The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา - ตอนที่ 118
บทที่ 118 ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงโจวเย่นชิว !
ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
เสียงของเครื่องบินรบดังกระหึ่มไปทั่ว
ลมพัดแรงเหมือนกับมือใหญ่ที่มองเห็น
เครื่องบินที่ใช้สำหรับออกรบ บัดนี้กลับทำหน้าที่เป็นเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน
ภาพที่ปรากฏอยู่นี้ จะบอกว่าไม่น่าตื่นเต้นก็คงไม่ได้
ถ้าอิงตามประสบการณ์ที่โจวเย่นชิวมี เวลาเช่นนี้ก็คงยากที่จะระงับความรู้สึกได้
อีกทั้งคนทั้งหมดที่อยู่ในห้องโถงผู้โดยสาร ต่างก็ถูกดึงดูดความสนใจด้วยภาพที่ปรากฏอยู่นี้
ภายในโถงผู้โดยสาร เต็มไปด้วยความโกลาหล
ทุกคนต่างตื่นตกใจ
ฟิ้ว……
พลังเสียงมหึมาดังก้องตามหลังเครื่องบินรบ
เครื่องบินส่วนตัวค่อยๆ บินลดระดับลงมาที่รันเวย์ แล้วเริ่มเบรก
หลังจากที่เครื่องบินส่วนตัวจอดสนิทแล้ว บนท้องฟ้าก็ปรากฏเสียงดังมหึมาของเครื่องบินรบทั้งสิบลำโดยพร้อมเพรียงกัน
ราวกับเสียงฟ้าผ่า
เป็นเสียงที่มีพลังอย่างมาก
จากนั้นเครื่องบินรบทั้งสิบลำก็จัดขบวนเป็นครึ่งวงกลมแล้วเลี้ยวหัวกลับฐานทัพ หายไปท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ต่อให้เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถทิ้งภาพความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมเลือนให้กับทุกคนที่พบเห็นได้
“คุณท่าน……ผู้หวังดีในโถงมีโดยสารนั้นมีไม่น้อย” พ่อบ้านกระซิบบอก
โจวเย่นชิวได้สติกลับมา เขายิ้มเล็กน้อย : “มังกรที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงอย่างเช่นตระกูลเฉิน มีเครื่องบินขับไล่สิบลำบินมาส่งนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา แล้วทำไมจะต้องไปดูหมิ่นเรื่องที่ดีเช่นนี้ด้วย ?”
พูดจบ เขารีบพาคนเดินไปที่เครื่องบินส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
แววตาของโจวเย่นชิวค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น มีความคิดเกิดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาเข้าใกล้เครื่องบินส่วนตัว สีหน้าของเขาก็ยิ่งแดงก่ำ หัวใจยิ่งเต้นเร็วขึ้น ราวกับว่ากำลังจะหลุดออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น
อาวุธในการรบถูกนำมาใช้บินคุ้มกัน เช่นนี้ก็พอจะบ่งบอกได้ถึงฐานะของคนที่อยู่ในเครื่องบินส่วนตัวได้อย่างชัดเจนแล้ว
หากอาศัยความเข้าใจที่เขามีต่อตระกูลเฉิน คนที่จะสามารถปรากฏตัวขึ้นมาราวกับพระราชานั้น ในตระกูลเฉินมีอยู่เพียงสองคนเท่านั้น !
คนหนึ่งคือเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ส่วนอีกคนหนึ่งคือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในสายตาของโจวเย่นชิว ล้วนแล้วแต่เป็นมังกรที่ผงาดง้ำค้ำฟ้าทั้งสิ้น
ส่วนตัวเขาเป็นแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น การที่มีโอกาสได้ต้อนรับผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถือเป็นโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้ว เป็นความโชคดีเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง !
ในฐานะที่เป็นผู้นำของห้างสรรพสินค้าในเมืองนี้ โจวเย่นชิวที่ปกติแล้วสามารถนั่งดูพายุที่โหมกระหน่ำได้อย่างสงบนิ่ง มาบัดนี้ ขณะที่เดินเข้าไปยังเครื่องบินส่วนตัว กลับมีความประหม่าเกิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สนามบินนอกเมืองดูเหมือนจะถูกตรึงอาไว้แล้ว
เครื่องบินส่วนตัวที่เคลื่อนลงมาจอด ดูราวกับสัตว์ร้ายตัวใหญ่มหึมาที่ยืนนิ่งอยู่บนท้องฟ้า
ขณะที่โจวเย่นชิวรีบพาคนไปยังเครื่องบินส่วนตัวนั้น ประตูเครื่องก็เปิดออกพอดี
“ยินดีต้อนรับครับ !”
โจวเย่นชิวนำคนอีกสิบกว่าคนโค้งคำนับแล้วตะโกนออกมา
ดังราวกับเสียงคลื่น
“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงของหญิงชราดังขึ้น
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !
