลับยกมือขึ้นห้าม “คุณปู่สาม อย่าไปสนขยะไร้ประโยชน์เลย ท่านก็รู้นิสัยของเขาดี ปล่อยเขาไปเถอะ ตระกูลเจิ้งของพวกเราจะได้ไม่ต้องขายหน้า”
เมื่อเฉินตงและพวกนั่งลง ก็มีคนคนหนึ่งตามมานั่งข้างเฉินตงติดๆ
“พวกเขาไม่ได้ให้คุณมานั่งตรงนี้” เฉินตงมองเจิ้งจุนหลิน
เจิ้งจุนหลินยิ้ม “คนที่ชอบกดขี่คนอื่นแบบนั้น ฉันไม่อยากนั่งกับพวกมัน มานั่งโต๊ะเดียวกับนายยังสบายใจกว่า”
“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยกลับไปนั่งโต๊ะวีไอพีด้วยกัน” เฉินตงตบไหล่เจิ้งจุนหลิน
“นายพูดไร้สาระอะไรน่ะ”
เจิ้งจุนหลินกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ
เขารู้สึกได้ว่าเฉินตงคือคนรวยจริงๆ
แต่เศรษฐีที่มาจากที่อื่น ไม่ส่งผลอะไรในเมืองนี้ได้มากนัก
ยกเว้นเศรษฐีที่มีค่าตัวแสนล้าน
แต่เจิ้งจุนหลินไม่คิดว่าเฉินตงจะมีเงินแสนล้านจริงๆ เขาไม่เคยเห็นมหาเศรษฐีอายุน้อยขนาดนี้
เฉินตงกลับยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ
แต่ท่านหลงกับคุนหลุนกลับมองเฉินตงอย่างสงสัย
ท่านหลงดึงเฉินตงเข้าไปหาแล้วกระซิบถามว่า “คุณชาย ไม่ทำตามแผนเดิมแล้วเหรอครับ”
เดิมทีการมาร่วมงานวันเกิดนี้ก็เพื่อสืบข่าวของเฉินเต้าหลิน
เขารู้จักนิสัยของเฉินตงดี การนั่งโต๊ะวีไอพีแล้วต้องเจอเรื่องเช่นเมื่อครู่นี้ เขาสามารถอดทนและทำไปตามแผนเดิมได้แน่
แต่จากท่าทางการพูดของเฉินตงตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เฉินตงยิ้มพลางตบไหล่ของท่านหลงโดยไม่ได้กล่าวอะไร
ตอนแรกเขาก็คิดจะทำตามแผนเดิม
แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เจิ้งจุนหลินต้องเผชิญ เขาก็รู้สึกราวกับพบเพื่อนร่วมชะตากรรม
คนทั้งสองเผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกัน เพียงแต่เลือกวิธีการในการตอบโต้ไม่เหมือนกัน
ในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญนี้ การแสดงอำนาจสักนิดหน่อยก็คงจะไม่ส่งผลเสียอะไรมากนัก
ยิ่งกว่านั้น ในตระกูลเจิ้งนี้ เจิ้งจุนหลินสร้างความประทับใจให้เขาได้ไม่เลวทีเดียว
โต๊ะวีไอพีด้านหน้า
เจิ้งจุนเซี่ยนหันไปเหล่มองเจิ้งจุนหลิน
“พี่จุนเซี่ยน วันนี้ท่าทางของเจิ้งจุนหลินอย่างกับหมีกินผึ้ง กล้าขึ้นเสียงต่อหน้าพวกเรา”
“หมอนี่นอกจากใช้อารมณ์แล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ คิดจริงๆ หรือว่าใช้ฐานะของตัวเองที่เป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านแล้วจะได้ทุกอย่างตามต้องการ น่าเสียดายที่ตระกูลเจิ้งของพวกเรามีกฎไม่เหมือนอย่างครอบครัวเศรษฐีอื่น”
“จริงสิพี่จุนเซี่ยน คราวนี้พี่ไปกวาดเงินในตลาดหุ้นมาได้เท่าไหร่ เงินก้อนนี้ถือเป็นชัยชนะอย่างท่วมท้น เจ้าบ้านจะต้องเอ่ยชื่นชมเรื่องนี้ให้ทุกคนในงานนี้ฟังแน่ ความสำเร็จครั้งนี้จะต้องทำให้พี่จุนเซี่ยนขึ้นแท่นนั่งตำแหน่งเจ้าบ้านอย่างมั่นคงแน่นอน!”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เจิ้งจุนเซี่ยนก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เขาเอ่ยเรียบๆ ว่า “ไม่เยอะเท่าไหร่ ก็แค่ไม่กี่หมื่นล้านเท่านั้น”
ไม่กี่หมื่นล้าน? ไม่เยอะ?