มีความชัดเจนปรากฏขึ้นในใจของโจวเย่นชิว เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง
สิ่งที่เขาเห็นคือ หญิงชราที่มีผมขาวเป็นประกายสีเงิน ในมือถือไม้เท้าเอาไว้ มีคนคอยประคองค่อยๆ เดินลงมาจากบันไดเครื่องบิน
สวมใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงเข้ม เผยให้เห็นความสดใสของหญิงชราได้อย่างเมตตา
ใบหน้าที่ดูสดใสเปล่งปลั่ง ดวงตาเปล่งประกายประดุจดวงดาว ผมขาวเป็นประกายสีเงินที่ถูกจัดแต่งทรงอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผู้ที่พบเห็นยากที่จะคาดเดาอายุที่แท้จริงของหญิงชราได้ และทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกได้ถึงความเปล่งประกายของชนชั้นสูง
ถ้าหากไม่ได้อยู่ในฐานะที่สูงส่ง ที่สามารถมองข้ามทุกคนไปได้ ก็คงไม่อาจสร้างความรู้สึกเช่นนี้ให้ปรากฏออกมา
“กระผมโจวเย่นชิว รับหน้าที่มาคอยต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโดยเฉพาะครับ”
โจวเย่นชิวค่อยๆ โค้งคำนับ แล้วรีบเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า ตากนั้นจึงยกมือขึ้นมาหนึ่งข้าง เตรียมที่จะประคองคุณหญิงใหญ่ลงมาจากเครื่องบิน
“ฉันไม่รู้จักคุณ และไม่อยากจะถามคุณด้วยว่าทำไมคุณถึงรู้ว่าฉันจะมาถึงที่นี่คืนนี้”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพูดออกมาด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง แต่กลับแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามของผู้ที่สูงส่งกว่าออกมา : “แยกย้ายเถอะ”
โจวเย่นชิวนิ่งอึ้งไปทันที
ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ รู้สึกตื่นตระหนกจนทำตัวไม่ถูก
เขาได้รับคำสั่งจากเฉินเทียนเซิงให้มาต้อนรับคุณหญิงใหญ่ แต่กลับไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดภาพเช่นนี้ขึ้น
“ครับ ? !”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลิกคิ้ว แล้วใช้ไม้เท้าที่อยู่ในมือเคาะลงไปที่พื้น
โจวเย่นชิวตกใจจนตัวสั่น รีบพูดอธิบายว่า : “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับเทียนเซิงของคุณ เทียนเซิงรู้ว่าคุณจะมาเมืองนี้ ก็เลยสั่งให้ผมมาคอยต้อนรับ อาศัยความสามารถของผมที่มีในเมืองนี้ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้ครับ”
เวลาคับขันเช่นนี้ โจวเย่นชิวจึงจำเป็นต้องหยิบเอาเฉินเทียนเซิงขึ้นมาอ้าง
การที่ได้พบกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ สำหรับโจวเย่นชิวแล้ว ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
ที่เขาลังเลว่าควรจะเลือกช่วยเหลือเฉินตงดี หรือควรจะช่วยเหลือเฉินเทียนเซิงดี นั่นไม่ใช่เป็นเพราะต้องการแสวงหาโอกาส เพื่อที่จะยกระดับตนเองขึ้นไปหรอกหรือ ?
ถ้าหากตอนนี้ เขาสามารถทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินรู้สึกประทับใจในตัวเขาได้ล่ะก็ ก็จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเขาอย่างมากจนไม่อาจจินตนาการได้เลย
ห้างสรรพสินค้าทั่วทุกสารทิศ จำเป็นจะต้องใช้การตัดใจอย่างเด็ดขาด โจวเย่นชิวจึงไม่ใช่คนที่ทำอะไรเหยาะแหยะ
คำพูดหนึ่งประโยคที่พูดออกมา สามารถบอกคุณหญิงใหญ่ให้รับรู้ได้ถึงมิตรภาพระหว่างเขาและเฉินเทียนเซิง อีกทั้งยังสามารถบ่งบอกถึงความสามารถของเขาที่มีในเมืองนี้ได้อีกด้วย ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นผู้ติดตามรับใช้คุณหญิงใหญ่ได้
“หลานเทียนเซิง ?”
เมื่อได้ยินชื่อของเฉินเทียนเซิง ใบหน้าของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย ไม่มีท่าทีเย็นชาเช่นเมื่อครู่อีก แต่กลับปรากฏรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นขึ้นมาแทน
ในตระกูลเฉิน ฐานะของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าบ้าน แต่เจ้าบ้านเองยังต้องคำนึงถึงคำพูดและการกระทำของเธอ
ส่วนเฉินเทียนเซิงนั้น ถือเป็นหนึ่งในบรรดาคนรุ่นใหม่ของตระกูลที่ได้รับเอ็นดูที่หาได้ยากยิ่งจากคุณหญิงใหญ่
คนที่ช่างสังเกตอย่างโจวเย่นชิว เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ยังไม่ทันจะรอให้เขาอ้าปากพูด คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็โบกมือเสียก่อน : “ช่างเถอะ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนสนิทของเทียนเซิง ฉันก็จะไม่ถือสา แต่ทว่าหนุ่มน้อย ความสามารถของเธอนั้นยังไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงเท่าไหร่ เธอพาคนของเธอกลับไปเถอะ”
เปรี้ยง !
เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาที่โจวเย่นชิวซึ่งกำลังยินดีปรีดา
จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองพ่ายแพ้ในทันที
ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดกับโจวเย่นชิวเช่นนี้ โจวเย่นชิวคงจะหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน
เพราะในเมืองนี้ ความสามารถของโจวเย่นชิวนั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ !
แต่คนที่พูดประโยคนี้ออกมากลับเป็นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !
โจวเย่นชิวรู้ตัวดีว่า ในสายตาของคุณหญิงตระกูลเฉิน เขาอาจจะเป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่เขาเรียกว่าความสามารถทั้งหมดนั้น อาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลยด้วยซ้ำ
คำพูดนี้ ทำให้เขารู้สึกพูดไม่ออก หมดทางที่จะโต้แย้งได้
ประจวบเหมาะกับเวลานี้
มีเสียงเครื่องยนต์ของรถดังกระหึ่มมาจากที่ไกลๆ
พร้อมด้วยลำแสงสว่างจ้าที่สาดส่องเข้ามากระทบตา
ซึ่งสามารถดึงดูดสายตาของทุกคนได้ทันที
โจวเย่นชิวหรี่ตาแล้วหันมองไปทางที่แสงส่องมา
รถฮัมเมอร์คันยาว ที่ชวนให้นึกถึงสัตว์ร้าย กำลังมุ่งหน้าเข้ามาทางนี้
“หนุ่มน้อย นี่ถือว่าเป็นความสามารถที่เหนือความคาดหมายใช่ไหม”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปพูดกับโจวเย่นชิว
โจวเย่นชิวขมวดคิ้ว
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นแค่รถฮัมเมอร์คันยาวคันเดียว มาต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เช่นนี้……ไม่ถือเป็นการดูถูกกันเกินไปหน่อยหรือ ?
นี่มันเทียบกับที่เขาเตรียมมาได้ที่ไหนกัน ?
เอี๊ยด !
รถฮัมเมอร์แล่นเข้ามา แล้วจอดลงตรงด้านหน้าของทุกคน
จากนั้น ประตูรถก็เปิดออก ชายวัยกลางคนที่จอนผมทั้งสองข้างเป็นสีขาวเดินลงมาจากรถ
ตูม !
โจวเย่นชิวที่กำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น เมื่อเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้ สมองของเขาก็ว่างเปล่าทันที ลืมตาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เขามีอำนาจค้ำฟ้าในเมืองนี้
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพูดว่า “เป็นความสามารถที่เหนือความคาดหมาย” จริงๆ แล้วคือเขา……คุณพระช่วย !
“คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ขออภัยด้วยที่มาช้า” ชายวัยกลางคนกล่าวขอโทษด้วยรอยยิ้มพร้อมยกมือขึ้นคารวะ
“เรื่องเล็ก ไปกันเถอะ”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นจึงเดินนำหน้าไปยังรถฮัมเมอร์
ชายวัยกลางคนรีบเดินนำขึ้นไปด้านหน้า แต่เปิดประตูรถให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังยื่นมือไปบังขอบด้านบนของประตูรถเอาไว้ด้วย
ท่าทางของเขานอบน้อมเป็นอย่างมาก
ส่วนโจวเย่นชิวก็ยืนดูนิ่งด้วยความตกตะลึง
แต่ไหนแต่ไรมาเป็นเขาที่คอยเยินยอชายวัยกลางคนผู้นี้มาโดยตลอด แต่เขากลับไม่เคยเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้เยินยอผู้อื่นเลย !
กว่าที่เขาจะได้สติกลับมา รถฮัมเมอร์ก็แล่นออกไปไกลแล้ว
และตั้งแต่ต้นจนจบ ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนกับว่าไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้น
รถฮัมเมอร์แล้วไปด้วยความเร็ว โดยไม่ได้สนใจระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบิน
ไม่ช้าก็วิ่งออกไปถึงถนนใหญ่
ภายในรถ
ชายวัยกลางคนพูดอย่างนอบน้อมว่า : “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ที่ท่านให้ผมไปสืบเรื่องของเฉินตงมานั้น ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จะไปหาเขาตอนนี้เลยไหมครับ ?”
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้ม แล้วพูดว่า : “เธอเคยเห็นฉันลดตัวลงไปเข้าพบคนอื่นบ้างหรือเปล่าล่ะ ?”
ชายวัยกลางคนผงะไป เมื่อเขารู้ตัวว่าพูดผิดไป แววตาจึงแสดงออกถึงความตื่นตระหนกออกมา
จึงรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า : “เชิญท่านพักผ่อนก่อน ผมจะจัดการให้เฉินตงมาเข้าพบท่านเองครับ”