คนทั้งสามนิ่งงันไปพร้อมกัน
จากนั้นจึงต่างส่งเสียงเอ่ยขึ้นมาไล่ๆ กัน
“ไม่เสียดายเลยที่พี่จุนเซี่ยนเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นเดียวกับพวกเราในตระกูลเจิ้ง เจ้าบ้านคนต่อไปจะต้องเป็นพี่จุนเซี่ยนแน่ๆ!”
เมื่อทั้งสามเอ่ยปากชมเช่นนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนก็หน้าชื่นตาบาน
เขาชอบความรู้สึกเช่นนี้
ในฐานะที่เป็นเพียงเครือญาติ จึงไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างหนักตั้งแต่เด็กที่จะเป็นเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งให้ได้ เพื่อจะได้รับการเคารพยกย่องจากคนอื่นๆ
การพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขากลายเป็นอันดับหนึ่งในคนที่มีอายุใกล้เคียงกัน
แต่เขาก็ไม่เคยย่อหย่อนให้กับตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่า ตราบใดก็ตามที่ตำแหน่งเจ้าบ้านยังไม่ถูกแต่งตั้ง ทุกอย่างก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้
ทว่าการไปกวาดเงินหมื่นล้านในตลาดหุ้นครั้งนี้ ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นมาก
ชัยชนะที่โดดเด่นครั้งนี้ มากพอที่จะรับประกันตำแหน่งเจ้าบ้านให้เขาได้อย่างมั่นคง!
แต่เจิ้งจุนเซี่ยนก็ยังแสร้งทำท่าโบกไม้โบกมืออย่างถ่อมตัว
“บอกพวกนายตามตรงก็แล้วกัน อันที่จริงครั้งนี้ฟ้าประทานให้ฉันมาอย่างบังเอิญ เลยได้โชคดีแบบเช่นนี้”
“โชคดีอะไร?”
คนทั้งสามอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นครั้งนี้มีน้อยคนมากที่รู้เรื่อง
แต่ในฐานะที่คนทั้งสามเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นของตระกูลจึงรู้เรื่องนี้ดี
ตั้งแต่เริ่ม เจ้าบ้านก็มอบหมายเจิ้งจุนเซี่ยนให้ไปเข้าตลาดหุ้นรายใหญ่
ส่วนเรื่องราวที่ลึกกว่านั้น พวกเขาก็ไม่รู้แน่ชัดอีก
เจิ้งจุนเซี่ยนยิ้มอย่างได้ใจ “อันที่จริงคราวนี้ที่ตระกูลเจิ้งของเราได้เงินมากว่าหมื่นล้านในตลาดหุ้นต้องขอบคุณผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง ดูเผินๆ อาจเหมือนว่าฉันเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่อันที่จริงผู้สูงศักดิ์คนนั้นต่างหากเป็นผู้ควบคุมอยู่”
“ผู้สูงศักดิ์?”
คนทั้งสามตาเป็นประกายขึ้นมาพร้อมๆ กัน พวกเขารู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในนั้นพยายามเอ่ยกระตุ้น “พี่จุนเซี่ยน พี่อย่าเล่าขาดตอนสิ บอกพวกเรามาตามตรงเถอะ พวกเราสนิทกันขนาดนี้ จะปิดบังกันไปทำไม”
เจิ้งจุนเซี่ยนอมยิ้ม และตัดสินใจเล่าต่อ
“ผู้สูงศักดิ์คนนั้นไม่ให้ฉันเล่า แต่ฉันจะบอกให้พวกนายฟัง ศึกในตลาดหุ้นครั้งนี้ อันที่จริงแล้วเจ้าบ้านเจิ้งกับผู้สูงศักดิ์คนนั้นปรึกษากันแล้วว่าจะให้ฉันเป็นคนเข้าไปในตลาดหุ้น ซึ่งมีความนัยต้องการให้ฉันได้คะแนนจากชัยชนะครั้งนี้ จะได้เป็นการสร้างคุณสมบัติให้เหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูล”
ระหว่างเล่าถึงตอนนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะยืดตัวขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
สายตาของเขากลับมองไปยังเจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ที่ประตูใหญ่ราวกับตัวประหลาด
จะมีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการที่คนภายในแอบกำหนดให้เขารับตำแหน่งเจ้าบ้านอีกหรือ
ถ้าหากมีก็คงจะเป็นเรื่องที่พ่อแท้ๆ ของเจิ้งจุนหลินไม่ช่วยลูกชายตัวเอง แต่กลับแอบมาช่วยเขาแทน
เมื่อได้ยินดังนั้น
คนทั้งสามพากันตกใจ
สายตาที่มองไปยังเจิ้งจุนเซี่ยน ยิ่งปรากฏความเลื่อมใสมากขึ้นไปอีก
เจิ้งจุนเซี่ยนชอบสายตาแบบนี้มาก เขาอมยิ้มพลางกวาดตามองไปรอบๆ
จากนั้นจึงลดเสียงต่ำลงกล่าวกับคนทั้งสาม
“อย่ามาหาว่าพี่ชายอย่างฉันไม่บอกเรื่องดีๆ กับพวกนายล่ะ ในงานฉลองวันเกิดคืนนี้ จะยังมีโชคดีอีกครั้ง พวกนายพยายามวางตัวให้ดีเข้า”
“ผู้สูงศักดิ์คนนั้นที่ช่วยฉันบอกว่า วันนี้ในงานเลี้ยงจะมีผู้สูงศักดิ์อีกคนหนึ่งมาปรากฏตัวที่นี่ด้วย ให้ฉันดูแลต้อนรับเขาให้ดี ฉันเลยตัดสินใจบอกพวกนายให้หูตาไวเข้าไว้ ถ้ามีโอกาสคบหากันได้ ในอนาคตจะเป็นประโยชน์กับพวกนาย”
“ผู้สูงศักดิ์? สูงศักดิ์ขนาดไหน” หนุ่มน้อยอีกคนถามขึ้น
“อย่างไรซะ ในสายตาของเจ้าบ้าน ผู้สูงศักดิ์คนนั้นเป็นผู้มีอำนาจมาก จนเจ้าบ้านให้ความเคารพเขามากราวฐานะต้อยต่ำกว่าเขา”
เจิ้งจุนเซี่ยนยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางกะพริบตาปริบๆ “ส่วนผู้สูงศักดิ์ที่ช่วยฉันไว้เวลาพูดถึงผู้สูงศักดิ์คนนั้นท่าทีของเขาจะเปลี่ยนไปจากเดิม ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนเจ้าบ้านเองก็จะสุขุมมากเวลาพูดกับผู้สูงศักดิ์คนที่กำลังจะปรากฏตัว ฐานะของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองคงจะอยู่ในระดับเดียวกัน”
เปรี้ยง!
คำพูดประโยคนี้ ทำเอาสายตาของคนทั้งสามเกิดประกายไฟลุกโชน
ผู้สูงศักดิ์ที่ทำให้เจ้าบ้านเจิ้งก้มหัวให้ได้ ถ้าหากสามารถคบหากับคนผู้นั้นได้
แม้ว่าในอนาคตพวกเขาทั้งสามคนจะไม่สามารถขึ้นเป็นเจ้าบ้านเจิ้งได้ แต่อนาคตจะต้องไม่เจอทางตันอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้น
คนทั้งสามต่างยกแก้วขึ้นแล้วชูแก้วไปยังเฉินตงอย่างเบิกบานใจ
“ขอบคุณพี่จุนเซี่ยนที่บอกข่าวนี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราทั้งสามคนจะทำตามที่พี่จุนเซี่ยนบอกทุกอย่าง”
“พี่น้องบ้านเดียวกันแท้ๆ ทำไมต้องขอบคุณกันด้วย”
เจิ้งจุนเซี่ยนนั่งวางมาดอย่างสง่างามยกแก้วดื่มอย่างสบายใจ แต่สายตากลับมองไปที่เจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ตรงประตูใหญ่ของโถงด้านใน
ใบหน้าดูถูกถากถางของเขายิ่งปรากฏขึ้นชัดเจน
จากนั้นจึงพึมพำว่า “คนบางคนเป็นถึงลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้าน แต่กลับเป็นแค่ขยะไร้ค่า แม้แต่เจ้าบ้านที่เป็นพ่อแท้ๆ ของตัวเองยังไม่อยากช่วย ข่าวเรื่องนี้ก็คงจะยังไม่รู้ด้วยเหมือนกันล่ะมั้ง เมื่อกี้ถึงได้โวยวายไม่รู้จักกฎระเบียบจะเอาคนนอกมานั่งที่โต๊ะวีไอพี ถ้าผู้สูงศักดิ์เห็นเหตุการณ์นี้เข้า จะต้องรู้สึกไม่ชอบใจแน่ๆ นายว่ามันน่าโมโหไหมล่ะ”